จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 868 ก่อตั้งชางฉองกรุ๊ป
เหมือนกับว่าได้ยินเสียงที่ดังขึ้นในจิตใจของซูจื่อเหลียง บริเวณกลางคฤหาสน์ ประตูห้องที่ หลินหยุนเก็บตัวบำเพ็ญฝึกฝนนั้น ก็ได้เปิดออกอย่างเบา ๆ
ลมหายใจที่น่าสะพรึงกลัว พัดโหมลอยมา ซูจื่อเหลียงที่กำลังจะบรรลุถึงขั้นแดนดั่งเทพ ขณะนั้น จิตวิญญาณก็สั่นไหวไปทั้งหมด ยืนอึ้งตัวแข็งทื่ออยู่กับที่
ยังดีที่ว่าลมหายใจนั้นได้สูญหายไปอย่างรวดเร็ว ต่อให้เป็นแบบนี้ ซูจื่อเหลียงเองก็ยังต้องใช้เวลา
สักพักถึงจะตั้งสติกลับคืนมาได้
เมื่อหลังจากที่ซูจื่อเหลียงตั้งสติกลับคืนมาได้แล้ว หลินหยุนในชุดสีดำ ที่สะอาดสะอ้าน ก็ได้มา
ยืนอยู่เบื้องหน้าของเขาแล้ว
“เป็นอย่างไรบ้าง? ” หลินหยุนมองไปที่ซูจื่อเหลียง และถามขึ้น
ซูจื่อเหลียงตื่นตกใจ จากนั้นก็รีบโค้งตัวทำความเคารพ และพูดขึ้นอย่างเร่งรีบว่า: “ท่านอาจารย์ ตระกูลหวางได้ลงมือเข้าโจมตีบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปอย่างรอบด้านแล้ว บริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ไม่สามารถที่จะยืนหยัดต่อไปได้แล้ว”
“อีกทั้ง ตระกูลหวางต่างก็ใช้วิธีการแข่งขันทางธุรกิจที่ถูกต้องเป็นทางการ โดยประธานกรรมการ
หวางห้ามไม่ให้ฉันเข้าไปยุ่งเกี่ยว! ”
สายตาของหลินหยุนขยับเคลื่อนไหวเล็กน้อย และพูดขึ้นว่า: “ฉันรู้แล้ว”
เห็นว่าหลินหยุนไม่ได้มีความโกรธเคืองขึ้นแม้แต่น้อย ซูจื่อเหลียงเองก็เบาใจลงได้บ้าง
ซูจื่อเหลียงรู้สึกว่า เหมือนกับอุปสรรคปัญหาทั้งหมดบนโลกนี้ ต่างก็ไม่สามารถทำให้หลินหยุน
พบกับความยากลำบากได้
“นายไปเปิดเครื่องโทรศัพท์ของฉันหน่อย! ”
“ถ้าหากตระกูลหวางลงมือแล้ว คงจะไม่เพียงแต่เข้าโจมตีบริษัท ตงกวาง กรุ๊ปแห่งเดียวเท่านั้น”
“รับทราบ! ” ซูจื่อเหลียงรีบเดินเข้าไปในห้อง แล้วหยิบโทรศัพท์ของหลินหยุนออกมา
เป็นไปตามนั้น หลังจากที่หลินหยุนเปิดเครื่องโทรศัพท์แล้ว ข้อความของฉินโส่วกับอีหลิงรวมถึง เจี่ยงสงและอีกหลายคน ก็เข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
หลังจากที่อ่านดูแล้ว หลินหยุนก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึกว่า: “ตระกูลหวาง ได้ลงมือจัดการกับตระกูลอี ตระกูลฉิน รวมถึงพวกผู้มีอิทธิพลอำนาจเหล่านั้น
ที่มาพึ่งพาอาศัยฉันในเวลาเดียวกันทั้งหมด โดยที่ตระกูลอีร้องขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ตระกูลฉินร้องขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ส่วนอ้าวฉางคงผู้มีอิทธิพลอำนาจแห่งกว่างเป่ย
ได้ทรยศหักหลัง”
ซูจื่อเหลียงตกตะลึง แววตาแสดงออกถึงความเลื่อมใส: “ท่านอาจารย์ช่างคาดการณ์เรื่องราว
ได้แม่นยำดั่งเทพ โดยคิดไม่ถึงว่าตระกูลหวางจะยิ่งใหญ่แข็งแกร่งมากขนาดนี้ ซึ่งสามารถลงมือ
จัดการกับผู้มีอิทธิพลอำนาจมากมายได้ในเวลาเดียวกันเช่นนี้! ”
หลินหยุนพูดว่า: “พวกเขาก็แค่เอ่ยปากแบบเลื่อนลอยเท่านั้น ส่วนพวกที่ลงมือกระทำจริง ๆ นั้น
ก็คือพวกที่ชอบสร้างเรื่องสร้างความวุ่นวาย”
ซูจื่อเหลียงถามขึ้นว่า: “แล้วพวกเราควรจะทำอย่างไรต่อไปกันดี? ”
“ถ้าหากออกช่วยเหลือพร้อมกัน เกรงว่าพวกเราคงจะยุ่งยากลำบากมากเลยทีเดียว! ”
หลินหยุนพูดว่า: “ไม่มีปัญหา”
พูดจบ หลินหยุนก็เริ่มโทรศัพท์
แต่ว่า ครั้งนี้ไม่ได้โทรศัพท์หาเพียงแค่คนเดียว โดยได้โทรศัพท์ไปหาหลายคน
ทุกสายที่โทรศัพท์ไปหานั้นได้พูดคุยกันไม่เกินหนึ่งนาที แต่ว่า ต่อให้เป็นเช่นนี้ ก็ใช้เวลาโทรศัพท์
ติดต่อในครั้งนี้ไปกว่าครึ่งชั่วโมง
เมื่อโทรศัพท์เสร็จแล้ว หลินหยุนก็มองไปที่ซูจื่อเหลียง และพูดขึ้นว่า: “ฉันเตรียมที่จะรวบรวม
อิทธิพลอำนาจทั้งหมด เพื่อก่อตั้งชางฉองกรุ๊ป”
“นายทำหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบชางฉองกรุ๊ปชั่วคราว”
ซูเหลี่ยงจื่อตกใจ รวบรวมอิทธิพลอำนาจทั้งหมด แต่ว่า เขาเองก็ไม่ทราบว่าหลินหยุนมีอิทธิพล
อำนาจมากเท่าไหร่? ไม่ใช่เพียงแค่อิทธิพลอำนาจที่หลิงหนานเท่านั้นหรอกเหรอ? ใช่แล้ว ยังมีตระกูลหลินอีก
แต่ว่า ต่อให้รวบรวมอิทธิพลอำนาจทั่วทั้งหลิงหนานบวกกับตระกูลหลินแล้ว ก็ยังไม่สามารถ
ต้านทานตระกูลหวางได้อยู่ดี!
นอกจากนี้ เวลานี้เพิ่งจะก่อตั้งชางฉองกรุ๊ป เกรงว่าจะสายเกินไปแล้วหรือไม่?
แม้ว่าซูเหลี่ยงจื่อจะมีความสับสนในจิตใจ แต่ก็ไม่กล้าที่จะสงสัยในคำสั่งของหลินหยุน โดยได้
โค้งคำนับรับฟังคำสั่ง: “รับทราบ! ”
“แต่ว่า สำนักงานใหญ่ชางฉองกรุ๊ปของพวกเรา จะจัดตั้งขึ้นที่ไหน? ”
“และจะก่อตั้งขึ้นเมื่อไหร่ล่ะ? ”
แววตาของหลินหยุนแน่นิ่งราวกับสายน้ำ: “สามวันหลังจากนี้ตระกูลหวางจะไปที่สำนักงานใหญ่
ของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปเพื่อจัดงานเลี้ยงฉลองไม่ใช่เหรอ? ”
“อย่างนั้นชางฉองกรุ๊ปก็กำหนดจัดพิธีเปิดกิจการขึ้น ในวันนั้นวันเดียวกันกับที่ตระกูลหวางไปจัด
งานเลี้ยงฉลองที่บริษัท ตงหวาง กรุ๊ป”
“สำนักงานใหญ่ชางฉองกรุ๊ป จัดตั้งขึ้นที่จงโจว”
ซูจื่อเหลียงตกใจ นี่คิดที่จะทำศึกชี้ขาดกับตระกูลหวางเลยเหรอ!
แม้ไม่ทราบว่าจะสามารถเอาชนะตระกูลหวางได้หรือไม่ เพราะว่านี่คือการแข่งขันสู้รบกันทางธุรกิจ
อย่างแท้จริง โดยจะแข่งขันกันด้วยเส้นสายความสัมพันธ์และเงินทุน ซึ่งหลินหยุนยังคงจะอ่อนด้อย
เกินไปหน่อย
ต่อให้มีพลังบู๊ต่อสู้ที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดา จะสามารถระดมเงินทุนและสร้างเส้นสายความสัมพันธ์
ได้มากเท่าไหร่กันเชียว?
แต่ว่า ซูจื่อเหลียงก็ยังคงมีความฮึกเหิมเร่าร้อน ซึ่งอดทนอดกลั้นมาเป็นเวลานาน ในที่สุดก็จะได้
ทำศึกชี้ขาดกับตระกูลหวางอย่างเป็นทางการแล้ว
นอกจากนี้ เขามีความเชื่อมั่นในตัวของหลินหยุนอย่างที่สุด เขารู้สึกว่าท่านอาจารย์ของตนเอง
จะสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน
“อย่างนั้นฉันก็จะรีบเดินทางไปจงโจวก่อน แล้วก็นำเรื่องที่ท่านออกจากการบำเพ็ญฝึกฝน แจ้งให้กับประธานกรรมการหวางและคนอื่น ๆ ทราบ! ”
“อืม” หลินหยุนพยักหน้า
ที่จริงแล้ว ความคิดที่จะรวบรวมอิทธิพลอำนาจทั้งหมด เพื่อก่อตั้งชางฉองกรุ๊ปนั้น หลินหยุนได้
คิดขึ้นมาตั้งแต่ครั้งก่อนที่บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปเกิดเรื่องแล้ว
แต่ว่า เพราะเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา จึงทำให้ไม่มีโอกาสที่เหมาะสม ดังนั้นหลินหยุน
จึงยืดเยื้อมาจนถึงตอนนี้
ที่สำคัญที่สุดคือ หลินหยุนยังไม่ต้องการที่จะเปิดเผยอิทธิพลความสามารถในโลกมนุษย์ของตนเอง
เร็วเกินไป
เพราะว่าคู่ต่อสู้ของเขาคือตระกูลหวางที่เป็นวงศ์ตระกูลอันดับหนึ่งของจีน และเป็นผู้นำ
วงศ์ตระกูลใหญ่ทั้งสี่แห่งเมืองหลวง
นอกจากนี้ เบื้องหลังของตระกูลหวาง ยังมีโลกบู๊โบราณที่มีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งเกินกว่า
จะคาดเดาได้
แต่วันนี้ ลูกธนูขึ้นสายเต็มเหนี่ยวแล้ว จำต้องยิงออกไป ซึ่งคิดที่จะทำลายการโจมตีของตระกูล
หวางให้สิ้นซาก จะต้องรวบรวมอิทธิพลอำนาจทั้งหมด เพื่อแสดงอิทธิพลอำนาจที่ยิ่งใหญ่อย่าง
ที่สุดซึ่งแม้แต่ตระกูลหวางก็ไม่สามารถที่จะสั่นคลอนได้
มณฑลหลิงหนาน ในคฤหาสน์ของควีนจิน
ควีนจินที่สวมผ้าคลุมหน้า มองไปยังหยุนเยว่ที่กำลังจัดแจงเอกสารข้อมูลอยู่: “จัดแจงเสร็จแล้ว
หรือยัง? ”
“ใกล้จะเสร็จแล้ว! ” หยุนเยว่ตอบขึ้นอย่างเคารพ
“เจ้านาย ท่านคิดที่จะมอบกิจการของพวกเราทั้งหมดออกไปจริง ๆ เหรอ? ” หยุนเยว่ถามขึ้น
อย่างเป็นกังวล
“อืม ตอนนี้นักบู๊ปรากฏตัวขึ้นบนโลกมนุษย์ ประเทศจีนเกิดความอลหม่านวุ่นวาย ซึ่งกิจการ
เล็กน้อยของพวกเรานี้ สำหรับตระกูลบู๊ที่แข็งแกร่งเหล่านั้นแล้ว ไม่นับว่ามีมูลค่าอะไรเลย”
“อีกทั้ง ยังจะนำพาภัยพิบัติมาสู่พวกเราอีกด้วย”
“เพียงแค่หาผู้พักพิงสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งได้ จึงจะสามารถรักษากิจการเหล่านี้ของ พวกเราไว้ได้”
หยุนเยว่ยังคงกังวลใจอยู่บ้าง และถามขึ้นว่า: “แต่ว่า ปรมาจารย์หลินจะสามารถเอาชนะ
ตระกูลหวางได้ไหม? ”
ดวงตาของควีนจินเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเด็ดขาดว่า: “ได้! ”
ในเวลาเดียวกัน เจี่ยงสงผู้มีอิทธิพลอำนาจแห่งหลินโจว ฉีว่างหมิงผู้มีอิทธิพลอำนาจแห่งหลอซาน ฟางเยว่ผู้มีอิทธิพลอำนาจแห่งชิงหยาง ต่างก็กำลังจัดแจงเอกสารข้อมูลของกิจการภายใต้สังกัด
ของตนเอง
ตระกูลเจี่ยงที่เกาะหนัน เจี่ยงหลินหลินก็ได้รับโทรศัพท์ของหลินหยุน โดยเธอได้จัดเตรียมการ
ทุกอย่างเอาไว้พร้อมแล้ว และตอนนี้กำลังเดินทางไปยังจงโจว
ตระกูลโลกบู๊อันดับหนึ่งแห่งเจียงหนาน ตระกูลโล่ของเทพแห่งทวนโล่อู๋จี๋ เวลานี้ มีโล่เสว่ฉี
ที่รูปสวยงดงามเป็นผู้รับผิดชอบดูแล
โดยหลังจากที่รับโทรศัพท์ของหลินหยุนแล้ว หญิงสาวสวยโล่เสว่ฉีก็ออกเดินทาง มุ่งหน้าไปยัง
จงโจวทันที
เขตชายแดนของเจียงหนาน โม่จือมิ่งผู้ที่เป็นเจ้าหุบเขาเทพยาในปัจจุบัน หลังจากที่รับโทรศัพท์
ของหลินหยุน และจัดการเรื่องราวของหุบเขาเสร็จสิ้น ก็ได้ออกเดินทางไปยังจงโจว
ผู้มีอิทธิพลอำนาจแห่งกว่างหนาน เสิ่นเหยียน ผู้มีอิทธิพลอำนาจแห่งเจียงเป่ย และตระกูลผู้มี
อิทธิพลอำนาจที่ยอมศิโรราบต่อหลินหยุน ในตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ รวมถึงผู้ที่มีอิทธิพล
ภายใต้พวกเขาทั้งหมด ต่างก็พากันเดินทางมุ่งหน้าไปยังจงโจว
เมื่อโมโหทุกคนต่างก็หวาดกลัว เมื่อสั่งการทุกคนต่างก็เชื่อฟัง
นี่ก็คืออิทธิพลอันน่าเกรงขามของปรมาจารย์หลิน!
ผู้มีอิทธิพลอำนาจและตระกูลใหญ่กว่าครึ่งหนึ่งของจีน ราวกับเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ ที่ได้เริ่มต้น
ขับเคลื่อนกลไกทำงานแล้ว
ตระกูลอีแห่งเจียงหนาน อีหยุ่นก็ได้รับโทรศัพท์จากหลินหยุนแล้ว
ตอนนี้ อีหยุ่นได้มอบหน้าที่จัดการเรื่องในตระกูลอีให้กับอาคนหนึ่ง จากนั้นก็พาอีหลิง มุ่งหน้า
ไปยังจงโจว
“เจ้าบ้าน ตระกูลไป๋ใกล้ที่จะมาถึงแล้ว หากท่านจากไปในตอนนี้ ตระกูลอีของพวกเราจะทำ
อย่างไรล่ะ? ” อาคนนั้นร้องไห้และสอบถามขึ้น
อีหยุ่นยิ้มและพูดว่า: “คุณอาวางใจได้ ในเมื่อปรมาจารย์หลินออกมาจากการเก็บตัวบำเพ็ญ
ฝึกฝนแล้ว ก็สามารถที่จะช่วยเหลือตระกูลอีของพวกเราให้รอดพ้นจากอันตรายได้อย่างแน่นอน! ”
“นอกจากนี้ ที่ฉันเดินทางไปจงโจวในครั้งนี้ ก็เพื่อจะไปรับป้ายทองอภัยโทษ ให้กับตระกูลอี
ของพวกเรา! ”
“นี่ เจ้าบ้านท่านจะต้องรีบไปและรีบกลับมานะ! ” คุณอาพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่หนักแน่น
ตระกูลฉิน อยู่ห่างจากจงโจวไม่ไกลมากนัก ดังนั้น เวลานี้ฉินโส่วและพ่อของเขาไม่ต้องรีบร้อน
“คุณพ่อ ครั้งนี้หลินหยุนจะรวบรวมอิทธิพลอำนาจทั้งหมด ท่านคิดว่าเขาจะมีอิทธิพลอำนาจ
มากแค่ไหน? ”
พ่อของฉินโส่วยิ้มและมองไปยังฉินโส่ว พร้อมกับพูดว่า: “นายเป็นเพื่อนนักเรียนของเขา แม้แต่
นายเองก็ยังไม่รู้ว่าเขามีอิทธิพลอำนาจมากแค่ไหน แล้วฉันจะไปรู้ได้อย่างไรกันล่ะ? ”
ฉินโส่วขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างหนัก: “ฉันก็คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าเขามีอิทธิพลอำนาจมาก
ขนาดไหน หลินหยุนผู้นี้เป็นคนที่ถ่อมตัว เมื่อตอนอยู่ที่มหาวิทยาลัย เขาไม่เคยได้แสดง
ความสามารถอะไรออกมาเลย”
“แต่ว่า จากชื่อเสียงอันโด่งดังของปรมาจารย์หลิน ผู้มีอิทธิพลอำนาจที่มากันในครั้งนี้ อย่างน้อย
ก็คงจะสามารถเอาชนะตระกูลเหยียนได้! ”