จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 927 สู้กับเจ้าสำนักหยุน
ทุกคนเคยได้ยินกิตติศัพท์ของสำนักหยุน แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าสำนักหยุน จะมาพบเจ้าบ้านกู่ แถมเขายังเป็นฝ่ายทำความเคารพก่อนด้วย
ส่วนเจ้าบ้านกู่ ทำเพียงหยักหน้า แล้วพูดว่า “เจ้าบ้านหลินต้องการลองกับนักบู๊สำนักหยุนของเรา นายจัดการให้หน่อย!”
“ใช่สิ กู่เฉิงพ่ายแพ้ให้กับเจ้าบ้านหลิน แค่หมัดเดียวของเจ้าบ้านหลิน ก็ต้านทานไม่ได้”
ฟังน้ำเสียงของเจ้าบ้านกู่ ราวกับว่าเจ้าสำนักหยุน อยู่ในความดูแลของตระกูลกู่
เรื่องนี้ทำให้หลินซื่อเฉิงรู้สึกตกใจมาก
“ปูมหลังของตระกูลกู่ เกรงว่าจะลึกล้ำกว่าที่เราจินตนาการไว้!”
สีหน้าของหลินโล่เฉินกับหลินโร่สุ่ย เต็มไปด้วยความตึงเครียด พละกำลังที่ตระกูลกู่แสดงให้เห็นวันนี้ ทำให้พวกเขาตกตะลึงจริงๆ
มีเพียงหลินหยุน ที่ยังมีสีหน้าราบเรียบ มองภาพตรงหน้าอย่างเงียบๆ
ขนาดคนตระกูลกู่ ส่วนใหญ่ก็พากันมีสีหน้าตกตะลึง
เห็นได้ชัดว่า ขนาดพวกเขาก็ไม่รู้ว่าตระกูลกู่กับสำนักหยุน มีความสัมพันธ์กันถึงขนาดนี้
เจ้าสำนักหยุนหันมามองหลินซื่อเฉิง พูดอย่างสนใจว่า “กำราบกู่เฉิงด้วยหมัดเดียวงั้นเหรอ น่าสนใจดีนี่!”
กู่เฉิงที่อยู่อีกด้าน สีหน้าอึมครึม เขาโค้งตัวแล้วพูดว่า “เจ้าสำนักอย่าประมาท เทคนิคการต่อสู้ของเจ้าบ้านหลินแข็งแกร่งมาก!”
เขาพูดเพียงว่าเทคนิคการต่อสู้ของหลินซื่อเฉิง แข็งแกร่งมาก แต่กลับไม่ได้พูดว่าพละกำลังของหลินซื่อเฉิงแข็งแกร่งมาก
ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจน
ดวงตาที่โผล่ออกมาของเจ้าสำนักหยุน หรี่ลงเล็กน้อย “เทคนิคการต่อสู้แข็งแกร่งงั้นเหรอ งั้นก็ยิ่งน่าสนใจเข้าไปอีก”
“ถ้าหาเทคนิคการต่อสู้บนตัวนายได้ งั้นพละกำลังของฉัน ต้องได้รับการยกระดับมากขึ้นอย่างแน่นอน”
หลินซื่อเฉิงสีหน้าเคร่งขรึม “อยากได้เทคนิคการต่อสู้ของฉัน ต้องดูว่านายมีความสามารถหรือเปล่า”
ถึงต้องเผชิญหน้ากับเจ้าสำนักหยุนในข่าวลือ หลินซื่อเฉิงไม่มีความคิดที่จะถอยแม้แต่น้อย กลับกันเขามีความคิดที่จะสู้อย่างแรงกล้า
ตั้งแต่หลินซื่อเฉิงเริ่มบำเพ็ญ โดยพื้นฐานแล้วเขาเหมือนยึดเอาความคิดของตัวเองเป็นหลัก โดยไม่สนความเป็นจริง เว้นแต่หลินหยุนสามารถตอบเรื่องความรู้ด้านบำเพ็ญให้เขาได้ ไม่มีใครให้เขาฝึกปรือฝีมือได้เลย
ส่วนที่หลินหยุนพาเขาไปหาพวกสำนักโลกบู๊ พละกำลังส่วนใหญ่ ไม่ได้แข็งแกร่งสักเท่าใด
พวกนักบู๊ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง หลินหยุนก็ไม่พาหลินซื่อเฉิงไป เขากังวลว่าหลินซื่อเฉิงจะบาดเจ็บ
ดังนั้น ยิ่งเจอผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง หลินซื่อเฉิงก็ยิ่งมีความฮึกเหิมในการต่อสู้
เจ้าสำนักหยุนหัวเราะ “ได้ งั้นก็ให้ฉันเห็นเทคนิคการต่อสู้ของนาย ว่าสุดยอดตรงไหนบ้าง!”
พูดจบ เจ้าสำนักหยุนโบกมือทั้งสองข้าง ท่วงท่าอันแข็งแกร่ง ราวกับสายลมอันบ้าคลั่ง พัดออกไป
นี่เป็นเพียงท่วงท่าที่ปล่อยออกมาตามใจเท่านั้น
แต่คนส่วนใหญ่ที่อยู่รอบๆ ล้วนเป็นคนธรรมดา จึงตกใจกับท่วงท่านี้มาก
“เจ้าสำนักหยุนแข็งแกร่งตามคาด แข็งแกร่งกว่ากู่เฉิงเยอะมาก เจ้าบ้านหลินไม่ใช่คู่ต่อสู้แน่นอน”
“สำนักหยุน สรรพนามของความลึกลับแข็งแกร่ง สมคำร่ำลือตามคาด!”
ลูกหลานตระกูลกู่จำนวนมาก อุทานออกมาด้วยความตกใจ
หลินโร่สุ่ยก็ตกใจเช่นกัน เธอมองหลินหยุน แล้วถามเบาๆ ว่า “พี่หลินหยุน พี่จะช่วยปู่หรือเปล่า ฉันกังวล!”
หลินหยุนมองเจ้าสำนักหยุน เดินเข้าไปหาหลินซื่อเฉิงช้าๆ จากนั้นจึงพูดอย่างราบเรียบ “มีฉันอยู่ วางใจเถอะ”
เขาไม่ได้กะว่าจะเอาหลินซื่อเฉิงมาแทนที่ ถึงพละกำลังของหลินซื่อเฉิง เทียบไม่ได้กับเจ้าสำนักหยุน แต่ใช่ว่าจะไม่มีกำลังในการต่อสู้
ตอนนี้หลินซื่อเฉิง ต้องการต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง ถึงจะกระตุ้นศักยภาพของตัวเขาเองได้ ลับคมสิ่งที่เขาฝึกฝนมา
เจ้าสำนักหยุนลงมือทันที
ขาทั้งสองข้างของเขากระทืบลงที่เดิม จากนั้นตัวของเขาเด้งขึ้นกลางอากาศ ปล่อยหมัดใส่หลินซื่อเฉิงกลางอากาศ
ตอนนี้ระยะห่างของทั้งสองคน ยังห่างกันเป็นเมตร
แต่พลานุภาพของหมัดนั้น เหมือนลมหนาวที่พัดมาจากขั้วโลกเหนือ ทุกที่ที่ลมพัดไป แช่แข็งทุกสิ่งทุกอย่าง
ชี่แท้ของเขา เป็นชี่แท้พิเศษที่มีความเหน็บหนาวตามมาด้วย
หลินซื่อเฉิงไม่กล้าประมาท แผดเสียงออกมาว่า “สยบเขา!”
หมัดดันเจ้าสำนักหยุนออกไป
เหมือนขวานขนาดใหญ่ ผ่าลงบนทะเลที่โดนแช่แข็ง
เริ่มแรก พลานุภาพของขวานรุนแรง โหดเหี้ยม บุกหน้าเหมือนผ่าลำไผ่
แต่เมื่อผ่านไปช้าๆ พลานุภาพของขวานขนาดใหญ่ ค่อยๆ หายไป และโดนแช่แข็งเอาไว้กลางทะเล
จากนั้นพลานุภาพแช่แข็งทะเล พุ่งเข้ามาหาหลินซื่อเฉิงอีกครั้ง
พลั่ก!
ตัวของหลินซื่อเฉิงโดนเขย่าจนถอยหลังไปห้าก้าว
จากนั้นจึงยืนได้อย่างมั่นคง มองเจ้าสำนักหยุนที่ลอยอยู่ห่างจากพื้นดินสามฟุต ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
แต่ทว่าสีหน้าของหลินซื่อเฉิงไม่มีความหวาดกลัวใดๆ กลับมีความคิดที่จะต่อสู้อย่างรุนแรงเพิ่มยิ่งขึ้น
หลินโร่สุ่ยกังวลเล็กน้อย “ปู่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“วางใจเถอะ ไม่เป็นไร” หลินหยุนพูด แล้วจ้องไปยังหลินซื่อเฉิง
หลินซื่อเฉิงแผดเสียงออกมา “เข้ามาอีกสิ!”
จากนั้นเขากระทืบเท้าข้างหนึ่งลงบนพื้น พื้นอันทนทาน โดนเหยียบจนแตก
หลินซื่อเฉิงเหมือนสิงโต กระโจนเข้าไปหาเจ้าสำนักหยุน
“สยบเขา!”
แววตาของเจ้าสำนักหยุนเป็นประกายวาบ รู้สึกเหมือนเห็นการล่าสัตว์ จิตใจเบิกบาน “เทคนิคการต่อสู้ไม่ธรรมดาตามคาด ต้านทานกระบวนท่าแช่แข็งโลกของฉันได้!”
“นี่เป็นเทคนิคการต่อสู้ที่ฉันมั่นใจที่สุด”
“อีกทั้งเทคนิคการต่อสู้นี้ เหมือนจะมีช่องให้พัฒนาได้อีกเยอะ……”
มองหลินซื่อเฉิงที่กระโจนเข้ามาหาเขาอีกครั้ง แววตาเจ้าสำนักหยุนฉายแววโลภ
“เทคนิคการต่อสู้ประเภทนี้ ถูกนายใช้งาน ช่างเปลืองสิ้นดี มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงอย่างฉัน ถึงจะเหมาะกับการใช้เทคนิคการต่อสู้ประเภทนี้”
เจ้าสำนักหยุนถลึงตา หายตัวไปจากที่เดิมอย่างประหลาด
ทันใดนั้น ปรากฏตัวข้างบนหลินซื่อเฉิง และง้างฝ่ามือฟาดลงมา
หลินซื่อเฉิงที่กำลังกระโจนเข้ามา รีบเปลี่ยนทิศทางทันที หมัดอันแข็งแกร่งมีพลานุภาพ
พลั่ก!
สายลมอันบ้าคลั่งกระจายไปทั่วห้องโถง
ลูกหลานของตระกูลกู่ โดนสายลมจากหมัดพัดเข้าใบหน้า จนรู้สึกเจ็บ และรีบถอยหลังอย่างตื่นตระหนก
ขนาดพวกฉินเห้าเทียน ยังต้องเอามือกุมหน้าและถอยหลัง
“พลานุภาพของนักบู๊ แข็งแกร่งเกินไปจริงๆ!”
“มิน่าล่ะ ใครๆ ก็อยากเป็นนักบู๊ ถ้าฉันมีพลังเช่นนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก อยากได้อะไร ก็ง่ายนิดเดียว!”
แววตาของฉินเห้าเทียน เป็นประกายลุกโชน ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
กรอบ!
พื้นใต้เท้าหลินซื่อเฉิง แตกกระจายเป็นใยแมงมุม
เขาส่งเสียงออกมาอย่างหงุดหงิด สีหน้าแดงก่ำ
แต่ทั้งสองยังอยู่ในท่วงท่าที่คนหนึ่งอยู่ด้านบน ส่วนอีกคนอยู่ด้านล่าง
นึกไม่ถึงว่ากำลังทดสอบสิ่งที่ฝึกมา
นายท่านกู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงดูเหมือนว่าเจ้าสำนักหยุนจะได้เปรียบ แต่ดูจากสถานการณ์ของหลินซื่อเฉิง เหมือนเขายังเหลือพละกำลังอีก
“กู่เฉิง เจ้าสำนักมีโอกาสชนะกี่เปอร์เซ็นต์”
กู่เฉิงพูดว่า “ชนะได้อย่างสมบูรณ์แบบ!”
“พละกำลังของเจ้าสำนัก เหนือกว่าหลินซื่อเฉิง เจ้าบ้านวางใจได้!”
นายท่านกู่พยักหน้า “งั้นก็ดี!”
หลินโร่สุ่ยถามอย่างเป็นกังวล “พี่หลินหยุน ปู่หน้าแดงหมดแล้ว เขาจะเป็นอะไรหรือเปล่า”
แววตาหลินหยุนราบเรียบ “ไม่เป็นไร วางใจเถอะ!”
ทั้งสองยังยืนหยัดต่อไป บนตัวหลินซื่อเฉิง มีควันบริสุทธิ์ลอยออกมา
บนตัวเจ้าสำนักหยุน ก็เกิดเป็นหมอกขาวออกมา
นี่คือพลังทิพย์ในตัวหลินซื่อเฉิงและชี่แท้ในตัวเจ้าสำนักหยุน เป็นการระเหยที่เกิดหลังจากสูญเสียพลังไปอย่างรวดเร็ว
แต่ตัวของหลินซื่อเฉิง เริ่มงอเล็กน้อย ราวกับต้านทานไม่ไหวแล้ว
“ตระกูลหลินจะแพ้แล้ว” แววตาฉินเห้าเทียน ฉายแววดีใจอย่างบ้าคลั่ง
เจ้าบ้านลู๋หัวเราะร่า ใบหน้าที่บวมเป่ง ดูดุร้าย
“ตาแก่ตระกูลหลินจะแพ้แล้ว ดีมาก! ดูสิว่ายังกล้าดูถูกตระกูลกู่อีกไหม!” พวกลูกหลานตระกูลกู่ มีสีหน้าได้ใจ
หลินโร่สุ่ยกังวลจนกำหมัดแน่น “หลินหยุน พี่ไปช่วยปู่เถอะ ฉันว่าเขาต้านทานไม่ไหวแล้ว”
หลินหยุนเอามือไพล่หลัง ยังไม่มีท่าทีจะลงมือ “วางใจเถอะ เขาไม่เป็นอะไรหรอก”