จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 81 แกสมควรตาย
บทที่ 81 แกสมควรตาย
ในเวลานี้เจี่ยงสงได้เกิดความกลัวขึ้น ทั้งที่เมื่อครู่เขานั้นได้ตัดสินใจยอมที่จะจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อขอซื้อไข่มุกเม็ดนี้
ถ้าหากว่าหลินหยุนไม่อยู่ที่นี่ ได้พูดเล่าถึงเรื่องประวัติความเป็นมาอันแท้จริงของไข่มุกนี้ อาจเป็นไปได้เกินกว่าครึ่งว่าไข่มุกเม็ดนี้คงจะตกไปเป็นของเขาอย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงในอนาคตว่าคฤหาสน์ที่ตนเองซื้อมาในราคากี่สิบล้านกลายเป็นบ้านผีสิง คิดว่าตนเองถูกหยินชี่เข้าจู่โจมทำร้าย คงจะต้องเสียชีวิตเป็นแน่……
เจี่ยงสงโมโหถึงขนาดกัดฟัน“เจียงจงโยว คิดไม่ถึงว่าแกจะกล้าหลอกลวงข้า เชื่อหรือไม่ว่าวันนี้ข้าจะทำให้แกไม่มีทางรอดออกไปจากเมืองหลินโจวได้! ”
เจียงจงโยวหัวเราะเยาะเย้ย โดยไม่พูดอะไร แม้ว่าจะอยู่ในเขตพื้นที่ของเจี่ยงสง แต่เขาแทบจะไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
หวางจื้อเหอก็ตกใจถึงขนาดกลับไปนั่งบนเก้าอี้ทันที แล้วมองไปที่ไข่มุกเม็ดนั้นอีกครั้ง เหมือนกับว่ามองเห็นผีปีศาจตนหนึ่ง ตกใจกลัวจนเขาไม่กล้าหันมองอีก
ผู้มีอิทธิพลอำนาจทั้งหลายต่างรักและเสียดายชีวิต มีทั้งเงินและอำนาจ ดังนั้นจะให้ความสำคัญกับชีวิตมากที่สุด เจียงจงโยวได้ทำการละเมิดอย่างหนักถึงขีดจำกัดของพวกเขาแล้ว แม้แต่ผู้ที่มีนิสัยอ่อนโยนมาตลอดอย่างท่านผู้อาวุโสหวางจื้อเหอ ก็ยังเกิดความโมโหขึ้น
“เจียงจงโยว คาดไม่ถึงว่าแกจะกล้าเอาสิ่งที่ชั่วร้ายมาทำร้ายผู้คน ฉันกับแกคงจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้อีกแล้ว! ”
ผู้มีอิทธิพลอำนาจทั้งสามตระกูลที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้พร้อมใจกันพุ่งเป้าหมายไปที่เจียงจงโยว เขาเองก็เป็นแค่เพียงบุคคลธรรมดาในชิ่งโจว ถ้าหากผู้มีอิทธิพลอำนาจทั้งสามตระกูลร่วมมือกันแล้วล่ะก็ เขาคงจะไม่ใช่คู่ต่อกรเป็นแน่
แต่ว่า เจียงจงโยวกลับมีสีหน้าท่าทีที่ไม่เกรงตัวเพราะถือว่ามีคนหนุนหลัง หัวเราะอย่างโอหังแล้วพูดว่า“ฮึม หากไม่ใช่เป็นเพราะไอ้เด็กมากเรื่องผู้นี้แล้ว ตอนนี้พวกแกก็คงจะนำไข่มุกนี้ไปเทิดทูนบูชากันแล้ว! หลอกลวงพวกแกแล้วยังไงกัน? ความสามารถของพวกแกก็มีกันอยู่แค่นี้ จะสามารถมองออกกันได้ด้วยเหรอ? ”
เพียงคำพูดเดียว ถึงขนาดทำให้ผู้มีอิทธิพลอำนาจทั้งหลายหน้าแดงเขินอายไปตาม ๆ กัน
เจียงจงโยวจ้องมองไปที่หลินหยุนด้วยท่าทางที่โหดร้าย ด่าว่า“ไอ้หนุ่มน้อย แกมาขัดขวางทำลายยุ่งเรื่องของข้า! ”
“ปรมาจารย์หยาง เชิญท่านเป็นผู้ลงโทษจัดการเจ้าหนุ่มน้อยผู้นี้! เจียงจงโยวหมุนตัวกลับไปพูดอย่างเคารพกับผู้อาวุโสที่ผอมแห้งแรงน้อยผู้นั้น”
ดวงตาทั้งสองข้างปรมาจารย์หยางปรากฏกลายเป็นสีขาวเทา จ้องไปที่หลินหยุน และพูดอย่างเย็นชาว่า“ไอ้หนุ่มน้อย แกมาขัดขวางทำลายเรื่องที่ดีของข้า แกมันสมควรตาย! ”
“วันนี้ พวกแกทุกคนอย่าคิดว่าจะมีชีวิตรอดออกไปได้! ”
พูดจบ ปรมาจารย์หยางก็ได้ปลดปล่อยพลังลมปราณสีดำออกมาทันที ร่างกายที่ผอมแห้งขณะนี้ได้เป่งบวมขึ้น บนใบหน้าและมือรวมถึงผิวหนังที่อยู่ภายนอก มีขนยาวสีเขียวงอกออกมา เขี้ยวทั้งสองซี่โผล่ออกมาจากปาก เพียงแวบเดียวก็งอกยาวขึ้นถึงขนาดห้าเซนติเมตรเลยทีเดียว
“อะไรกัน ปีศาจเหรอเนี่ยะ! ”
ทุกคนตกใจกลัวจนวิ่งหนีหลบซ่อนกันหมด ลูกน้องของผู้มีอิทธิพลอำนาจทั้งหลายต่างก็ไม่ได้สนใจหัวหน้าผู้มีอิทธิพลอำนาจของตน คิดแต่เพียงวิ่งหนีออกไปทางประตูเท่านั้น
ปรมาจารย์หยางหัวเราะกรีดร้องด้วยเสียงที่แปลกประหลาด มือแต่ละข้างจับตัวของเด็กหนุ่มที่กำลังวิ่งหนีเอาไว้ แล้วจัดการบิดคอของเด็กทั้งสองจนหักตายคาที่
“ข้าพูดเอาไว้แล้วว่า วันนี้พวกแกทุกคนไม่สามารถหนีรอดไปได้! ”
“ช่วยด้วย! ”
หูเต๋อลี่ตกใจกลัวจนร้องตะโกนออกมาเสียงดัง
หวางจื้อเหอล้มลงไปกองอยู่บนพื้น
เจี่ยงสงก็ตกใจกลัวจนหมอบคลานอยู่บนพื้น ตัวสั่นไปหมด
เฉียนหัวชิงก็สีหน้าซีดขาว ขาสั่นไปทั้งสองข้าง“นี่มัน นี่มันเป็นไปได้อย่างไร! เรื่องราวของปีศาจและพลังการทำลายล้าง คิดไม่ถึงว่ามันจะยังคงหลงเหลืออยู่จริง! ”
หลินหยุนมองไปที่ร่างปีศาจของปรมาจารย์หยาง ตอนแรกที่ปรมาจารย์หยางเพิ่งเดินเข้ามาภายในห้องนั้น เขาก็รู้สึกรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายในตัวของปรมาจารย์หยางที่ผิดปกติไม่ธรรมดา
นั่นก็คือลมหายใจที่มีความคล้ายคลึงกับปราณพิฆาต แต่มีพลังที่อ่อนด้อยกว่าปราณพิฆาตมากพอสมควร
“วิธีการฝึกฝนของท่านผู้นี้ เหมือนว่าจะสืบทอดมาจากโลกเซียนสำนักนิรย แต่ว่าจะอ่อนด้อยกว่าสำนักนิรยเป็นหมื่นเท่า”
ปรมาจารย์หยางสังหารไปแล้วสองคน จึงมีขวัญกำลังใจมากขึ้น แล้วมองไปที่หลินหยุนและพูดด้วยรอยยิ้มที่แปลกว่า“ไอ้หนุ่มน้อย แกขัดขวางทำลายเรื่องที่ดีของข้า ข้าจะดูดเลือดของแกให้หมด แล้วจะทำให้แกกลายเป็นหุ่นศพ นำเอาดวงวิญญาณของแกสะกดไว้ในร่างหุ่นศพนี้ ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดตลอดชาติ! ”
พูดจบ ปรมาจารย์หยางก็อ้าปากกว้าง แล้วพุ่งกระโจนไปยังหลินหยุน
เฉียนหัวชิงสะดุ้งโหยง ตะโกนพูดว่า“รีบหนีเร็ว! ”
หลินหยุนยังคงยืนอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน มีสีหน้าท่าทางที่หมดหวัง พูดอย่างเย็นชาว่า“ลำพังแค่ปราณพิฆาตที่เกิดจากการฝึกฝนของพวกนอกลู่นอกทาง ก็ยังกล้าที่จะแสดงพลังต่อหน้าของข้า! ”
“ไม่ต้องมาพูดพร่ำทำเพลงเพียงแค่แกคนเดียว ต่อให้แกเรียกผีดิบมากี่พันล้านร่าง ข้าก็สามารถเผาไหม้ให้ราบเป็นหน้ากลองได้”
“ไฟจงมา! ”
หลินหยุนโบกมือข้างหนึ่ง เปลวเพลิงอันร้อนแรงลุกไหม้อยู่บนมือของเขา อุณหภูมิภายในห้องเพิ่มสูงขึ้นมากทีเดียว
ปรมาจารย์หยางตกใจโดยพลัน ร้องตะโกนด้วยเสียงประหลาดไอ้หนุ่มน้อย คิดไม่ถึงว่าแกจะเป็นวิชาควบคุมไฟด้วย หรือว่าแกเป็นผู้สืบทอดของสำนักอัคคี!
ผีดิบที่เกิดจากการฝึกฝนปราณพิฆาต กลัวเปลวเพลิงเป็นที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งไตรเพลิง!
แม้ว่าหลินหยุนจะไม่ได้ปลดปล่อยพลังไตรเพลิง แต่จัดการกับผีดิบของปรมาจารย์หยางที่ผ่านการฝึกฝนในระดับล่างเช่นนี้ ใช้แค่เพลิงโลกมนุษย์ธรรมดาก็เพียงพอแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลิงโลกมนุษย์ที่เขาใช้นั้นมันไม่ธรรมดา
“ข้าไม่รู้ว่าสำนักอัคคีที่แกพูดถึงมันคืออะไร ลำพังแค่วิชาควบคุมไฟ มันจะยากแค่ไหนกัน? ”
เมื่อหลินหยุนพูดจบ ได้โยนเปลวเพลิงที่อยู่ในมือไปที่ปรมาจารย์หยาง
พึ่บ
เปลวเพลิงนั้นติดอยู่บนตัวปรมาจารย์หยาง และได้ลุกไหม้ท่วมตัวอย่างรวดเร็ว กลิ่นเหม็นได้กระจายคละคลุ้งไปทั่วห้อง ผู้ที่ได้กลิ่นแทบจะอาเจียน!
ปรมาจารย์หยางหัวเราะด้วยเสียงประหลาด“ไอ้หนุ่มน้อย แกคิดหรือว่าเปลวเพลิงธรรมดานี้จะสามารถฆ่าข้าได้? แกจะดูถูกข้าเกินไปหน่อยแล้ว! ”
หลินหยุนยิ้มอย่างแปลก ๆ “ใช่เหรอ? แต่ว่าแกรู้ได้อย่างไรว่าเปลวเพลิงของข้านี้เป็นเปลวเพลิงธรรมดา? ”
ปรมาจารย์หยางหัวเราะประหลาดอยู่ชั่วครู่ ทันใดนั้นได้ตะโกนร้องขึ้น“ดับไฟ! ”
แต่ว่า เปลวเพลิงบนตัวของเขาไม่เพียงจะไม่มอดดับแล้ว แต่กลับลุกไหม้รุนแรงขึ้นไปกว่าเดิม!
“นี่มันอะไรกัน? เปลวเพลิงนี้มีปัญหาเป็นแน่! ” ปรมาจารย์หยางหวาดกลัวอย่างที่สุด มองไปที่หลินหยุนแล้วพูดด้วยอาการตกใจว่า“ไอ้หนุ่มน้อย นี่มันเปลวเพลิงอะไรของแกกันแน่? ถึงทำร้ายข้าได้! ”
หลินหยุนพูดเบา ๆ ว่า“ฉันบอกไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า นี่มันไม่ใช่เปลวเพลิงธรรมดา”
ปรมาจารย์หยางเกิดความหวาดกลัวแล้ว เปลวเพลิงนี้สามารถลุกไหม้ท่วมตัวทำให้เขาตายได้!
“ปรมาจารย์ ฉันผิดไปแล้ว ขอให้ท่านยกโทษไว้ชีวิตฉันด้วย! ” ปรมาจารย์หยางคุกเข่าลงต่อหน้าหลินหยุน คำนับเพื่อร้องขอชีวิต
หลินหยุนมีสีหน้าท่าทีที่ไร้อารมณ์ พูดว่า“สังเกตจากการดูดเลือดการฆ่าคนที่แกกระทำเมื่อครู่นี้นั้น คนที่ตายด้วยน้ำมือของแกคาดว่าคงไม่ต่ำกว่าพันรายเป็นแน่! ”
“แกมันสมควรตาย! ”
หลินหยุนเสมือนกับเป็นผู้พิพากษาที่มีอำนาจในการตัดสินลงโทษประหารชีวิต คำพูดเสมือนกับกฎหมาย เพียงกล่าวคำเดียวก็สั่งลงโทษประหารชีวิตคนได้!
เปลวเพลิงลุกไหม้ท่วมตัวปรมาจารย์หยาง คล้ายคลึงกับลูกบอลไฟที่มีลักษณะเป็นคน มีเสียง
เปรี้ยะเปรี้ยะดังออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นสภาพที่น่ากลัวน่าสยดสยองเสียจริง!
เห็นว่าหลินหยุนไม่ยอมที่จะยกโทษให้เขา ปรมาจารย์หยางจึงหัวเราะขึ้นด้วยเสียงอันดุร้าย“ไอ้หนุ่มน้อย ในเมื่อแกต้องการที่จะให้ฉันตาย ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะตายไปพร้อมกันกับแกด้วย! ”
ขณะกำลังพูด ปรมาจารย์หยางก็พุ่งกระโจนไปหาหลินหยุน ต้องการให้หลินหยุนถูกเปลวเพลิงลุกไหม้ท่วมร่างเช่นกัน
หลินหยุนใช้มือตบออกไป พลังอันแกร่งกล้านั้นทำให้ปรมาจารย์หยางล้มลงไปกองที่พื้น
“โง่เง่าสิ้นดี! ”
ปรมาจารย์หยางดิ้นรนที่จะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แต่ว่า เขารู้สึกว่าร่างกายของตนนั้นถูกภูเขาใหญ่กดทับอยู่ ไม่สามารถที่จะขยับตัวไปมาได้
“ไอ้หนุ่มน้อย วันนี้แกฆ่าฉัน อาจารย์ของข้าไปปล่อยแกไว้แน่! ”
ปราณพิฆาตในร่างกายของปรมาจารย์หยางถูกเปลวเพลิงเผาไหม้อย่างหมดจด จนนี้ถึงร่างเนื้อแท้ของเขาแล้ว ไม่มีปราณพิฆาตคุ้มกันปกป้อง ชั่วครู่เดียว ปรมาจารย์หยางก็ถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน
หลินหยุนแอบเปรียบเทียบว่า“ที่บอกว่าจิตวิญญาณเข้าสู่แดนทิพย์ คงจะเทียบเท่ากับพลังยุทธ์ของนักบู๊พรสวรรค์ ในส่วนของท่านซ่งเห้อ ก็คงจะเป็นพลังยุทธ์ของนักบู๊พรแสวง”
ทุกคนภายในห้องเห็นสภาพที่ปรากฏขึ้นนี้ ตกตะลึงจนตาค้าง ทยอยกันสูดอากาศหายใจ
เจียงจงโยวตกใจกลัวถึงขนาดกลืนน้ำลายแห้ง มองไปยังหลินหยุนด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่น่าเชื่อ ถ้าหากเรื่องดังกล่าวไม่ปรากฏขึ้นต่อหน้าของตน เขาคงจะไม่เชื่อแน่ขนาดปรมาจารย์หยางผู้ที่เก่งกาจขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะถูกเปลวเพลิงเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่านไปได้!
สายตาของหลินหยุนหันมองไปที่เจียงจงโยว พูดขึ้นว่า“เมื่อครู่แกต้องการจะฆ่าข้าใช่ไหม? ”
เจียงจงโยวรีบคุกเข่าไปที่ด้านหน้าของหลินหยุน ร้องขอชีวิต“ปรมาจารย์ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับข้าสักหน่อย ! ข้าก็ถูกปรมาจารย์หยางบีบบังคับ ดังนั้นจึงมาที่นี่เพื่อหลอกลวงคน! ขอปรมาจารย์ยกโทษปล่อยชีวิตข้าไปเถอะ! ”
หลินหยุนพูดเบา ๆ ว่า“ชีวิตของแกในสายตาของข้านั้น ไม่มีค่าอันใดเลย แต่ว่าถ้าหากจะให้ข้าปล่อยชีวิตแกไป จะต้องนำเอาทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของแกมาแลก”
ทรัพย์สินครึ่งหนึ่ง!
เจียงจงโยวเกือบที่จะสำลักน้ำลายเสียชีวิต หลินหยุนกล้าดีถึงขนาดเอ่ยปากขอมากขนาดนี้เลย!
“ทำไม? ไม่ยินยอมเหรอ? ” หลินหยุนเกิดความสงสัยจึงเอ่ยปากถามขึ้นทันที
“เปล่า ยินยอม ข้าเต็มใจอยู่แล้ว! ” เจียงจงโยวหัวเราะเหอะเหอะแล้วก็ตอบตกลง เลือดไหลหยดในใจอา…!