จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 835 หลินหยุนกลับมา
ในไม่ช้า หวางจิงหลงและคนอื่นๆ ก็มาที่ประตูคฤหาสน์สภาประเทศ
เหอเจียหรงยืดตัวตรงและทักทายคนทั้งหลายทันที “สวัสดีท่านผู้นำตระกูล!”
หวางจิงหลงเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของจีน กำอำนาจคณะรัฐมนตรีจีนเอาไว้
หัวหน้าของตระกูลขุนนางอีกสามตระกูล ก็มีสถานะเป็นผู้อาวุโสเช่นกัน และเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจในหน่วยงานที่สำคัญหลายแห่ง
หวางจิงหลงพยักหน้าเล็กน้อยถือเป็นการทักทาย จากนั้นทั้งสี่ก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์สภาประเทศ
ในฐานะผู้อาวุโสใหญ่ของคณะรัฐมนตรี หวางจิงหลงมีสิทธิ์เข้าและออกจากคฤหาสน์สภาประเทศได้ตามต้องการ
ในตำแหน่งของเขา หวางจิงหลงนั้นยังสูงกว่าหงซานเหออยู่หนึ่งระดับ
อย่างไรก็ตาม หงซานเหอมีวัยวุฒิมากที่สุด แม้แต่ประธานาธิบดีจีนก็ยังเรียกเขาว่าท่านหง ต่อหน้าเขา หวางจินหลงเองก็ไม่กล้าวางอำนาจ
ทั่วทั้งคฤหาสน์สภาประเทศ มีเพียงสองคน ก็คือประธานาธิบดีจีนกับหงซานเหอที่กลับมาเป็นการพิเศษะ
เมื่อเห็นหงซานเหอ หวางจิงหลงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย สำหรับแม่ทัพเฒ่าคนนี้ เขาเองก็ยังต้องปวดหัวอยู่บ้าง
“ประธานาธิบดี!” พวกหวางจินหลงทั้งสี่คน โค้งคำนับประธานาธิบดีจีน
จากนั้น หวางจิงหลงก็โบกมือเล็กน้อยให้กับหงซานเหอ “ท่านหง!”
หงซานเหอพยักหน้าอย่างเฉยชาเป็นการตอบรับ
ประธานาธิบดีจีนยิ้มน้อยๆอย่างสุภาพและพูดว่า “ผู้อาวุโสใหญ่มาที่นี่เวลานี้ มีเรื่องสำคัญงั้นหรือ?”
หวางจิงหลงเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขามืดมน “ท่านประธานาธิบดี เรื่องของหลินหยุน คุณคงทราบแล้ว เหตุใดจึงต้องเอ่ยถามขึ้นอีก?”
“เขาเปิดฉากฆ่าฟันในญี่ปุ่น ก่อเรื่องวุ่นวายในญี่ปุ่นขึ้นมา พฤติกรรมนี้ แทบจะเรียกว่าทำตัวไม่เห็นกฎหมาย”
“เห็นได้ชัดเจนว่าเขาต้องการให้ญี่ปุ่นทำสงครามกับชาวจีนเรา ให้ชาวจีนของเราต้องเดือดร้อนกับสงครามอีกครั้ง ให้คนจีนของเราต้องเดือดร้อนไปทั่วทุกหย่อมหญ้าอีกครั้ง!”
“การกระทำแบบนี้ หรือว่าท่านประธานาธิบดีจะไม่อื้อไม่หือเลยหรือ?”
หวางจิงหลงอาศัยว่าตนมีภูมิหลัง ดังนั้นจึงไม่ไว้หน้าประธานาธิบดีจีนเลยแม้แต่น้อย และพูดจาเสียดแทงอย่างยิ่ง
ใบหน้ายาวของประธานาธิบดียังคงเรียบเฉยๆ เขาเอ่ยยิ้มน้อยๆ “ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวเกินไปแล้ว!”
“เท่าที่ฉันรู้ หลินหยุนไปที่ญี่ปุ่น ก็เพราะญี่ปุ่นยั่วยุเขาก่อนและลักพาตัวญาติของหลินหยุนไป”
“ยิ่งไปกว่านั้น หลินหยุนอยู่ที่ญี่ปุ่นก็ไม่ได้ฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ”
“คำพูดของผู้อาวุโสใหญ่ออกจะเกินจริงไปอยู่บ้าง!”
หวางจิงหลงเอ่ยขึ้น “ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและจีนของเรา แต่เดิมก็เหมือนกับการเดินบนน้ำแข็งบาง ๆ ตอนนี้เขาถึงกับไปฆ่าบุคคลอันดับหนึ่งในแวดวงการต่อสู้อย่างอิจิโร่ มุรามาสะ แถมยังทำลายตระกูลยามาโนะทั้งหมด แล้วอย่างนี้ทางการของญี่ปุ่นจะยอมแพ้ไปง่ายๆได้ยังไง?”
“ท่านประธานาธิบดีดำเนินการอะไร จะต้องเป็นธรรม! อย่าได้ลำเอียง!”
หงซานเหอที่นั่งอยู่ด้านหนึ่งทนฟังต่อไปไม่ไหว
“หึ หวางจิงหลง คำพูดนี้ของนายหมายความว่าอย่างไร? เมื่อไหร่กันที่ท่านประธานาธิบดีไม่ยุติธรรม?”
“ตั้งแต่ต้นจนจบ ล้วนมีแต่นายที่พูดอยู่คนเดียว ญี่ปุ่นเคยบอกหรือไงว่าจะทำสงครามกับพวกเรา?”
“ถ้ามีคนลักพาตัวญาตินายไป ไม่ทราบว่านายจะทำยังไง?”
“ลูกสาวของคุณหวางซูเฟินก็แค่ต้องการคบหาใครอย่างอิสระ แต่คุณก็ตัดใจขับไล่เธอออกจากตระกูลไป แล้วการที่ญาติของหลินหยุนถูกลักพาตัวไป เขาฆ่าฆาตกรแล้วผิดอะไรกัน!”
“นอกจากนี้ ไม่ว่ายังไงหลินหยุนก็เป็นหลานชายสายนอกของคุณ ทำไมคุณถึงอยากฆ่าเขาได้?”
“หวางจิงหลง จิตสำนึกของนายอยู่ที่ไหนกัน!”
พูดไปพูดไป หงซานเหอเองก็โมโหขึ้นมาจริงๆ
ใบหน้าของหวางจิงหลงมืดครึ้ม คำพูดของหงซานเหอทิ่มแทงใจดำของเขาอย่างเห็นได้ชัด
“ท่านหง คุณสนใจเรื่องตระกูลหวางของผมมากขนาดนี้เลยหรือ?”
“ฉันหวางจิงหลงจะจัดการกับลูกสาวของตัวเองยังไง ก็คงไม่ต้องให้คนนอกอย่างคุณมาบอก!”
“นอกจากนี้ แม้ว่าหลินหยุนจะเป็นหลานชายสายนอกของฉัน แต่ว่าเมื่อเห็นแก่ประเทศและประชาชน ฉันก็ได้แต่ต้องยึดความชอบธรรมและกำจัดเขาด้วยตัวเองเท่านั้น!”
“ผิดก็คือผิด ในฐานะนักบู๊ การที่เขาไปหาญี่ปุ่นและเปิดฉากฆ่าฟัน หากญี่ปุ่นต้องการสู้รบกับพวกเราขึ้นมา ใครกันจะรับผิดชอบ!”
หงซานเหอรู้สึกว่าหวางจิงหลงขัดหูขัดตาเขามาโดยตลอด ในความเห็นของเขา หวางจิงหลงเป็นสัตว์เลือดเย็นที่ไม่รู้จักคำว่าญาติมิตร
ตอนนี้ เมื่อถูกหวางจิงหลงบอกว่าเขากำลังนินทา หงซานเหอจะทนได้ที่ไหน
“นายเอาแต่พูดว่าญี่ปุ่นต้องการทำสงครามกับเรา งั้นฉันถามนาย ตอนนี้มีสงครามแล้วหรือ?”
“นายเอาโทษที่ไม่จำเป็นมาคิดจะให้ประธานาธิบดีจัดการกับหลินหยุน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าในใจของนายคิดอะไรอยู่!”
“คุณแค่กังวลว่าการเติบโตของหลินหยุนจะแข็งแกร่งมากเกินไป จากนั้นก็จะชำระบัญชีกับตระกูลหวางของนายใช่ไหม?”
หวางจิงหลงสะบัดแขนเสื้อของเขาและพูดอย่างโกรธเคือง “ฉันหรือจะกลัวเขา!
“ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่เลือดของตระกูลหวางเราที่อยู่บนตัวเขา ตระกูลหวางของเราแค่กระดิกนิ้วก็สามารถฆ่าเขาได้!”
ผู้นำตระกูลจาง จางฉางเกิงก็หัวเราะเยาะอย่างร้ายกาจและกล่าวว่า “ท่านหง สิ่งที่เรากำลังพูดถึงตอนนี้คือหลินหยุนก่อเรื่องเอะอะกับญี่ปุ่นซึ่งจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ คุณอย่าได้ดึงเรื่องความคับข้องใจส่วนตัวเข้ามา!”
“คุณเป็นแม่ทัพที่อาวุโสที่สุดในจีนของเรา คุณไม่เข้าใจสถานการณ์โดยรวมนี้เลยหรือไง?”
หงซานเหอเมื่อถูกบอกว่าตนไม่เข้าใจสถานการณ์โดยรวม ก็แทบจะเกือบอาเจียนเป็นเลือด
“จางฉางเกิงฉันจะบอกนายให้ ถ้าฉันไม่เข้าใจสถานการณ์โดยรวมจริง ๆ ตามนิสัยของฉันแล้ว ฉันคงจัดการพวกแมลงเม่าอย่างพวกนายไปนานแล้ว!”
“ไหนเลยจะรอให้พวกนายมาที่นี่เพื่อนำหายนะมาสู่ประเทศและประชาชนแบบนี้!”
จ้าวโม่เย้นผู้นำตระกูลจ้าวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “แม่ทัพหง นี่มันมากเกินไปแล้ว!”
“หากไม่มีสี่ตระกูลของเราต่อสู้กับผู้บุกรุกอย่างกล้าหาญ ชาวจีนจะมีสันติภาพได้อย่างไร?”
“คุณกับบอกว่าพวกเราเป็นแมลงเม่าและนำหายนะมาสู่ประเทศและประชาชน ประธานาธิบดี คุณเองก็ได้ยินแล้ว”
“พวกเราทั้งสี่ตระกูล ต้องการให้คุณทวงคืนความยุติธรรมแก่เรา!”
หงซานเหอคิดจะทะเลาะวิวาทต่อ แต่กลับถูกประธานาธิบดีห้ามเอาไว้
“เหล่าหงใจเย็นๆ!”
“ผู้อาวุโสทุกท่านอย่าใจร้อน!”
“ตอนนี้ ประเด็นการอภิปรายของทุกคนก็คือ ญี่ปุ่นจะทำสงครามกับเราชาวจีนเพราะหลินหยุนหรือไม่!”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ย่างนั้นทำไมเราไม่ไปถามคนเสียล่ะ?”
ดวงตาของหวางจิงหลงแข็งกร้าว “ถามใคร? หรือว่าคิดจะโทนไปถามเจ้าหน้าที่ระดับสูงของญี่ปุ่นหรือไง? เรื่องนี้ถามไปพวกเขาก็ไม่บอกหรอก!”
ประธานาธิบดียิ้มและเอ่ย “หลินหยุนกลับมาแล้ว ตอนนี้อยู่ที่สนามบินที่ชานเมืองหลวง!”
“แทนที่จะเถียงกันที่นี่ ทำไมพวกเราไม่ไปถามคนที่เกี่ยวข้องเลยล่ะ?”
หวางจิงหลงตกตะลึงในใจ “เจ้าเด็กหนุ่มนั่นกลับมาเร็วขนาดนี้เชียว!”
“หึ ต่อให้กลับมาแล้วยังไงกัน? ตราบใดที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของญี่ปุ่นไม่ออกแถลงการณ์ เขาก็ไม่สามารถหลุดพ้นข้อหาบ่อนทำลายความสัมพันธ์ทวิภาคีได้!”
เมื่อคิดอยู่ในใจ ใบหน้าของหวางจิงหลงก็ราบเรียบและเอ่ยขึ้นว่า “ดี อย่างนั้นก็ให้เขามาเผชิญหน้าโดยตรง!”
พวกเขาหยุดเถียงกันและนั่งรอให้หลินหยุนกลับมาอย่างเงียบๆ
ที่สนามบินชานเมืองหลวง หลินหยุนนั้นกลับมาโดยนั่งเครื่องบินส่วนตัวของรัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่น
เนื่องจากแม้แต่ฮิโระชิ ทาเคดา ก็ไม่สามารถฆ่าหลินหยุนได้ อีกทั้งขีปนาวุธก็ไม่มีผลกระทบต่อหลินหยุน ดังนั้นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของญี่ปุ่นก็ทำให้เพียงแค่ต้องการผูกมิตรกับหลินหยุนให้มากที่สุดเท่านั้น
แม้ว่าจะมีการคุกคามเล็กน้อยในจดหมายขอโทษ แต่ก็เป็นเพราะจดหมายฉบับนั้นแสดงให้เห็นถึงความแข็งนอกอ่อนในของพวกเขา
ก็เหมือนเด็กสองคนที่อวดของเล่น หนึ่งในนั้นแพ้แล้วจากนั้นก็พูดว่า คอยดูเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อของฉันจะซื้อของเล่นใหม่ให้ฉัน
ในจดหมายขอโทษจากประธานาธิบดีญี่ปุ่น แฝงคำข่มขู่ใส่หลินหยุน ก็มีความหมายแบบนี้เช่นกัน
เมื่อหลินหยุนลงจากเครื่องบิน เขาก็ถูกคนขับรถมารับไปยังคฤหาสน์สภาประเทศในทันทีโดยประธานาธิบดี
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลินหยุนมายังคฤหาสน์สภาประเทศ สำหรับคนธรรมดาหลายๆ คน สถานที่แห่งนี้คือจุดสูงสุดของตัวแทนอำนาจของชาติจีน แต่ว่ามันกลับไม่ต่างจากสำนักงานทั่วไปในใจของหลินหยุน
ระหว่างทางกลับ คนขับรถบอกหลินหยุนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์สภาประเทศ
หลินหยุนคาดคิดเอาไว้ก่อนแล้ว ว่าคุณตาของเขาจะต้องไม่พลาดโอกาสที่จะกดดันเขาในครั้งนี้
แน่นอนว่า เมื่อเขายังไม่กลับจากญี่ปุ่น คุณตาของเขาคนนี้ก็เตรียมเล่นงานเขาเอาไว้แล้ว