จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 875 เยาะเย้ยกันเต็มที่
“ถึงขณะนี้แล้ว เธอยังคงจะดื้อดึงไม่ยอมรับผิดอยู่อีกเหรอ? ” หวางโส่วเหรินแสดงท่าทางวางมาด
ในฐานะที่ตนเป็นพี่ชาย
“เธอยังคิดจะดื้อรั้นไปอีกนานแค่ไหน? ”
“หลายปีมานี้ ที่ตระกูลหวางไม่ได้ตามกำจัดเธอจนหมดสิ้นหนหาง ถึงจนป่านนี้แล้วเธอยังไม่เข้าใจ
อีกเหรอ? ”
“ถ้าหากว่าพวกเราจะกำจัดเธอจริง ๆ สภาพของเธอในตอนนี้ จะสามารถยืนหยัดไปได้อีกนาน
แค่ไหนกัน? ”
หวางโส่วเหรินตำหนิติเตียนด้วยท่าทางแบบผู้อาวุโส
หวางซูเฟินยิ้มเยาะ: “หากพูดแบบนี้ ฉันยังจะต้องกล่าวขอบคุณที่หลายปีมานี้พวกคุณได้กระทำ
ทุกอย่างเพื่อบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปด้วยใช่ไหม? ”
“ขอบคุณที่พวกคุณตระกูลหวางไม่ได้ตามกำจัดฉันจนถึงที่สุด! ขอบคุณพวกคุณตระกูลหวางที่มี
ความเมตตาต่อครอบครัวของพวกเราเสมอมา? ”
“ขอบคุณตระกูลหวางที่ในตอนนั้นได้นำลูกชายของฉัน ซึ่งเป็นหลานของเขาส่งตัวไปที่สถานเลี้ยง
เด็กกำพร้า ทำให้พวกเราแม่ลูกต้องแยกจากกันเป็นเวลาสิบกว่าปี! ”
“ขอบคุณพวกคุณตระกูลหวางที่หลายปีมานี้ได้เป็นแรงกำลังใจให้พวกเราเติบโตมาโดยตลอด โดยที่ไม่ได้ลดความสนใจลงเลยแม้เพียงชั่วครู่! ”
หวางซูเฟินยิ่งพูดยิ่งดังมากขึ้น ท่าทางก็ยิ่งตื่นเต้น โดยในทุกคำพูด น้ำเสียงของเธอก็เพิ่มระดับ
เสียงขึ้นทีละน้อย จนคำพูดสุดท้าย แทบจะใช้กำลังทั้งหมดตะโกนพูดออกมาเลย
หวางโส่วเหรินสีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ว่า น้ำเสียงกลับอ่อนลงไปบ้าง
“น้องสาวสาม ไม่ว่าอย่างไร เธอก็คือคนของตระกูลหวาง ร่างกายของเธอมีสายเลือดของตระกูล
หวางอยู่! ”
“วันนี้คุณพ่อไม่อยู่ พี่ชายใหญ่ก็ไม่อยู่ พี่ชายเปรียบได้ดั่งพ่อ วันนี้ เธอฟังฉันสักคำ กลับไปกับฉัน อย่าได้ดื้อดึงไม่ยอมรับผิดอยู่อีกเลย! ”
ฉินหลันมองไปที่หวางซูเฟินอย่างเป็นกังวล เธอกลัวจริง ๆ ว่าหวางซูเฟินจะอดทนไม่ไหว แล้วตอบ
ตกลง
หวางซูเฟินยิ้มเยาะอย่างสิ้นหวัง และชายตามองไปที่หวางโส่วเหริน: “พี่สองต้องการให้ฉันกลับไป หมายความว่าคุณพ่อคิดที่จะยอมรับครอบครัวของพวกเราแล้วใช่หรือไม่? ”
หวางโส่วเหรินพูดขึ้นอย่างไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก: “ไม่มีทาง เธออย่าได้คิดเพ้อฝันไปเลย การที่ยอม
ให้เธอกลับไป พวกเราพี่น้องต่างก็ต้องรองรับความเสี่ยงมากแค่ไหนเธอเองก็คงจะรู้ดี ส่วนพ่อลูก
ตระกูลหลินนั้น อย่าได้แม้แต่จะคิด! ”
หวางซูเฟินน้ำตาคลอเบ้า เงยหน้าขึ้นและยิ้มอย่างขมขื่น โดยที่พยายามไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
“หากพูดแบบนี้ พวกคุณก็คิดที่จะให้พวกเราแม่ลูก ต้องแยกจากกันอีกครั้ง! ”
หวางโส่วเหรินพูดเสริมขึ้นอย่างหน้าด้านว่า: “ไม่พบเจอกันตลอดไป! ”
หวางซูเฟินโมโหขึ้นทันที: “ที่ดื้อรั้นไม่ยอมรับผิดคือพวกคุณ! ”
“ฉันกับเสี่ยวหยุนต้องแยกจากกันสิบกว่าปีแล้ว ฉันรู้สึกผิดต่อเขามาก ฉันไม่ได้ทำหน้าที่ของแม่
อย่างเต็มที่ นี่คือความละอายใจของฉันตลอดชีวิต! ”
“ตอนนี้พวกเราแม่ลูกไม่ง่ายเลยที่จะได้พบเจอกันแล้ว แต่คุณคิดที่จะให้พวกเราต้องแยกจากกัน
อีกครั้ง และยังจะไม่ให้พบเจอกันตลอดชีวิต! ”
“พวกคุณฝันเพ้อเจ้อไปเถอะ! ”
“กลับไปบอกกับคนที่จิตใจโหดร้ายคนนั้นว่า ฉันหวางซูเฟินตัดขาดความสัมพันธ์กับเขาชั่วทั้งชีวิตนี้
ส่วนความสัมพันธ์พี่น้องระหว่างเรา ก็ได้จบสิ้นลงไปตั้งนานแล้ว! ”
“เขาต้องการหน้าตาและเกียรติของตระกูลหวาง จึงต้องการที่จะให้ฉันกลับไปยอมรับผิด บอกเขา
ไปนะว่า เลิกคิดไปได้เลย! ”
“มีแผนการความสามารถอะไร ก็โจมตีใส่มาที่ฉันได้เลย! ต่อให้ฉันต้องละทิ้งชีวิต ฉันก็จะไม่ยอม
ถอยร่นแม้แต่ก้าวเดียว! ”
หวางซูเฟินยืนตัวตรง สีหน้าท่าทางเด็ดเดี่ยว เหมือนกับนักรบที่พร้อมใจยอมเสียสละชีวิต
ฉินหลันแอบเช็ดน้ำตาอยู่ด้านหลัง หลายปีมานี้ หวางซูเฟินดำเนินชีวิต อย่างทุกข์ทรมานเพียงใด เธอเห็นสภาพการณ์ทั้งหมด และจดจำอยู่ในจิตใจ
ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ต่างเป็นเพราะคุณพ่อของเธอคนนั้นเป็นผู้กระทำขึ้น!
ในฐานะที่เป็นคนนอก ฉินหลันเองก็ยังเหลืออดเหลือทน
แต่ว่า คนของตระกูลหวางยังคงที่จะบีบบังคับ โดยที่ไม่เหลือช่องทางการดำเนินชีวิตให้กับ
หวางซูเฟินเลย
ผู้อาวุโสคนอื่นของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป เวลานี้ต่างก็มีน้ำตาคลอเบ้า พวกเขาส่วนใหญ่ต่างก็เป็น
ผู้อาวุโสที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับหวางซูเฟินมาโดยตลอด ความทุกข์ยากลำบากของหวางซูเฟิน พวกเขาก็ชัดเจนเป็นอย่างดี
กรรมการคนหนึ่งอดไม่ได้จึงถอนหายใจและพูดขึ้นว่า:
ต้มถั่วเผาต้นถั่ว
ในอวยถั่วร้องไห้
เดิมนั้นร่วมรากไม้
แล้วไฉนเร่งเผาผลาญ
นี่คือกลอนบทหนึ่งที่เฉาจื๋อแต่งขึ้น ในยุคสมัยสามก๊ก
เฉาพีผู้ที่เป็นพี่ชายของเขา คิดต้องการที่จะทำร้ายเขา โดยได้บีบบังคับอย่างหนักจนทำให้เขา
ได้แต่งบทกลอนขึ้น เดิมทีต่างก็เกิดขึ้นมาจากสายเลือดเดียวกัน ทำไมจะต้องมาทรมานบีบคั้นกันถึงขนาดนี้ด้วย
จากนั้น ก็กลายเป็นบทกลอนโบราณที่โด่งดังมาจนวันนี้
สถานการณ์นี้ใช้บทกลอนดังกล่าว ถือว่ามีความเหมาะสมอย่างที่สุด
ได้ยินบทกลอนนี้แล้ว ผู้อาวุโสของตระกูลหวางเหล่านั้นที่อยู่ด้านหลังของหวางเซิ่งเฉียน ต่างก็
แอบก้มหน้าลง
หวางซูเฟินนั้น พวกเขาก็เห็นมาตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่
วันนี้กลับต้องมาเห็นพี่ชายน้องสาวทะเลาะเบาะแว้งกัน พวกคนเหล่านี้ก็เหลืออดเหลือทน
แต่ว่า หวางโส่วเหรินก็ยังคงมีสีหน้าท่าทางที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก และมองไปที่หวางซูเฟินอย่าง
เย็นชา: “คำสั่งสอนของบรรพบุรุษตระกูลหวางกล่าวไว้ว่า ความกตัญญูรู้คุณต้องมาก่อนเป็น
อันดับแรก! ”
“เธอไม่ฟังคำสั่งของพ่อ ก็คือไม่มีความกตัญญู! ”
“ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร ก็ไม่มีทางที่จะลบเลือนเรื่องความไม่กตัญญูของเธอไปได้! ”
“สำหรับที่เธอต้องตกระกำลำบากจนถึงขนาดนี้ ล้วนเป็นเพราะเธอทำมันขึ้นมาเอง ไม่เกี่ยวข้อง
กับคนอื่น! ”
“ดังนั้น ตอนนี้ฉันขอเตือนเธอว่าควรที่จะสำนึกผิดและรีบแก้ไขกลับตัวให้เร็วที่สุด อย่าได้ดื้อรั้นไม่ยอมรับผิดอยู่อีกเลย มิเช่นนั้น ฉันกลัวว่าชื่อของเธอ ชั่วชีวิตนี้คงจะไม่มีทางได้
บันทึกเข้าสู่ลำดับรายชื่อวงศ์ตระกูลหวางเป็นแน่! ”
หวางซูเฟินยิ้มเยาะ แล้วมองไปที่หวางโส่วเหริน สีหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม: “ขอโทษ บันทึกลำดับรายชื่อวงศ์ตระกูลหวาง ฉันไม่ได้ต้องการเลยแม้แต่น้อย! ”
“นับตั้งแต่ที่เขาส่งคนตามไล่ฆ่าลูกชายของฉันนั้น ฉันกับตระกูลหวางก็ไม่มีความสัมพันธ์
เกี่ยวข้องอะไรกันอีก! ”
น้ำเสียงของหวางซูเฟิน มุ่งมั่นเด็ดขาด ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
ในที่สุดหวางโส่วเหรินก็โมโหขึ้น: “น้องสาม เธอรู้ไหมว่า โอกาสในวันนี้ เป็นเพราะพวกเราพี่น้อง
ทั้งหมด ได้ขอร้องกับคุณพ่อเป็นเวลานานกว่าที่จะได้มา! ”
“เธอจะละทิ้งมันไปโดยเปล่าประโยชน์แบบนี้เหรอ? ”
หวางซูเฟินยิ้มเยาะ: “น้ำใจของพี่สองฉันขอรับเอาไว้ แต่ว่า ฉันหวังที่จะใช้ชีวิตร่วมกันกับสามี
และลูกมากกว่า! ”
หวางโส่วเหรินไม่พูดไม่จา ซึ่งก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว
ด้านหลังของเขา หวางเซิ่งเฉียนก็พลันยิ้มแหยะ ๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า: “ประธานกรรมการหวาง คุณจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ นี่คือโอกาสสุดท้ายของคุณแล้ว ถ้าหากพลาดไป คุณจะมาเสียใจ
ภายหลังก็คงจะไม่ทันการณ์แล้ว”
หวางซูเฟินมองไปที่หวางเซิ่งเฉียน หรี่ตาลง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เมื่อมองจากตัวของนายแล้ว ก็สามารถมองเห็นอนาคตของตระกูลหวางได้ วงศ์ตระกูลแบบนี้คงจะไม่มีอนาคตอะไรที่จะต้องพูด
ถึงอีก! ”
หวางซูเฟินกวาดสายตามองไปที่ผู้อาวุโสของตระกูลหวางเหล่านั้น และก็พูดขึ้นโดยพลันว่า: “ทุกท่าน พวกคุณทุกคนคือผู้อาวุโสของฉัน คนตระกูลหวางคนนั้นเป็นบ้าไปแล้ว ที่ปล่อยให้เด็ก
หนุ่มอย่างหวางเซิ่งเฉียนเป็นผู้ปกครองดูแลตระกูลหวาง ขอเตือนพวกคุณนะว่า ควรรีบเตรียมตัว
ออกมาให้เร็วที่สุดเถอะ! ”
หวางเซิ่งเฉียนไม่เห็นด้วย ยิ้มเยาะอย่างเหยียดหยามและพูดว่า: “บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปของคุณ
เดินมาถึงทางตันแล้ว คุณยังคิดที่จะใช้แผนการยุยงให้แตกแยกอีก คุณคิดว่าจะได้ผลไหม? ”
หวางซูเฟินยิ้มเยาะ: “จะได้ผลหรือไม่ได้ผล ต่อไปก็จะรู้ได้เอง”
พวกผู้อาวุโสของตระกูลหวางเหล่านั้น ภายนอกทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ภายในใจกลับ
กำลังครุ่นคิดถึงคำพูดนั้นของหวางซูเฟิน
หวางซูเฟินเป็นถึงลูกสาวแท้ ๆ ของหวางจิงหลง ตอนนี้กลับต้องมาตกต่ำอยู่ในสภาพแบบนี้ แล้วพวกเขาล่ะ?
ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับหวางจิงหลง ไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมเช่นเดียวกับหวางซูเฟินเลย!
ถ้าหากหวางจิงหลงมอบอำนาจการปกครองของตระกูลหวางให้กับเด็กหนุ่มอย่างหวางเซิ่งเฉียน
แล้วลงมือจัดการพวกเขาล่ะจะทำอย่างไร?
พวกเขาได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับตระกูลหวางมาทั้งชีวิต สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรตอบแทนกลับมา
แล้วพวกเขาจะยินยอมได้อย่างไร?
พวกคนเหล่านั้นที่หันมาพึ่งพิงต่อหวางเซิ่งเฉียน เมื่อได้ยินคำพูดของหวางซูเฟิน ที่มีความหมาย
เสียดสีเยาะเย้ยหวางเซิ่งเฉียน ก็ได้ทยอยว่ากล่าวตอบโต้กลับไป
“ประธานกรรมการหวาง ไม่ว่าอย่างไรคุณก็คือผู้อาวุโสของคุณชายหวาง ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโส
ไม่คิดว่าจะใช้แผนการที่ชั่วร้ายแบบนี้กับเด็กได้ หรือว่าคุณไม่รู้สึกอับอายบ้างเลยหรืออย่างไร? ”
ประธานหยางที่เป็นผู้ใต้บัญชาคนหนึ่งของตระกูลหวางพูดเยาะเย้ยถากถางขึ้น
ประธานจางอีกคนที่อยู่ด้านข้าง ก็ได้ยิ้มเยาะและพูดขึ้นว่า: “ประธานกรรมการหวาง คุณชาย
หวางได้คิดหาวิธีการเพื่อช่วยเหลือคุณเลยนะ! ทั้ง ๆ ที่เขาสามารถจะบีบกดดันจนทำให้บริษัท
ตงหวาง กรุ๊ปของคุณไม่มีมูลค่าเลยก็ได้ แต่ตอนนี้เต็มใจที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อกิจการ คุณไม่เพียงแต่
จะไม่ขอบคุณแล้ว กลับยังจะเข้าใจผิดเขาอีก! ”
“คุณช่างไม่รู้จักสำนึกขอบคุณในน้ำใจและความหวังดีของคนอิ่นเลย! ”
ประธานที่ยังเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ได้หัวเราะเยาะและพูดว่า: “คนแบบนี้ ที่ไม่กตัญญูต่อผู้อาวุโส
และไม่มีความเมตตาต่อเด็ก มิน่าล่ะถึงได้ถูกนายท่านขับไล่ออกจากตระกูล! ”
“ถูกต้อง ช่างสมน้ำหน้าเสียจริง! ”