จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 873 คลื่นโหมซัดสาดไม่หยุด
เสิ่นหลินพูดว่า: “ชางฉองกรุ๊ปได้เปิดตัวบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงไปแล้วสองคน โดยคนต่อไป
จะเป็นใคร? ”
ไป๋จ่านถังยิ้มเยาะและพูดว่า: “ฉันคิดว่าพวกเขาคงจะหมดความสามารถที่มีอยู่เพียงน้อยนิดแล้ว คนต่อไป ชางฉองกรุ๊ปคงจะไม่เปิดตัวใครอีกแล้ว! ”
ไป๋จ่านถังก็ยังคงแสดงท่าทางที่มั่นอกมั่นใจเช่นเคย แต่ว่า พิธีกรก็ราวกับจงใจที่จะสร้างความ
ลำบากให้กับเขาเช่นกัน
ขณะที่ไป๋จ่านถังพูดจบลง พิธีกรก็ได้เอ่ยขึ้นว่า: “ขอเชิญคนต่อไป เจ้าบ้านตระกูลอีแห่งเจียงหนาน คุณอี! ”
อะไรนะ!
ทุกคนตกตะลึงกันอย่างพร้อมเพรียง!
ไป๋จ่านถังยิ่งมีสีหน้าที่ย่ำแย่อย่างที่สุด
“เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน! นึกไม่ถึงว่าจะเป็นตระกูลอี! ”
“ไอ้แก่อีหยุ่นนั้นเป็นบ้าไปแล้วใช่ไหม? นึกไม่ถึงว่าจะเข้าร่วมกับชางฉองกรุ๊ปที่ไม่เคยได้ยิน
ชื่อเสียงมาก่อนด้วย! ”
“หรือว่าเพื่อต้องการที่จะต่อต้านกับฉัน เขาจึงต้องใช้ทุกวิถีทางแล้วอย่างนั้นเหรอ? ”
ไป๋จ่านถังรู้เพียงแค่ว่าตระกูลอีมีความใกล้ชิดกับปรมาจารย์หลิน แต่ไม่รู้ว่าชางฉองกรุ๊ปกับ
ปรมาจารย์หลินมีความสัมพันธ์อะไรต่อกัน
ถ้าหากเขาสามารถที่จะเปลี่ยนมุมมองแนวคิด ก็จะสามารถคาดเดาจากตระกูลอีและพวกคน
ที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้ว่า เจ้านายที่แท้จริงผู้อยู่เบื้องหลังของชางฉองกรุ๊ปคือใคร
แต่น่าเสียดายที่ ตอนนี้ความคิดของไป๋จ่านถังได้มาถึงทางตันแล้ว จิตใจคิดต้องการที่จะหา
หลักฐานเพียงอย่างเดียว เพื่อเปิดโปงกลอุบายเหล่านี้ของชางฉองกรุ๊ป
ในความจริงแล้ว ความคิดหลักตั้งแต่ต้นของเขาเองที่เป็นปัญหา โดยที่ไป๋จ่านถังคิดอยู่ตลอดว่า ชางฉองกรุ๊ปก็คือบริษัทต้มตุ๋นหลอกลวง
ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีบุคคลยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาเข้าร่วมได้
ด้านบนเวที สายตาของอีหยุ่น ได้มองเห็นไป๋จ่านถังตั้งแต่แรกแล้ว
เขาได้แสดงรอยยิ้มที่ยั่วยุต่อไป๋จ่านถัง จากนั้นก็มองไปยังทุกคนอย่างปกติ พร้อมกับพูดขึ้นว่า: “ทุกท่าน ตระกูลอีของฉัน นับตั้งแต่วันนี้ไป ได้เข้าร่วมกับชางฉองกรุ๊ป และกลายเป็นส่วนหนึ่งของ
ชางฉองกรุ๊ปแล้ว! ”
“ต่อไป ที่เจียงหนานไม่มีตระกูลอีแล้ว จะมีเพียงแค่ชางฉองกรุ๊ปสาขาตระกูลอี! ”
ถ้าหากพูดถึงสองคนก่อนหน้านี้ที่ได้เข้าร่วมกับชางฉองกรุ๊ป เป็นเพียงแค่เป็นการประกาศข่าวสาร
ให้รับทราบ ถ้าอย่างนั้น คำพูดของอีหยุ่นในตอนนี้ ก็เท่ากับว่ากำลังแสดงความจงรักภักดีต่อ
ชางฉองกรุ๊ปแล้ว
ผู้คนด้านล่างเวที พากันตกตะลึงกันอีกครั้ง
น้ำหนักความน่าเชื่อถือของตระกูลอีแห่งเจียงหนาน ไม่ด้อยไปกว่าควีนจินเลยแม้แต่น้อย ถ้าหาก
ตระกูลอีแห่งเจียงหนานเข้าร่วมกับชางฉองกรุ๊ป ถ้าอย่างนั้นควีนจินเมื่อสักครู่นี้ก็อาจจะคือตัวจริง
ก็เป็นได้
เวลานี้ ไม่มีใครกล้าที่จะมองข้ามดูถูกชางฉางกรุ๊ปแล้ว ซึ่งหลายคนต่างก็คิดว่า บางทีเจ้านาย
เบื้องหลังของชางฉองกรุ๊ป อาจจะเป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง
หรือบางที อาจจะไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลหวาง
เหยียนเสวเหวินพูดขึ้นอย่างตื่นตะลึงว่า: “คุณพ่อ อีป้านจู๋ของตระกูลอีแห่งเจียงหนาน คิดไม่ถึงว่า
จะกำลังแสดงความจงรักภักดีต่อชางฉองกรุ๊ป ซึ่งทำไมต้องเป็นชางฉองกรุ๊ปด้วยล่ะ! ”
พ่อของเหยียนเสวเหวินพูดขึ้นว่า: “ไม่ชัดเจน บางทีชางฉองกรุ๊ปนี้ อาจจะมีผู้สนับสนุนเบื้องหลัง
ที่ยิ่งใหญ่ก็เป็นได้! ”
ใบหน้าที่อ้วนท้วมของเสิ่นหลิน เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง
“พี่ไป๋ ประธานพาน ฉันไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม! ”
“คิดไม่ถึงว่าอีป้านจู๋จะกำลังแสดงความจงรักภักดีต่อชางฉองกรุ๊ป ก็เพียงแค่บริษัทที่ไม่มีชื่อเสียง
แห่งหนึ่ง มันคู่ควรคุ้มค่าที่ตระกูลอีจะจงรักภักดีด้วยเหรอ? ”
ไป๋จ่านถังแสดงสีหน้าท่าทางที่มั่นอกมั่นใจ ยิ้มเยาะและพูดขึ้นว่า: “พี่เสิ่น บางทีคุณอาจจะยังไม่รู้
ก็ได้ว่า กิจการทั้งหมดภายใต้ตระกูลอีนั้น ใกล้ที่จะล้มละลายลงแล้ว ตระกูลอีเองก็ใกล้ที่จะถูกฉัน
ควบรวมกิจการแล้วเช่นกัน ถ้าหากไม่ใช่เพราะมาร่วมพิธีเปิดกิจการของชางฉองกรุ๊ปอย่าง
กะทันหันนี้ บางทีตระกูลอีอาจจะไม่หลงเหลืออยู่แล้วก็เป็นได้! ”
“อะไรนะ! เดิมทีเป็นอย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะที่อีหยุ่นถึงได้ยอมเข้าร่วมกับชางฉองกรุ๊ปที่เป็นบริษัท
ที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน ดูเหมือนว่าเขากำลังทุ่มสุดตัวเลย! ” เสิ่นหลินพูดขึ้นทันที
“ถ้าพูดแบบนี้ อีหยุ่นเองก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าร่วมชางฉองกรุ๊ปด้วยความจริงใจ แต่เป็นการทำข้อตกลง
สัญญากับชางฉองกรุ๊ป ดูเหมือนว่าวิธีการของชางฉองกรุ๊ปนี้ จะไม่ค่อยโปร่งใสและตรงไปตรงมา
สักเท่าไร! ” ประธานพานพูดเยาะเย้ยขึ้น
“ดังนั้น พวกคุณอย่าได้คิดกันไปว่านี่คือความสามารถของชางฉองกรุ๊ป ที่จริงแล้วที่ตระกูลอีได้มา
พึ่งพิงชางฉองกรุ๊ปนั้น ล้วนเป็นเพราะความดีความชอบของฉันต่างหาก” ไป๋จ่านถังพูดขึ้นด้วย
ความกระหยิ่มยิ้มย่อง
“ฮ่าฮ่า พี่ไป๋ยอดเยี่ยมไปเลย! ” เสิ่นหลินพูดประจบยกยอขึ้นอย่างพอประมาณ
หลังจากที่อีหยุ่นพูดจบ ก็ได้เดินไปยังด้านข้างของควีนจิน แล้วก็พยักหน้าทักทายกับควีนจิน และทั้งสองคนก็ได้กระซิบพูดคุยกันขึ้น
พิธีกรก็ได้พูดอย่างยิ้มแย้มต่อว่า: “ขอเชิญคนต่อไป เจี่ยงสงผู้มีอิทธิพลอำนาจแห่งหลินโจว! ”
“พูดถึงเจี่ยงสงผู้มีอิทธิพลอำนาจแห่งหลินโจว บางทีทุกคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยสักเท่าไร แต่ว่า ถ้าหากฉันจะบอกว่าท่านเจี่ยงผู้นี้ก็คือผู้จัดการใหญ่ของน้ำแห่งชีวิต คาดว่าทุกท่านก็คงจะ
ไม่แปลกหน้าแปลกตากันแล้ว! ”
“อะไรนะ! ”
“ผู้จัดการใหญ่ของน้ำแห่งชีวิต! ”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน! ”
เมื่อพิธีกรพูดคำนี้ออกมา ผู้คนด้านล่างเวทีก็แตกตื่นวุ่นวายกันยกใหญ่
ผู้จัดการใหญ่ของน้ำแห่งชีวิต สถานะและระดับทางสังคมนั้นพอที่จะเทียบเคียงได้กับ
วงศ์ตระกูลใหญ่ทั้งสี่แห่งเมืองหลวงได้เลย!
ผู้ยิ่งใหญ่ระดับนี้ นึกไม่ถึงว่าจะมาเข้าร่วมกับชางฉองกรุ๊ปด้วย นี่มัน ตกลงว่าชางฉองกรุ๊ปนี้มี
เบื้องหลังความเป็นมาอย่างไรกันแน่?
เหยียนเสวเหวินตกใจจนลูกตาแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า: “คุณพ่อ ชางฉองกรุ๊ปคงจะไม่ใช่ท่าน
ผู้ที่มีอิทธิพลระดับสูงสุดของจีนท่านนั้นเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นใช่ไหม? ”
“ผู้จัดการใหญ่ของน้ำแห่งชีวิต ทำไมถึงได้มาเข้าร่วมกับบริษัทที่เพิ่งจะก่อตั้งขึ้นใหม่ด้วยล่ะ! ”
พ่อของเหยียนเสวเหวิน เวลานี้ก็มีสีหน้าท่าทางสับสนงุนงงเช่นกัน
เขาเคยได้ยินชื่อของน้ำแห่งชีวิตมานานแล้ว โดยตนเองก็เคยคิดที่จะเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำแห่ง
ชีวิต แต่เขาก็แสวงหาช่องทางการติดต่อไม่เจอ
ถึงขนาดที่ว่า แม้แต่ผู้รับผิดชอบของน้ำแห่งชีวิตคือใครเขาเองก็ยังไม่ชัดเจน
ตอนนี้ ในที่สุดก็ได้ทราบแล้วว่า เดิมทีผู้รับผิดชอบของน้ำแห่งชีวิต ก็คือเจี่ยงสงผู้มีอิทธิพลอำนาจ
แห่งหลินโจว
“ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ชางฉองกรุ๊ปมีประวัติความเป็นมาอย่างไร? ”
แม้แต่พ่อของเหยียนเสวเหวิน ก็เต็มไปด้วยความสับสน และความตื่นตะลึง
เสิ่นเหยียนกับประธานพาน ต่างก็เหมือนกับแมวที่ถูกเหยียบหาง
เสิ่นเหยียนกระโดดโลดเต้นขึ้น แล้วมองไปที่ไป๋จ่านถังและพูดว่า: “พี่ไป๋ ผู้จัดการใหญ่ของ
น้ำแห่งชีวิตเลยเหรอ! ”
“นี่ นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน! ”
“ประธานพาน ฉันไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม? ” เสิ่นเหยียนยืนพุงโย้ และมองไปที่ประธานพานด้วย
ความตื่นตระหนก
ประธานพานเองก็มีสีหน้าท่าทางที่อึ้งไปหมด โดยมองไปที่เสิ่นหลิน และตะโกนพูดว่า: “นายหยิก
ฉันหน่อย ดูสิว่าฉันยังนอนไม่ตื่นใช่ไหม? ”
เสิ่นหลินยื่นมือออกมาหยิกไปที่ใบหน้าของประธานพาน ประธานพานเองเจ็บจนถึงกับร้องตะโกน
ออกมา: “โอ๊ย นายเบา ๆ หน่อยสิ! ”
“นี่ไม่ใช่ความฝัน มันคือความจริง! ”
“แต่ความจริงนี้คือ ผู้จัดการใหญ่ของน้ำแห่งชีวิตที่มีสถานะสูงศักดิ์ ซึ่งเป็นไปได้อย่างไรที่จะ
มาเข้าร่วมกับชางฉองกรุ๊ปที่ไม่มีชื่อเสียง? ”
เวลานี้ไป๋จ่านถังเองก็มีสีหน้าท่าทางตื่นตะลึง สำหรับเจี่ยงสงผู้ที่มีอิทธิพลอำนาจแห่งหลินโจวคนนี้ ก็มีผู้คนในสถานที่แห่งนี้ที่เคยพบเจอมาบ้างแล้ว
ดังนั้น เจี่ยงสงคนนี้ไม่ใช่ตัวปลอมอย่างแน่นอน
ถ้าอย่างนั้น สถานะของเจี่ยงสงที่พิธีกรพูดถึงนั้น บางทีอาจจะปลอมแปลงก็เป็นได้
แต่ว่า จากสถานะของเจี่ยงสง ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปกระทำเรื่องปลอมแปลงที่เลวร้ายแบบนี้
นอกจากนี้ คนจำนวนมากในสถานที่แห่งนี้ต่างก็ไม่ใช่คนโง่ ล้วนแต่เป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่มี
ประสบการณ์มากมาย ถ้าหากเจี่ยงสงปลอมตัวเป็นผู้จัดการใหญ่ของน้ำแห่งชีวิต ก็คงจะ
ถูกจับผิดได้โดยง่ายดาย
ไป๋จ่านถังยังหาเหตุผลไม่เจอจริง ๆ ว่าได้ไปอธิบายอย่างไรจนทำให้ผู้จัดการใหญ่ของน้ำแห่ง
ชีวิตพึงพอใจจนมาเข้าร่วมกับชางฉองกรุ๊ปได้
เสิ่นหลินยังคงถามต่ออีกว่า: “พี่ไป๋ คุณมีความเห็นว่าอย่างไร? ผู้จัดการใหญ่ของน้ำแห่งชีวิต
คนนี้ เป็นตัวจริงใช่ไหม? ”
ไป๋จ่านถังถอนหายใจ พยักหน้าและพูดว่า: “คงน่าจะเป็นตัวจริง ซึ่งคิดไม่ถึงว่า ชางฉองกรุ๊ปนี้จะมี
ความสามารถพอตัวเลยทีเดียว! ”
“ก่อนหน้านี้ พวกเรามองข้ามเขาเกินไปหน่อย! ”
เจี่ยงสงก็เดินเข้าไปยืนอยู่ด้านข้างของควีนจินและคนอื่น ๆ โดยได้ยิ้มแย้มและพูดคุยกับควีนจิน
และคนเหล่านั้น
พิธีกรทำการประกาศต่อไป: “ขอเชิญคนต่อไป คุณหนูตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนัน เจี่ยงหลินหลิน! ”
เวลานี้ ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ก็เกิดการวิพากษณ์วิจารณ์กันขึ้นอีกครั้ง
“พระเจ้า ตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนัน นั่นเป็นถึงเศรษฐีอันดับหนึ่งคนก่อนของจีนเลย! ”
“แต่ว่าช่วงก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดกันหรอกเหรอว่า นายท่านของตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนันได้เสียชีวิต
ไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนันต้องเปลี่ยนเจ้าบ้าน แล้วทำไม
ตอนนี้ตระกูลเจี่ยงแห่งเกาะหนันถึงได้มาเข้าร่วมกับชางฉองกรุ๊ปด้วยล่ะ?