จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 888 การประลองเริ่มต้นขึ้น
เจียงย่านหรงมองไปที่เถ้าแก่คนนั้นด้วยสายตาเย็นชา แล้วเอ่ยพูดด้วยเสียงไม่พอใจ : “แกเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร เอาของสิ่งเดียวกันขายให้กับคนสองคน ไอ้พ่อค้าหน้าเลือด!”
เถ้าแก่พร่ำบ่นอย่างคับข้องใจ เจ้าสำนักน้อยแห่งสำนักยาตันต้องการของของเขา เขาจะกล้าปฏิเสธได้ยังไง!
เขาก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้!
เจียงย่านหรงจ้องไปที่ป่ายหลี่หลงเซิ่ง แล้วตะคอกเสียงเย็นชา : “ไสหัวไปซะ! ไม่อย่างนั้น ครั้งต่อไปที่ฉันจะตวัดแส้ใส่ก็คือหน้าของแก!”
ป่ายหลี่หลงเซิ่งตกใจจนหน้าซีดเผือด พละกำลังของเจียงย่านหรงใกล้แตะระดับปรมาจารย์แล้ว แข็งแกร่งกว่าเขาถึงสองแดน แค่กระบวนท่าเดียวของเจียงย่านหรงเขาก็ต้านทานไว้ไม่ได้
อีกอย่าง เจียงย่านหรงเป็นผู้ที่มีพลังอันยิ่งใหญ่ในโลกบู๊โบราณ ไม่เกรงกลัวสำนักยาตันของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเอาสำนักยาตันมาข่มขู่เธอได้
ความพ่ายแพ้นี้ ป่ายหลี่หลงเซิ่งจำต้องยอมรับมัน
“เจียงย่านหรง แกมันแน่มาก!”
ป่ายหลี่หลงเซิ่งจ้องเขม็งเจียงย่านหรงด้วยสีหน้าถมึงทึง แล้วหันไปมองหลินหยุนด้วยสีหน้าบึ้งตึงพลางเอ่ยพูด : “ไอ้หนุ่ม ครั้งนี้ถือว่าแกโชคดีไป แต่ครั้งหน้าถ้าตกอยู่ในเงื้อมมือฉันอีก แกไม่ได้โชคดีอย่างนี้แน่!”
หลินหยุนหลับตาทั้งสองข้างลงเล็กน้อย ไม่ได้มองเขาเลยสักนิด ถ้าหากไม่ใช่เพื่อต้องเอาบันทึกเตากลั่นยากลับไป ตอนนี้ป่ายหลี่หลงเซิ่งคงกลายเป็นศพไปแล้ว
“ไสหัวไปซะ!” เจียงย่านหรงแสร้งทำท่าเหมือนจะทำร้าย จนทำให้ป่ายหลี่หลงเซิ่งตกใจจนรีบกุมหัวแล้ววิ่งพล่านเหมือนหนู
“เหอะ ไอ้สวะเอ้ย!” เจียงย่านหรงมองตามแผ่นหลังของป่ายหลี่หลงเซิ่งที่หนีหัวซุกหัวซุน แล้วแสดงสีหน้ารังเกียจออกมา
จากนั้น เจียงย่านหรงหันกลับมามองหลินหยุน แล้วยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยพูด : “เอาล่ะ ไอ้สารเลวป่ายหลี่หลงเซิ่งนั่นถูกฉันไล่ไปแล้ว ไม่มีอะไรแล้วล่ะ!”
หลินหยุนมองไปที่เด็กสาวผู้รักในความยุติธรรมขนาดนี้ แล้วยิ้มเล็กน้อย : “ขอบคุณนะ”
เจียงย่านหรงโบกปัดมือไปมา : “ไม่ต้องเกรงใจ!”
หลินหยุนเก็บโสมแดงเหล่านั้น แล้วมองไปที่โม่จือมิ่งพลางเอ่ย : “ไปกันเถอะ!”
“ครับ!” โม่จือมิ่งพยักหน้าบอกลาเจียงย่านหรง แล้วเดินตามหลินหยุนออกไป
เจียงย่านหรงปรบมือ แล้วหมุนตัวเดินจากไปอย่างร่าเริงมีความสุข
หลินหยุนแอบคิดในใจว่า : “ดูท่าทาง ในโลกบู๊โบราณ ก็ไม่ใช่คนเลวทั้งหมด”
เดินต่อไปข้างหน้าเรื่อย ๆ จนในที่สุดหลินหยุนได้เจอสมุนไพรที่ต้องการ จากแผงลอยของผู้เฒ่าคนหนึ่ง
เถาจื่อเฟิง แล้วก็หินหานสุ่ย
สมุนไพรสองชนิดนี้ รวมกับหญ้าเผาจิตมังกรคบเพลิง สามารถทำยากลั่นทิพย์เพลิงม่วงที่มีสรรพคุณเยี่ยมยอดยิ่งกว่ายารวมทิพย์เพลิงแดง
เมื่อมียากลั่นทิพย์เพลิงม่วงนี้แล้ว สามารถทำให้ตัวอ่อนยาจางที่อยู่ภายในร่างกายของหลินหยุนแข็งตัวมากขึ้น โอกาสที่จะกลายเป็นยาทองระดับฟ้าก็เพิ่มมากขึ้นด้วย
ได้สมุนไพรสองชนิดนี้มา โดยหลินหยุนใช้เพียงยาเสริมจิตสองเม็ดเท่านั้น ยังไงคนในโลกบู๊ ก็ไม่ได้สนใจในสมุนไพรที่ผู้บำเพ็ญเซียนต้องการอยู่แล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะไม่เคยพบเห็นสมุนไพรสองชนิดนี้มาก่อน แล้วรู้สึกสนใจขึ้นมา ผู้เฒ่าคนนั้นคงจะไม่เก็บมันกลับมา
ทั้งสองคนยังเดินเล่นอยู่ในตลาดกันอีกสักพัก แต่หลินหยุนไม่ได้พบสิ่งของที่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว
จากนั้น ทั้งสองคนได้ออกไปจากตลาด มายังลานที่จัดงานประลองกลั่นยา
ตอนนี้ งานประลองกลั่นยายังไม่เริ่มต้นขึ้น ที่ลานจัดงานมีเพียงคนไม่กี่คนกำลังเดินเล่นอยู่ เพื่อสำรวจเวทีที่สร้างเสร็จแล้วของงานประลองกลั่นยา
โม่จือมิ่งเอ่ยพูด : “งานประลองกลั่นยาเริ่มต้นพรุ่งนี้เช้าอย่างเป็นทางการ วันนี้ที่นี่โดยส่วนใหญ่เป็นการรวมตัวของเหล่านักกลั่นยาที่มีค่อนข้างมีศักยภาพในโลกกลั่นยา!”
หลินหยุนเอ่ยถาม : “คนของสำนักยาตันมาถึงหรือยัง?”
โม่จือมิ่งกวาตามองไปรอบ ๆ แล้วส่ายหน้าพลางเอ่ย : “หนุ่มสองคนที่สวมชุดฉางเผาสีขาวที่กำลังสั่งการทำเวทีอยู่ตรงนั้น คือลูกศิษย์ของสำนักยาตัน ตรงหน้าอกเสื้อของพวกเขา ปักสัญลักษณ์โอสถไว้อันหนึ่ง”
“พวกระดับสูงของสำนักยาตัน วันนี้คงไม่โผล่มาให้เห็น ต้องรอพรุ่งนี้ถึงจะมาที่งาน”
หลินหยุนมองไปยังลูกศิษย์สองคนที่กำลังทำเวทีอยู่ บนเสื้อของพวกเขามีภาพปักโอสถอยู่จริง ๆ ด้วย
“งั้นก็รอแล้วกัน!”
โม่จือมิ่งเอ่ย : “ถ้าคุณไม่อยากเดินต่อ ผมจะพาคุณไปหาที่พักผ่อน”
“ก็ได้” หลินหยุนตอบตกลง
ในเมืองตันโจว มีโรงแรมสำหรับพักผ่อน แต่ว่า โรงแรมที่นี่ ไม่ได้เก็บเงินสดเหมือนอย่างโลกมนุษย์
คนที่มาที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นนักกลั่นยา ดังนั้น โรงแรมที่นี่จึงเป็นโรงแรมที่นักกลั่นยาเปิดทำธุรกิจทั้งนั้น
โรงแรมรับโอสถแทนการเก็บเงินค่าห้องพัก ถ้าหากไม่มีโอสถ ก็สามารถใช้สมุนไพรแทนได้
โม่จือมิ่งได้ใช้โอสถชั้นกลางสองเม็ดจ่ายค่าห้องพัก ทั้งสองคนพักอยู่ที่โรงแรมหนึ่งคืน
วันถัดมา งานประลองกลั่นยาได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ผ่านไปหนึ่งคืน นักกลั่นยาของเมืองตันโจวก็มาเพิ่มมากขึ้น
ลานจัดงานประลองกลั่นยา มีผู้คนมากมายคับคั่ง
ในลานจัดงาน ได้สร้างแท่นสูงไว้สิบแท่น อีกเดี๋ยวคงจะใช้เป็นสถานที่แข่งขัน
ที่นั่งของแขกที่อยู่ด้านหลังแท่นสูง มีชายชราอยู่หลายคน กำลังยิ้มพลางพูดคุยกันเสียงเบา ๆ
หนึ่งในนั้นมีชายชราที่สวมชุดฉางเผาสีขาว ด้านหน้าอกปักรูปโอสถเม็ดใหญ่หนึ่งเม็ด ท่าทางตอนสะบัดแขนเสื้อดูเหิมเกริมมาก
เขาหัวเราะแล้วเอ่ยพูด : “คนที่มาในครั้งนี้ มากขึ้นกว่าคราวก่อนถึงหนึ่งในห้าส่วน ดูท่าทางโลกกลั่นยาของเรายิ่งใหญ่ขึ้นกว่าที่ผ่านมาไม่น้อยเลยนะ!”
ชายชราคนอื่น ๆ ที่เหลือ ได้พยักหน้าอย่างยิ้ม ๆ
ชายชราคนหนึ่งที่สวมชุดฉางเผาสีเทาได้เอ่ยพูดขึ้นว่า : “ใช่แล้ว โลกกลั่นยาของเราแข็งแกร่งมากขึ้นทุกปี เชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่นาน ก็คงกลับมายิ่งใหญ่พอ ๆ กับโลกบู๊ในตอนนั้น!”
หลินหยุนมองไปยังชายชราเหล่านั้น แล้วเอ่ยถาม : “คนไหนคือป่ายหลี่เถ่?”
โม่จือมิ่งที่ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นมองไปยังชายชราชุดฉางเผาสีขาวที่อยู่บนเวที : “คนที่ใส่ชุดสีขาว หน้าอกเสื้อปักลายโอสถเม็ดใหญ่คนนั้นแหละ คือเจ้าสำนักแห่งสำนักยาตัน ป่ายหลี่เถ่!”
“คนอื่น ๆ ที่เหลือ คือกรรมการในงานประลองกลั่นยาครั้งนี้ ล้วนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกกลั่นยาที่ถูกส่งมาให้เป็นตัวแทน!”
หลินหยุนมองไปที่เขาแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยถามโม่จือมิ่ง : “งานประลองกลั่นยาจะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่?”
โม่จือมิ่งตอบว่า : “รอป่ายหลี่เถ่ประกาศ ก็เริ่มได้เลย”
ดูท่าทางอำนาจของตระกูลป่ายหลี่ในโลกกลั่นยานั้นยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดาเลย!
ป่ายหลี่เถ่และกรรมการคนอื่น ๆ พูดคุยกันอีกสักพัก จากนั้นได้เดินออกมาข้างหน้าคนเดียว เขากวาดตามองผู้คนที่อยู่ด้านล่าง แล้วกระแอมออกมาสองครั้ง
“ทุกคนเงียบกันหน่อย!” ป่ายหลี่เถ่พูดเสียงดัง น้ำเสียงนั้นมีพลังชี่แท้ปนอยู่ด้วย ฟังแล้วเหมือนดังอยู่ข้างหูไม่มีผิด
ในลานกว้างที่เดิมทีเอะอะเสียงดัง ได้เงียบลงทันที
ป่ายหลี่เถ่ยิ้มเล็กน้อย วางมาด เหมือนเป็นเจ้าภาพต้อนรับแขก
“ฉันคือป่ายหลี่เถ่ เจ้าสำนักแห่งสำนักยาตัน ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานครั้งยิ่งใหญ่ที่สี่ปีมีครั้งหนึ่งในโลกกลั่นยา หวังว่าการประลองครั้งนี้ของทุกคนจะผ่านไปได้ด้วยดี!”
เมื่อเห็นป่ายหลี่เถ่วางมาดเหมือนงานประลองกลั่นยาเป็นงานเลี้ยงที่ตัวเองจัดขึ้น กลุ่มคนที่อยู่ด้านล่างบางส่วนก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
แต่ว่า กลับไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมา เพราะความแข็งแกร่งของสำนักยาตันสมกับการเป็นที่หนึ่งในโลกกลั่นยา
โม่จือมิ่งแค่นเสียงหึออกมา : “ไอ้ป่ายหลี่เถ่นี่มันหน้าไม่อายจริง ๆ งานประลองกลั่นยานี้เป็นงานของโลกกลั่นยา แต่มันพูดเหมือนเป็นงานที่มันตั้งใจขึ้นมายังไงยังงั้น!”
แต่ว่า คนที่ไม่ชอบป่ายหลี่เถ่ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
ในความเป็นจริง ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกสรรเสริญเยินยอผู้มีอำนาจ ล้วนแต่ประจบประแจงสำนักยาตันกันทั้งนั้น
ป่ายหลี่เถ่เพิ่งพูดจบ ผู้คนที่อยู่ด้านล่างก็ได้ส่งเสียงร้องขึ้นมาอย่างคึกคัก
และมีเสียงปรบมือดังสนั่น
ป่ายหลี่เถ่ทำท่ากดมือลง ทุกคนที่อยู่ด้านล่างจึงเงียบเสียงลงอีกครั้ง
ป่ายหลี่เถ่ยเอ่ยพูดด้วยสีหน้าได้ใจ : “ฉันไม่พูดอะไรมากแล้ว งั้นฉันของประกาศ งานประลองกลั่นยาครั้งที่ยี่สิบแปด ได้เริ่มขึ้น ณ บัดนี้!”
“งานประลองกลั่นยาครั้งนี้ ยึดตามกติกาเดิม”
“ด้านล่าง เตรียมด่านแรกได้เลย!”
ป่ายหลี่เถ่โบกมือส่งสัญญาณให้กับลูกศิษย์สำนักยาตันที่สวมชุดฉางเผาสีขาวอยู่ไม่กี่คน ลูกศิษย์เหล่านั้นได้ยกเตาอั้งโล่สีน้ำตาลเข้มที่ได้เตรียมไว้ล่วงหน้าขึ้นมา แล้วเอาไปวางไว้ที่แท่นสูงเหล่านั้น เพื่อให้ทุกคนได้เห็นกันอย่างชัดเจน
โม่จือมิ่งอธิบายให้หลินหยุนฟังว่า : “นี่เป็นด่านแรกของงานประลองกลั่นยา จุดไฟ!”
“ต้องผ่านการทดสอบเท่านั้น ถึงสามารถผ่านเข้าด่านต่อไปได้ สุดท้ายแข่งกับสำนักยาตัน!