จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 817 พบเจอคนรู้จัก
ขณะที่เย้นเฉิงตงถูกลูกน้องหามขึ้นไปบนภูเขาฟูจิ ก็ได้ยินเสียงตะโกนคนจีนมากมายตะโกนออกมาพร้อมกัน
ในเหตุการณ์นั้น ทำให้เย้นเฉิงตงตะลึงงันไปเลย!
เสียงของคนนับสิบล้านคนที่ตะโกนออกมา ราวกับดังกึกก้องไปทั่วโลก เสียงอึกทึกฮึกเหิมดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พวกหัวขโมยบางคนที่อยู่ตรงนี้ คงตกใจกลัวจนล้มกลิ้งไปบนพื้น
“พระเจ้า คุณชายฉีไม่ได้หลอกฉันจริง ๆ ด้วย ชีวิตนี้ฉันยังไม่เคยเห็นเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อนเลย!”
“ถ้าหากพลาดเหตุการณ์นี้ไปจริง ๆ ฉันคงเสียดายไปตลอดชีวิต!”
“เร็วเข้า รีบหามฉันเข้าไป!” เย้นเฉิงตงตะโกนใส่ลูกน้อง
“คุณชายครับ เข้าไปไม่ได้ครับ คนมากเกินไป!” ลูกน้องเอ่ยพูดด้วยสีหน้าหนักใจ ด้านหน้าผู้คนเบียดเสียดกัน ทุกคนต่างอยากขึ้นไปบนภูเขา จึงไม่มีใครยอมหลีกทางให้ใคร
“คิดหาวิธีเอาสิ ที่นี่มันไกลเกินไป มองไม่เห็นยอดเขาเลยสักนิด! รีบคิดหาวิธีเร็วเข้า ต้องขึ้นให้ได้!” เย้นเฉิงตงเอ่ยพูดด้วยสีหน้าร้อนใจ
ลูกน้องสองสามคนได้แต่ฝืนยิ้ม แล้วสบตากัน
คนมากมายขนาดนี้ พวกเขาก็ไม่รู้จักใครด้วย จะคิดหาวิธีอะไรได้ล่ะ?
ที่นี่ไม่เหมือนในประเทศจีน ที่คนอื่นได้ยินชื่อบริษัท ไห่หลาน จำกัด แล้วจะเห็นแก่หน้าของคุณชายเย้น
ลูกน้องด้านหน้าที่นิสัยค่อนข้างตรงไปตรงมา ได้ตะโกนใส่กลุ่มคนที่อยู่ด้านหน้าว่า : “คุณชายเย้นแห่งบริษัท ไห่หลาน จำกัดอยู่ที่นี่ คนด้านหน้าหลีกทางให้หน่อยซิ!”
คนหนุ่มสาวที่อยู่ด้านหน้าหลายคนหันกลับมา มองลูกน้องคนนั้นด้วยสีหน้าเหมือนมองคนโง่ : “คุณชายเย้นอะไรกัน ไม่เคยได้ยินมาก่อน ต่อแถวด้านหลังให้ดี ๆ เถอะ กูเข้าคิวมาวันหนึ่งแล้ว ยังได้ยืนอยู่หลังสุดเลย!”
ผู้คนที่อยู่โดยรอบมองไปยังลูกน้องสองสามคนนั่นของเย้นเฉิงคง แล้วพากันหัวเราะออกมา
“อยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นคุณชายอะไรก็ไม่มีความหมายหรอก เข้าแถวต่อไปเถอะ!”
เย้นเฉิงต้งด่าเสียงต่ำ ๆ ด้วยความโมโห : “เหอะ แม่งเอ้ย ฉันไม่เชื่ออะไรแบบนี้หรอก! ฉันต้องหาทางขึ้นไปให้ได้”
ลูกน้องคนหนึ่งที่ค่อนข้างฉลาดหน่อย จู่ ๆ ก็มีความคิดขึ้นมา จึงเอ่ยพูดว่า : “คุณชายครับ คุณโปรยเงินดีไหม คนพวกนี้เมื่อเห็นเงิน ต้องรีบเข้าไปแย่งแน่นอน พวกเราก็จะได้ฉวยโอกาสนี้เข้าไป”
เย้นเฉิงตงดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที : “ดีมากไอ้น้อง ฉันจะยกความดีความชอบนี้ให้แก!”
เย้นเฉิงตงหยิบกระเป๋าหนังออกมา แล้วรูดซิป มองธนบัตรสีแดงที่อยู่ด้านใน แล้วหัวเราะเหอะ ๆ จากนั้นเอ่ยพูดว่า : “โชคดีที่ไม่ว่าฉันไปที่ไหน ก็จะพกเงินสดก้อนโตติดตัวไว้เสมอ”
“ตอนนี้ ในที่สุดก็ได้มีโอกาสใช้สักที”
เย้นเฉิงตงหยิบธนบัตรปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าหนัง แล้วตะโกนออกมาว่า : “มีเศรษฐีโปรยเงินแล้ว ทุกคนรีบมาแย่งเร็วเข้า!”
ตะโกนจบ ธนบัตรสีแดงปึกหนึ่งได้ปลิวออกไป อย่างน้อย ๆ ก็เป็นเงินหลายหมื่นหยวน
แต่ว่า คนที่อยู่ด้านหน้าเหล่านั้น หันกลับมามองเย้นเฉิงตง แล้วแสยะยิ้มอย่างดูถูกพลางเอ่ยพูดว่า : “เก็บไว้เถอะ วิธีการของแกน่ะ มีคนอื่นทำไปนานแล้ว”
“จริงด้วย เมื่อครู่นี้มีเศรษฐีโปรยทองเท่าเมล็ดถั่วด้วยล่ะ!”
“ตอนนี้ ต่อให้แกโปรยเพชร ก็ไม่มีใครไปเก็บหรอก!”
ผู้คนต่างพูดกันไปพูดกันมา พูดจนเย้นเฉิงตงหน้าแดง
ลูกน้องเอ่ยพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง : “ทำยังไงดีครับคุณชาย แม้แต่เงินคนพวกนี้ก็ไม่ต้องการแล้ว”
เย้นเฉิงตงมองไปรอบทิศ แล้วตะโกนว่า : “อ้อมไป ฉันไม่เชื่อว่าพวกมันจะล้อมภูเขาฟูจิลูกนี้จนเต็มหมดแล้ว!”
ลูกน้องแต่ละคนสีหน้าขมขื่น ภูเขาลูกใหญ่ขนาดนี้ ให้อ้อมไป พวกเขาไม่เหนื่อยตายเลยเหรอ!
“เร็วเข้า อย่าชักช้า! กลับไปจะมีรางวัลให้อย่างงามเลย!” เย้นเฉิงตงพูดเร่ง
ถ้าให้รางวัลอย่างงาม ต้องมีผู้กล้าออกมาทำงานให้
ลูกน้องทั้งสองสามคนกัดฟัน แล้วหามเย้นเฉิงตงเดินอ้อมภูเขาฟูจิลูกใหญ่นี้ไป
อิจิโร่ มุรามาสะยืนอยู่บนยอดเขา มองไปยังฝูงชนดำทะมึนที่อยู่ด้านล่าง แล้วยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยพูด : “อิจิโร่ มุรามาสะ ขอขอบคุณชาวญี่ปุ่นทุกท่านที่ให้การเชียร์!”
ขณะที่พูด อิจิโร่ มุรามาสะได้โค้งคำนับให้กับทุกคนด้วย
ยอดเขาที่สูงสองพันเมตร ทำให้เสียงของอิจิโร่ มุรามาสะดังไปไม่ถึงไหน
แต่ว่า ต่อให้ยืนอยู่ตีนเขา คนที่อยู่ไกลสุดเหล่านั้น ก็ได้ยินเสียงของอิจิโร่ มุรามาสะได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ
เห็นได้ว่า การฝึกตนของอิจิโร่ มุรามาสะนั้น ยากที่จะคาดเดาได้
ชาวญี่ปุ่นทุกคน ต่างตกตะลึงกันอีกครั้ง
คนที่อยู่ฝ่ายญี่ปุ่นทั้งหมด ได้ส่งเสียงร้องเรียกดังกระหึ่มอีกครั้ง
“อาจารย์มุรามาสะต้องชนะ……อาจารย์มุรามาสะต้องชนะ……”
สีหน้าชายจีนทุกคนดูแย่ลงมาเล็กน้อย ดูเหมือนศักยภาพของอิจิโร่ มุรามาสะคนนี้จะค่อนข้างแข็งแกร่งทีเดียว!
ชาวจีนต่างอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงปรมาจารย์หลินที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
“อิจิโร่ มุรามาสะแข็งแกร่งขนาดนี้ ปรมาจารย์หลินจะชนะเขาได้ไหมเนี่ย?”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสัยขึ้นมาในใจ
ทันใดนั้น พลังของชาวญี่ปุ่น ได้ข่มขวัญชาวจีนอีกครั้ง
“ปรมาจารย์หลินนี่ทำไมถึงยังไม่มาอีกนะ?”
“กล้าให้อาจารย์มุรามาสะรอเขา ปรมาจารย์หลินคนนี้ช่างใหญ่โตเสียจริง!”
“ฉันว่านะเขาคงกลัวขึ้นมาแล้วล่ะ ไม่กล้ามาแล้วมั้ง”
ชาวญี่ปุ่น ได้เริ่มพูดจาว่าร้ายหลินหยุน และได้ถือโอกาสข่มขวัญกำลังใจชาวจีนไปด้วย
และครั้งนี้ เสียงตอบโต้กลับจากชาวจีนได้เบาลงกว่าครั้งก่อนมาก
ด้านหนึ่ง เป็นเพราะศักยภาพที่อิจิโร่ มุรามาสะแสดงออกมาได้อย่างน่าตกใจถึงสองครั้ง
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ปรมาจารย์หลินกลับมาสาย ทำให้ชาวจีนต่างอดไม่ได้ที่จะเคลือบแคลงใจ
จนถึงขนาดมีชาวจีนบางคนที่ข้องใจมาก ได้แอบกระซิบกระซาบเสียงเบา ๆ : “ปรมาจารย์หลินคงไม่ได้กลัวขึ้นมาจริง ๆ จนไม่กล้ามาสู้แล้วใช่ไหม?”
“รอดูต่อไปแล้วกัน อิจิโร่ มุรามาสะยังไม่ได้รีบร้อนอะไร แล้วพวกเราจะรีบร้อนไปทำไมกัน!”
ที่ตีนเขาภูเขาฟูจิ กลุ่มคนที่อยู่ด้านท้ายสุดมุมหนึ่ง
หลินหยุนได้พาฉินหลันไปพูดคุยกับหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง
หญิงสาวคนนี้ คือหลี่หมิ่นจูที่หลินหยุนเคยพบบนเรือสำราญ
หลี่หมิ่นจูมองไปที่หลินหยุนด้วยหน้าตาตกตะลึง พลางยกมือสวยขาวดั่งหยกของเธอขึ้นมาปิดปาก : “คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่านายคือปรมาจารย์หลิน!”
หลินหยุนมองไปที่ชายชราชุดดำสองคนที่อยู่ด้านหลังหลี่หมิ่นจู พลางเอ่ยอย่างราบเรียบว่า : “ฉันเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าภูมิหลังของเธอยิ่งใหญ่ขนาดนี้”
หลี่หมิ่นจูฝืนยิ้มออกมาพลางเอ่ย : “ฉันแอบนั่งเรือสำราญออกไป เพราะหลีกหนีให้พ้นพวกเขา แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เพิ่งขึ้นฝั่งมาก็ถูกพวกเขาหาตัวเจอ”
สำหรับเรื่องราวของหลี่หมิ่นจู หลินหยุนไม่ได้ซักถามมากนัก ตอนนี้เขาต้องสู้ในศึกใหญ่กับอิจิโร่ มุรามาสะ จึงไม่ค่อยวางใจเรื่องฉินหลันเท่าไหร่
“ช่วยฉันดูแลหล่อนหน่อยนะ” หลินหยุนมองไปที่หลี่หมิ่นจู สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
ฉินหลันเอ่ยเสียงเบา : “ไม่ต้องห่วงฉัน ที่นี่มีชาวจีนมากขนาดนี้ ฉันไม่เป็นไรหรอก”
“นายเองต้องระวังตัวด้วยนะ ถ้าหากสู้อิจิโร่ มุรามาสะไม่ไหว ก็อย่าฝืนมากเกินไปนะ”
หลี่หมิ่นจูพยักหน้าหงึก ๆ แล้วรับปากว่า : “นายเคยช่วยฉันไว้ ฉันต้องช่วยนายดูแลหล่อนเป็นอย่างดีแน่นอน นายวางใจเถอะ!”
หลินหยุนพยักหน้า : “อืม”
มีชายชราสองคนด้านหลังหลี่หมิ่นจูอยู่ด้วย ต่อให้เป็นปรมาจารย์บู๊ ก็ทำร้ายฉินหลันไม่ได้หรอก เขาจึงวางใจขึ้นมาหน่อย
“ฉันไปล่ะนะ” หลินหยุนมองไปที่ฉินหลัน แล้วยิ้มเล็กน้อย
“จำคำพูดฉันเอาไว้นะ” ฉินหลันเอ่ยพูดด้วยสีหน้าเป็นห่วง
หลี่หมิ่นจูพูดโน้มน้าวด้วยเช่นกัน : “หล่อนพูดถูก นายยังอายุน้อย อย่าฝืนมากเกินไป ต่อให้ตอนนี้นายสู้ไม่ชนะเขา ผ่านไปอีกสักสองสามปี เขาอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนายแล้วก็ได้!”
“คำพูดชาวจีนของพวกนายพูดเอาไว้ว่า ลูกผู้ชาย สิบปีล้างแค้นก็ยังไม่สาย”
หลินหยุนมองออกนานแล้ว ว่าหลี่หมิ่นจูไม่ใช่ชาวจีน น่าจะเป็นคนเกาหลี
สำหรับสำนวนจีนที่หล่อนเอามาใช้มั่ว ๆ นั้น ก็พอจะเข้าใจได้
“วางใจเถอะ ฉันรู้ลิมิตของฉันดี”
พูดจบ หลินหยุนได้เอามือสองข้างไขว้หลัง แล้วมองไปที่ยอดเขา จากนั้นก้าวขาออกมาหนึ่งก้าว
ทันใดนั้น ร่างของหลินหยุนได้หายไปต่อหน้าต่อตาสาวสวยทั้งสองคน
หลี่หมิ่นจูและฉินหลันไม่เข้าใจว่าพลังที่หลินหยุนแสดงออกมาเมื่อครู่นี้ หมายความว่ายังไง
แต่ว่า ชายชราสองคนที่อยู่ด้านหลังหลี่หมิ่นจู กลับมีสีหน้าตกตะลึง