จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 844 มุ่งหน้าไปยังเขาชื่อเสีย
หญ้าเผาจิตมังกรคบเพลิง ถึงแม้ไม่ใช่สมุนไพรหลักในการกลั่นยารวมทิพย์เพลิงแดงก็จริง แต่กลับเป็นสมุนไพรหลักในการใช้ผลิตยากลั่นทิพย์เพลิงม่วงที่มีระดับสูงกว่ายารวมทิพย์เพลิงแดงเสียอีก
ขอเพียงแค่ได้หญ้าเผาจิตมังกรคบเพลิงมา สมุนไพรอย่างอื่นที่เหลือก็หาได้ไม่ยากแล้ว ต่อให้หาไม่ได้จริงๆ หลินหยุนก็สามารถใช้ยาสมุนไพรอย่างอื่นแทนได้
มีเพียงแต่หญ้าเผาจิตมังกรคบเพลิงนี้เท่านั้น ที่ไม่มีสมุนไพรตัวไหนสามารถทดแทนได้เลย เพราะว่าได้ยินมาว่าหญ้าเผาจิตมังกรคบเพลิงนี้สามารถขึ้นได้ เฉพาะแต่บริเวณที่มังกรคบเพลิงเคยพักอาศัยเป็นเวลานานนับร้อยปีขึ้นไปเท่านั้น
หลินหยุนก็หยิบมือถือออกมาเปิดดูแผนที่ เพื่อตรวจหาตำแหน่งของเขาชื่อเสีย หลังจากนั้นก็รีบออกเดินทางทันที
ตอนนี้หลินโจวก็มีนักบู๊จำนวนมากมารวมตัวกันแล้ว สถานที่อื่นก็จะต้องเป็นเช่นนี้เหมือนกัน
หลินหยุนจำเป็นจะต้องไปให้ถึงก่อนพวกนักบู๊เหล่านี้ เพื่อไปเอายาวิเศษต้นนั้นมาให้ได้ก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้หญ้าเผาจิตมังกรคบเพลิงนั้นถูกทำลายจากนักบู๊คนอื่นที่ไม่รู้จักประโยชน์ของมัน
เขาชื่อเสียอยู่ชายแดนของซีเป่ย ห่างจากหลินโจวพันกว่าลี้ แต่ว่าตอนนี้ก็มีรถไฟฟ้าไปถึงแล้ว
หลินหยุนใช้เวลาครึ่งวันในการเดินทาง ประมาณบ่ายสามโมงก็มาถึงเมืองโม่เป๋ย เมืองที่อยู่ใกล้เขาชื่อเสียมากที่สุด
หลังจากนั้น หลินหยุนก็เหมารถแท็กซี่คันหหนึ่งในเมืองโม่เป๋ย มุ่งหน้าไปยังเขาชื่อเสีย
คนขับรถแท็กซี่เป็นคุณลุงอ้วนศีรษะล้านคนหนึ่ง ใช้สำเนียงทางซีเป่ยถามว่า “เจ้าหนู ตอนนี้มีคนต่างถิ่นจำนวนมากไปที่เขาชื่อเสีย เขาชื่อเสียนี้ก็เป็นเพียงแค่ภูเขาหัวโล้นลูกหนึ่งไม่ใช่เหรอ? ก็ไม่ได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีทิวทัศน์สวยงามอะไรเลย ทำไมจู่ๆก็มีคนมากมายมุ่งหน้าไปยังเขาชื่อเสียเช่นนี้ล่ะ?”
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า “อาจไม่แน่บนเขาชื่อเสียนั้น มีของวิเศษที่หายากปรากฏขึ้นมาก็ได้”
คนขับรถหัวล้านคนนั้นพูดว่า “ใช่ๆ ได้ข่าวว่าบนเขาชื่อเสียนั้นมีงูหลามยักษ์ตัวหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าจะจริงหรือเปล่า?”
“แต่ว่าสมัยนี้ ที่ไหนจะมีงูหลามยักษ์แล้วล่ะ! ต่อให้มี ก็คงถูกจับส่งไปสวนสัตว์เป็นสัตว์ หายากไปแล้ว”
“คนต่างถิ่นอย่างพวกคุณ ยังจะเชื่อว่ามีจริงอีก!”
หลินหยุนไม่ได้ตอบเขา หลับตาเริ่มพักผ่อนเอาแรง
คนขับรถเห็นว่าหลินหยุนไม่อยากจะพูดคุยด้วยแล้ว จึงไม่ได้พูดอะไรอีก ตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป
รถแท็กซี่ไม่สามารถเข้าไปถึงเขาชื่อเสียได้เลย จึงได้ส่งหลินหยุนถึงหมู่บ้านที่อยู่ใกล้บริเวณนั้น
หลินหยุนจ่ายค่ารถโดยสารจำนวนมากเป็นสองเท่าให้เขา หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าเดินไปยังเขาชื่อเสีย
ระหว่างทางนั้น หลินหยุนก็ได้เห็นคนต่างถิ่นจำนวนมากมาย คนพวกนี้ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นนักบู๊ทั้งนั้น
สายตาที่พวกเขามองหลินหยุน ก็ดูเหมือนกำลังสืบหาอะไรบางอย่างอยู่
แต่ว่า ในสายตาของนกบู๊ส่วนใหญ่แล้ว เห็นว่าหลินหยุนเป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น
ดังนั้น เมื่อมองแวบเดียวก็ผ่านไปเลย
หลินหยุนก็เดินตามหลังกลุ่มนักบู๊จำนวนมากพวกนั้น มุ่งหน้าเดินไปยังเขาชื่อเสียพร้อมกัน
ขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้านั้น ในที่สุดหลินหยุนก็มาถึงเชิงเขาเขาชื่อเสียแล้ว
เขาชื่อเสียเป็นภูเขาหัวโล้นจริงๆ มีต้นไม้ปกคลุมน้อยมาก ต่อให้มีก็เป็นเพียงต้นไม้ที่ทนต่อความร้อนแห้งแล้งมากพวกนั้น อย่างเช่นพวกกระบองเพชรเป็นต้น
เขาชื่อเสียอยู่ในระดับความสูงจากน้ำทะเลไม่มากนัก อีกทั้งสภาพภูมิประเทศก็ยังราบเรียบ เพียงแต่ว่าพื้นที่บนเขากว้างใหญ่มาก
ภูเขาทั้งลูกเป็นรูปไข่วงรี ตรงกลางน่าจะเป็นหุบเขาใหญ่ ก็เหมือนกับว่าเขาชื่อเสียทั้งลูกก็เป็นกำแพงที่ใช้โอบล้อมหุบเขานี้ไว้
ตอนนี้แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ก่อนที่จะลับขอบฟ้าไปนั้น ในที่สุดก็ทอแสงส่องสว่างไปทั่วเขาชื่อเสียที่โล่งเตียนนั้น
เขาชื่อเสียทั้งลูกก็เหมือนปกคลุมไปด้วยแสงสีทองในชั่วพริบตา เดิมทีที่เป็นเพียงเขาหัวโล้นที่โล่งเตียน กลับกลายเป็นล้ำเลิศน่าเกรงขามขึ้นมาทันที
นักบู๊จำนวนมากเมื่อได้เห็นฉากนี้แล้วต่างก็รู้สึกเซอร์ไพรส์มาก
ถึงแม้ว่าเขาชื่อเสียไม่สูงมากนัก แต่ว่ามีบริเวณพื้นที่ที่กว้างขวางมาก ตอนนี้เมื่อถูกแสงอาทิตย์ที่จวนลับขอบฟ้าสาดส่องลงมา ก็ดูเหมือนกับเป็นพระนอนสีทององค์ใหญ่ นอนขวางอยู่บนพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้
หลินหยุนเดินตามหลังพวกนักบู๊ทั้งหลายขึ้นไปบนเขาด้วยกัน ทุกคนต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่า ในเมื่อมาถึงเขาชื่อเสียแล้ว ก็เพื่อมาหายาวิเศษกันทั้งนั้น
ตอนนี้ยังไม่ได้พบยาวิเศษเลย ทุกคนจึงรักษาความสงบไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ยาวิเศษได้ปรากฏขึ้นแล้ว ถึงเวลานั้นจะต้องเกิดศึกแย่งชิงใหญ่หลวงขึ้นอย่างแน่นอน
ดังนั้น ในระหว่างผู้คนพวกนี้ จึงไม่มีการพูดคุยอะไรกันทั้งสิ้น ต่างคนต่างมุ่งหน้าเข้าไปยังภูเขา
หลินหยุนก็ห่างจากกลุ่มคนพวกนั้นมากขึ้น เพื่อเข้าไปบนเขาจากทิศทางอีกด้านหนึ่ง ยังไงทางขึ้นเขาชื่อเสียก็ไม่ได้สูงชันมากนัก จะไปจากทิศทางไหนก็สามารถเข้าไปในป่าเขาได้ทั้งนั้น
เมื่อเข้าไปยังเขาชื่อเสียแล้ว หลินหยุนจึงได้เห็นพื้นที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลของเขาชื่อเสียอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าบริเวณรอบๆส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นพื้นที่ที่โล่งเตียน แต่กลับเป็นพื้นที่ที่เป็นหุบเขาแนวยาวตลอดทาง เมื่อเข้าไปอยู่ในเขานี้แล้ว ยากจะเห็นที่ที่อยู่ห่างไกลออกไปสิบกว่าเมตรได้เลย
หลินหยุนคำนวณทิศทางแล้ว จึงมุ่งหน้าไปยังใจกลางของหุบเขานั้น
ในไม่ช้า หลินหยุนก็ได้ข้ามภูเขานั้น เข้าไปสู่เขตใจกลางของหุบเขา
หุบเขานี้ใหญ่มากจริงๆ มองไปไกลสุดตายังไม่เห็นสุดขอบปลายทางเลย
ต้นไม้ที่นี่ก็ยิ่งน้อยกว่าเดิมเสียอีก แม้แต่พืชตระกูลกระบองเพชรพวกนั้นก็ยังหาไม่พบเลย
อีกทั้งสภาพพื้นที่ของหุบเขาแห่งนี้ก็แปลกประหลาดมาก ถึงกับเป็นพื้นดินสีน้ำตาลทั้งหมด เมื่อเหยียบลงไปแล้วรู้สึกแข็งแกร่งมาก
นักบู๊ดนพรสวรรค์บางคน ลองชกหมัดลงไปบนพื้นดินของหุบเขานี้ ถึงกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
จะเห็นได้ว่า พื้นดินบนหุบเขาแห่งนี้ แข็งแกร่งกว่าก้อนหินเสียอีก
หลินหยุนยืนอยู่ขอบหุบเขา สังเกตดูสิ่งแวดล้อมรอบๆบริเวณหุบเขานั้น
ด้านข้างนั้นก็มีพวกนักบู๊ส่วนหนึ่ง ก็มาถึงชายขอบหุบเขาแล้ว ก็เหมือนกับหลินหยุนที่สำรวจมองดูสิ่งแวดล้อมบริเวณรอบๆหุบเขาเช่นกัน
คนที่มาถึงชายขอบหุบเขาก็มีจำนวนไม่น้อย บางคนก็เหมือนกับหลินหยุนที่เดินทางมาโดยลำพังคนเดียว และยังมีผู้คนจำนวนสามถึงห้าคนรวมตัวเป็นกลุ่มเล็กๆ
ตอนนี้ ก็มีกลุ่มคนจำนวนห้าคนเดินมายังหลินหยุน
ทั้งห้าคนนี้ต่างก็เป็นวัยหนุ่มสาวนั้น ในจำนวนสี่คนนั้นล้วนเป็นนักบู๊แดนพรแสวง แต่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ระดับแดนพรสวรรค์เท่านั้นเอง
ในกลุ่มนั้นเป็นชายสี่หญิงหนึ่ง หญิงสาวหน้าตาสะสวยมาก ท่าทางค่อนข้างหยิ่งยโส
ชายหนุ่มทั้งสี่คน เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอก็มีท่าทางเหมือนพวกสุนัขรับใช้ คาดเดาว่าน่าจะเป็นลูกศิษย์ของสำนักแห่งหนึ่ง
“เฮ้ จวนจะเข้าไปถึงหุบเขาแล้ว จะเข้าร่วมทีมไปกับพวกเราด้วยกันไหม?” หญิงสาวตะโกนถามหลินหยุน น้ำเสียงค่อนข้างเย่อหยิ่ง
หลินหยุนไม่สนใจที่จะตอบเธอ ได้แต่เดินจากไป
หญิงสาวขมวดคิ้ว พูดด้วยความโมโหว่า “เจ้าหนู ฉันกำลังพูดกับนายอยู่นะ นายหูหนวกเหรอ?”
ชายหนุ่มคนที่มีดวงตารูปเรียว พูดด้วยสีหน้าดูถูกว่า “ศิษย์น้อง ในตัวของเขาไม่มีชี่แท้เคลื่อนไหวอยู่เลย เขาก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง คุณจะให้คนแบบนี้เข้ามาร่วมทีมกับพวกเราทำไมล่ะ?”
ชายหนุ่มที่เหลืออีกสามคน ก็มองไปยังหญิงสาวคนนั้นด้วยความแปลกใจ
หญิงสาวก็ต้องมีความคิดเห็นของตัวเองอย่างแน่นอน อีกทั้งเธอก็เป็นคนที่ฉลาดมากด้วย
เธอรู้สึกว่าคนที่เหมือนหลินหยุนเช่นนี้ กล้าเข้ามายังเขาชื่อเสียเพื่อหายาวิเศษเพียงลำพังคนเดียวนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งอย่างแน่นอน
อาจไม่แน่ หลินหยุนจะมีของดีอะไรก็ได้
ดังนั้น หญิงสาวจึงคิดอยากจะชวนเขามาเข้ามาร่วมทีมกับตัวเอง
“พวกคุณจะไปรู้อะไร!” หญิงสาวทำตาถลนใส่ชายคนนั้น ถลกชายกระโปรงขึ้น แล้วก็รีบวิ่งตามหลินหยุนไป
ชายหนุ่มทั้งสี่คนต่างมองหน้ากันและกัน แล้วตะโกนเรียก‘ศิษย์น้อง’จากนั้นก็รีบวิ่งตามไป
หญิงสาวกางแขนทั้งสองข้างออกยืนขวางอยู่ตรงหน้าหลินหยุน พูดด้วยสีหน้าหยิ่งยโสว่า “ฉันกำลังพูดกับคุณอยู่ คุณไม่ได้ยินเหรอไง?”
ชายหนุ่มทั้งสี่คนนั้น ก็รีบวิ่งมาอยู่ข้างหลังของหญิงสาวคนนั้น ทำตาดุใส่หลินหยุน “เจ้าหนู ศิษย์น้องของฉันกำลังถามแกอยู่นะ แกเป็นใบ้หรือหูหนวกล่ะ? ไม่ตอบแม้แต่คำเดียวเลย!”
หลินหยุนกวาดสายตาไปยังทุกคน แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “ไสหัวไป!”
พลังแกร่งกล้าราวกับภูเขาลูกหนึ่ง ถล่มลงมาจากฟากฟ้าทันที แล้วกระแทกลงไปบนศีรษะของคนทั้งห้า
ฟุ๊บ!
ทั้งคนนั้นถูกพลังแรงมหาศาลกดลงไปจนตกใจคุกเข่าลงกับพื้น เนื้อตัวสั่นไปหมด แม้แต่หน้าก็ยังไม่กล้าเงยขึ้นมาเลย
นักบู๊พรแสวงทั้งสี่คน กับนักบู๊พรสว่างอีกหนึ่งคน เพียงแค่หลินหยุนปลดปล่อยพลังเล็กน้อยออกมา พวกเขาก็อยากที่จะทนทานไหวแล้ว
หลังจากที่หลินหยุนจากไปแล้ว ทั้งห้าคนจึงเงยหน้าขึ้นมา
“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” ชายหนุ่มคนวหนึ่งถาม
หญิงสาวคนนั้นมองไปยังทิศทางที่หลินหยุนเดินไป ในใจก็ยังรู้สึกผวาเล็กน้อย: “อาจไม่แน่พวกเราได้เจอกับนักบู๊ในตำนานแล้ว”
“นักบู๊ในตำนานเหรอ?”
“เป็นไปได้ยังไง!”
“เจ้าเด็กนั่นดูไปแล้วก็แค่สี่สิบต้นๆเท่านั้นไม่ใช่เหรอ? สามารถเข้าไปแดนพรสวรรค์ได้ก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะแล้ว”
“ไปกันเถอะ ดูว่าพวกเราสามารถหายาวิเศษก่อนคนอื่นเขาหรือไม่? ถ้าอาศัยการแย่งชิง ด้วยพลังความสามารถของพวกเรา ดูท่าแล้วก็คงน่าจะไม่ไหว” หญิงสาวพูดด้วยเสียงเคร่งเครียด รู้สึกท้อแท้เล็กน้อย ที่เมื่อครู่ถูกหลินหยุนทำให้เกิดอาการช็อกอย่างแรง