จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 920 นายข่มขู่ฉัน
อันธพาลสองคนที่ผ่านมาหลายร้อยศึก กำหมัด จนเสียงข้อกระดูกดังออกมา ยิ้มอย่างร้ายกาจ และเดินเข้ามาหาหลินหยุน
หลินหยุนมองสองคนนั้นเฉยๆ แววตาเมินเฉย ราวกับในสายตาของเขา มีเพียงอากาศ ไม่มีสองคนนั้นสักนิด
หลินซื่อเฉิงไม่ไปห้าม เขายืนอยู่อีกด้าน แสยะยิ้มมองภาพตรงหน้า
คนของตระกูลหลินที่เหลือ พากันเงียบกริบ พละกำลังของหลินหยุน พวกเขารู้ดี คนธรรมดาสองคนนี้ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินหยุนสักนิด
เจ้าบ้านลู๋แสยะยิ้มเย็นชา “เด็กน้อย ถ้าตอนนี้นายก้มหัวอ้อนวอน ยอมรับผิดที่ตัวเองก่อ บางทีอาจไม่โดนรุมยำก็ได้นะ!”
หลินหยุนมองเขา แล้วละสายตาออกมา มองอันธพาลสองคนนั้น
“หึ!”
หลินหยุนส่งเสียงออกมาเบาๆ จู่ๆ อันธพาลสองคนนั้น สีหน้าเปลี่ยนไป
พวกเขารู้สึกเหมือนภูเขาลูกใหญ่ ใกล้เข้ามาหาพวกเขาทันที
ตุ้บ!
ทั้งสองคนคุกเข่าลงทันที
เหมือนคนรับใช้ของเทวดา อยู่ต่อหน้าเทวดา
มันเป็นความสั่นที่มาจากจิตวิญญาณ
“ไสหัวไป!”
หลินหยุนพูดออกมาอย่างราบเรียบ ความกดดันของอันธพาลสองคนนั้น ลดลงทันที
“อ๊าก!”
อันธพาลทั้งสองคน ส่งเสียงร้องอย่างตกใจ และตะเกียกตะกายหนี
เจ้าบ้านลู๋ทั้งโกรธทั้งตกใจ ตวาดใส่อันธพาลทั้งสองคน “พวกแกกำลังทำอะไร!”
“เข้าไปสิ!”
มีหรือที่อันธพาลทั้งสองจะกล้าเข้าไป ความรู้สึกที่หลินหยุนมอบให้พวกเขาเมื่อครู่ ไม่มีทางเอาชนะได้เลย
อีกทั้งสองคนนี้ไม่ใช่คนไร้ประสบการณ์ พวกเขาเดาตัวตนของหลินหยุนได้ตั้งนานแล้ว
“เจ้าบ้าน เขาเป็นนักบู๊!”
“เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย!” อันธพาลคนหนึ่งตะโกนด้วยความน้อยใจ
เจ้าบ้านลู๋ถึงกับตกใจ “นักบู๊!”
“ไอ้เด็กนี่เป็นนักบู๊!”
สายตาของเจ้าบ้านลู๋ รีบหันไปมองฉินเห้าเทียน
สีหน้าของฉินเห้าเทียนเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
เดิมทีพวกเขาใกล้จะชนะแล้ว ตระกูลหลินโดนดูหมิ่นต่อหน้าคุณท่านหยัน และเหล่าผู้มีชื่อเสียงของอูซุ อย่างเงียบๆ
แต่ถ้าหลินหยุนเป็นนักบู๊ งั้นก็มีปัจจัยใหญ่ในการเปลี่ยนแปลง
แต่ใช่ว่าฉินเห้าเทียนไม่ได้เตรียมการมา
เขาก็มีนักบู๊เหมือนกัน
แววตาที่คุณท่านหยันกับเหล่าผู้มีชื่อเสียงของอูซุ มองไปยังหลินหยุน มีความตื่นตระหนก
ถึงตอนนี้ข่าวการมีอยู่ของนักบู๊ มีคนธรรมดาบนโลกรู้ตั้งนานแล้ว
แต่จะเป็นนักบู๊นั้นไม่ง่าย
อีกทั้งหลังจากที่รู้ว่านักบู๊มีอยู่จริง คนธรรมดาบนโลก รู้ถึงความแข็งแกร่งของนักบู๊
นักบู๊ในใจของคนทั่วไป กลายเป็นสรรพนามที่แข็งแกร่งไปแล้ว
ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าหลินหยุนเป็นนักบู๊ คุณท่านหยันและเหล่าผู้มีชื่อเสียงของอูซุ จึงตกใจมาก
“มิน่าล่ะ ไอ้เด็กนี่ยังหนุ่มยังแน่น ก็กล้าทำร้ายลูกชายของฉินเห้าเทียน จนเป็นแบบนั้น ที่แท้เขาเป็นนักบู๊นี่เอง!”
“ใช่ มิน่าล่ะ ขนาดเจ้าบ้านหลินยังบอกว่าดูแลเขาไม่ได้ ถ้าไอ้เด็กนี่เป็นนักบู๊ คงถูกเจ้าบ้านหลินบังคับไม่ได้อยู่แล้ว!”
หลังรู้ว่าหลินหยุนเป็นนักบู๊ ความคิดของเหล่าผู้มีชื่อเสียงของอูซุ เริ่มเปลี่ยนไป
คนส่วนใหญ่ที่เดิมทีอยู่ข้างตระกูลฉิน ตอนนี้เริ่มจะเป็นกลาง
เดิมทีเหล่าผู้มีชื่อเสียงของอูซุ มองคนตระกูลหลิน ด้วยสีหน้าดูหมิ่น มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
ตอนนี้คนพวกนี้พากันเงียบกริบ สีหน้าเคร่งขรึม
ตระกูลหลินมีนักบู๊ พวกเขาไม่กล้าประมาทไปล่วงเกิน
ขืนทำให้นักบู๊โกรธขึ้นมา ต่อไปพวกเขาต้องรับกรรมแน่
สิ่งสำคัญไปกว่านั้น พวกเขายังไม่รู้พละกำลังของหลินหยุน
ไม่รู้ จึงทำให้หวาดกลัว
ฉินเห้าเทียนสังเกตเห็นสีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป จึงแอบก่นด่าในใจ “พวกนกสองหัว!”
จากนั้นฉินเห้าเทียนหัวเราะเย็นชาใส่หลินหยุน “มิน่าล่ะ ถึงกล้าทำร้ายลูกชายฉันจนเป็นแบบนี้ แถมยังกล้าใส่ร้ายลูกชายฉันด้วย ที่แท้เป็นนักบู๊นี่เอง!”
“แต่ถึงนายจะเป็นนักบู๊ ก็ไม่ควรเอาความสามารถของตัวเอง ทำอะไรตามอำเภอใจ!”
“อย่าลืมสิ บนโลกนี้ ไม่ได้มีนายเป็นนักบู๊แค่คนเดียว!”
“นักบู๊ที่แข็งแกร่งกว่านาย มีอยู่ทุกที่!”
พูดจบ ฉินเห้าเทียนหันไปมองชายวัยกลางคน ในชุดสูทสีเทา ที่อยู่ด้านหลัง เขาประสานมือทำความเคารพแล้วพูดว่า “คุณเว่ย เชิญคุณลงมือ!”
รูปร่างของคุณเว่ยผอมมาก เหมือนต้นไผ่ หน้าตาดูอัปลักษณ์ อายุประมาณห้าสิบปี
เขาเดินออกมาตรงหน้าหลินหยุน มองหลินหยุนอย่างเย็นชา สีหน้ายโส “ไอ้หนุ่ม จากอายุของนาย อย่างมากก็เป็นแดนพรสวรรค์เล็ก ฉันเป็นแดนพรสวรรค์สูงสุดแล้ว นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน คุกเข่ายอมรับผิดซะ ฉันจะไว้ชีวิตนาย!”
หลินหยุนยื่นฝ่ามือออกมา ตบลงไปราวกับตบแมลงวัน
มันดูเหมือนทำไปงั้นๆ เหมือนกำลังใช้มือพัดลม
เพียะ!
การตบที่ดูเหมือนทำลวกๆ คุณเว่ยที่มีฉายาว่าแดนพรสวรรค์สูงสุด โดนฝ่ามือของหลินหยุนตบ จนกระเด็นออกไป
เมื่อตัวของคุณเว่ย ลอยผ่านหัวของฉินเห้าเทียน ฉินเห้าเทียนยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
เจ้าบ้านลู๋และเจ้าบ้านเสิ่น มีสีหน้าตกตะลึงเหมือนฉินเห้าเทียน
คุณท่านหยันกับเหล่าผู้มีชื่อเสียงของอูซุ ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
มีเพียงคนของตระกูลหลิน ที่ดูเหมือนจะรู้ผลตั้งนานแล้ว จึงไม่มีสีหน้าตกใจแต่อย่างใด
หลินหยุนลงมืออย่างมีความยับยั้งชั่งใจ เขาไม่อยากฆ่าคนในตระกูลหลิน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความวุ่นวาย
ดังนั้นคุณเว่ยแค่โดนตบจนฟันหักไปไม่กี่ซี่เท่านั้น ซีกหน้าบวมเป่ง
“คุณเว่ย!” ฉินเห้าเทียนอุทานอย่างตกใจ และวิ่งมาตรงจุดที่คุณเว่ยร่วงลงมา จากนั้นจึงประคองคุณเว่ย ด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ฉินเห้าเทียนเอ่ยถาม
คุณเว่ยไม่ได้ตอบคำถามของฉินเห้าเทียน แต่มองหลินหยุนด้วยสีหน้าตกตะลึง “เป็นไปได้ยังไง!”
“อย่าบอกนะว่านายเป็นปรมาจารย์บู๊!”
หลินหยุนไม่ได้สนใจ
คุณเว่ยพึมพำกับตัวเอง “สามารถกำราบฉันด้วยหมัดเดียว มีเพียงปรมาจารย์บู๊เท่านั้น ที่จะทำได้!”
“ไอ้หนุ่มนี่ ต้องเป็นปรมาจารย์บู๊แน่นอน!”
คุณเว่ยยืนยันว่าตัวเองไม่มีทางเดาผิด
พรสวรรค์สูงสุด ถึงจะห่างชั้นกับปรมาจารย์เพียงหนึ่งก้าว แต่หนึ่งก้าวนี้ คือฟ้ากับดิน
คุณเว่ยรีบตะเกียกตะกายขึ้นมา โค้งทำความเคารพหลินหยุน อย่างโงนเงน “กระผมมีตาหามีแววไม่ ล่วงเกินศิษย์พี่ปรมาจารย์ หวังว่าศิษย์พี่ปรมาจารย์จะให้อภัย!”
หลินหยุนไม่สนใจเขา
คุณเว่ยกลับโล่งอก และทำความเคารพหลินหยุนอีกครั้ง “ขอบคุณศิษย์พี่ปรมาจารย์มากครับ กระผมขอลาก่อน!”
พูดจบ คุณเว่ยหันหลังเดินออกไป เหลือเพียงฉินเห้าเทียน ที่สีหน้าตกตะลึง
“คุณเว่ย……”
ฉินเห้าเทียนยื่นมือออกมา เพื่อจะรั้งไว้ แต่คุณเว่ยไม่สนใจเขาสักนิด
ฉินเห้าเทียนให้ราคาไม่เลว แต่ถ้าเทียบกับชีวิตของตัวเอง คุณเว่ยรู้ดีว่าควรเลือกอย่างไร
เจ้าบ้านลู๋กับเจ้าบ้านเสิ่น มองหลินหยุนอย่างตกตะลึง ในใจเต็มไปด้วยความตกใจ
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ไอ้เด็กนี่เป็นใครกันแน่!”
เจ้าบ้านลู๋กับเจ้าบ้านเสิ่น ต่างเคยเห็นพละกำลังของคุณเว่ย เรียกได้ว่าอันดับต้นๆ เทพยดาแดนดิน
แต่ว่าคุณเว่ยกลับพ่ายแพ้ให้หลินหยุนในกระบวนท่าเดียว
และคุณเว่ยที่เป็นเหมือนเทวดาในสายตาพวกเขา กลับเรียกหลินหยุนว่าศิษย์พี่
นี่ทำให้สองคนนอกจากตกใจ ก็ยังตกใจเข้าไปอีก!
ฉินเห้าเทียนก็ตกใจเหมือนกัน อีกทั้งยังตกใจกว่าเจ้าบ้านลู๋กับเจ้าบ้านเสิ่นอีก
เขาเห็นพละกำลังของคุณเว่ย มากกว่าเจ้าบ้านลู๋กับเจ้าบ้านเสิ่น
คนที่สามารถทำให้คุณเว่ยเรียกว่าศิษย์พี่ ฉินเห้าเทียนไม่สามารถจินตนาการได้เลย
“ตระกูลหลิน มีสัตว์ประหลาดแบบนี้ได้ยังไง!” ฉินเห้าเทียนมองหลินหยุน ในใจเต็มไปด้วยความไม่พอใจ