จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 809 นัดประลอง
หลินหยุนพาฉินหลันมาถึงชานเมือง แล้วเข้าพักค้างที่โรงแรมแห่งหนึ่ง
เพื่อพักค้างแรมหนึ่งคืน วันพรุ่งนี้จะได้กลับประเทศจีน
แต่ว่าในคืนวันนั้นเองก็มีแขกไม่ได้รับเชิญ มาหาหลินหยุนในห้องพัก
อีกทั้งหลินหยุนก็สามารถรับรู้ได้ว่า คนคนนี้ยังแข็งแกร่งกว่าโคจิโร วาตานาเบะอีกด้วย แขกผู้มาเยือนเป็นชายชราไม้ใกล้ฝั่งแล้ว แต่ว่าหลินหยุนก็ยังรับรู้ถึงพลังแรงอันแข็งกล้าที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกายของเขา
“คุณเป็นใคร?”
มองดูชายชราที่ปรากฏตัวในห้องพักอย่างกะทันหันนั้น หลินหยุนไม่ได้รู้สึกแตกตื่นตกใจเลยแม้แต่นิดเดียว
ด้วยพลังความสามารถของชายชราคนนี้ คิดอยากจะมาที่โรงแรมนี้ ก็คงเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
“ฉันคือ โคจิโร วาตานาเบะ!” ชายชราพูดอย่างเรียบๆ
“ไม่เคยได้ยิน” หลินหยุนพูด
“ฮาๆ ชื่อก็เป็นเพียงแค่ตัวแทนสัญลักษณ์เท่านั้นเอง ปรมาจารย์หลินไม่เคยได้ยินก็เป็นเรื่องธรรมดา” โคจิโร วาตานาเบะพูดด้วยรอยยิ้ม
“แต่ว่า ชื่อของปรมาจารย์หลิน กลับโด่งดังไปทั่วสารทิศ ฉันเลื่อมใสมานานแล้ว”
หลินหยุนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “คุณมาหาฉัน มีเรื่องอะไรเหรอ?”
โคจิโร วาตานาเบะพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ก็ต้องมาหาปรมาจารย์หลิน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันสิ!”
หลินหยุนปฏิเสธทันที: “คุณหาคนผิดแล้วล่ะ”
โคจิโร วาตานาเบะสีหน้าเปลี่ยนจากยิ้มแย้มเป็นเคร่งขรึมทันที แล้วพูดด้วยเสียงเข้มว่า:“ปรมาจารย์หลิน คุณอยู่ประเทศญี่ปุ่นเรา ฆ่าคนวางเพลิง สังหารตระกูลยาโมโนะทั้งตระกูล เสร็จแล้วก็คิดจะหนีไปงั้นเหรอ?”
“คุณเห็นว่าแดนบู๊ในประเทศญี่ปุ่นเราไม่มีนักบู๊หรือไงกัน!”
“ระหว่างฉันกับคุณจะต้องสู้กันสักครั้ง ถ้าคุณชนะฉันได้ คุณก็สามารถจากไปได้”
หลินหยุนพูดด้วยเสียงเยือกเย็นว่า: “แล้วถ้าฉันไม่ยอมตกลงล่ะ?”
โคจิโร วาตานาเบะพูดเยาะเย้ยว่า: “งั้นคุณก็ลองดูสิว่า จะสามารถออกจากประเทศญี่ปุ่นได้หรือเปล่า”
“ยังมีอีกอย่าง ฉันจะขอบอกให้คุณรู้ไว้ก่อน ฉันมาในนามของทางการรัฐบาลญี่ปุ่น”
โคจิโร วาตานาเบะไม่ได้พูดอะไรต่อไป เชื่อว่าเมื่อหลินหยุนได้ยินประโยคนี้ ก็น่าจะเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดนี้แล้ว
หลินหยุนสีหน้าเรียบเฉย: “สงสัยว่าการประลองครั้งนี้ ฉันจำเป็นจะต้องรับไว้แล้วล่ะ”
“ไม่งั้น ประเทศญี่ปุ่นของพวกคุณ ก็จะต้องปิดกั้นเส้นทางกลับบ้านของฉันแล้ว”
โคจิโร วาตานาเบะยิ้มแล้วพูดว่า: “ก็คงเป็นอย่างนั้น!”
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า: “เวลา สถานที่ล่ะ?”
โคจิโร วาตานาเบะพูดว่า “คุณเพิ่งผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่มา ฉันไม่อยากเอาเปรียบคุณ”
“ฉันให้เวลาคุณสามวัน รอให้คุณพักฟื้นก่อน หลังจากสามวันแล้ว พบกันที่ยอดเขาฟูจิ ไม่เจอไม่กลับ”
“ได้!” หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆ
พอพูดจบ โคจิโร วาตานาเบะก็หันหลังกลับแล้วเดินจากไป
มองดูโคจิโร วาตานาเบะแล้ว แววตาของหลินหยุนแสดงความชื่นชมออกมา
“นี่ ก็คือนักบู๊ที่แท้จริงคนหนึ่ง”
หลินหยุนหลับตาพักฟื้นร่างกาย ถ้าเป็นจริงอย่างที่โคจิโร วาตานาเบะพูดละก็ เช่นนั้นแล้ว ภายในสามวันนี้ ก็น่าจะไม่มีใครมารบกวนตัวเองอีกแล้ว
ถึงแม้ได้ฆ่าล้างโคตรตระกูลยาโมโนะไปแล้ว ถล่มฐานกำลังของตระกูลยาโมโนะจนราบคาบไปแล้วก็จริง แต่พลังทิพย์ภายในร่างกายของหลินหยุนนั้น ดูเหมือนก็เหนื่อยล้าอ่อนแรงไปมากด้วย
โคจิโร วาตานาเบะไม่ได้ฉวยโอกาสที่เขากำลังอ่อนแอ ดังนั้น หลินหยุน จึงได้พูดว่าเขาเป็นนักบู๊ที่แท้จริงคนหนึ่ง
วันรุ่งขึ้น หลินหยุนก็ได้เล่าสถานการณ์ทั้งหมดให้ฉินหลันได้เข้าใจ จึงได้อยู่พักฟื้นร่างกายในโรงแรมนี้ต่อไปเสียเลย
ส่วนในเวลาเดียวกันนี้เอง ประเทศจีนที่ห่างไกลออกไปเป็นพันลี้นั้น บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปที่จงโจว ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญกลุ่มหนึ่งเข้ามา
เช้าตรู่วันนั้น พนักงานสาวต้อนรับหน้าเคาน์เตอร์เพิ่งจะเสร็จจากการแต่งหน้าที่สะสวย แล้วยิ้มให้กับกระจกด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น
ขณะนั้นเอง ก็มีกลุ่มคนในชุดฝึกบู๊ที่ใหญ่โตสีดำจำนวนสิบกว่าคน เดินเข้ามาอย่างฮึกเหิม
เสี่ยวหลี่ยามรักษาความปลอดภัยกำลังจะเดินเข้าไปถาม แต่กลับถูกชายชราที่เดินนำหน้าคนนั้น ตบด้วยฝ่ามือจนกระเด็นลอยออกไป
“หวางซูเฟินอยู่ไหน?”
ชายชราที่เดินนำหน้า ถามด้วยสีหน้าเหิมเกริม
สาวน้อยหน้าเคาน์เตอร์ตกใจหน้าซีด พูดอย่างติดๆขัดๆว่า “คุณ พวกคุณมาหาผู้อำนวยการทำไมคะ?”
ชายชราสีหน้ารำคาญใจ: “ฉันถามแกว่าอยู่ไหน? แกก็ตอบฉันมาก็พอแล้ว อย่าถามมากมายขนาดนั้น ถ้ารู้มากก็ตายเร็วขึ้น!”
สาวน้อยหน้าเคาน์เตอร์ตกใจจนแทบจะเป็นลม ตอนนี้พวกนักบู๊แจ้งเกิดแล้ว ประเทศจีนก็ไม่ใช่สังคมสงบสุขและปลอดภัยที่สุดในโลกอีกแล้ว
หลังจากที่ผ่านช่วงแรกของความแปลกใหม่แล้ว ชาวจีนธรรมดาทั่วไปนั้น ก็เริ่มเห็นภัยอันตรายที่เกิดจากการแจ้งเกิดของพวกนักบู๊แล้ว
สาวน้อยหน้าเคาน์เตอร์คนนี้ ก็เป็นคนหนึ่งที่มีความรู้สึกที่ไม่ดีกับพวกนักบู๊เหล่านี้ แต่ว่า ถึงจะไม่ค่อยชอบ แต่เธอก็ไม่กล้าจะขัดใจนักบู๊ที่เอะอะก็ฆ่าคนพวกนั้น
“ผู้อำนวยการ ไม่ ไม่อยู่ค่ะ!” สาวน้อยหน้าเคาน์เตอร์พูดติดๆขัดๆ
ชายชราคนนั้นก็แสยะยิ้มอย่างประหลาด: “ไม่พูดใช่ไหม?”
“ฉันมีวิธีทำให้แกพูดออกมา”
เงาร่างหายแวบไป ชายชราก็ตรงเข้าไปยังสาวน้อยหน้าเคาน์เตอร์อย่างรวดเร็ว แล้วใช้ฝ่ามือบีบคอเธอไว้
“โอ้ย!” สาวน้อยหน้าเคาน์เตอร์ตกใจจนหลับตาทั้งสองข้างไว้ ขาทั้งสองข้างก็สั่นไปหมด เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตายแล้ว
แต่ว่า ผ่านไปสักครู่หนึ่ง สาวน้อยหน้าเคาน์เตอร์ก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกแล้ว
ลืมตาขึ้นมา ก็เห็นชายชราในชุดนักพรต ยืนขวางอยู่ตรงหน้าตัวเอง
ซูจื่อเหลียงมองดูชายชราที่อยู่ตรงหน้า พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า: “แกเป็นใคร? ทำไมมาก่อความวุ่นวายที่บริษัท ตงหวาง กรุ๊ป?”
ชายชราคนนั้นมองไปยังซูจื่อเหลียง ในใจก็แอบตกใจ
ชั่วพริบตาที่เขาประมือกับซูจื่อเหลียงนั้น เขารู้สึกได้ว่าพละกำลังของซูจื่อเหลียงไม่ได้ด้อยกว่าเขาเลย
“แล้วแกเป็นใครกันล่ะ? ทำไมมายุ่งเรื่องของสำนักอู๋อิ่งของเราด้วย!”
ซูจื่อเหลียงพูดอย่างเย็นชาว่า: “ที่นี่ ฉันเป็นคนดูแล ถ้าพวกแกคิดจะมาก่อกวนที่นี่ละก็ เกรงว่าจะมาผิดที่ซะแล้ว”
ชายชราสำนักอู๋อิ่งพูดด้วยความโกรธว่า “แกเป็นคนของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป!”
“ดีนะ มิน่าล่ะปรมาจารย์หลินถึงได้เหิมเกริมขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าแม้แต่ยามเฝ้าประตูคนหนึ่ง ก็มีพละกำลังขนาดนี้แล้ว”
“แต่ว่า ยังไงก็ตาม วันนี้บริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ก็จะต้องให้คำอธิบายกับสำนักอู๋อิ่งของพวกเรา!”
“พวกเราสำนักอู๋อิ่งไม่เคยมีความแค้นอะไรกับพวกแกเลย ทำไมปรมาจารย์หลินถึงได้มาฆ่าเจ้าสำนักน้อยของพวกเราด้วย?
ซูจื่อเหลียงขมวดคิ้ว “ฉันไม่เข้าใจว่าแกกำลังพูดอะไร”
“อาจารย์ฉันเพิ่งไปญี่ปุ่นเมื่อสองสามวันก่อน จะมีเวลาไปฆ่าเจ้าสำนักน้อยของพวกแกได้ยังไงกัน? มันช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!”
ชายชราพูดว่า “ฮึ ฮึ ฆ่าคนแล้ว ยังไม่กล้ายอมรับอีก! แต่เสียดายที่ว่า มีคนเห็นเหตุการณ์นั้นแล้ว”
“อีกทั้งบนกำแพงในห้องของเจ้าสำนักน้อยพวกเรา ยังเขียนไว้ว่า คนที่ฆ่าคนคือปรมาจารย์หลิน!”
“ถ้าไม่เชื่อ พวกแกตามฉันไปดูก็ได้!”
เมื่อเห็นท่าทีของชายชราพูดอย่างเป็นจริงเป็นจัง ทำให้ซูจื่อเหลียงก็เริ่มจะเชื่อไปแล้ว
แต่ว่า ต่อให้หลินหยุนฆ่าเจ้าสำนักน้อยของพวกเขา งั้นก็แสดงว่า เจ้าสำนักน้อยของพวกเขาก็สมควรตายแล้ว
“อาจารย์ฉันไม่อยู่ ถ้าพวกคุณคิดจะมาหาอาจารย์ฉันละก็ คงต้องรอให้เขากลับมาจากญี่ปุ่นก่อน”
“ไปได้แล้ว!”
ซูจื่อเหลียงออกคำสั่งไล่แขกทันที
“ฮึ่ม ไปเหรอ? มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”
“ฉันได้รับคำสั่งจากเจ้าสำนักให้มาที่นี่ ก็เพื่อมาตามแก้แค้นกับปรมาจารย์หลิน!”
“ในเมื่อแกเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์หลิน งั้นฉันก็จะฆ่าแกก่อน แล้วค่อยไปตามหาครอบครัวของปรมาจารย์หลิน!” ชายชราพูดด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
ซูจื่อเหลียงโกรธจัด: “แกรนหาที่ตาย!”
พอสิ้นเสียง ซูจื่อเหลียงก็พุ่งตัวอย่างรวดเร็ว ชกหมัดไปยังชายชราคนนั้น
พลังความสามารถของซูจื่อเหลียงตอนนี้ ก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดมานานแล้ว
ส่วนชายชรานั้น เป็นผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักอู๋อิ่ง พลังความสามารถก็อยู่ระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเช่นกัน
แต่ว่าวิชาบู๊ที่ซูจื่อเหลียงฝึกฝนนั้น หลินหยุนเป็นคนดัดแปลงขึ้นมาด้วยตัวเอง เมื่อเทียบกับวิชาบู๊ของโลกบู๊แล้ว ก็จะแข็งแกร่งกว่ามากเลย
แต่ว่า สำนักอู๋อิ่งเป็นสำนักของโลกบู๊โบราณ วรยุทธ์ที่ฝึกฝนนั้นก็แข็งแกร่งกว่าโลกบู๊บ้างเล็กน้อย
ดังนั้น พลังความสามารถของผู้อาวุโสใหญ่ก็พอจะประมือกับซูจื่อเหลียงได้
ผู้อาวุโสใหญ่ส่งเสียงฮื่อ จากนั้นก็ชกหมัดสวนออกไป
โป้ง!
ทั้งสองคนชนกันอย่างจัง ซูจื่อเหลียงยืนอยู่กับที่ แต่ผู้อาวุโสใหญ่กลับถูกกระแทกจนถอยหลังไปสองก้าว
เห็นได้ชัดว่า การประมือครั้งนี้ ซูจื่อเหลียงได้เปรียบกว่า
ผู้อาวุโสใหญ่มองดูซูจื่อเหลียง ก็แอบตกใจ: “หมัดของฉันใช้พลังไปถึงแปดส่วนแล้ว ยังต้องเสียเปรียบเขาอีก!”
“เขาน่าจะยังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ ดูไปแล้ว พลังความสามารถของเขา จะต้องเหนือกว่าฉันแน่เลย”
ซูจื่อเหลียงพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า: “จะไปหรือไม่ไป ถ้ายังไม่ไป ก็จะไม่มีโอกาสแล้วนะ!”
ผู้อาวุโสพูดด้วยความโกรธว่า “อย่าเพิ่งลำพองใจ สุดยอดวิชาของสำนักอู๋อิ่งยังมีเยอะเลย!”
“ลองมารับกระบวนท่าของฉันอีกสักเพลงสิ!”
“เท้าไร้เงา!”