จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 836 ถามพวกเขาว่ากล้าไหม
เมื่อเข้ามาถึงคฤหาสน์สภาประเทศ ประธานาธิบดีจีนและหงซานเหอยืนอยู่ด้วยกัน ส่วนหวางจิงหลงและเจ้าบ้านของสามตระกูลที่เหลือก็ยืนอยู่ด้วยกัน
ต่างฝ่ายต่างตั้งค่าย แบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจน
“ท่านประธานาธิบดีครับ ปรมาจารย์หลินมาถึงแล้วครับ!” พนักงานขับรถโค้งคำนับแล้วรายงาน
“อึม คุณออกไปได้ล่ะ!” ประธานาธิบดีพูดอย่างเรียบๆ
“ครับผม!” พนักงานขับรถหันหลังกลับแล้วเดินออกไป
สายตาประธานาธิบดีมองไปยังหลินหยุน แล้วพูดว่า “หลินหยุน คุณเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่น ตามหลักแล้วก็ควรจะให้คุณได้พักผ่อนก่อน”
“แต่ว่า หวางจิงหลงผู้อาวุโสใหญ่ในคณะรัฐมนตรี และยังมีผู้อาวุโสที่เหลืออีกหลายท่าน รู้สึกมีข้อข้องใจบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่คุณไปทำไว้ที่ประเทศญี่ปุ่น ฉันจึงให้คนไปรับคุณมาที่นี่”
หลินหยุนมองไปยังประธานาธิบดีจีน แล้วถามอย่างเรียบๆว่า “พวกเขาพูดว่ายังไงเหรอ?”
หงซานเหอก้าวเท้าเดินออกมาข้างหน้า: “ฉันพูดเอง!”
“เจ้าหนู ผู้อาวุโสใหญ่หวางบอกว่าคุณอยู่ประเทศญี่ปุ่นทำตัวเป็นอันธพาลก่อความวุ่นวาย มีพฤติกรรมที่ทำลายชาติและคนจีนทั้งประเทศ จะนำภัยสงครามมาสู่ประเทศจีนเรา ทำให้ชาวจีนนับหมื่นจะต้องได้รับความทนทุกข์ทรมานจากภัยสงครามอีกครั้งหนึ่ง!”
“หลินหยุน คุณมีอะไรอยากจะพูดไหม?”
พอพูดจบ หงซานเหอก็มองไปยังหวางจิงหลงอย่างเยือกเย็น
หลินหยุนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้หันไปมองหวางจิงหลงเลยแม้แต่นิดเดียว สองมือไขว้หลังไว้ ค่อยๆเดินไปยังเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง นั่งลงไป ค่อยๆยกกาน้ำชากระเบื้องลายครามที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้วริมน้ำชาให้กับตัวเอง
จากนั้น ก็ค่อยๆจิบน้ำชาเบาๆ ท่ามกลางสายตาของผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลจีนทั้งหกท่าน
สายตาประธานาธิบดีแสดงรอยยิ้มออกมามากยิ่งขึ้น แต่หงซานเหอกลับค้อนใส่หลินหยุนไปหนึ่งที
หวางจิงหลงสีหน้าบึ้งตึง หายใจแรงมากขึ้น เห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธไม่เบาทีเดียว
เจ้าบ้านสามตระกูลใหญ่ที่เหลือ ก็ได้แต่หันหน้าไปที่อื่น รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของหลินหยุนเป็นอย่างมาก
หลินหยุนวางแก้วน้ำชาลง แล้วค่อยๆพูดว่า: “ผมอยู่ประเทศญี่ปุ่น ก็ทำตัวเป็นอันธพาลก่อความวุ่นวายจริงๆ”
“พวกเขาคิดจะทำอะไรกับผมเหรอ?”
จางฉางเกิงเจ้าบ้านตระกูลจางก็รีบตะโกนพูดทันทีว่า: “ได้ยินหรือยัง? เขายอมรับว่าตัวเองก่อความวุ่นวายในประเทศญี่ปุ่นแล้ว ตอนนี้ท่านหงยังมีอะไรจะพูดอีกไหมล่ะ!”
หงซานเหอหยุดชะงักไปชั่วครู่ ทำตาถลนใส่หลินหยุน เหมือนกำลังกล่าวตำหนิ
เดิมทีคิดว่าเมื่อหลินหยุนกลับมาแล้ว จะต้องตอบโต้พวกหวางจิงหลงให้หน้าหงายไปเลย คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่ถึงกับยอมรับหน้าตาเฉย
เช่นนี้ทำให้หงซานเหอกลายเป็นฝ่ายถูกกระทำไปเลย
หงซานเหอพูดด้วยเสียงเข้มว่า “พวกเขาขอให้ประธานาธิบดีจัดการกับคุณ แต่ยังไม่ได้บอกว่าจะจัดการยังไง”
หลินหยุนกวาดสายตาไปยังหวางจิงหลง มุมปากก็แสดงรอยยิ้มที่ทะเล้นออกมา “งั้นพวกคุณก็ลองบอกมาสิว่า จะจัดการยังไงกับผมดีล่ะ?”
หวางจิงหลงจ้องหน้าหลินหยุน ตาต่อตาฟันต่อฟัน แล้วพูดเยาะเย้ยว่า “คุณอยู่ประเทศญี่ปุ่น ตีรันฟันแทงฆ่าคนเป็นเบือ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจีนและประเทศญี่ปุ่น ก็ต้องส่งมอบคุณให้กับประเทศญี่ปุ่นไปจัดการเองจะดีที่สุด”
หวางจิงหลงดีดลูกคิดได้ดังมาก ส่งมอบหลินหยุนไปให้กับประเทศญี่ปุ่น จะได้เป็นการแสดงให้เห็นชัดว่าเขาทำเพื่อปกป้องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจีนกับประเทศญี่ปุ่นด้วยความจริงใจ ไม่ใช่เป็นเพราะเหตุผลส่วนตัวที่จะกำจัดหลินหยุนเลย
อีกทั้ง ถ้ามอบหลินหยุนให้กับประเทศญี่ปุ่นจัดการเองแล้ว ประเทศญี่ปุ่นต้องไม่ยอมเก็บตัวปัญหาอย่างหลินหยุนไว้อย่างแน่นอน
เช่นนี้แล้ว หวางจิงหลงก็จะได้ไม่ต้องถูกคนอื่นติฉินนินทา ว่าเป็นพวกเลือดเย็นไร้มนุษยธรรมได้
อย่างน้อยหลินหยุนก็ยังเป็นหลานชายแท้ๆของเขา
เจ้าบ้านสามตระกูลใหญ่ที่เหลือ มองดูหวางจิงหลงที่สีหน้าเคร่งขรึม ท่าทางที่ผดุงคุณธรรมอย่างองอาจ ในใจก็แอบเลื่อมใส: “หวางจิงหลงนี่ช่างเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์เสียจริง เรื่องการทำงานรอบคอบไม่มีที่ติจริงเชียว”
หงซานเหอทำเสียงฮื่อใส่ ถึงแม้จะไม่ชอบการกระทำของหวางจิงหลงก็จริง พฤติกรรมเหมือนหญิงที่เป็นโสเภณีแล้วก็ยังทำป้ายเชิดชูเกียรติให้กับตัวเองเช่นนี้ แต่ว่าเขาก็ไม่สามารถที่จะไปคัดค้านได้
ประธานาธิบดีจีนไม่ได้แสดงท่าทีอะไร เพียงแต่มองไปยังหลินหยุนด้วยรอยยิ้ม
หลินหยุนหัวเราะเยาะ ยกแก้วน้ำชาขึ้นมา เงยหน้ามองไปทางอื่นแล้วพูดว่า “ส่งฉันไปให้ประเทศญี่ปุ่น ดีเลย!”
“แต่ว่า คุณควรจะไปถามพวกเขาก่อนนะว่ากล้ารับผมไว้หรือเปล่าแล้วค่อยมาว่ากัน!”
ประธานาธิบดีพูดเสริมขึ้นมาทันทีว่า “ใช่แล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่งฉันลืมบอกไป ที่หลินหยุนกลับมาจากญี่ปุ่นคราวนี้ ก็เป็นเพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ใช้เครื่องบินประจำตำแหน่งส่งเขากลับมาด้วยตัวเองเลย!”
คำพูดของประธานาธิบดีจีนประโยคนี้ พูดเสริมขึ้นได้อย่างพอเหมาะพอเจาะเลยทีเดียว
หวางจิงหลงและเจ้าบ้านทั้งสามตระกูลใหญ่ ก็รู้สึกตกใจทันที
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นใช้เครื่องบินประจำตำแหน่งมาส่งหลินหยุนด้วยตัวเอง นี่มันหมายความว่ายังไงเหรอ?
ข้อมูลที่สื่อสารออกมานั้น ไม่ต้องอธิบายก็เข้าใจได้แล้ว
อีกทั้ง คนที่สามารถทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศใช้เครื่องบินประจำตำแหน่งมาส่งด้วยตัวเองคนนั้น ควรจะต้องมีฐานะสำคัญขนาดไหน?
ต่อให้เป็นประธานาธิบดีประเทศจีนเอง ก็เกรงว่ายังไม่มีสิทธิ์ที่จะให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นใช้เครื่องบินประจำตำแหน่งมาส่งด้วยตัวเองเลย
นี่แสดงให้เห็นว่า ประเทศญี่ปุ่นเห็นความสำคัญของหลินหยุนมากเพียงใด ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้สึกเคารพยำเกรงหลินหยุนด้วยซ้ำไป
อีกอย่างหนึ่ง คำพูดของหลินหยุนนั้นมีความหมายว่าอย่างไร? ประเทศญี่ปุ่นไม่กล้ารับเขาไว้เหรอ? เขาอยู่ประเทศญี่ปุ่นทำอะไรไว้กันแน่?
หวางจิงหลงและประธานาธิบดีจีนทางนี้ ถึงแม้จะรู้ว่าหลินหยุนได้สังหารตระกูลยามาโนะทั้งตระกูลไปแล้ว หลังจากนั้นก็ได้สังหารอิจิโร่ มุรามาสะไปด้วย
แต่ว่า พวกเขากลับไม่ได้รู้เรื่องราวที่ผู้นำระดับสูงของประเทศญี่ปุ่นลงมือกับหลินหยุนเลย เพราะว่าตอนนั้นญี่ปุ่นได้ปิดกั้นเขตบริเวณนั้นไว้หมดแล้ว
สำหรับเรื่องที่ว่าหลินหยุนคนเดียวต่อสู้กับทหารนับหมื่น แข็งขืนต้านรับขีปนาวุธไว้ได้ ตลอดจนเรื่องที่ได้สังหารฮิโระชิ ทาเคดา ราชครูของญี่ปุ่นนั้น พวกเขาก็ยังไม่รู้เรื่องเลย
ดังนั้น พวกหวางจิงหลงจึงไม่เชื่อคำพูดของหลินหยุนเลย
พวกเขารู้สึกว่า การที่หลินหยุนได้ไปอาละวาดเข่นฆ่าผู้คนในประเทศญี่ปุ่นนั้น ด้วยนิสัยที่เจ้าคิดเจ้าแค้นของชาวญี่ปุ่นนั้น เป็นไปได้อย่างไรที่ยังจะให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นมาส่งหลินหยุนด้วยตัวเอง?
ถ้าไม่ใช่ประธานาธิบดีจีนพูดโกหก ก็จะต้องเป็นแผนชั่วร้ายอะไรสักอย่างของประเทศญี่ปุ่นแล้ว
ดังนั้น หวางจิงหลงจึงมั่นใจว่า ประเทศญี่ปุ่นจะต้องเกลียดชังหลินหยุนมาก จนอยากจัดการหลินหยุนให้ตายคามือไปเลย
“ฮื่อ ต่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นจะมาส่งเขาด้วยตัวเอง แล้วจะอธิบายอะไรได้ล่ะ?”
“อาจไม่แน่ว่า นี่เป็นแผนชั่วร้ายของพวกญี่ปุ่นก็ได้
“ถ้าอยากจะพิสูจน์ว่าประเทศญี่ปุ่นไม่ได้คิดร้ายกับประเทศจีนเพราะสาเหตุมาจากคุณละก็ นอกเสียจากว่าคุณสามารถทำให้ผู้บริหารระดับสูงของประเทศญี่ปุ่นมาพิสูจน์ด้วยตัวเองเท่านั้น”
หงซานเหอทนฟังต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว คำรามเสียงดังด้วยความโกรธว่า: “หวางจิงหลง คุณยังมียางอายอยู่อีกหรือเปล่า! รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นไม่ใช่ผู้บริหารระดับสูงของประเทศญี่ปุ่นเหรอ?”
“ท่าทีของเขา ยังไม่สามารถเป็นตัวแทนของผู้บริหารระดับสูงของประเทศญี่ปุ่นเหรอไง!”
ใบหน้าของหวางจิงหลงสั่นเล็กน้อย พูดเยาะเย้ยว่า: “แค่ลำพังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นเพียงคนเดียว ยังไม่พอหรอก อย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีคนของคณะรัฐมนตรีออกมาพูดอะไรบ้าง!”
หงซานเหอพูดด้วยความโกรธว่า: “ต่ำช้าสามานย์!”
“งั้นทำไมคุณไม่พูดไปเลยว่าต้องให้ประธานาธิบดีญี่ปุ่นมาขอโทษหลินหยุนด้วยตัวเองล่ะ!”
หวางจิงหลงตอบโต้อย่างตาต่อตาฟันต่อฟันว่า: “ถ้าให้ประธานาธิบดีญี่ปุ่นมาขอโทษเขาด้วยตัวเอง ก็ย่อมสามารถพิสูจน์ได้ว่า พฤติกรรมที่เขาอยู่ประเทศญี่ปุ่นนั้น ไม่ได้ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ฉันก็จะไม่ติดใจเอาความกับเขา”
“คุณ………” หงซานเหอชี้หน้าหวางจิงหลงด้วยความโกรธจัด สีหน้าแดงก่ำ พูดอะไรไม่ออก
เขาเพียงแค่พูดไปอย่างนั้นเอง ไม่คิดเลยว่าหวางจิงหลงกลับตอบตกลงอย่างไม่รู้จักละอายใจเช่นนี้
“ท่านหงอย่าเพิ่งร้อนใจไปเลย ในนี่ผมมีจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนโดยประธานาธิบดีญี่ปุ่น ขอเชิญทุกท่านอ่านดู” หลินหยุนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แล้วหยิบจดหมายที่ประธานาธิบดีญี่ปุ่นเขียนให้เขาฉบับนั้น ใช้นิ้วมือดีดไปหนึ่งที แล้วยื่นให้กับหงซานเหอ
หงซานเหอก็เปิดออกดู หลังจากอ่านจบแล้ว ก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ดี ดี ดีจังเลย!”
“หวางจิงหลง คุณไม่ใช่อยากได้คำขอโทษจากประธานาธิบดีญี่ปุ่นเหรอ? ไปอ่านดูเอาเองสิ!”
หงซานเหอก็โยนจดหมายนั้นไปยังตัวของหวางจิงหลง มองดูเขาด้วยสีหน้าที่สะใจบนความทุกข์คนอื่น
ในใจหวางจิงหลงก็รู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก รับจดหมายมาแล้วเปิดอ่านดู
หลังจากนั้น มือที่หนีบจดหมายฉบับนั้นของเขาก็สั่นไปหมด
แต่ว่า ยังไงหวางจิงหลงก็ยังคงมีเล่ห์เหลี่ยมที่ล้ำลึกมาก หลังจากที่อ่านจดหมายจบแล้ว ก็พูดอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า: “ก็แค่จดหมายปลอมฉบับหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่น่าเชื่อถืออะไรเลย!”
หงซานเหอพูดด้วยความโกรธว่า: “ในนั่นก็ยังมีตราประทับของประธานาธิบดีญี่ปุ่นอยู่เลย จะเป็นของปลอมได้ยังไงกัน!”
หวางจิงหลงหัวเราะเยาะ: “แค่ตราประทับอันเดียว ขอเพียงอยากได้ เสียไม่กี่สิบหยวนก็ทำได้แล้ว”
“ถ้าคิดอยากจะให้ฉันเชื่อถือจดหมายฉบับนี้ละก็ นอกเสียจากว่าประธานาธิบดีจะโทรศัพท์มาขอโทษหลินหยุนด้วยตัวเองเท่านั้น!”