จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 902 นี่คือกติกาของฉัน
ได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสจาง คนเหล่านั้นที่ยังพอมียางอายอยู่บ้าง ต่างอดไม่ได้ที่จะเอามือปิดหน้า
ไม่มีหน้าไปสู้ใครแล้ว!
คนธรรมดา ปรมาจารย์ชั้นยอดคนหนึ่ง กล้าพูดว่าตัวเองเป็นคนธรรมดา ยังไร้ยางอายได้มากกว่านี้ไหม?
สำนักยาตันในวันนี้ ถือว่าสูญเสียเกียรติไปหมดสิ้นแล้ว อับอายขายหน้าไปถึงบรรพบุรุษแล้ว
หลินหยุนไม่ได้สนใจเสียงร้องโวยวายของผู้อาวุโสจาง เขาลงมืออีกครั้ง ผู้อาวุโสจางไม่มีพลังต้านทานเลยแม้แต่น้อย เขาถูกหลินหยุนจับตัวไว้ เหมือนลูกไก่ตัวหนึ่งที่ถูกหยิบขึ้นมา
“แกกินโอสถของฉันเข้าไป ก็ต้องเอาชีวิตมาแลก”
น้ำเสียงของหลินหยุนเรียบเฉย แต่ว่า พลังอาฆาตที่แฝงอยู่ในคำพูดนั้น กลับทำให้ผู้คนกลัวจนตัวสั่น
ป่ายหลี่เถ่สีหน้าเปลี่ยนทันที แล้วตะโกนร้องอย่างตื่นตกใจ : “หยุดนะ!”
“หลินชางฉอง พวกเราเป็นคนของโลกบู๊โบราณ แกคิดจะให้โลกบู๊กับโลกบู๊โบราณเปิดศึกกันใช่ไหม!”
“ถ้าหากแกกล้าฆ่าผู้อาวุโสจาง ก็จะเป็นการสร้างความขัดแย้งระหว่างโลกบู๊โบราณกับโลกบู๊ แกจะถูกทั้งโลกบู๊โบราณต่อต้าน!”
หลินหยุนมองไปที่เขาอย่างนิ่งเฉย : “เมื่อกี้แกพูดเองไม่ใช่หรือไง ว่ากติกามีผู้แข็งแกร่งเป็นผู้กำหนด ตอนนี้ ฉันจะกำหนดกติกาเอง”
พูดจบ หลินหยุนได้บีบคอของผู้อาวุโสจางอย่างแรง
แกร๊ก!
ผู้อาวุโสจางตาย!
“หลินชางฉอง แกมันบ้าเกินไปแล้ว!” ป่ายหลี่เถ่มีสีหน้าเจ็บปวด ผู้อาวุโสจางเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแดนเทพในอนาคตของสำนักยาตันเชียวนะ!
เดิมทีเขาคิดจะฮุบโอสถของหลินหยุนหนึ่งเม็ด คิดไม่ถึงว่า ฮุบโอสถไปไม่ได้ แล้วผู้อาวุโสจางยังต้องมาถูกฆ่าตายอีก
เสียเปล่าทั้งขึ้นทั้งล่องจริง ๆ
ป่ายหลี่เถ่ได้กำหมัดทำท่าคารวะต่อผู้คนที่อยู่ด้านล่าง แล้วพูดเสียงก้องกังวานว่า : “สหายแห่งโลกกลั่นยาทุกท่าน ทุกท่านได้เห็นชัดเจนแล้ว วันนี้ หลินชางฉองเป็นฝ่ายฆ่าผู้อาวุโสแห่งสำนักยาตันของข้าก่อน ได้สร้างความขัดแย้งระหว่างโลกบู๊โบราณกับโลกบู๊”
“ถ้าหากเหตุนี้ได้ส่งผลให้เกิดศึกระหว่างโลกบู๊โบราณกับโลกบู๊ เขาก็คือคนที่ผิดบาปมหันต์!”
ป่ายหลี่เถ่ตอนนี้ ได้สิ้นไร้ไม้ตอกแล้ว
ต่อให้หลินหยุนไม่ฆ่าผู้อาวุโสจาง ความขัดแย้งระหว่างโลกบู๊โบราณกับโลกบู๊ก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี ทุกคนต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ
อีกอย่าง ตอนนี้ความขัดแย้งระหว่างโลกบู๊โบราณกับโลกบู๊ยังมีน้อยอยู่อีกเหรอ?
หลินหยุนรอให้ป่ายหลี่เถ่พูดจบ ถึงได้เอ่ยพูดอย่างนิ่งเฉย : “แกบอกว่าฉันสร้างความขัดแย้งระหว่างโลกบู๊โบราณกับโลกบู๊ งั้นฉันก็จะสร้างให้มันดุเดือดหน่อยแล้วกัน!”
พูดจบ หลินหยุนได้ชี้นิ้วออกมา บริเวณหัวใจของป่ายหลี่หลงเซิ่งก็ได้ถูกพลังทิพย์ทำลายจนเป็นรู
“ลูกชาย!” ป่ายหลี่เถ่ตะคอกเสียงออกมาด้วยความตื่นตกใจ แล้วแวบร่างไปโผล่ที่ข้างกายป่ายหลี่หลงเซิ่งทันที
ใบหน้าของป่ายหลี่หลงเซิ่งเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้สึกเพียงว่าสั่นไปทั่วทั้งร่างกาย แล้วก็ตกใจ
จากนั้น เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีก็ค่อย ๆ หายไป
“พ่อครับ ผม……จะตายแล้วใช่ไหม?”
“ไม่ ฉันยังไม่อยากตายนะ……หลินชางฉอง ฉัน ต่อให้ฉันกลายเป็นผี ฉันก็ไม่มีทางปล่อยแกไป!”
ป่ายหลี่หลงเซิ่ง ตายแล้ว!
ซูม่านม่านเอามือปิดปากเล็ก ๆ ของเธอด้วยความหวาดกลัว แล้วค่อย ๆ แอบถอยหลังเข้าไปอยู่ในกลุ่มคน
หลินหยุนมองไปที่ป่ายหลี่เถ่ ด้วยใบหน้าที่ยังคงนิ่งเฉยเช่นเคย
“ฉันคนนี้ เกลียดคนอื่นข่มขู่เป็นที่สุด ถ้าหากคนของโลกบู๊โบราณกล้ามาทำให้ฉันโกรธ งั้นฉันก็จะเอาเลือดล้างโลกบู๊โบราณ”
พูดจบ หลินหยุนได้กระแทกหมัดไปยังป่ายหลี่เถ่
ป่ายหลี่เถ่ตกใจมาก : “หลินชางฉอง แกคิดจะฆ่าให้หมดเลยหรือไง?”
“ฆ่าหมดแล้วจะทำไม? ตอนนี้ ฉันเป็นผู้แข็งแกร่ง นี่คือกติกาของฉัน” หลินหยุนเอ่ยพูดอย่างเรียบ ๆ สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ
ในช่วงฉุกละหุกนั้น ป่ายหลี่เถ่ได้รีบโจมตีกลับไป
แม้ว่าเขาก็มีพลังระดับปรมาจารย์ชั้นยอด แต่ต่อหน้าหลินหยุนแล้ว พลังนั่นยังไม่เพียงพอ
หนึ่งหมัด ทำให้ป่ายหลี่เถ่บาดเจ็บสาหัส นอนอยู่ใต้เท้าหลินหยุนด้วยสภาพสะบักสะบอม
ป่ายหลี่เถ่นอนอยู่บนพื้น มองไปที่หลินหยุนด้วยสีหน้าหวาดกลัว : “นักบู๊แดนเทพ แข็งแกร่งจริง ๆ!”
“แต่ว่า สำนักยาตันของฉันไม่ได้พ่ายแพ้ต่อหุบเขาเทพยา แต่พ่ายแพ้ให้กับแก หลินชางฉอง!”
“ฮ่าฮ่า……ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร ฉันป่ายหลี่เถ่ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว!”
“แต่ว่า หลินชองฉอง จำคำพูดที่แกพูดเอาไว้ในวันนี้ แกกล้าดูถูกโลกบู๊โบราณ แกไม่มีทางได้ตายดีแน่นอน!”
หลินหยุนสีหน้านิ่งเฉย : “พูดจบแล้ว งั้นก็ไปตายซะ!”
หลินหยุนยกเท้าขึ้น แล้วกระทืบไปที่จุดลมปราณของป่ายหลี่เถ่
ป่ายหลี่เถ่ ตายแล้ว!
ลูกศิษย์ของสำนักยาตันทั้งหมด ต่างตกใจจนหน้าซีดเผือด
ทุกคนที่อยู่โดยรอบ ก็มีสีหน้าตกใจกลัวเช่นกัน
สำนักยาตันที่โอหังอวดดีมาตลอด เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินหยุน กลับอ่อนแอถึงเพียงนี้
นี่สิถึงเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง!
หลินหยุนหันไปมองลูกศิษย์ของสำนักยาตันทุกคน แล้วเอ่ยถามอย่างเรียบ ๆ ว่า : “ต้องการแก้แค้นให้กับเจ้าสำนักของพวกแกไหม?”
ลูกศิษย์สำนักยาตันทุกคน ต่างตกใจรีบส่ายหน้ากันเป็นแถว
แก้แค้นเหรอ? อย่าล้อเล่นน่า
พวกเขาเข้าสำนักยาตัน เพียงเพื่อหาร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ ตอนนี้แม้แต่เจ้าสำนักก็ตายไปแล้ว ผู้อาวุโสจางก็ตายไปแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะกลัวหลินหยุนจะฆ่าทิ้งถ้าหากพวกเขาหนีไป พวกเขาคงหนีไปนานแล้ว
ดังที่กล่าวไว้ว่าเมื่อต้นไม้ใหญ่ล้มลิงค่างก็แตกกระเจิง ป่ายหลี่เถ่ตายไป สำนักยาตันคงเหลือไว้เพียงแต่ชื่อ
โม่จือมิ่งเดินไปข้างหน้า แอบกระซิบที่ข้างหูหลินหยุนว่า : “สองพ่อลูกป่ายหลี่ตายหมดแล้ว เกรงว่าเบาะแสของบันทึกเตากลั่นยาคงกลายเป็นปริศนา!”
หลินหยุนเอ่ยพูดอย่างเรียบ ๆ ว่า : “วางใจเถอะ ยังมีอีกหนึ่งคน ที่ต้องรู้เรื่องนี้แน่นอน”
พูดจบ สายตาของหลินหยุนก็ไปกวาดมองไปที่ลูกศิษย์ทั้งหมดของสำนักยาตัน จากนั้น ได้หยุดสายตาที่ผู้หญิงคนหนึ่ง
“เทพธิดาซูม่านม่าน” หลินหยุนพูดชื่อนี้ออกมา
ลูกศิษย์สำนักยาตันเหล่านั้นที่อยู่ข้าง ๆ ซูม่านม่าน ต่างรีบหลบหลีกเหมือนกับหลบโรคระบาดยังไงยังงั้น
ซูม่านม่านจึงโผล่ออกมาตรงหน้าของหลินหยุนทันที
เธอกำลังหันหนีหลินหยุนพอดี ก้มหัวก้มหน้า เมื่อได้ยินหลินหยุนเรียกชื่อของเธอ ซูม่านม่านก็ตกใจจนตัวสั่นไปทั้งตัว
โม่จือมิ่งมองไปที่ซูม่านม่าน แล้วรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที : “นังสารเลว ตอนนั้นแกทรยศหักหลังหุบเขาเทพยา ตอนที่แกขโมยบันทึกเตากลั่นยาไป เคยคิดบ้างไหมว่าจะมีวันนี้?”
ซูม่านม่านรีบคุกเข่าตรงหน้าโม่จือมิ่ง แล้วทำหน้าตาน่าสงสาร : “อาจารย์อา ฉันผิดไปแล้ว ฉันรู้แล้วว่าผิด พ่อลูกตระกูลหลี่ ไม่ได้เห็นฉันเป็นคนเลยสักนิด ฉันเป็นเพียงที่ระบายความใคร่ของป่ายหลี่หลงเซิ่งเท่านั้น”
“หลายปีมานี้ ฉันนึกถึงหุบเขาเทพยาอยู่เสมอ ฉันรู้ว่าฉันทำผิดใหญ่หลวง แต่ว่า ฉันสำนึกแล้วจริง ๆ นะ หวังว่าอาจารย์อาจะให้อภัยฉัน!”
ซูม่านม่านร้องไห้เสียใจมาก ถึงแม้เป็นการแสดงด้วยส่วนหนึ่ง แต่อย่างน้อยก็มีความรู้สึกจริงปนอยู่ด้วย
โม่จือมิ่งกัดฟัน อยากพูดแรง ๆ อีกสักหน่อย แต่ว่า เห็นสภาพซูม่านม่านในตอนนี้ กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ
สุดท้าย โม่จือมิ่งได้แต่ถอนหายใจ : “ซูม่านม่าน หุบเขาเทพยาของฉันดูแลแกเป็นอย่างดี แต่แกกลับทรยศหักหลัง ขโมยบันทึกเตากลั่นยาที่เป็นสมบัติล้ำค่าของหุบเขาเทพยาไป”
“ตอนนี้ สองพ่อลูกตระกูลป่ายหลี่ตายไปหมดแล้ว แกเอาบันทึกเตากลั่นยาคืนมาซะ นับแต่นี้ไป บุญคุณและความแค้นระหว่างแกกับหุบเขาเทพยาถือว่าจบสิ้นกัน!”
ซูม่านม่านรีบก้มหัวแตะพื้น ขอบพระคุณโม่จือมิ่ง : “ขอบคุณอาจารย์อาที่ยกโทษให้ฉัน ฉันรู้ว่าสองพ่อลูกตระกูลป่ายหลี่เอาบันทึกเตากลั่นยาไปไว้ที่ไหน!”
“ฉันจะพาพวกท่านไปเอา!”
“ดี” โม่จือมิ่งมองไปที่หลินหยุน หลินหยุนพยักหน้าตอบรับ
ทั้งคู่ได้ตามซูม่านม่านออกไปจากลานประลอง
ทุกแห่งที่หลินหยุนเดินผ่าน ทุกคนต่างหลีกทางกว้าง ๆ ให้โดยอัตโนมัติ แล้วพากันก้มหน้า ไม่กล้าแม้แต่จะมองหลินหยุน
นี่สิคือผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง
ตอนที่หลินหยุนเดินผ่านเจียงย่านหรง ได้หันกลับไปมองเธอแวบหนึ่ง แล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย
เจียงย่านหรงใจเต้นอย่างรุนแรง มือทั้งสองข้างไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหนดี
เมื่อรอให้หลินหยุนเดินพ้นไป นักกลั่นยาทุกคนที่อยู่ในลานประลอง ถึงค่อย ๆ ถอนหายใจกันออกมา
กรรมการแซ่กู่มีสีหน้าช็อกมาก : “อันดับหนึ่งในลำดับเทพ สมดังคำร่ำลือจริง ๆ!”
“ป่ายหลี่เถ่ คราวนี้ถือว่าเจอปัญหาเข้าแล้วล่ะ”
กรรมการที่หนวดเครายาวคนนั้น ได้หัวเราะแล้วเอ่ยพูด : “คนของตระกูลป่ายหลี่ ทำเรื่องชั่วช้ามามากมาย ตอนนี้ถือว่าได้รับผลกรรมแล้ว”
“หลินชางฉองคนนี้ ถือว่าได้คืนความสงบสุขให้กับโลกกลั่นยาของพวกเรา!”