จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 860 แน่นิ่งดั่งขุนเขา
ขณะที่ทุกคนเดินเข้าไปหาหลินหยุน เพื่อจะช่วยหลินหยุนให้หลุดพ้นจากพันธนาการ
จู่ ๆ หลินหยุนได้ลืมตาขึ้นมา : “ไม่ต้องหรอก”
“พลังของทุกคน ไม่สามารถทำอะไรค่ายกลนี้ได้หรอก”
หานหลิงเอ๋อเอ่ยพูดด้วยความเป็นห่วง : “แล้วจะทำยังไงดี?”
หลินหยุนเอ่ยพูดอย่างเรียบ ๆ : “ทุกคนถอยออกไป ถึงแม้ค่ายกลนี้แข็งแกร่ง แต่ก็กักขังฉันไว้ไม่ได้หรอก”
“นายมีวิธีงั้นเหรอ!” หานหลิงเอ๋อดีใจมาก : “งั้นก็เยี่ยมไปเลย!”
“ทุกคนถอยหลังออกไป!”
ทุกคนถอยไปหลบอยู่ที่ขอบค่ายกลทันที จนถึงที่กั้นของค่ายกล ทุกคนถึงได้หยุดลง
หลินหยุนมองไปที่ธนูพิฆาตปราณทิพย์ที่ยังคงสั่นไหวไม่หยุด แล้วเอ่ยพูดอย่างเรียบ ๆ : “ก่อนที่ฉันจะเป็นอิสระ ต้องกำจัดอันตรายนั่นทิ้งไปเสียก่อน”
แววตาของหลินหยุนมีประกายขึ้นมา แล้วส่งพลังทิพย์ไปยังตราผนึกทิพย์อีกครัง
ถึงแม้เขาถูกค่ายกลเก้าสร้อยตวัดมังกรกักขังอยู่ แต่หลินหยุนกลับไม่หยุดใช้ตราผนึกทิพย์
ตอนนี้ อาตมันเครื่องรางที่อยู่ในธนูพิฆาตปราณทิพย์ ได้เสื่อมกำลังลงแล้ว
ตราผนึกทิพย์หลังจากที่ได้พลังทิพย์อันแกร่งกล้าของหลินหยุนมาเสริมแล้ว ในที่สุดก็สามารถเอาชนะธนูพิฆาตปราณทิพย์ได้
ธนูพิฆาตปราณทิพย์ไม่ขยับอีกแล้ว เสียงร่วงหล่นลงพื้นดังขึ้น
อาตมันเครื่องรางได้ถูกผนึก เครื่องรางทิพย์ไม่มีเจ้าของอีกต่อไปแล้ว
ที่ฐานค่ายกล หญิงชุดดำตกใจ : “แย่แล้ว ฉันถูกตัดขาดกับอาตมันเครื่องรางที่อยู่ในธนูพิฆาตปราณทิพย์แล้ว!”
ชายชราเอ่ยพูดอย่างตกใจ : “เป็นไปได้ยังไง! เขาถูกค่ายกลตวัดมังกรกักขังอยู่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้กำจัดธนูพิฆาตปราณทิพย์ได้!”
“ฉันเคยบอกแล้วไง ว่าอย่าดูถูกเขาเด็ดขาด!”
“ตอนนี้ท่านเชื่อหรือยังล่ะ!” หญิงชุดดำมองไปที่ชายชรา แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา
ชายชราสีหน้าถมึงทึง ยื่นมือเอาไข่มุกสีดำปนแดงเม็ดหนึ่งออกมา : “มุกดูดเลือดครับ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะสามารถหลุดพ้นจากค่ายกลได้!”
“แต่ว่า ต่อให้เขาสามารถหลุดพ้นได้ พลังก็ต้องเสื่อมถอยลงไปแน่ ยังไงก็ไม่สามารถต้านทานมุกดูดเลือดได้”
ในค่ายกล หลินหยุนกวาดตามองไปยังโซ่ที่อยู่บนร่างตัวเอง
“ค่ายกลนี้มีวิธีการอยู่ ไม่เพียงแต่สามารถกักขังร่างกายไว้ได้เท่านั้น มันยังสามารถกักขังพลังทิพย์ไว้ได้บางส่วนอีกด้วย”
“แต่ว่า แกสามารถกักขังอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ได้ไหม?”
“ร่างธรรมกายแน่นิ่งดั่งขุนเขา!”
จู่ ๆ หลินหยุนได้พนมมือ แล้วมีแสงสีทองเรืองรองออกมาจากร่างกายเขา
ราวกับมีดวงอาทิตย์ดวงน้อยระเบิดออกมาจากในร่างกายของหลินหยุน ส่องสว่างจนเว่ยซิวหมิงและคนอื่น ๆ ไม่กล้าลืมตา
ร่างของหลินหยุนจู่ ๆ ก็ขยายใหญ่ขึ้น แสงสีทองทั่วตัวได้ส่องสว่างอย่างยิ่งใหญ่ เหมือนกับพระพุทธรูปสีทององค์ใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างฟ้าดิน
โซ่ทั้งเก้าเส้นนั้น ก็ขยายใหญ่ตามไปด้วย ยังคงมัดร่างใหญ่ราวกับพระพุทธใหญ่สีทองนั่นเอาไว้ ดูเหมือนไม่สนว่าพระพุทธรูปนั้นจะสูงใหญ่เพียงใด มันก็จะใหญ่ตามไปด้วย
เหมือนกับว่า โซ่พวกนั้น เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย คอยดูดซับสารอาหารจากร่างกาย แล้วเติบโตไปพร้อมกับร่างกาย
ตอนที่พระพุทธรูปใหญ่องค์นั้นสูงขึ้นสามสิบกว่าเมตร ก็ได้หยุดขยายตัวกะทันหัน
จากนั้น ได้มีร่างหนึ่งเดินออกมาจากร่างธรรมกาย ซึ่งร่างนั้นคือหลินหยุนนั่นเอง
ร่างธรรมกายไม่ได้ถูกทำลาย ส่วนร่างจริงก็สามารถออกมาได้
ร่างธรรมกายแน่นิ่งดั่งขุนเขา แม้ไม่ใช่วิชาขั้นสุดยอด แต่ก็ถือว่าเป็นวิชาระดับสูง
“สุดท้ายแล้วค่ายกลตวัดมังกร กักขังได้แค่ร่างของมังกร แต่กลับกักขังอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของผู้บำเพ็ญเซียนไว้ไม่ได้”
“ต่อไป ควรต้องคิดว่าจะทำลายค่ายกลตวัดมังกรนี้ไปได้ยังไง!”
หลินหยุนเดินออกมา ยืนอยู่ตรงหน้าร่างธรรมกาย มองไปยังร่างธรรมกายที่ถูกโซ่มัดตัวอยู่ ด้วยสีหน้านิ่งเฉย
หานหลิงเอ๋อเห็นร่างของหลินหยุน ก็ร้องเรียกด้วยความดีใจ : “หลินหยุน นายไม่เป็นอะไรแล้วเหรอ?”
“อืม” หลินหยุนไม่ได้หันกลับไปมอง ได้แต่ตอบกลับอย่างเรียบเฉย
ตอนนี้ หลินหยุนกำลังครุ่นคิดว่าจะทำลายค่ายกลนี้ยังไง
หานหลิงเอ๋อไม่ได้รบกวนเขา ได้แต่ยืนมองหลินหยุนอยู่ข้าง ๆ อย่างสงบ
หลินหยุนกวาดตามองไปรอบ ๆ เพื่อหารากฐานของค่ายกลนี้
“ในเมื่อเป็นค่ายกลตวัดมังกร พลังทิพย์ที่ใช้ไปมีมากมายนับไม่ถ้วน แสดงว่าต้องมีต้นกำเนิดของพลังอย่างแน่นอน”
“ขอแค่หาต้นกำเนิดของพลังค่ายกลนี้เจอ ก็สามารถทำลายค่ายกลนี้ได้”
“แต่ว่า ค่ายกลตวัดมังกรนี้ ได้รวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับสภาพแวดล้อมธรรมชาติโดยรอบ หากต้องหาศูนย์ค่ายกล คงไม่ง่ายดายนัก”
หลินหยุนครุ่นคิดอยู่เงียบ ๆ ว่าถ้าหากเขาเป็นคนสร้างค่ายกลแห่งนี้ เขาจะเอาศูนย์ค่ายกลไปวางไปที่ไหน
แต่ว่า มันยากเกินไปจริง ๆ ยังไงซะหลินหยุนก็ไม่ได้รู้จักกับคนที่สร้างค่ายกลนี้ในตอนนั้น จะคิดอะไรได้อีกล่ะ
“ใช้พลังดวงตาทำลายล้างหาแล้วกัน!”
หลินหยุนขี้เกียจใช้ความคิดแล้ว จึงหลับตาทั้งสองข้างลง แล้วลืมตาขึ้น ดวงตาข้างหนึ่งได้เปลี่ยนสีดำ อีกข้างหนึ่งเปลี่ยนสีขาว
สิ่งของทั้งหมดที่อยู่รอบตัว ในสายตาของหลินหยุน เปลี่ยนเป็นลายเส้นสีดำทันที
ตอนนี้ ภูเขาไม่ใช่ภูเขา น้ำไม่ใช่น้ำ ทั้งหมดได้แปรเปลี่ยนเป็นรูปแบบพลังงาน
ที่ยอดเขาเล็ก ๆ ลูกหนึ่งที่อยู่ด้านข้างยอดเขาทั้งเก้าลูก หลินหยุนพบว่าเป็นสถานที่ที่แตกต่างออกไป
เส้นสีดำที่นั่นเมื่อเทียบกับที่อื่น ๆ แล้ว มีความเข้มและหนาแน่น อีกทั้งเส้นสีดำส่วนหนึ่งได้เชื่อมต่อกับแผ่นดิน
เส้นสีดำที่เหลือ ส่วนใหญ่ล้วนยืดไปในอากาศอย่างไม่มีขอบเขต มีเพียงยอดเขาลูกเล็กนั่นที่แตกต่างออกไป
“น่าจะเป็นที่นี่แหละ” ดวงตาทั้งสองข้างของหลินหยุนกลับเป็นปกติอีกครั้ง แล้วมองไปยังยอดเขาลูกเล็กธรรมดา ๆ ที่อยู่ด้านข้างยอดเขาเก้าลูกนั้น
“ข้ามีหนึ่งกระบี่ที่ทลายนภาได้!”
น้ำเสียงที่เรียบเฉยและเย่อหยิ่งดังขึ้นอย่างฉับพลัน มีพลังที่ไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใด ดังกึกก้องไปทั่วหล้า
หลินหยุนถือดาบเฮ่าเทียน แล้วฟันไปที่ยอดเขาลูกเล็กลูกนั้นทันที
โครม!
แสงออโรราส่องประกายข้ามผ่านครึ่งขอบฟ้า โซ่เก้าเส้นของค่ายกลตวัดมังกร โผล่ขึ้นมาขวางไว้ทันที
แต่ว่า เพราะมีร่างธรรมกายแน่นิ่งดั่งขุนเขา ทำให้พลังของค่ายกลตวัดมังกรส่วนใหญ่ใช้ไปกับการกักขังร่างธรรมกายของหลินหยุน ดังนั้น โซ่เก้าเส้นในครั้งนี้ จึงมีพลังแค่สามส่วนเท่านั้น
ไม่มีเสียงใด ๆ ราวกับไม้ที่ผุพังสามารถทำลายได้อย่างง่ายดาย โซ่เก้าเส้นถูกเก้ากระบี่ต้าเต๋าทะลุสวรรค์ฟันขาดในครั้งเดียว
และยังมียอดเขาลูกเล็กลูกนั้น ได้ถูกหลินหยุนฟันเข้าตรงกลางจนแยกออกเป็นสองส่วน
ฉิ้ง!
แสงสะดุดตาได้เปล่งประกายออกมาจากยอดเขาลูกเล็กนั่น ในยอดเขาลูกเล็กนั่น เป็นแหล่งรวมพลังค่ายกลที่ใช้สำหรับสร้างค่ายกลเก้าสร้อยตวัดมังกร เขาลูกนั้นได้ถูกหลินหยุนทำลายในดาบเดียว
โซ่เก้าเส้นที่มัดร่างธรรมกายของหลินหยุนเอาไว้ สั่นคลอนอย่างหนัก จากนั้นก็คลายออก
ส่วนยอดเขาทั้งเก้ายอดที่อยู่รอบตัว ได้หดเล็กลง
ที่ฐานค่ายกล หญิงชุดดำตกใจเป็นอย่างมาก : “เขาถึงกับทำลายศูนย์ค่ายกลของค่ายกลตวัดมังกรลงได้!”
“ค่ายกลสูญเสียแหล่งพลังไปแล้ว อีกเดี๋ยวคงพังทลาย!”
“ไป!”
หญิงชุดดำก้าวออกไปทันที
ชายชรารีบตามไปติด ๆ พึมพำคนเดียวด้วยสีหน้าตกใจ : “ไอ้หนุ่มนี่มันเป็นใครกันแน่! แม้แต่ค่ายกลซั่งกู่ยังถูกมันทำลายลงได้!”
“ตอนนั้นแม้แต่มังกรคบเพลิงยังไม่สามารถหลุดพ้นจากค่ายกลนั้นได้เลย!”
ยอดเขาเก้าลูกของค่ายกลเก้าสร้อยตวัดมังกร หดตัวเล็กลงเรื่อย ๆ
โซ่เก้าเส้นที่มัดร่างธรรมกายของหลินหยุนเอาไว้ก็ได้หดเล็กลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่า เมื่อค่ายกลสูญเสียแหล่งกำเนิดพลังไป ก็เหมือนเผชิญหน้ากับความตาย
“สำเร็จแล้ว!” เว่ยซิวหมิงและคนอื่น ๆ ต่างดีอกดีใจ
“พลังของคนคนนี้ช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ!” ชิ่งกั๋วถัยมองไปที่หลินหยุน ด้วยสีหน้าอึ้งและทึ่ง
สายตาของหานหลิงเอ๋อที่มองไปยังหลินหยุน เต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา
เฉินซีเยว่ก็มีสีหน้าที่ทั้งอึ้งและทึ่งมาก ในใจรู้สึกเสียใจภายหลังเป็นอย่างมาก : “ฉันนี่มันตาบอดจริง ๆ ตอนนั้นทำไมถึงไม่รู้ว่าเขาปกปิดพลังของตัวเองเอาไว้!”
หลินหยุนรออยู่อย่างเงียบ ๆ รอให้พลังของค่ายกลตวัดมังกรสูญสลายไปจนหมดสิ้น
เมื่อถึงเวลานั้น ค่ายกลก็จะแพ้ภัยดับสลายไปเอง
ขณะที่ยอดเขาทั้งเก้ายอดที่อยู่โดยรอบ กำลังจะสลายหายไป
ในท้องฟ้าก็มีแสงสีแดงระเบิดออกมา
ไข่มุกสีดำปนแดงเม็ดหนึ่ง ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ปล่อยพลังที่ชั่วร้ายและน่ากลัวออกมา
หลินหยุนขมวดคิ้ว : “เครื่องรางทิพย์โผล่มาอีกแล้ว!”
หญิงชุดดำเหาะมาอย่างรวดเร็ว แล้วปล่อยพลังทิพย์ไปที่มุกดูดเลือด
ไข่มุกเม็ดนั้นได้เปล่งประกายขึ้นมาทันที แสงสีแดงประหลาดลอยออกมา ปกคลุมทุกคนเอาไว้
ทันใดนั้น ดวงตาของเว่ยซิวหมิงและคนอื่น ๆ ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที
จากนั้น ทุกคนเหมือนถูกเข้าสิงไม่มีผิด กระโจนเข้าไปหาหลินหยุนอย่างบ้าคลั่ง
หานหลิงเอ๋อและเฉินซีเยว่เองก็ไม่สามารถหลีกหนีไปได้ หญิงสาวทั้งสองคนเหมือนแมวป่าสองตัว กระโจนเข้าหาหลินหยุนอย่างรวดเร็ว