จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 886 ป่ายหลี่หลงเซิ่ง
เถ้าแก่แผงลอยคนนั้น เป็นชายวัยกลางคนสวมชุดยีนส์และหมวกปากเป็ด
ดูไปแล้วไม่เหมือนนักกลั่นยาเลยสักนิด เหมือนนักล่าสัตว์มากกว่า
หลินหยุนเอ่ยถามอย่างเรียบ ๆ : “โสมป่านี้ขายยังไง?”
เถ้าแก่เงยหน้ามองหลินหยุน แววตาแฝงด้วยความดูถูกเล็กน้อย
“ของของฉันไม่ขาย แลกเปลี่ยนเท่านั้น ดูนายอายุยังน้อย คงไม่มีของที่ฉันต้องการหรอก นายไปถามที่อื่นดูเถอะ!” เถ้าแก่เห็นหลินหยุนอายุยังน้อย จึงรู้สึกดูถูกเขาอยู่บ้าง
โม่จือมิ่งไม่ค่อยพอใจขึ้นมา เอ่ยพูดด้วยเสียงขรึมว่า : “เถ้าแก่ คนเราไม่อาจตัดสินกันด้วยหน้าตา น้ำทะเลไม่อาจตวงวัดได้ บอกแค่ของที่ต้องการให้นำมาแลกก็พอ”
เมื่อเถ้าแก่เห็นโม่จือมิ่ง ก็ไม่กล้าดูถูกทันที แล้วเอ่ยพูดว่า : “ฉันเข้าไปหายาในเขาบ่อย ๆ จึงได้รับบาดเจ็บได้ง่าย ฉันจึงไม่ต้องการสมุนไพรปรุงยา แต่ต้องการโอสถสำเร็จรูป”
“ถ้าหากนายต้องการโสมป่าเหล่านี้ของฉัน ก็เอายารักษาบาดแผลมาแลกเปลี่ยน ยารักษาบาดแผลหนึ่งเม็ด แลกกับโสมป่าหนึ่งต้น”
โม่จือมิ่งแสยะยิ้ม : “ถึงแม้ยารักษาบาดแผลจะพบเห็นได้บ่อย ๆ แต่มูลค่าสูงกว่าโสมป่านี้เยอะเลย นายต้องการของที่มีราคาสูงเกินไปหรือเปล่า?”
เถ้าแก่หัวเราะแหะแหะ : “เมื่อครู่นี้นายให้ฉันบอกสิ่งของที่ต้องการให้นำมาแลกเปลี่ยน ตอนนี้ฉันก็บอกแล้วไง แต่นายกลับไม่พอใจที่ราคามันสูงไป ฉันว่าพวกนายไม่มีปัญญานำมาแลกมากกว่า อย่ามาคุยโวโอ้อวดอยู่ที่นี่เลย รีบไปซะ!”
โม่จือมิ่งแค่นเสียงหึออกมาอย่างไม่พอใจ และไม่ได้สนใจเถ้าแก่คนนั้นอีก แต่ได้เข้าไปกระซิบข้างหูของหลินหยุนด้วยเสียงเบา ๆ ว่า : “ปรมาจารย์หลิน เถ้าแก่คนนี้เห็นว่าคุณอายุน้อย เลยจงใจพูดยั่วโมโหคุณ”
“คุณอย่าตกหลุมพรางนะ โสมป่านี้พบเห็นได้ง่าย แผงลอยอื่น ๆ ต้องมีอีกแน่นอน พวกเราไปหาดูเถอะ”
หลินหยุนเอ่ยอย่างเรียบ ๆ : “ไม่ต้องหรอก”
“ฉันใช้ไอ้นี่แลกกับโสมป่าพวกนี้ของนาย เป็นไง?”
หลินหยุนหยิบเอายาเสริมจิตออกมาจากแหวนเก็บของ เมื่อยาปรากฏออกมา ก็ได้มีกลิ่นหอมสดชื่นโชยออกมา
คนที่สามารถเข้ามาในเมืองตันโจวได้ ล้วนเป็นนักกลั่นยาทั้งนั้น เห็นได้ชัดว่าเถ้าแก่คนนั้นเป็นคนรู้จักมูลค่าสิ่งของเป็นอย่างดี เมื่อเห็นหลินหยุนหยิบยาเสริมจิตเม็ดนั้นออกมา ก็ร้องอย่างตกตะลึงทันที : “โอสถชั้นยอด!”
“ถ้าหากนายใช้โอสถเม็ดนี้แลกเปลี่ยนกับฉัน ฉันต้องเต็มใจแลกอยู่แล้ว”
“แต่ว่า ฉันไม่มีสิ่งของอย่างอื่นให้นายอีก แน่นอนว่าโสมป่าเหล่านี้นายสามารถเอาไปหมดได้เลย”
พูดจบ เถ้าแก่คนนั้นกลับค่อย ๆ เอาโสมป่าที่อายุแก่สุดต้นนั้น แอบซ่อนเอาไว้
โม่จือมิ่งแค่นเสียงหึออกมา : “คนอย่างแกนี่มันโลภมากจริง ๆ โอสถชั้นยอดเม็ดนี้ มีมูลค่าพอที่จะแลกกับโสมป่าของแกได้ตั้งมากมาย แต่แกกลับแอบเอาต้นที่มีอายุแก่สุดต้นนั้นไปซ่อน”
“แหะแหะ ถูกนายจับได้ซะแล้ว เอาล่ะเอาล่ะ ให้พวกนายก็ได้” เถ้าแก่ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน แล้วเอาโสมป่าต้นนั้นออกมา
“ไม่ต้องหรอก ฉันต้องการแค่พวกนี้ก็พอแล้ว” หลินหยุนไม่ได้ต้องการโสมป่าอายุแก่สุดต้นนั้น เพียงแต่เก็บเอาโสมป่าที่ต้นยังอ่อน และมีสีแดงเล็กน้อยเหล่านั้นมา
โม่จือมิ่งขมวดคิ้ว อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือน : “ปรมาจารย์หลิน โสมป่านี้ ยิ่งอายุแก่ก็ยิ่งมีประสิทธิ์ดี โสมป่าที่มีสีแดงเหล่านั้น มีอายุเพียงสิบกว่าปีเท่านั้น ใช้หลายต้นก็ยังเทียบกับต้นที่มีอายุนับร้อยปีต้นเดียวไม่ได้”
หลินหยุนจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไงกันล่ะ?
เพียงแต่ว่า โสมป่าที่เริ่มมีสีแดงเหล่านั้น ไม่ใช่เพราะมันมีอายุที่สั้น เป็นเพราะมันไม่ใช่โสมป่า แต่มันคือโสมเลือดต่างหาก
ที่โม่จือมิ่งพูดมาก็ไม่ผิด แต่เขากลับไม่รู้ว่า ยังมีโสมเลือดอีกด้วย
มูลค่าของโสมเลือด แพงกว่าโสมป่าเป็นร้อยเท่า
ดังนั้นตั้งแต่แรกที่หลินหยุนรู้สึกสนใจ ไม่ใช่โสมป่าอายุร้อยปีต้นนั่น แต่เป็นโสมเลือดเหล่านั้นที่ในสายตาของนักกลั่นยาเป็นเพียงโสมป่าที่อายุสิบกว่าปี
“วางใจเถอะ ฉันรู้ดีอยู่แก่ใจ” หลินหยุนเอ่ยพูดกับโม่จือมิ่งอย่างราบเรียบ
ด้วยความเชื่อมั่นใจตัวหลินหยุน โม่จือมิ่งจึงรู้สึกว่าการที่หลินหยุนทำเช่นนี้ เขาต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน จึงไม่ได้พูดโน้มน้าวอะไรอีก
เถ้าแก่เอายาเสริมจิตที่หลินหยุนให้เขามาจับดูแล้วพูดด้วยสีหน้าดีใจและมีความสุขเป็นอย่างมาก : “รวยแล้ว รวยแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะโชคดี ที่ได้พบกับไอ้โง่สองคน!”
“เอาโอสถชั้นยอดมาแลกกับโสมป่าไม่กี่ต้น ช่างโง่เขลาจริง ๆ!”
“มีโอสถชั้นยอดเม็ดนี้ ไม่เกินหนึ่งปี ฉันต้องกลายเป็นปรมาจารย์บู๊ได้แน่นอน!”
เพียงแต่ ถ้าหากเถ้าแก่รู้ว่าสมุนไพรที่ถูกเขาเห็นเป็นแค่โสมธรรมดาเหล่านั้น เป็นโสมเลือดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยชี่ทิพย์จากฟ้าดิน ที่หากนำมากลั่นได้อย่างถูกต้องเหมาะสม จะมีมูลค่าสูงกว่าโอสถชั้นยอดเป็นสิบเท่า ไม่รู้ว่าหากเขาได้รู้แล้วยังจะหัวเราะออกไหม
“ไปกันเถอะ!” หลินหยุนเตรียมที่จะเก็บเอาโสมเลือดเหล่านั้นใส่กลับเข้าไปในแหวนเก็บของ แต่ว่า จู่ ๆ ได้มือหนึ่งมาขวางเขาไว้จากด้านข้าง
“ช้าก่อน”
“เถ้าแก่ ฉันต้องการโสมป่าพวกนี้”
คนที่โผล่มาเป็นหนุ่มชุดขาว ใบหน้าขาวผุดผ่องอย่างมาก ให้ความรู้สึกหมองหม่นและเย็นชา
เมื่อเห็นหนุ่มคนนี้ เถ้าแก่ที่ตอนแรกท่าทางเจ้าเล่ห์มาก กลับเปลี่ยนเป็นคนละคนทันที รีบเผยรอยยิ้มเอาอกเอาใจ
“คุณชายป่ายหลี่เองเหรอครับ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ โสมป่าเหล่านี้เพิ่งถูกคนอื่นซื้อไปแล้ว”
ป่ายหลี่หลงเซิ่งมองไปที่หลินหยุนด้วยสีหน้าเหยียดหยาม : “เป็นเขาที่ซื้อไปงั้นเหรอ?”
“เขาใช้อะไรมาแลกกับแก ฉันให้เพิ่มสองเท่า คนรักของฉันต้องการโสมป่าพวกนี้มาฝึกมืออยู่พอดี”
เถ้าแก่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยิ้มอย่างเอาใจพลางเอ่ยพูด : “คุณชายป่ายหลี่หลงเซิ่งครับ ค้าขายกันเรียบร้อยแล้ว จะกลับคำได้ยังไงล่ะครับ? มันผิดจรรยาบรรณ คุณอย่าทำให้ผมลำบากใจเลยนะครับ”
ที่จริงเถ้าแก่คนนี้ฉลาดมาก โอสถชั้นยอดที่หลินหยุนให้เขา เป็นโอสถชั้นยอดที่หาได้ยากมากในโลกกลั่นยา ต่อให้เป็นเจ้าสำนักแห่งสำนักยาตัน ก็อาจจะไม่สามารถกลั่นโอสถชั้นยอดนี้ออกมาได้
แม้ว่าป่ายหลี่หลงเซิ่งเป็นเจ้าสำนักน้อยแห่งสำนักยาตัน แต่วิชาการกลั่นยาของเขาห่างชั้นกับพ่อของเขามากยิ่งนัก จะสามารถกลั่นโอสถชั้นยอดอย่างนี้ออกมาได้ยังไง ยิ่งกลั่นได้ถึงสองเท่ายิ่งไม่ต้องพูดถึง
ถ้าหากเขาเห็นโอสถชั้นยอดเข้า แล้วเขาเกิดอยากได้ขึ้นมา เถ้าแก่คงรักษาโอสถชั้นยอดเม็ดนี้ไว้ไม่ได้
ฉะนั้น เถ้าแก่คนนี้จึงไม่ได้มีจรรยาบรรณอะไรหรอก เพียงแต่กลัวว่าป่ายหลี่หลงเซิ่งจะเห็นโอสถชั้นยอดที่หลินหยุนให้เขาก็เท่านั้น
“แกหมายความว่ายังไง?” ป่ายหลี่หลงเซิ่งมองไปที่เถ้าแก่ แล้วแสยะยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นดูถมึงทึงทีเดียว
“แกว่าฉันทำให้แกลำบากใจงั้นเหรอ? แกคิดว่าฉันป่ายหลี่หลงเซิ่งจะทำให้นักกลั่นยาเร่ร่อนอย่างแกลำบากใจงั้นเหรอ? แกดูถูกฉัน หรือว่าดูถูกตระกูลป่ายหลี่ของฉัน!”
เถ้าแก่ตกใจจนตัวสั่น รีบอธิบายว่า : “คุณชายป่ายหลี่ครับ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คุณอย่าเข้าใจผิดเลยนะครับ ผมจะเอาของคืนให้เขา หากคุณต้องการโสมป่าเหล่านี้ ผมจะมอบมันให้คุณ”
ขณะที่พูด ก็รีบเอาโสมป่าเหล่านั้นที่อยู่ตรงหน้าหลินหยุน ดันไปกองตรงหน้าป่ายหลี่หลงเซิ่งทั้งหมด
ผิดใจกับตระกูลป่ายหลี่ เถ้าแก่ไม่ได้กล้าหาญขนาดนั้น
แม้ว่าโอสถชั้นยอดจะล่อตาล่อใจยิ่งนัก แต่ถ้าหากผิดใจกับตระกูลป่ายหลี่ เกรงว่าพรุ่งนี้คงกลายเป็นศพอยู่ข้างถนน
โม่จือมิ่งแสยะยิ้มพลางเอ่ยพูดอยู่ข้าง ๆ : “คนของตระกูลป่ายหลี่ บ้าคลั่งอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด กลางวันแสก ๆ กลับกล้าแย่งของของคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา!”
ถึงแม้โม่จือมิ่งจะไม่รู้จักป่ายหลี่หลงเซิ่ง แต่กลับรู้จักพ่อของเขา ป่ายหลี่เถ่
ป่ายหลี่เถ่ เป็นเจ้าสำนักแห่งสำนักยาตัน และเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของหุบเขาเทพยา
ตอนนั้นคนที่วางแผนปลุกปั่นซูม่านม่าน ก็คือป่ายหลี่เถ่คนนี้นั่นเอง
ป่ายหลี่หลงเซิ่งชำเลืองมองไปที่โม่จือมิ่ง แล้วเอ่ยพูดเสียงเย็นชา : “แกเป็นใคร?”
โม่จือมิ่งแสยะยิ้มพลางตอบ : “กลับไปถามพ่อแกดูก็รู้เองแหละว่าฉันเป็นใคร”
ป่ายหลี่หลงเซิ่งสีหน้าเปลี่ยนไปทันที แล้วเอ่ยพูดด้วยสีหน้าถมึงทึง : “แกหาเรื่องตาย!”
เขาคิดว่าโม่จือมิ่งจงใจเหยียดหยามพ่อของเขา
และในตอนนี้เอง เสียงเยาะเย้ยของผู้หญิงคนหนึ่งได้ดังขึ้น : “อ้อ ฉันก็นึกว่าใคร? นี่อาจารย์อาโม่แห่งหุบเขาเทพยาไม่ใช่เหรอ?”
“อาจารย์อาโม่มาร่วมงานประลองกลั่นยางั้นเหรอ?”