จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 842 แผนการถล่มบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป
หวางโสวหลี่ไม่กล้าพูดอะไรอีก น้ำเสียงเมื่อครู่ของหวางจิงหลงก็รู้สึกค่อนข้างโกรธ ดูเหมือนตำหนิที่เขาพูดมากไป
แต่ว่าหวางเซิ่งเฉียนยังไงก็เป็นลูกชายของตัวเอง เขาในฐานะพ่อ ก็น่าจะมีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรออกมาได้บ้าง
อีกทั้งยังต้องให้ผู้บริหารระดับสูงของทั้งตระกูลหวาง ต้องมานั่งรอเด็กรุ่นหลังคนหนึ่ง ถึงแม้ทุกคนที่นั่งอยู่ในตระกูลหวางทั้งหลายเกรงกลัวบารมีของหวางจิงหลง จึงไม่กล้าพูดอะไร แต่ว่าในใจก็ต้องรู้สึกไม่พอใจบ้าง
มุมปากของหวางเจ๋อแสดงรอยยิ้มเจื่อนๆออกมา: “ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว เขาก็ยังจะกลับมาอีกเหรอ?”
ถึงแม้ว่าตัวเองได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะของตระกูลแล้วก็จริง แต่ว่าในใจของหวางเจ๋อก็รู้อยู่เต็มอกว่า ตราบใดที่คนนั้นยังอยู่ ไม่มีใครในตระกูลหวางที่จะกล้าเรียกตัวเองว่าอัจฉริยะทั้งนั้น
อีกทั้งตั้งแต่เล็กจนโตมา หวางเจ๋อก็มีชีวิตอยู่ท่ามกลางเงามืดของหวางเซิ่งเฉียนมาโดยตลอด
ในสายตาผู้คนข้างนอกแล้ว หวางเจ๋อเป็นอัจฉริยะคนรุ่นใหม่ของตระกูลหวาง ได้รับการยอมรับจากหวางจิงหลงเป็นอย่างมาก และจะต้องเป็นยอดอัจฉริยะในอนาคตด้วย
แต่ว่า มีเพียงหวางเจ๋อเองที่รู้อยู่แก่ใจว่า เกียรติยศชื่อเสียงทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนเป็นเพราะว่าคนคนนั้นยังไม่ได้กลับมาต่างหาก
ขอเพียงแต่ให้คนนั้นกลับมาถึง ชื่อเสียงเกียรติยศทั้งหมดที่มีอยู่ในตระกูลหวางของเขา ก็จะอับแสงไร้ความสว่างไปอย่างเห็นได้ชัด
อัจฉริยะที่แท้จริง ก็มีเพียงคนคนนั้นเท่านั้น
พี่ชายแท้ๆของเขา หวางเซิ่งเฉียน
ตอนนี้ พอได้ข่าวว่าหวางเซิ่งเฉียนจะกลับมาแล้ว เจ้าบ้านตระกูลหวางที่เป็นคนเย่อหยิ่งจองหองมาตลอด ถึงกับนำพาผู้บริหารระดับสูงของตระกูลหวางทั้งหมด มารอรับอยู่ที่นี่เป็นเวลานานหนึ่งชั่วโมงแล้ว
นี่เป็นเกียรติยศสูงส่งระดับไหนกันเชียว!
ผู้คนทั้งหมดของตระกูลหวาง ยังไม่เคยมีใครที่ได้รับเกียรติที่พิเศษเช่นนี้มาก่อนเลย
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อย้อนดูประวัติศาสตร์ของตระกูลหวางแล้ว ก็มีแต่หวางเซิ่งเฉียนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับเกียรติพิเศษสุดเช่นนี้
ถึงแม้ว่าคนจำนวนมากมายในที่นี้ ต่างก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจก็จริง แต่ว่า กลับไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมา แล้วตั้งข้อสงสัยในการตัดสินใจของหวางจิงหลงเลย
ในที่สุด พ่อบ้านก็นำชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาท่าทางดูดีคนหนึ่ง เดินเข้ามาจากข้างนอก
หน้าตาของชายหนุ่มคนนี้ค่อนข้างเยือกเย็น รูปร่างหน้าตาไม่ค่อยเหมือนหวางโส่วหลี่เท่าไหร่นัก แต่ว่ากลับละม้ายคล้ายคลึงกับหวางจิงหลงเสียอีก
โดยเฉพาะอุปนิสัยเยือกเย็นที่ซ่อนเล้นอยู่บนใบหน้าของชายหนุ่ม เหมือนกับหวางจิงหลงมากทีเดียว
อาจไม่แน่ นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่หวางจิงหลงปฏิบัติต่อเขาเป็นพิเศษเช่นนี้
“สวัสดีครับคุณปู่!”
หวางเซิ่งเฉียนเดินเข้ามาถึงกลางห้องโถงใหญ่ แล้วโค้งคำนับหวางจิงหลง
“ลูกเฉียน ในที่สุดนายก็กลับมาแล้ว!” บนใบหน้าของจิงหลงแสดงรอยยิ้มที่เห็นได้ยากออกมา หมือนกับว่าในที่สุดก็ได้ปลดปล่อยภาระที่หนักอึ้งทั้งหมดออกมา
หวางเซิ่งเฉียนก็โค้งคำนับหวางโส่วหลี่ แล้วพูดว่า “คุณพ่อครับ ผมกลับมาแล้วครับ!”
“ดี กลับมาก็ดีแล้ว!” หวางโส่วหลี่ก็พยักหน้ายิ้มเล็กน้อย
“พ่อกับพวกผู้อาวุโสทั้งหลายในที่นี้ ต่างก็มารอลูกตั้งนานแล้วล่ะ”
หวางเซิ่งเฉียนยิ้มเล็กน้อย กลับยกมือทำความเคารพให้กับผู้คนทั้งหลาย แล้วพูดว่า: “ต้องให้ผู้อาวุโสทั้งหลายรอนานแล้ว เป็นความผิดของผมเองครับ!”
การแสดงมารยาทเช่นนี้ของหวางเซิ่งเฉียน ไม่ค่อยมีสัมมาคารวะไปหน่อย
แต่ว่า ทุกคนกลับไม่กล้าแสดงความไม่พอใจอะไรออกมา อีกทั้งยังยิ้มตอบด้วยมารยาทว่า “ไม่ลำบาก ไม่ลำบาก……”
หวางจิงหลงก็พูดว่า “เอาเถอะ ลูกเฉียนเพิ่งจะกลับมาถึง คงจะเหนื่อยแย่แล้ว ไปทานข้าวกันเถอะ!”
ในใจของผู้บริหารระดับสูงทั้งหลาย ในใจก็รู้สึกกระอักกระอ่วน
ผู้คนจำนวนมากมายขนาดนั้นมารอนานเป็นชั่วโมง ก็เพื่อต้อนรับหวางเซิ่งเฉียน
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะของตระกูลหวางก็จริง แต่ยังไงก็ยังเป็นเด็กรุ่นหลังคนหนึ่ง
เจ้าบ้านทำเช่นนี้ ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!
แต่ว่า ถึงจะไม่ค่อยพอใจยังไง ก็ไม่มีใครสักคนที่กล้ายืนขึ้นมาพูดอะไรบ้าง อำนาจบารมีของหวางจิงหลงนั้น คนทั้งตระกูลหวางไม่มีใครกล้าที่จะไปล่วงเกินเลย
หวางจิงหลงเดินนำหน้าพาผู้คนตระกูลหวางทั้งหลาย มุ่งหน้าไปยังห้องอาหาร
หวางเจ๋อเดินตามหลังผู้คนอย่างเงียบๆ มองไปยังหวางเซิ่งเฉียนที่เดินเคียงข้างหวางจิงหลง สีหน้าค่อนข้างสะเทือนใจเล็กน้อย
“เกรงว่าตระกูลหวางคงจะเข้าสู่กาลเวลาแห่งความวุ่นวายเสียแล้ว!”
เหตุผลที่หวางเซิ่งเฉียนมีฐานะที่สูงส่งในตระกูลหวางนั้น ไม่เพียงแต่เป็นเพราะว่าเขาเป็นอัจฉริยะของตระกูลหวางเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเบื้องหลังของเขามีอำนาจอิทธิพลยิ่งใหญ่ของโลกบู๊โบราณคอยสนับสนุนอยู่
คราวนี้หวางเซิ่งเฉียนกลับมาจากการฝึกร่ำเรียนวิชาอย่างกะทันหันเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ามีจุดประสงค์บางอย่างแอบแฝงอยู่ด้วย
ด้วยอีคิวของหวางเจ๋อ ก็ย่อมต้องคิดประเด็นนี้ออกมาได้อย่างแน่นอน
การรับประทานร่วมกันอาหารครั้งนี้ ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในตัวของหวางเซิ่งเฉียนเป็นหลักเช่นเดิม
กล่าวได้ว่า คนส่วนใหญ่ในตระกูลหวางรับประทานอาหารมื้อนี้ด้วยความเบื่อหน่าย
แต่ว่า ยังคงไม่มีใครกล้าที่จะพูดระบายความรู้สึกไม่พอใจออกมาเลย
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ทุกคนต่างก็กลับเข้ามายังห้องโถงใหญ่เพื่อร่วมประชุมต่อ
ในระหว่างนั้น หวางจิงหลงก็ได้พูดกระซิบกับหวางเซิ่งเฉียนราวสองนาที หลังจากนั้นหวางจิงหลงก็ประกาศข่าวที่น่าตกใจเรื่องหนึ่งออกมา
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หวางเซิ่งเฉียนทำหน้าที่แทนเจ้าบ้านตระกูลหวางชั่วคราว คนตระกูลหวางทุกคนจะต้องฟังคำสั่งของเขา หากใครฝ่าฝืน จะต้องได้รับโทษจากกฎระเบียบของตระกูล!”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา ผู้คนทั้งหมดต่างก็ช็อกไปหมด!
ทุกคนต่างก็เคยแอบคิดมาก่อนว่า การกลับมาของหวางเซิ่งเฉียนครั้งนี้ เจ้าบ้านจะแบ่งภารกิจหน้าที่อะไรให้กับเขาบ้าง
แต่ว่า ทุกคนต่างก็คิดไม่ถึงเลยว่า หวางจิงหลงถึงกับยกตำแหน่งเจ้าบ้านชั่วคราวให้กับเขา!
ถ้าหากเป็นสมัยโบราณที่ปกครองด้วยระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หวางเซิ่งเฉียนก็เทียบเท่ากับรัชทายาทที่ถูกสถาปนาขึ้นมาแล้ว!
แต่ว่าหวางเซิ่งเฉียนเป็นเพียงแค่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลหวาง ในช่วงระหว่างตรงกลางนั้น ก็ยังขั้นด้วยลูกหลานรุ่นที่สองของตระกูลหวางอย่างเช่นหวางโส่วหลี่ และหวางโส่วเหรินเป็นต้น
แล้วจะให้คนรุ่นที่สองของตระกูลหวางพวกนี้คิดยังไงล่ะ?
เท่ากับว่าเจ้าบ้านมองข้ามหัวพวกเขาไป แล้วยกตำแหน่งเจ้าบ้านให้กับหวางเซิ่งเฉียนเลย
ทุกคนต่างก็งงเป็นไก่ตาแตก มีแต่หวางเจ๋อเท่านั้น ที่สีหน้าไร้ความรู้สึก ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในความคาดหมายของเขามาก่อนแล้ว
“สมแล้วที่เป็นคุณปู่ คนทั้งตระกูลหวางก็มีแต่ปู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีความกล้าหาญเช่นนี้!”
ในขณะที่ทุกคนต่างตกอยู่ในสภาวะช็อกอยู่นั้น หวางเซิ่งเฉียนก็เดินมายืนอยู่ข้างกายหวางจิงหลง เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนตระกูลหวาง ไม่มีความรู้สึกถ่อมตัวอะไรเลยต่อการรับตำแหน่งเจ้าบ้านครั้งนี้ และพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ในเมื่อคุณปู่ให้ผมรับตำแหน่งเจ้าบ้านชั่วคราว งั้นผมก็คงปฏิเสธไม่ได้แล้ว!”
“ผมก็ไม่อยากจะพูดเรื่องไร้สาระให้มาก เรื่องแรกที่ผมอยากจะทำตอนนี้ก็คือ ถล่มบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปให้ราบคาบไปเลย!”
ผู้คนตระกูลหวางทั้งหมด ก็รู้สึกตกใจอีกครั้งหนึ่ง!
พวกเขาคิดไม่ถึงว่า หลังจากที่หวางเซิ่งเฉียนรับตำแหน่งเจ้าบ้านชั่วคราวแล้ว คำสั่งแรกที่ประกาศออกมา ถึงกับเป็นการถล่มบริษัทของป้าแท้ๆของตัวเอง!
ในฐานะหวางโส่วหลี่เป็นพ่อของเขา ก็อดไม่ได้ที่แอบขมวดคิ้ว
หวางเซิ่งเฉียนไม่ได้มีความผูกพันอะไรกับหวางซูเฟินเลย แต่ว่าหวางโส่วหลี่พวกเขานั้นก็ยังมีเยื่อใยความผูกพันที่เป็นพี่น้องกันมาหลายสิบปีแล้ว ยังไงก็ยังตัดไม่ขาด
แต่ว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าหวางจิงหลงแล้ว ไม่มีใครกล้าสงสัยในการตัดสินใจของหวางเซิ่งเฉียนเลย
หวางจิงหลงเพิ่งจะประกาศยกตำแหน่งเจ้าบ้านชั่วคราวให้กับหวางเซิ่งเฉียน ตอนนี้ถ้าหากคำสั่งแรกที่หวางเซิ่งเฉียนประกาศออกมามีคนกล้าคัดค้านแล้วละก็ งั้นจะไม่เป็นการรนหาที่ตายให้กับตัวเองหรอกเหรอ?
หวางเซิ่งเฉียนพูดต่อไปอีกว่า “ก่อนที่ผมจะกลับมานั้น เรื่องที่จัดการกับบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปและหลินหยุนเจ้าหมอนั่น อยู่ด้วยความรับผิดชอบของหวางเจ๋อน้องชายผมเอง”
“แต่ว่าไม่ได้มีความคืบหน้าอะไรขึ้นมาเลย แต่คราวนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว คราวนี้ฉันจะ ทุ่มเททุกอย่างของตระกูลหวางทั้งหมด เพื่อลงมือจัดการกับ บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปอย่างสุดกำลังไปเลย!”
ด้วยอำนาจอิทธิพลของตระกูลหวาง ถ้าหากแม้แต่บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปเพียงบริษัทเดียวก็ยังไม่สามารถจัดการได้ละก็ แล้วยังมีหน้าไปเป็นผู้นำของสี่ตระกูลยิ่งใหญ่อีกได้ยังไงกัน!”
ดูจากคำพูดเช่นนี้ ก็สามารถเห็นได้แล้วว่า สไตล์การทำงานของหวางเซิ่งเฉียน เด็ดขาดและโหดเหี้ยมกว่าหวางเจ๋อมากเลยทีเดียว
อีกทั้ง ยังเป็นลักษณะที่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายแล้ว ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล!
ถ้าหากให้คนเช่นนี้มาเป็นเจ้าบ้านตระกูลหวางละก็ เช่นนั้นแล้วต่อไปทุกคนในตระกูลหวางต่างก็จะต้องระแวดระวังตัวกันแล้ว
“ทุกคนเริ่มปฏิบัติการได้เลย ผมต้องการถล่มบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปให้สิ้นซากภายในหนึ่งเดือน!” หวางเซิ่งเฉียนพูดด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายสบายๆ
ผู้คนตระกูลหวางทั้งหลายในใจก็รู้สึกช็อกอีกครั้งหนึ่ง!
“เวลาแค่เดือนเดียว นี่เป็นไปได้ยังไง!” ผู้บริหารระดับสูงของตระกูลหวางคนหนึ่ง อดไม่ได้ที่ส่งเสียงร้องตกใจออกมา
สายตาของหวางเซิ่งเฉียนก็หันไปมองทันที
“ท่านนี้คงเป็นคุณอาหวางกั๋วเฉียงสินะ คุณน่าจะเป็นผู้รับผิดชอบในเขตจงโจวของตระกูลหวางใช่ไหม?”
“พอดีเลย จงโจวก็คือแหล่งทุนใหญ่ของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป!”
“ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปเจริญก้าวหน้าได้ถึงเพียงนี้ คุณอาหวางมีผลงานไม่น้อยเลยนะ!” หวางเซิ่งเฉียนพูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่จริงใจ
“ในเมื่อคุณอาหวางรู้สึกว่าทำไม่ได้ งั้นก็ให้คนที่สามารถทำได้ไปแทนคุณก็แล้วกัน!”
ทุกคนต่างก็ตกใจ!
จะปลดตำแหน่งผู้บริหารสูงระดับสูงที่ทำงานเพื่อตระกูลหวางมาหลายสิบปีด้วยเหตุเพียงแค่นี้เองเหรอ?