จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 930 เหล่าจู่ตระกูลกู่
ชายชราผอมแห้งที่ดูเหมือนจะตายได้ทุกเมื่อ อยู่ภายใต้แสงไฟปกคลุม เดินกลางอากาศ เข้ามาในห้องโถง
นายท่านกู่ รีบโค้งตัวลง แล้วพูดอย่างนอบน้อม “พบเหล่าจู่เจิ้งเหลย!”
เหล่าจู่เจิ้งเหลย!
พวกลูกหลานตระกูลกู่ ส่วนใหญ่มีสีหน้าสงสัย
ราวกับว่าพวกเขาไม่เคยได้ยินเหล่าจู่ท่านนี้มาก่อน
แต่ว่าหลินซื่อเฉิงเบิกตาโต อุทานด้วยใบหน้าไม่อยากเชื่อ “อย่าบอกนะ เขาคือกู่เจิ้งเหลย!”
“นี่ เป็นไปได้ยังไง!”
“เขาตายไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ”
กู่เจิ้งเหลย เหล่าจู่ตระกูลกู่ มองหลินซื่อเฉิง แล้วส่งเสียงหึอย่างเย็นชา “นาย คงเป็นเด็กน้อยของตระกูลหลินสินะ!”
“หลินเจี้ยนหวาเป็นอะไรกับนาย”
หลินโล่เฉินกับหลินโร่สุ่ยสีหน้าตกตะลึง หลินเจี้ยนหวา เป็นปู่ของหลินซื่อเฉิง
คนนี้อยู่มานานแค่ไหนกัน
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ กู่เจิ้งเหลยตายไปตั้งนานแล้ว
อีกทั้งตอนหลินซื่อเฉิงยังเด็ก เคยตามพ่อไปร่วมงานศพเขาด้วย
ทว่าตอนนี้คนที่ตายไปหลายสิบปี กลับปรากฏตัวแบบมีชีวิตตรงหน้าคุณ นี่ไม่ใช่ตกใจ แต่ระทึกขวัญชัดๆ
ในตอนนั้นนับว่ากู่เจิ้งเหลย เป็นคนมีชื่อเสียงคนหนึ่ง
แต่ต่อมาได้ยินว่าคนๆ นี้ทำผิดอย่างร้ายแรง และเสียชีวิตจากอาการป่วย อย่างแปลกประหลาด
เป็นโรคอะไร ตระกูลกู่ก็ไม่ได้ประกาศสู่ภายนอก
ดูเหมือนว่า การตายของกู่เจิ้งเหลย เป็นเพียงการจัดฉาก
มาคิดดูตอนนี้ กู่เจิ้งเหลยในตอนนั้น น่าจะฝึกฝนบู๊ หรือไม่ก็พบอะไรบางอย่าง จึงประกาศสู่ภายนอก ว่าตายด้วยอาการป่วย
หลินซื่อเฉิงเดาต้นสายปลายเหตุภายในนั้น ได้อย่างรวดเร็ว
“ทำไมตอนนั้นคุณถึงประกาศว่าเสียชีวิตล่ะ” หลินซื่อเฉิงมองกู่เจิ้งเหลยอย่างไม่เข้าใจ อยากฟังข้อเท็จจริงในตอนนั้น จากปากของเขา
กู่เจิ้งเหลยหัวเราะ รอยยิ้มนั้นดูน่าขนลุกมาก
“อันที่จริงเดาไม่ยากนะ”
“ตอนนั้นฉันได้รับของส่วนหนึ่ง แต่ทำผิดต่อข้อห้ามของคนบางส่วน ดังนั้นเพื่อปกป้องของพวกนี้เอาไว้ ฉันจึงทำได้เพียงประกาศว่าตาย”
“มีเพียงการทำแบบนี้ ฉันถึงจะปกป้องของพวกนี้เอาไว้ได้”
“ส่วนของสิ่งนั้นคืออะไร นายน่าจะเดาออก”
หลินซื่อเฉิงพยักหน้า “ถ้าผมเดาไม่ผิด ของที่คุณต้องแอบซ่อน เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนของคุณใช่ไหม”
กู่เจิ้งเหลยพยักหน้า “ถูกต้อง ตอนนั้นฉันได้รับวิชาบู๊ชุดหนึ่ง แต่โดนคนอื่นจับได้ เพื่อหลบซ่อนคนพวกนั้น ฉันจำใจต้องแสร้งว่าตัวเองตายแล้ว”
หลินซื่อเฉิงเข้าใจทันที “มิน่าล่ะ สำนักบู๊ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหยุนเฉิง อย่างสำนักหยุน ถึงเต็มใจฟังคำสั่งของตระกูลกู่ในโลกมนุษย์ สาเหตุทั้งหมด เพราะคุณอยู่เบื้องหลังตระกูลกู่”
กู่เจิ้งเหลยหัวเราะ “ถูกต้อง ฉันเป็นคนก่อตั้งสำนักหยุน เจ้าสำนักแต่ละรุ่น ล้วนเป็นคนของตระกูลกู่ พวกเขาต้องฟังคำสั่งตระกูลกู่อยู่แล้ว”
“ความลับภายในนี้ มีเพียงเจ้าบ้านตระกูลกู่แต่ละรุ่นเท่านั้นที่รู้ ขนาดพวกลูกหลานตระกูลกู่ยังไม่รู้”
หลินซื่อเฉิงพูดว่า “มิน่าล่ะ พละกำลังของตระกูลกู่แข็งแกร่ง แต่ไม่เคยคิดขยับขยาย ดูเหมือนเป้าหมายของตระกูลกู่ น่าจะรับใช้เพียงคุณเท่านั้น”
กู่เจิ้งเหลยหัวเราะร่า “เด็กน้อยตระกูลหลิน วิเคราะห์ได้ถูกต้องมาก ชื่อเสียงเงินทองในโลกมนุษย์พวกนั้น ล้วนเป็นสิ่งไม่จีรัง ไร้ค่า มีเพียงพละกำลังอันแข็งแกร่งที่ฉันมี อยากได้อะไร ก็มีคนมาส่งให้ถึงที่อยู่แล้ว”
“แค่มีฉันอยู่ ตระกูลกู่ไม่มีวันล้มแน่นอน”
“ตระกูลกู่ในโลกมนุษย์ เป็นเพียงข้ออ้าง เป็นเครื่องมือในการสั่งสมทรัพยากรการฝึกฝนของฉัน”
“แต่ถึงเป็นแค่เครื่องมือ แต่ตระกูลกู่เป็นตัวแทนฉัน กล้าหาเรื่องตระกูลกู่ ก็เท่ากับหาเรื่องฉัน คนที่หาเรื่องคนของฉัน ต้องตาย!”
ตอนกู่เจิ้งเหลยพูด แสงบนตัวสว่างวูบวาบ เหมือนเทพเจ้าสายฟ้าลงมาโลกมนุษย์ ดูน่าตกใจเป็นอย่างมาก
หลินซื่อเฉิงมองหลินหยุนอย่างไม่เข้าใจ แล้วถามว่า “เขาฝึกวิชาอะไร ทำไมมีแสงมากมายขนาดนี้”
หลินหยุนมองแวบหนึ่ง แล้วพูดอย่างราบเรียบ “น่าจะเป็นวิชาที่เกี่ยวกับไฟฟ้า สายฟ้า เหมือนวิชาน้ำแข็งที่เจ้าสำนักหยุน ใช้ก่อนหน้านี้ เป็นวิชาที่เกี่ยวกับธรรมชาติ”
“วิชาประเภทนี้ แข็งแกร่งกว่าวิชาทั่วไปมากหน่อย แต่เงื่อนไขการฝึกรุนแรงมาก อีกทั้งยังทำร้ายร่างกายตัวเองมาก ไม่ใช่สายหลัก”
ในโลกบำเพ็ญเซียน มีผู้บำเพ็ญเซียนแบบนี้เยอะมาก ฝึกวิชาที่พิลึกกึกกือ พลานุภาพแข็งแกร่งมาก แต่ระยะหลัง มีความคืบหน้าช้ามาก ทำร้ายตัวเองให้บาดเจ็บสาหัสด้วย อยู่ในวิชาที่ไม่ถูกต้อง
คนมีความสามารถที่แท้จริงทุกคน ไม่มีทางเลือกวิชาประเภทนี้
แต่คนที่ฝึกวิชาประเภทนี้ โดยทั่วไปจะจัดการยากมาก พละกำลังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
หลังจากได้ยินหลินหยุนอธิบาย สีหน้าของหลินซื่อเฉิงผ่อนคลายลงเยอะ
“รุ่นพี่กู่ ดูสภาพร่างกายของคุณ คงโดนวิชาการฝึกแว้งกัดสินะ”
“สภาพครึ่งผีครึ่งคนแบบคุณ ถึงแข็งแกร่งอีกแค่ไหน จะมีประโยชน์อะไรล่ะ”
กู่เจิ้งเหลยโดนเปิดโปงความผิด เขาโมโหขึ้นมาทันที “เด็กน้อยตระกูลหลิน นายกำลังรนหาที่ตาย!”
หลินซื่อเฉิงอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว ยังถูกเรียกว่าเด็กน้อย คนที่เรียกเช่นนี้ คงมีเพียงสัตว์ประหลาดเฒ่าแบบนี้
กู่เจิ้งเหลยพูดจบ ก็คว้าไปยังหลินซื่อเฉิงทันที
หลินซื่อเฉิงกำลังจะหลบ มีเงาดำพาดผ่านหน้า หลินหยุนยืนขวางหน้าเขา
“ปู่ ให้ผมจัดการเอง” หลินหยุนไม่ได้หันกลับมา น้ำเสียงราบเรียบ
“ได้” หลินซื่อเฉิงก็ไม่เกรงใจ ถอยไปข้างหลังทันที เขารู้ว่าพละกำลังของตัวเองกับกู่เจิ้งเหลย แตกต่างกันเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นกรงเล็บของกู่เจิ้งเหลยเข้ามา หลินหยุนเหวี่ยงหมัดออกไป อย่างไม่ตื่นตระหนก
พลั่ก!
กู่เจิ้งเหลยโดนแรงสะเทือน ถอยไปด้านหลัง หลินหยุนยืนที่เดิม ไม่ขยับไปไหน การโจมตีนี้ หลินหยุนได้เปรียบ
ครั้งนี้เจ้าบ้านกู่ตกใจจริงๆ
“เหล่าจู่เจิ้งเหลยเสียเปรียบแล้ว!”
“เป็นไปได้ยังไง!”
ในใจเจ้าบ้านกู่ กู่เจิ้งเหลยเหมือนเทวดา ไร้เทียมทาน
ดังนั้น เมื่อกี้ที่เจ้าสำนักหยุนโดนหลินหยุดจัดการ จนไม่รู้เป็นหรือตาย เขาจึงไม่กังวลสักนิด
แต่กู่เจิ้งเหลยต่อกรกับหลินหยุนครั้งแรก กลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบ นี่ทำให้เจ้าบ้านกู่ยากที่จะรับได้
กู่เจิ้งเหลยก็มีสีหน้าไม่อยากเชื่อเช่นกัน “เป็นไปได้ยังไง!”
“ฉันเข้าขั้นแดนเทพแล้ว ถึงกรงเล็บเมื่อครู่ เป็นเพียงการทำเล่นๆ แต่ถึงเป็นปรมาจารย์แดนขั้นสูงสุด ก็ไม่สามารถรับมือได้!”
“ไอ้เด็กนี่ดูเหมือนอายุยี่สิบต้นๆ ทำไมถึงมีพละกำลังแกร่งกล้าเช่นนี้!”
“จะปล่อยไอ้เด็กนี่ไว้ไม่ได้!”
ความอาฆาตพลุ่งพล่านในใจกู่เจิ้งเหลย คนมีความสามารถอย่างหลินหยุน ถ้าปล่อยไว้บนโลกนี้ ข่มเหงตระกูลกู่ได้เป็นอย่างแน่นอน
“ไอ้หนุ่ม เมื่อกี้ฉันประมาท ลองรับอีกกระบวนท่าของฉันดู!”
กู่เจิ้งเหลยสูดหายใจทันที บริเวณหน้าท้องเหมือนลูกบอล ป่องขึ้นอย่างรวดเร็ว
แสงไฟที่พันไปมาบนตัวเขา จู่ๆ ก็สว่างวาบทันที เกิดเสียงดังแปล๊บๆ
เขาเหมือนเทพฟ้าผ่า ที่ลงมายังโลกมนุษย์
“ไอ้หนุ่ม เจอกระบวนของฉันไปซะ อสุนีบาต!”
มือทั้งสองข้างของกู่เจิ้งเหลยอ่อนแรง ในสองมือนั้น ไม่มีอะไรสักอย่าง แต่ท่าทางของเขากลับดูมีพลัง ราวกับว่าในสองมือของเขา กำลังยกภูเขาหนักสองลูก
จู่ๆ มือทั้งสองหุบเข้าหากัน
เสียงดังสนั่น!
สั่นสะเทือนไปทั้งห้องโถง จู่ๆ ไม่รู้สายฟ้าเส้นเท่าขา โผล่ออกมาจากไหน ผ่าลงไปบนหัวของหลินหยุนทันที
หลินหยุนเงยหน้าเล็กน้อย มีประกายเคลื่อนไหวในตา
“นี่นับว่าเป็นวิชาสายฟ้าในผู้บำเพ็ญเซียนสินะ!”
“แต่น่าเสียดาย วิชาสายฟ้าที่แท้จริง นักบู๊ชี่แท้ธรรมดาๆ ไม่มีทางควบคุมได้”
“ฉันจะให้นายเห็น อะไรที่เรียกว่าวิชาสายฟ้าที่แท้จริง”