จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 905 ผมไปเป็นเพื่อนปู่เองครับ
มือของหลินหยุน ไล่จากหน้าผากของหลินซื่อเฉิงลงมาด้านล่างเรื่อย ๆ จนมาถึงจุดตันเถียนของหลินซื่อเฉิง
“วิชาเพลงบู๊นี้ รุนแรงถึงเพียงนี้เลยเหรอ!”
ในแววตาของหลินหยุน มีความหนาวเหน็บเผยออกมา
หลินตงถิงที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง : “เป็นยังไงบ้าง?”
หลินหยุนตอบ : “ไม่เป็นไร ลุงออกไปก่อนเถอะ ผมจะรักษาบาดแผลให้คุณปู่!”
“ตกลง!” หลินตงถิงรู้ดี หลินหยุนไม่ใช่คนธรรมดา เรื่องมากมายของเขา จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับ
“ถ้าหากต้องการให้ฉันช่วยอะไร ก็เรียกฉันนะ”
“อืม” หลินหยุนพยักหน้า
ตึง!
หลินตงถิงปิดประตูแล้วจากไป
หลินหยุนหยิบยาเสริมจิตออกมาหนึ่งเม็ด แล้วป้อนให้หลินซื่อเฉิงทาน
จากนั้น ใช้พลังทิพย์จากร่างกายของตัวเอง ซ่อมแซมเส้นลมปราณที่ได้รับความเสียหายของหลินซื่อเฉิง
ที่หลินซื่อเฉิงเป็นแบบนี้ ก็เพราะวิชาบู๊ของจางเฮยหู่รุนแรงเกินไป หลินซื่อเฉิงเลือดลมไม่เดิน เส้นลมปราณถูกปิด ไม่สามารถใช้วิชาฝึกบู๊ มารักษาอาการบาดเจ็บได้
หลินหยุนส่งพลังทิพย์ของตัวเองไปที่เส้นลมปราณของหลินซื่อเฉิงด้วยความระมัดระวัง
หลินหยุนพบว่า พลังของหลินซื่อเฉิง ได้อยู่ในระดับแดนพรสวรรค์สวรรค์สูงสุดแล้ว
“คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าพรสวรรค์ในการฝึกวิชาของคุณปู่ จะสูงถึงเพียงนี้”
“ช่างเหนือความคาดหมายของผมจริง ๆ”
การฝึกวิชาของหลินหยุนนั้นรวดเร็วมาก นั่นเป็นเพราะเขายังมีความทรงจำของเมื่อชาติก่อนที่เป็นกษัตริย์เซียนหลงเหลืออยู่ ชาตินี้ เลยเดินตามรอยกษัตริย์เซียนอีกครั้ง
แต่ว่า คุณปู่หลินซื่อเฉิง เป็นมือใหม่อย่างแท้จริง แต่กลับฝึกวิชาได้รวดเร็วถึงเพียงนี้
พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า คุณปู่หลินซื่อเฉิง มีพรสวรรค์ด้านการฝึกวิชาบู๊เต็ม ๆ
บาดแผลแค่นี้ ไม่ยากเกินไปสำหรับหลินหยุนอยู่แล้ว
ไม่นาน คุณปู่หลินซื่อเฉิงก็ฟื้นขึ้นมา
“เสี่ยวหยุน หลานมาแล้วเหรอ!” ใบหน้าของหลินซื่อเฉิง มีความดีใจเผยออกมา
“คุณปู่ครับ อย่าเพิ่งขยับตัว เดี๋ยวก็หายแล้วนะครับ” หลินหยุนเอ่ยพูดเสียงอ่อนโยน
“ก็ได้” หลินซื่อเฉิงยิ้มพลางตอบกลับ เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว กล้าหาญกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย
ไม่นาน หลินหยุนก็ได้ซ่อมแซมเส้นลมปราณในร่างกายหลินซื่อเฉิงที่ได้รับความเสียหายจนเสร็จ
“เสร็จแล้วครับ” หลินหยุนเอ่ย
หลินซื่อเฉิงขยับแขนเล็กน้อย จากนั้นก็กระโดดลงจากเตียงทันที แล้วกระแทกหมัดไปในอากาศ
“ดีมากจริง ๆ!”
หลินซื่อเฉิงยิ้มดีใจเป็นอย่างมาก
จากนั้น ได้มองไปที่หลินหยุน แล้วเอ่ยอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย : “เสี่ยวหยุน ปู่ไม่ได้เรื่องเลย ครั้งนี้ถ้าไม่ได้หลาน ปู่คงตายไปแล้ว”
หลินหยุนจึงเอ่ยถามขึ้นว่า : “คุณปู่ครับ ตกลงมันยังไงกันแน่? ใครทำร้ายปู่?”
หลินซื่อเฉิงรู้สึกละอายใจ : “เรื่องนี้ต้องโทษปู่ที่เรียนได้ไม่ดีพอ เดิมทีอยากหาใครสักคนมาฝึกฝน แต่คิดไม่ถึงว่าคนคนนั้นลงมือหนักขนาดนี้”
จากนั้น หลินซื่อเฉิงได้เล่าเรื่องให้หลินหยุนฟัง ว่าตัวเองไปหาคนฝึกฝนวิชาที่สำนักพยัคฆ์ แต่กลับถูกคนเข้าใจผิดว่ามาหาเรื่อง จากนั้นจึงถูกจางเฮยหู่ทำร้ายเข้า
หลังจากได้ฟังจบ หลินหยุนก็ยิ้มออกมา
“คุณปู่ครับ กติกาในโลกบู๊ ปู่ไปถึงหน้าประตูสำนักคนอื่นแล้วบอกว่าอยากฝึกวิชา ก็คือเป็นการไปหาเรื่องนั่นแหละ”
จากนั้น หลินหยุนได้อธิบายเรื่องที่ต้องระวังในโลกบู๊ให้หลินซื่อเฉิงฟัง
หลินซื่อเฉิงจึงได้ตาสว่างขึ้นมา
“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง ถ้าหากหลานบอกปู่เร็วกว่านี้หน่อย ปู่คงไม่ต้องเสียเปรียบอย่างนี้หรอก!” หลินซื่อเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น
หลินหยุนยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยพูด : “ไม่เป็นไรครับ ครั้งนี้คุณปู่ได้รับบาดเจ็บ ที่จริงก็ถือเป็นเรื่องที่โชคดีในความโชคร้าย”
หลินซื่อเฉิงเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจและสงสัย : “หมายความว่ายังไงเหรอ?”
หลินหยุนเอ่ย : “คุณฝึกฝนวิชาบู่ได้เร็วเกินไป พลังทิพย์ที่อยู่ภายในร่างกายยังไม่แข็งแกร่งพอ ครั้งนี้ได้รับบาดเจ็บ ทำให้พลังทิพย์ในตัวคุณปู่ แข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว”
“มันดีต่อการฝึกวิชาของคุณปู่ในอนาคตเป็นอย่างมาก”
หลินซื่อเฉิงพยักหน้าทันที : “แบบนี้ ปู่ต้องไปขอบคุณคนที่ทำร้ายปู่คนนั้นแล้วน่ะสิ!”
พูดถึงคนที่ทำร้ายหลินซื่อเฉิงขึ้นมา แววตาของหลินหยุนก็ดูอำมหิตขึ้น
“คนคนนั้นคิดจะฆ่าปู่ให้ตาย แค้นนี้เราต้องเอาคืน ไว้รอให้วิชาของปู่คงที่ก่อน ผมจะพาปู่ไปหามันอีกครั้ง”
หลินซื่อเฉิงหัวเราะพลางเอ่ย : “เรื่องนี้ไม่จำเป็นหรอก เดิมที่ก็เป็นความผิดของปู่ สู้เขาไม่ได้ ยังจะใช้ตัวช่วยอีกเหรอ มันจะยิ่งทำให้เขาหัวเราะเยาะเอาได้นะ”
หลินหยุนยิ้มพลางเอ่ย : “ปู่วางใจเถอะครับ ผมแค่คอยดูอยู่ด้านข้าง ครั้งนี้ยังคงเป็นปู่ที่สู้กับเขา”
หลินซื่อเฉิงเอ่ย : “แต่ปู่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยนะ?”
หลินหยุนยิ้มอย่างมีเลศนัย : “วางใจเถอะครับ ไปคราวนี้ ปู่ต้องชนะเขาแน่นอน”
หลินซื่อเฉิงตกใจทันที : “จริงเหรอ?”
“แน่นอนครับ ผมจะโกหกปู่ได้ยังไงล่ะ!” หลินหยุนพยักหน้าพลางเอ่ย
“งั้นก็ดี ปู่จะเคลื่อนย้ายลมปราณ ไว้รอให้ปู่ฟื้นฟูวิชาได้ พวกเราค่อยไปหาเขาด้วยกัน!” หลินซื่อเฉิงรู้สึกใจจดใจจ่อ
ที่จริง คุณปู่หลินก็อยากไปเอาคืนจางเฮยหู่เหมือนกัน ถึงแม้คุณปู่หลินจะไม่เข้าใจกติกาในโลกบู๊ จนทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิด
แต่ หลินซื่อเฉิงกลับไม่ได้ทำร้ายลูกศิษย์ของสำนักพยัคฆ์ให้ได้รับบาดเจ็บเลยสักคน
แต่จางเฮยหู่กลับลงมือฆ่าเขา นี่มันทำเกินไปหน่อยแล้ว
หลินซื่อเฉิงฝึกวิชาอยู่ทั้งคืน หลินหยุนคอยเฝ้าดูแลหลินซื่อเฉิงอยู่ในห้องของเขาทั้งคืน
ระหว่างนั้น หลินโร่สุ่ยได้มาหาหลินหยุนหนึ่งครั้ง แต่กลับถูกหลินตงถิงขวางเอาไว้
เมื่อได้รู้ว่าหลินหยุนยังคงรักษาอาการบาดเจ็บให้คุณปู่ หลินโร่สุ่ยจึงได้แต่กลับไปด้วยความเสียดาย
เช้าตรู่วันถัดมา หลินซื่อเฉิงตื่นนอนขึ้นมา
“เสี่ยวหยุน ตอนนี้ปู่ไม่เป็นอะไรแล้ว อีกอย่าง ปู่รู้สึกว่าพลังแข็งแกร่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย คราวนี้ ปู่สามารถเอาชนะคนคนนั้นได้จริง ๆ ใช่ไหม?” หลินซื่อเฉิงตื่นเต้นดีใจเหมือนกับเด็กน้อย เอ่ยถามพลางมองไปที่หลินหยุนด้วยหน้าตาเฝ้ารอคอย
หลินหยุนพยักหน้ายืนยัน : “ปู่วางใจเถอะครับ คราวนี้ปู่ทำตามที่ผมบอก ต้องเอาชนะเขาได้แน่นอน!”
“ดี งั้นตอนนี้พวกเราออกเดินทางกันเลย” หลินซื่อเฉิงอดใจรอไม่ไหวแล้ว
“ครับ”
ทั้งสองคนไปที่สำนักพยัคฆ์อีกครั้ง
ครั้งนี้ คุณปู่หลินชำนาญทางเป็นอย่างดี ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ก็ได้พาหลินหยุนมายังหน้าประตูของสำนักพยัคฆ์อีกครั้ง
“ที่นี่เหรอครับ?” หลินหยุนเอ่ยถาม
หลินซื่อเฉิงพยักหน้า : “ใช่แล้ว ที่นี่แหละ ปู่ยังไม่รู้ว่าเลยว่าสำนักแห่งนี้มีชื่อว่าอะไร?”
หลินหยุนหมดคำพูดเลยทีเดียว มาท้าทายคนอื่นถึงหน้าประตูสำนักเขาคนเดียว แต่กลับไม่รู้ชื่อสำนักของเขา
คุณปู่คนนี้นี่ช่าง……
“ไปกันเถอะ อยากรู้ชื่อสำนักของพวกเขา งั้นก็ต้องไปถามดู”
หลินหยุนและหลินซื่อเฉิงเดินไปด้านหน้า
ด้านข้างพญาเสือแกะสลักตัวนั้น มีลูกศิษย์เฝ้าประตูสำนักยืนอยู่สองคน เมื่อเห็นหลินซื่อเฉิง ก็ตกใจทันที
“เป็นแกอีกแล้วเหรอ?”
“รีบไปแจ้งเจ้าสำนักเร็วเข้า บอกว่าตาแก่ที่มาหาเรื่องคนนั้นกลับมาอีกแล้ว!”
ลูกศิษย์อีกคนหนึ่งได้รีบวิ่งไปด้านในเพื่อแจ้งเจ้าสำนัก
ส่วนลูกศิษย์อีกคน ได้หลบอยู่ด้านหลังประตูสำนัก แล้วจ้องมองหลินซื่อเฉิงด้วยความระแวดระวัง
“คราวก่อนเจ้าสำนักพวกเราไว้ชีวิตแกไปครั้งหนึ่ง ทำไมแกยังกล้ากลับมาอีก!”
“แกไม่กลัวตายหรือไง!”
หลินซื่อเฉิงชี้ไปที่หลินหยุนแล้วเอ่ยพูด : “กลัว ต้องกลัวอยู่แล้ว ฉะนั้น ฉันเลยหาผู้ช่วยมาด้วยไงล่ะ!”
ลูกศิษย์คนนั้นมองไปที่หลินหยุน แล้วแสยะยิ้มอย่างดูถูก : “ผู้ช่วยคนนี้ที่แกหามา อายุน้อยเกินไปหน่อยมั้ง! แค่ไอ้หนุ่มอายุน้อยอย่างเขา จะไปมีประโยชน์อะไร? พลังของเขา น่าจะยังไม่ถึงระดับพรสวรรค์หรอกมั้ง?”
หลินซื่อเฉิงหัวเราะออกมา : “ไอ้หนุ่ม คนเราไม่อาจตัดสินได้ด้วยหน้าตา น้ำทะเลไม่อาจตวงวัดได้! นายอย่าเห็นว่าเขาอายุน้อย แล้วคิดว่าเขามีพลังต่ำต้อยสิ ถ้าหากนายกล้าดูถูกเขา นายจะเสียใจทีหลังนะ! อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนายล่ะ”
เจ้าหนุ่มคนนั้นยังคงไม่เชื่อ แล้วหัวเราะเสียงต่ำ ๆ พลางเอ่ยพูด : “ขู่ฉันเหรอ? คนที่อายุพอ ๆ กับฉัน อีกทั้งสัมผัสถึงชี่แท้ในตัวไม่ได้เลย จะไปมีความสามารถอะไร!”
ไม่นาน ลูกศิษย์คนที่เข้าไปแจ้งข่าวสาร ก็ได้กลับออกมาอีกครั้ง
จางเฮยหู่พาลูกน้องกลุ่มหนึ่งเดินตามออกมาติด ๆ
ทุกคน ได้ยืนตั้งท่าพร้อมสู้อยู่ตรงหน้าประตูสำนัก