จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 911 โดนวางยา
หลินโร่สุ่ยยิ่งต้องการความสงบมากเท่าไร ก็กลับยิ่งจะไม่สมหวังมากเท่านั้น
ผู้ชายหลายคนราวกับแมวที่ได้กลิ่นคาวของปลา เดินมาหาเพื่อแสดงความจริงใจต่อหลินโร่สุ่ย
อย่างไม่ขาดสาย
หลินโร่สุ่ยต้องจำใจ เพราะว่าทุกคนล้วนแต่เป็นเพื่อนนักเรียนกัน เธอไม่สามารถทำเกินกว่านี้ไปได้ ทำได้เพียงแค่ปฏิเสธอย่างไม่หยุด
ยังดีที่ ในที่สุดงานเลี้ยงฉลองก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
กิจกรรมแรกของงานเลี้ยง คือเต้นรำเปิดงาน
ไม่ใช่ว่าได้เชิญนักแสดงหรือดารามาเต้นรำเปิดงานอย่างนั้น แต่เป็นเพื่อนนักเรียนที่มาร่วมงานใน
วันนี้เต้นรำกันเอง
“ตอนนี้ ทุกคนสามารถที่จะเชิญคู่เต้นรำได้ตามความต้องการของตน! ”
“สิบนาทีหลังจากนี้ งานเต้นรำก็จะเริ่มต้นขึ้น! ”
ฉู่หมิงเฟิยยืนอยู่บนเวที และพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม
เมื่อพูดจบ ฉู่หมิงเฟิยก็มุ่งหน้ามาหาหลินโร่สุ่ย
ผู้ชายคนอื่นกว่าจะตั้งตัวได้ทัน ก็สายเกินไปแล้ว
ฉู่หมิงเฟิยได้มาถึงด้านหน้าของหลินโร่สุ่ย โค้งตัวเล็กน้อย แสดงความเคารพอย่างเป็นสุภาพบุรุษ
“คุณโร่สุ่ย ขอเชิญคุณเต้นรำด้วยกันได้ไหม? ”
หลินโร่สุ่ยเขินอายเล็กน้อย มองไปที่หลินหยุน เหมือนกับว่ากำลังขอความเห็นจากหลินหยุนอยู่
ความรู้สึกของหลินหยุนที่มีต่อฉู่หมิงเฟิยนั้น แม้ว่าจะไม่ถึงกับดี แต่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไร
ครั้นแล้ว ก็พยักหน้าและพูดว่า: “ไปเถอะ! ”
“ตกลง! ” หลินโร่สุ่ยยืนขึ้นอย่างดีใจ และตอบรับคำเชิญของฉู่หมิงเฟิย
เพื่อนนักเรียนชายคนอื่นนั้นต่างก็อารมณ์เสีย เกลียดตนเองที่เชื่องช้าเกินไป จึงโดนฉู่หมิงเฟิย
ตัดหน้าไปก่อนแล้ว
แต่ว่า ฉู่หมิงเฟิยเป็นตัวหลักของงานในวันนี้ และได้เชิญหญิงสาวที่สวยที่สุดมาเป็นคู่เต้นรำ แม้ว่าทุกคนจะอารมณ์เสียบ้าง แต่ก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล
ไม่นาน เสียงดนตรีก็ดังขึ้น ชายหญิงเจ็ดแปดคู่ ได้เริ่มมาอยู่ที่ใจกลางห้องโถง เพื่อจัดเตรียมพื้นที่
ว่างสำหรับการเต้นรำ
นักเรียนเหล่านี้ ต่างก็มีวงศ์ตระกูลที่ไม่เลวทั้งนั้น ความสามารถและมารยาททางสังคมแต่ละอย่าง ล้วนได้รับการฝึกหัดมาตั้งแต่เด็ก
ดังนั้น แม้ว่าการเต้นรำของพวกเขาจะดูไม่เป็นมืออาชีพสักเท่าไร แต่ท่วงท่าก็ถือว่าพอใช้ได้
แน่นอนว่า คู่เต้นรำที่โดดเด่นที่สุดนั้น ก็คงเป็นฉู่หมิงเฟิยกับหลินโร่สุ่ย
ฉู่หมิงเฟิยมีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาสง่างาม หลินโร่สุ่ยก็ราวกับเจ้าหญิงที่มาจากอาณาจักรใน
เทพนิยาย
ท่วงท่าการเต้นรำของทั้งคู่นั้น ก็ถือว่ามีมาตรฐานอย่างมาก เหนือกว่าทุกคนในสถานที่แห่งนี้
การเต้นรำสิ้นสุดลง หลินโร่สุ่ยกับฉู่หมิงเฟิยก็ได้รับเสียงปรบมือชื่นชมจากทั่วทั้งงาน
เสียงปรบมือดังอย่างไม่สิ้นสุด
“ยอดเยี่ยม ช่างงดงามมาก! ”
“ใช่สิ คือกิ่งทองใบหยกเสียจริง แต่น่าเสียดายที่ คุณชายฉู่มีคนหมายปองในใจอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้น
เขากับหลินโร่สุ่ยถือว่าเหมาะสมกันอย่างมาก! ”
พวกเพื่อนนักเรียนทั้งหลายดวงตาสองข้างต่างเป็นประกายขึ้น ภายใต้อารมณ์ที่ตื่นเต้นดีใจ ก็เริ่มที่จะจับคู่ให้คนอื่นอย่างซี้ซั้วแล้ว
ฉู่หมิงเฟิยได้พาหลินโร่สุ่ยกลับไปส่งยังที่นั่งเดิมของเธอ และพูดขึ้นอย่างเกรงใจว่า: “โร่สุ่ย ขอบคุณคุณมาก! ”
หลินโร่สุ่ยยิ้มหวาน: “คุณชายฉู่พูดเกินไปแล้ว ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
ฉู่หมิงเฟิยไม่ได้หยุดอยู่นาน พูดคุยสองสามคำ ก็หันหลังเดินกลับไปบนเวที เพราะเขายังต้อง
ทักทายกับเพื่อนนักเรียนคนอื่นอีก
สายตาของหลินหยุน ได้จ้องมองไปที่ฉินเจียเฉียงและจางจื่อยี่ทั้งสองคนนี้โดยตลอด
ด้านข้างของพวกเขา โอบล้อมไปด้วยคนจำนวนไม่น้อย แต่ว่า ต่างก็เป็นพวกที่เห็นแวบเดียวก็รู้ได้
แล้วว่าเป็นคนไม่ดี
อีกทั้ง พวกเพื่อนนักเรียนเหล่านี้ล้วนปฏิบัติต่อฉินเจียเฉียง ด้วยความสุภาพเคารพ และระมัดระวัง
เป็นอย่างมาก กลัวว่าจะไปล่วงเกินฉินเจียเฉียงอย่างไรอย่างนั้น
“ดูเหมือนว่า วงศ์ตระกูลของคนผู้นี้ คงจะโดดเด่นมีชื่อเสียงที่สุด ในกลุ่มเพื่อนนักเรียนเหล่านี้
ของโร่สุ่ย” หลินหยุนแอบครุ่นคิด
ต่อไป ทุกคนเริ่มทยอยมอบของขวัญวันเกิดให้กับฉู่หมิงเฟิย
หลินโร่สุ่ยก็ได้จัดเตรียมของขวัญไว้ล่วงหน้าแล้ว
แน่นอนว่า ของขวัญของทุกคน ล้วนแล้วแต่มีมูลค่ามีราคาทั้งนั้น
หลังจากที่มอบของขวัญแล้ว ฉู่หมิงเฟิยก็ประกาศ เริ่มต้นงานเลี้ยงฉลอง
หลินหยุนกับหลินโร่สุ่ยก็ไม่ได้ย้ายที่นั่ง พวกเขาสองคนนั่งอยู่โต๊ะเดียวตามลำพัง ค่อนข้างที่จะ
สิ้นเปลือง
แต่ว่า ที่นี่ได้ถูกฉู่หมิงเฟิยเหมาทั้งหมดแล้ว ไม่สนใจว่าจะสิ้นเปลืองหรือไม่สิ้นเปลือง อีกทั้ง
ตระกูลของฉู่หมิงเฟิยมีทรัพย์สินพันกว่าล้าน จึงไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้เท่าไร
ฉู่หมิงเฟิยเริ่มคารวะเหล้ากับพวกเพื่อนนักเรียน จากนั้น พวกเพื่อนนักเรียนก็คารวะเหล้า
ซึ่งกันและกัน
เวลานี้ ฉินเจียเฉียงได้เดินออกจากที่นั่ง ผ่านไปไม่กี่นาที ก็กลับมายังที่นั่งเดิมของตนเอง
ตอนที่กำลังนั่งลง หลินหยุนเห็นว่า สายตาของฉินเจียเฉียง แอบชำเลืองมองไปที่หลินโร่สุ่ย
อย่างลับ ๆ ล่อ ๆ
แม้ว่าจะอยู่ห่างกันถึงสิบเมตร แต่ว่า หลินหยุนมองเห็นได้อย่างชัดเจน ในสายตาของฉินเจียเฉียง
นั้น ร้อนผ่าววูบวาบขึ้นเป็นระยะ
จากนั้น ฉินเจียเฉียงก็ได้ลุกยืนขึ้น พร้อมกับยกแก้วไวน์มาสองใบ แล้วเดินมาทางหลินหยุน
“โร่สุ่ย ฉันคารวะคุณหนึ่งแก้ว ขอให้คุณสวยงดงามยิ่งขึ้น! ”
ฉินเจียเฉียงพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม ท่าทางสง่างาม สุภาพเหมาะสม
แต่ รอยยิ้มนั้นกลับทำให้รู้สึกว่าไม่มีความอบอุ่นเป็นกันเอง กลับกลายเป็นว่าเหมือนจงใจที่จะ
แกล้งทำออกมาเพื่อให้ทุกคนเห็น
หลินโร่สุ่ยลุกยืนขึ้น รับแก้วไวน์มาแล้วพูดว่า: “ขอบคุณ! ”
ฉินเจียเฉียงชนแก้วกับหลินโร่สุ่ย จากนั้นก็ดื่มจนหมดแก้ว
“ขอดื่มจนหมดเพื่อแสดงถึงความเคารพ! ”
หลินโร่สุ่ยก็ยกแก้วไวน์ขึ้น เตรียมที่จะดื่มไวน์ในแก้วนั้น
แต่ว่า ขณะนั้น หลินหยุนได้พูดขึ้นอย่างกะทันหันว่า: “ห้ามดื่ม โดนวางยาแล้ว”
“อะไรนะ! ” หลินโร่สุ่ยตกใจ แล้วมองไปที่หลินหยุนอย่างเหลือเชื่อ
สายตาของฉินเจียเฉียงแสดงอาการโกรธเคืองขึ้นแวบหนึ่ง แต่ สีหน้าก็ยังไม่เปลี่ยน
“คุณบอกว่าในไวน์นี้มียาอย่างนั้นเหรอ? ” ฉินเจียเฉียงมองไปที่หลินหยุน และพูดขึ้นด้วยเสียง
ทุ้มต่ำ
พูดจบ ฉินเจียเฉียงก็คว้าแก้วไวน์นั้นมาจากมือของหลินโร่สุ่ย แล้วก็ดื่มจนหมด
“ตอนนี้ ฉันดื่มเองจนหมดแล้ว คุณดูนะว่ามีการวางยาหรือไม่! ”
หลินโร่สุ่ยไม่เชื่อว่าฉินเจียเฉียงจะกล้าวางยาเธอต่อหน้าคนจำนวนมากแบบนี้ จึงมองไปที่
หลินหยุนด้วยความสงสัย: “พี่หลินหยุน เกิดความเข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่า? ”
เรื่องที่เกิดขึ้นทางด้านนี้ ได้ดึงดูดความสนใจจากเพื่อนนักเรียนคนอื่นในทันที
ทันใดนั้น หลายคนก็โอบล้อมกันเข้ามา
จางจื่อยี่ถามขึ้นว่า: “คุณชายฉิน เกิดอะไรขึ้น? ”
ฉินเจียเฉียงมองไปที่หลินหยุนอย่างเย็นชา: “เขาพูดว่าฉันวางยาในไวน์แก้วนี้ ฉันจึงดื่มไวน์แก้วนี้
จนหมด ทุกคนดูกันนะว่าฉันเป็นอะไรบ้างไหม”
ขณะที่พูด ฉินเจียเฉียงก็ยกแก้วไวน์ขึ้น
จางจื่อยี่พูดขึ้นด้วยความโมโห: “ไอ้หนุ่ม หากไม่ใช่เห็นว่าคุณคือพี่ชายของหลินโร่สุ่ย ก็คงจะขับไล่
คุณออกไปตั้งนานแล้ว”
“ตอนนี้คุณยังกล้าที่จะมาใส่ร้ายคุณชายฉินอีก รีบขอโทษคุณชายฉินเดี๋ยวนี้! ”
ด้านข้าง พวกเพื่อนนักเรียนที่มาเอาใจอยู่ด้านข้างของฉินเจียเฉียงนั้น ต่างก็พูดโวยวายขึ้น: “ขอโทษ รีบขอโทษคุณชายฉินเดี๋ยวนี้ กล้าดีอย่างไรถึงใส่ร้ายคุณชายฉิน! ”
หลินโร่สุ่ยรีบแก้ไขสถานการณ์: “ทุกคนอย่าได้ตื่นเต้นกันเกินไป อาจจะเป็นการเข้าใจผิดกันก็ได้”
หลินโร่สุ่ยมองไปที่หลินหยุน อยากที่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เธอเชื่อมั่นหลินหยุน แต่ ถ้าหากพูดว่าฉินเจียเฉียงได้วางยาลงไปในไวน์ ถ้าอย่างนั้นเมื่อเขาดื่ม
เข้าไปแล้วทำไมถึงไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย?
หลินหยุนลุกยืนขึ้น ค่อย ๆ เดินเข้ามาอยู่ด้านข้างของหลินโร่สุ่ย แล้วยื่นมือคว้าตัวของหลินโร่สุ่ย
ให้ไปอยู่ด้านหลัง และจ้องมองไปที่ฉินเจียเฉียงอย่างเย็นชา
“ให้ฉันกล่าวขอโทษ นายยังไม่คู่ควร”
“แม้ว่านายจะระมัดระวัง แต่ก็ไม่มีทางที่จะปิดบังดวงตาของฉันได้”
“นายรีบที่จะดื่มไวน์แก้วนั้นจดหมดโดยเร็วเช่นนี้ ไม่ใช่คิดที่จะทำลายหลักฐานอย่างนั้นเหรอ? ”
ได้ยินหลินหยุนพูดขึ้นแบบนี้ หลินโร่สุ่ยจึงเริ่มเชื่อขึ้นมาบ้างแล้ว
หลินโร่สุ่ยมองไปที่ฉินเจียเฉียงด้วยความโมโห และตวาดใส่: “เป็นอย่างนี้จริง ๆ ใช่ไหม? ฉินเจียเฉียง นายนี่มันเลวทรามเสียจริง! ”
ผู้ชายวางยาให้กับหญิงสาวสวย ไม่ต้องพูด ทุกคนก็รู้ได้ว่าคือยาอะไร
สายตาของเพื่อนนักเรียนคนอื่นที่มองไปยังฉินเจียเฉียง ก็เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
เพราะว่า หลินหยุนไม่มีความบาดหมางอะไรกับฉินเจียเฉียง จึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปกล่าวหา
ใส่ร้ายเขา
ในเมื่อหลินหยุนพูดออกมาต่อหน้าทุกคน ก็คงจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริง
จางจื่อยี่และเพื่อนนักเรียนคนอื่นที่คิดจะประจบทำดีต่อฉินเจียเฉียงนั้น เมื่อครู่ยังมีท่าทางดุดัน ตอนนี้ต่างก็เงียบกันไปทั้งหมด
มีเพียงแค่ฉินเจียเฉียง ที่สีหน้าท่าทางเฉยเมย มองไปที่หลินหยุน ยิ้มและพูดขึ้นว่า: “พวกนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่คุณคาดเดาขึ้นทั้งนั้น แล้วหลักฐานล่ะ? ”
“ไม่มีหลักฐาน ก็หมายความว่าคุณกำลังใส่ร้ายฉันอยู่! ”
จางจื่อยี่และเพื่อนคนอื่น ๆ กลอกลูกตาไปมา และแอบพูดในใจว่า: “ใช่จริงด้วย หากว่าไม่มี
หลักฐาน แสดงว่าเขากำลังทำการใส่ร้ายคนอื่นอยู่”
หลังจากที่จางจื่อยี่ครุ่นคิดจนเข้าใจแล้ว ก็ได้เปลี่ยนท่าทางกลับมากำเริบเสิบสานเช่นเดิม
“หลักฐานล่ะ? ไม่มีหลักฐาน ก็ถือว่านายก็กำลังใส่ร้ายคุณชายฉินอยู่! ”
คนอื่น ๆ ก็พลอยเอะอะโวยวายขึ้นด้วย: “ถูกต้อง พูดว่าคุณชายฉินวางยา ก็นำหลักฐานออกมาสิ ลำพังแค่การคาดเดา ก็คือการใส่ร้าย”
“คุณชายฉิน คุณสามารถที่จะไปฟ้องร้องเขาได้เลย!