จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 83 มุ่งหน้าไปเว่ยเหอ
บทที่ 83 มุ่งหน้าไปเว่ยเหอ
หลินหยุนและเฉียนหัวชิงออกมาจากที่นั่นพร้อมกัน
ตลอดทาง เฉียนหัวชิงไม่มีสอบถามอะไรอีกเลย ที่จริงหลินหยุนก็ต้องการที่จะอธิบายให้ฟัง แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไร
หลินหยุนรู้สึกว่าตนเองมองข้ามความสามารถในการรับความกดดันของเฉียนหัวชิง
เมื่อแยกทางกันกับเฉียนหัวชิงแล้ว หลินหยุนก็กลับไปที่คฤหาสน์เย่หยาหู
ในคฤหาสน์ หลินหยุนก็นำไข่มุกหินนั้นออกมา และเริ่มดูดรับพลัง
เมื่อดูดเอาหยินชี่ภายในไข่มุกหินหมดแล้ว หลินหยุนก็ฝึกฝนบำเพ็ญต่อ ยาวไปจนถึงช่วงเช้าในวันถัดมา
เมื่อหลินหยุนลืมตาขึ้น ลำแสงจากดวงตาสองข้างก็ถูกรวมเป็นหนึ่ง หลินหยุนอยู่ในจุดศูนย์กลางของคลื่นพลังแสงวงกลมที่มีความสว่างไหวโชติช่วง และได้เปล่งลำแสงกระจายเป็นวงกว้างไปทั่วทุกสารทิศ
“ตอนนี้ฉันใกล้ที่จะทะลุผ่านข้ามอีกขั้นหนึ่งแล้ว ภายในไม่กี่วันนี้ ฉันจะสามารถเข้าสู่ระยะปฐมภูมิตอนกลางแล้ว”
หลินหยุนลุกยืนขึ้น ร่างกายดูจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย กลิ่นอายในร่างกายเลือนลางลดน้อยไปมาก
หลินหยุนชำระล้างทำความสะอาดร่างกายเสร็จเรียบร้อย ซูจื่อเหลียงก็โทรศัพท์มาหาทันที มีเรื่องต้องการที่จะสอบถามหลินหยุน
หลินหยุนให้เขารออยู่ที่พักของเขา แล้วจะเดินทางไปหา
เมื่อมาถึงที่พักของซูจื่อเหลียง ซูจื่อเหลียงก็ชงชารินชาให้ดื่ม ดูแลต้อนรับเป็นอย่างดี
“มีเรื่องอะไร ก็พูดมา! ” หลินหยุนนั่งบนเก้าอี้ มองไปที่ซูจื่อเหลียง แล้วก็ถามขึ้น
ซูจื่อเหลียงยิ้มแหะแหะแล้วพูดว่า“อาจารย์ ช่วงระยะนี้ข้ารู้สึกว่าได้ทะลุขีดจำกัดเดิมอีกแล้ว แต่ข้าก็ไม่มั่นใจว่าตกลงได้ทะลุหรือไม่? ดังนั้นจึงเชิญให้ท่านมาดูให้หน่อย”
หลินหยุนกวาดตาไปมองซูจื่อเหลียง พูดว่า“ไม่ต้องดูแล้ว ทะลุขั้นได้แล้ว”
“ตามมาตรฐานของโลกบู๊นั้น ตอนนี้นายน่าจะมีพลังยุทธ์อยู่ในขั้นพรแสวงสูงสุด อีกไม่นาน ก็จะขึ้นสู่ระดับขั้นของนักบู๊พรสวรรค์”
ซูจื่อเหลียงดีใจอย่างมาก“เป็นความจริงเหรอ? ข้าเพิ่งฝึกฝนเพียงไม่กี่วัน ก็ถึงขั้นพรแสวงสูงสุดแล้ว! ดูเหมือนว่าการฝึกบู๊นี้คงไม่ยากเหมือนกับที่ได้ร่ำลือกันเอาไว้! ”
ซูจื่อเหลียงคงยังไม่รู้ว่า วิชาที่หลินหยุนมอบให้แก่เขานั้นมีคุณค่าอย่างมากในโลกบู๊ ถ้าหากฝึกฝนวิชาตามตำราโลกบู๊แล้ว พิจารณาตามอายุและคุณสมบัติของซูจื่อเหลียง ต่อให้ฝึกฝนไปจนแก่เฒ่า ก็ไม่สามารถที่จะเข้าสู่ระดับขั้นนักบู๊พรแสวงได้
“อาจารย์ ข้าต้องการที่จะหาคู่ต่อสู้สักคนเพื่อประลองฝีมือ! ” อย่ามองว่าซูจื่อเหลียงอายุมากแล้ว แต่ยังชอบที่จะต่อสู้ เพิ่งจะฝึกฝนสำเร็จระดับหนึ่ง ก็รีบร้อนอยากที่จะทดสอบฝีมือของตน
ในขณะนั้นเอง อู๋กั๋วส้วงเทพพนันหกนิ้วก็โทรศัพท์มาหา
ไม่ทันได้รับโทรศัพท์ แต่หลินหยุนก็คาดเดาได้ประมาณหนึ่งว่ามีเรื่องอะไร
“มีเรื่องอะไรเหรอ? ” หลินหยุนถาม
น้ำเสียงของอู๋กั๋วส้วงมีความเคารพอย่างมาก พูดว่า“คุณท่านหลิน ท่านอยู่ที่ไหน? ข้ามีเรื่องที่ต้องการปรึกษาพูดคุยกับท่านหน่อย! ”
หลินหยุนพูดว่า“ก็พูดในโทรศัพท์แล้วกัน”
“อย่างนี้เหรอ……ก็ได้!” อู๋กั๋วส้วงชะงักไปชั่วครู่ แล้วพูดว่า“คุณท่านหลิน ตระกูลฉินได้ส่งหนังสือท้าประลองยุทธ์ให้กับท่านเส้ ภายในสามวันให้ท่านเส้รับคำท้าประลองอยู่ที่เกาะหูซินเมือง เว่ยเหอ! ”
“ท่านเส้ได้ไปพบกับหลิ่วเฉิงเฟิงปรมาจารย์หลิ่วผู้ที่เป็นปรมาจารย์วิทยายุทธ์ที่มีชื่อเสียงในที่แห่งนั้น แต่ฝ่ายตรงข้ามต้องการให้คุณท่านหลินเป็นผู้ออกหน้าพูดคุยในเรื่องนี้ ท่านเส้จึงต้องการที่จะเชิญคุณท่านหลินไปที่นั่น”
“แต่คุณท่านหลินวางใจได้ มีปรมาจารย์หลิ่วอยู่ รับรองว่าไม่ให้คุณท่านหลินต้องออกแรงประลองยุทธ์อย่างแน่นอน! ”
หลินหยุนเข้าใจว่าเส้เทียนหัวกำลังคิดวางแผนอะไรอยู่ แต่ในเมื่อเขากล้าที่จะทำร้ายฉินอู๋ซวงจนขาหัก ก็ไม่เกรงกลัวตระกูลฉินล้างแค้น
มองไปที่ใบหน้าที่แปลกใจของซูจื่อเหลียง หลินหยุนวางโทรศัพท์ลง จ้องไปที่ซูจื่อเหลียงแล้วยิ้ม“ซูจื่อเหลียง นายต้องการหาคนมาประลองยุทธ์ใช่ไหม? ตอนนี้โอกาสนั้นมาถึงแล้ว”
“จริงเหรอ! งั้นก็ดีมากเลย! ” ซูจื่อเหลียงตื่นเต้นจนสองมืออยู่ไม่สุข
หลินหยุนยกโทรศัพท์ขึ้น พูดว่า“บอกท่านเส้ด้วย ข้าจะไปตามเวลานัดอย่างแน่นอน”
อู๋กั๋วส้วงดีใจมาก เดิมทีเขายังคิดอยู่ว่า ถ้าหากหลินหยุนไม่ยอมไป เขาควรจะใช้ข้ออ้างอะไรที่จะทำให้หลินหยุนเดินทางมาให้จงได้
คิดไม่ถึงว่าหลินหยุนจะตอบรับตกลงอย่างง่ายดาย
“คุณท่านหลิน ท่านคิดว่าจะออกเดินทางเมื่อไหร่? ข้าจะมารับท่านเอง! ” อู๋กั๋วส้วงตีเหล็กที่กำลังร้อนจึงรีบสอบถาม เกรงว่าหลินหยุนจะกลับคำอย่างไรอย่างนั้น
หลินหยุนคิดสักครู่ พูดว่า“ข้าให้ที่อยู่ข้ากับท่าน ตอนนี้ท่านก็เดินทางมาได้เลย”
“ตกลง คุณท่านหลินรอสักครู่ ข้าจะรีบไปรับท่านเดี๋ยวนี้! ” อู๋กั๋วส้วงพูดอย่างดีอกดีใจ
เมื่อวางสายโทรศัพท์ลง หลินหยุนก็พูดกับซูจื่อเหลียงว่า“เก็บสัมภาระเตรียมเดินทางกันเถอะ ข้าจะพานายไปที่แห่งหนึ่ง”
“ตกลง! ” ซูจื่อเหลียงดีใจมาก
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น อู๋กั๋วส้วงก็มาถึงหมู่บ้านที่พักของซูจื่อเหลียง รับหลินหยุนและซูจื่อเหลียง จากนั้นก็เดินทางไปยังเมืองเว่ยเหอ
ช่วงบ่ายของวันนั้นพวกเขาก็เดินทางมาถึงเมืองเว่ยเหอ เส้เทียนหัวมาต้อนรับหลินหยุนด้วยตนเอง จากนั้น จัดแจงให้หลินหยุนเข้าพักที่โรงแรมหรูหรา พรุ่งนี้ไปตามเวลานัดอย่างเป็นทางการ
ซูจื่อเหลียงตื่นเต้นเล็กน้อย จึงนอนไม่หลับทั้งคืน
หลินหยุนฝึกฝนอยู่ในห้อง จนถึงเช้าของวันรุ่งขึ้นท่านเส้ส่งคนมาเชิญ
ช่วงเที่ยง เส้เทียนหัวสั่งให้คนขับรถ พาหลินหยุนและซูจื่อเหลียง ไปส่งที่เกาะหูซิน
เกาะหูซินล้อมรอบด้วยทะเลสาบ ตรงกลางมีเกาะเล็กอยู่เกาะหนึ่ง ชื่อว่าเกาะหูซิน
เกาะหูซินเป็นแหล่งท่องเที่ยวชมวิวแห่งหนึ่งของเมืองเว่ยเหอ แต่เนื่องจากที่ตั้งอยู่ค่อนข้างไกล โดยทั่วไปมีผู้คนมาท่องเที่ยวไม่มาก ช่วงวันหยุดเทศกาลนักท่องเที่ยวถึงจะเพิ่มมากขึ้น
บนเกาะหูซินมีศาลาร่มรื่น บริเวณรอบข้างเป็นพื้นที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่
เมื่อหลินหยุนมาถึง เส้เทียนหัวและคนตระกูลฉินต่างอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว
หลินหยุนนั่งเรือข้ามฝั่งไปยังเกาะหูซิน ขณะที่ยืนอยู่บนเรือ เขาเห็นเส้เทียนหัวและชายหนุ่มชุดดำคนหนึ่ง กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะหินในศาลา พูดปรึกษาอะไรกันอยู่ แต่จากที่เห็นคงจะพูดคุยปรึกษากันอย่างไม่ราบรื่น
ด้านหลังของเส้เทียนหัว มีชายหนุ่มวัยกลางคนผู้หนึ่งในชุดฝึกกังฟูสีขาวยืนอยู่ รูปร่างสูงใหญ่ ตาชั้นเดียว หางคิ้วชี้ขึ้น รูปลักษณ์ท่าทางดูน่าเกรงขามอย่างมาก
แต่ว่า คนผู้นี้มีท่าทีที่หยิ่งผยอง เหมือนกับว่าจะดูถูกมองข้ามทุกคนอย่างไรอย่างนั้น
ด้านตรงข้ามของเส้เทียนหัว มีชายหนุ่มวัยกลางคนหน้าตาเย็นชาผู้หนึ่งนั่งอยู่ ด้านหลังของชายผู้นี้ ยังมีชายหนุ่มวัยรุ่นอีกหลายคนยืนอยู่
พวกเขามีลมหายใจที่ยาว กล้ามเนื้อเต็มไปด้วยพละกำลัง แน่นอนต้องเป็นผู้ฝึกฝนวิทยายุทธ์
เมื่อเห็นหลินหยุนมาถึง อู๋กั๋วส้วงที่อยู่ด้านข้างเส้เทียนหัวลุกขึ้นมาต้อนรับทันที ยิ้มและกล่าวทักทาย“คุณท่านหลิน ท่านมาถึงแล้ว! ”
“อืม” หลินหยุนส่งเสียงอืมออกมา นับว่าเป็นการตอบรับ
เส้เทียนหัวมองไปที่หลินหยุน ก็รีบยิ้ม และพูดอย่างเกรงใจว่า“คุณท่านหลินมากันแล้ว”
แต่ว่า ในรอยยิ้มของเส้เทียนหัว กลับแฝงด้วยความผะอืดผะอม เพราะว่าการเชิญให้หลินหยุนมาในครั้งนี้ มีเจตนาร้ายแฝงอยู่
หลินหยุนก็ส่งเสียงอืมออกมา นับว่าเป็นการตอบรับ
ชายวัยกลางคนชุดดำผู้นั้นที่อยู่ตรงข้ามกับเส้เทียนหัว จ้องมองไปที่หลินหยุนด้วยสายตาอันแหลมคมในทันที ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอันหม่นหมอง“นายใช่ไหมที่ทำร้ายพ่อบ้านฉินและคุณชายอู๋ซวง? ”
หลินหยุนแสดงท่าทางที่ไม่อ่อนข้อ เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พูดว่า“ใช่ข้าเอง”
“ดีมาก กล้าหาญมาก หวังว่าอีกสักครู่นายคงจะไม่หวาดกลัว! ” ชายวัยกลางคนพูดข่มขู่พร้อมรอยยิ้มอันเย็นชา
เส้เทียนหัวพูดด้วยเสียงเย็นชา ว่า“ฉินอู๋ชี ท่านอย่ามาข่มขู่แขกพิเศษที่ข้าเชิญมา ในเมื่อพวกท่านไม่ยอมที่จะยุติเรื่องราวลงได้ด้วยดี งั้นพวกเราก็มาประลองกันเพื่อวัดให้เห็นผลที่แท้จริง! ”
ฉินอู๋ชีมองไปที่เส้เทียนหัวอย่างเย็นชา พูดขึ้นด้วยท่าทางที่เหยียดหยาม“ในเมื่อท่านรีบร้อนที่จะพ่ายแพ้ขนาดนี้แล้ว งั้นข้าก็จะสนองตามที่ท่านต้องการ! ”
“ฉินลู่ นายมาประลองในรอบแรก” ฉินอู๋ชีตะโกนพูดอย่างเย็นชา
ชายหนุ่มวัยรุ่นร่างกายเตี้ยเล็กผู้หนึ่งที่อยู่ด้านหลังของฉินอู๋ชี ตอบรับแล้วเดินออกมา คารวะฉินอู๋ชีแล้วพูดว่า“ฉินลู่น้อมรับคำสั่ง! ”
เส้เทียนหัวมองไปที่ชายหนุ่มวัยกลางคนในชุดฝึกกังฟูสีขาวที่ยืนอยู่ด้านหลัง คิดชั่วครู่ แล้วก็เบนสายตาไปมองที่ชายหนุ่มวัยรุ่นอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ
“ฉีหมิง นายเริ่มต้นประลองในเกมแรก! ” เส้เทียนหัวกล่าว
“ตกลง ท่านเส้! ” ผู้ที่ไว้ทรงผมสกินเฮด ร่างกายกำยำสูง 180 กว่าเซนติเมตร เดินก้าวออกมา
เส้เทียนหัวมองไปที่ชายหนุ่มวัยกลางคนในชุดฝึกกังฟูสีขาวที่ยืนอยู่ด้านหลัง ยิ้มแล้วพูดว่า“ปรมาจารย์หลิ่ว ฉีหมิงคือลูกน้องที่มีฝีมือเก่งกาจที่สุดของข้า หวังว่าจะไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง! ”
หลิ่วเฉิงเฟิงมองไปที่ฉีหมิง บนใบหน้ามีรอยยิ้มเยาะเย้ย“เกรงว่าจะเป็นหมอนปักลายดอกไม้ที่สวยงาม ภายนอกดูดีแต่เอาเข้าจริงไม่ได้เรื่อง! ”
เส้เทียนหัวหน้าแดง ตะโกนพูดกับฉีหมิงว่า“ฉีหมิง ประลองรอบแรกห้ามที่จะทำให้ข้าเสียหน้าเด็ดขาด โชว์ให้ปรมาจารย์หลิ่วเห็นพลังยุทธ์แท้จริงของนาย! ”
ฉีหมิงพูดด้วยท่าทางดุดันว่า“ท่านเส้วางใจได้ ฉันจะประลองอย่างเต็มที่สุดความสามารถ! ”