จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 931 เปราะบาง
สิ่งที่ตามมาพร้อมเสียงอันราบเรียบ หลินหยุนยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง เรียกเบาๆ ว่า “สายฟ้าจงมา!”
กรอบ!
เกิดเรื่องไม่คาดฝัน!
ในมือหลินหยุน มีกลุ่มแสงสีขาวสว่างแสบตา ในนั้นมีงูสีเงินดิ้นไปมานับไม่ถ้วน
นั่นเป็นพลังสายฟ้าที่รวบรวมถึงขั้นสูงสุด
ทุกคนมีสีหน้าตกตะลึง อดกลืนน้ำลายไม่ได้
“นั่น นั่นคืออะไร! พลังอันน่าสยองขวัญ!”
ทุกคนสัมผัสได้ถึงความสยองขวัญ ในแสงกลมๆ สีขาวนั่น ราวกับว่าถ้าแสงกลมๆ สีขาว ถูกปลดปล่อยออกมา จะมีพลังทำลายล้างร้ายแรง
สายฟ้าที่กู่เจิ้งเหลยใช้ออกมา โจมตีหลินหยุน แต่กลับทำร้ายหลินหยุนไม่ได้ แม้แต่ปลายขน
แต่กู่เจิ้งเหลยมองแสงกลมๆ สีขาวในมือหลินหยุน กลับมีสีหน้าจริงจัง
“ไป!” หลินหยุนสะบัดแสงกลมสีขาวในมือ ใส่กู่เจิ้งเหลย
ตู้ม!
สายฟ้าขนาดเท่าท่อน้ำ ฟาดลงไป กู่เจิ้งเหลยยังไม่ทันร้องโอดครวญ โดนสายฟ้านั้นโจมตีจนกลายเป็นควันขาว
“แดนเทพแล้วไง สำหรับฉัน ก็ยังเป็นมดอยู่ดี”
แววตาหลินหยุนฉายแววเมินเฉยต่อทุกสิ่ง ราวกับทุกสรรพสิ่งบนโลก ไม่สามารถอยู่ในสายตาของเขาได้
เขาเอามือไพล่หลัง ยืนสงบอยู่ที่เดิม ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ตอนนี้หลินหยุนมีพละกำลังแดนรวมยาระยะกลาง เทียบเท่ากับนักบู๊แดนเทพระดับใหญ่ แต่หลินหยุนฝึกวิชาบำเพ็ญเซียนที่แท้จริง พลังทิพย์ในตัวแข็งแกร่งกว่านักบู๊แดนเทพระดับใหญ่
ตอนนี้นักบู๊แดนเทพระดับเล็กอยู่ต่อหน้า สามารถฆ่าในวิเดียว
ถ้าเจอกับเยนหนานเทียนในตอนแรก หลินหยุนใช้เพียงกระบวนท่าเดียว ก็สามารถฆ่าได้!
ที่นี่เงียบกริบเหมือนตาย
ทุกคนมองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าตกใจ!
สำหรับคนทั่วไปพวกนี้ พลานุภาพของสายฟ้าเหล่านี้ เป็นวิธีที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัวได้แล้ว
สายฟ้า ในจิตใจของคนส่วนใหญ่ เป็นวิธีที่คนเป็นเทพเซียนที่แท้จริง ถึงจะทำได้ เป็นตัวแทนความน่าเกรงขามสูงสุด
แต่หลินหยุนเพียงสะบัดมือ ก็สามารถเรียกเทพเจ้าสายฟ้า ทำลายล้าง ในสายตาของทุกคน เปรียบดั่งเทพเจ้าอย่างไม่ต้องสงสัย
พวกลูกศิษย์ของสำนักหยุน และกู่เฉิง ตกใจจนทรุดลงกับพื้น กราบไหว้หลินหยุน
“ท่านเซียนไว้ชีวิตด้วย!”
พวกเขาเป็นนักบู๊ รู้พละกำลังของหลินหยุนดีที่สุด
กู่เจิ้งเหลยเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเทพ แต่หลินหยุนสามารถฆ่าผู้แข็งแกร่งแดนเทพ ได้ด้วยกระบวนท่าเดียว พละกำลังของเขา สูงส่งถึงขั้นไหนกันนะ
ต้องรู้ว่าแดนเทพ เป็นแดนที่อยู่ในตำนานบู๊
แล้วเหนือแดนเทพล่ะ คงมีแค่เซียนที่แท้จริงเท่านั้น
ส่วนหลินหยุน ในใจของพวกเขา เป็นเซียนอย่างแท้จริง โดยไม่ต้องสงสัย!
เห็นกู่เฉิงกับพวกลูกศิษย์สำนักหยุน จู่ๆ ก็กราบไหว้หลินหยุน นายท่านกู่กับคนตระกูลกู่ ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่
เจ้าบ้านลู๋ตกใจจนทรุดลงบนพื้น พึมพำกับตัวเองว่า “ฉัน ฉันล่วงเกินท่านเซียน!”
ฉินเห้าเทียนก็สีหน้าตะลึง มองหลินหยุน และพูดในใจอย่างบ้าคลั่ง “นี่เป็นไปได้ยังไง เป็นไปได้ยังไง!”
ขนาดหลินซื่อเฉิง ผ่านไปนาน กว่าจะตั้งสติได้ เขามองหลินหยุน แล้วถอนหายใจพูดว่า “เหลือเชื่อจริงๆ พละกำลังของเสี่ยวหยุน แข็งแกร่งถึงขั้นนี้!”
หลินโล่เฉินมองหลินหยุน แววตาฉายแววอิจฉา
โดยเฉพาะตอนเขาเห็นด้านหลังเจ้าบ้านกู่ หญิงงามแสนคุ้นเคยคนนั้น มองหลินหยุนด้วยแววตาเลื่อมใส ในใจหลินโล่เฉิน ยิ่งสับสันไปหมด
ตอนนั้น เจ้าของแววตานี้ มองเขาด้วยสายตารังเกียจขนาดไหน
ถึงหลินหยุนเป็นคนตระกูลหลิน สิ่งที่หลินหยุนได้รับทั้งหมด เขาก็รู้สึกเป็นเกียรติเช่นกัน
แต่น่าเสียดาย ท้ายที่สุดก็ไม่ใช่พละกำลังของตัวเขาเอง
เจ้าบ้านกู่ทรุดลงบนเก้าอี้ เขาดูห่อเหี่ยวลงทันที ไม่มีท่าทีเหมือนผู้ที่กำชัยชนะอยู่ในมือแบบเมื่อครู่
หลินหยุนมองเขา พูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ปูมหลังของตระกูลกู่ ก็แค่นั้น”
สีหน้าของเจ้าบ้านกู่ ซีดเหมือนกระดาษ
“ตระกูลกู่แพ้แล้ว!” นายท่านกู่แทบจะใช้แรงทั้งตัว พูดประโยคนี้ออกมา
พวกลูกหลานตระกูลกู่ ต่างพากันก้มหน้าอย่างเศร้าสลด
เจอกับเซียนเชี่ยวชาญสายฟ้าแบบนี้ นอกจากยอมแพ้ พวกเขาจะทำอะไรได้
เจ้าบ้านกู่เงยหน้ามองหลินหยุน “หวังว่าคุณจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ ของตระกูลกู่กับตระกูลหลิน ที่มีมารุ่นต่อรุ่น เหลือทางรอดให้กับตระกูลกู่”
“ชีวิตคนแก่อย่างฉัน คุณเอาไปก็ได้”
หลินหยุนไม่พูดอะไร หันไปมองหลินซื่อเฉิง
บุญคุณความแค้นระหว่างตระกูลแบบนี้ เขาจัดการไม่เก่ง อีกทั้งเขาไม่สะดวกที่จะทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาหลินซื่อเฉิง
หลินซื่อเฉิงมองนายท่านกู่ที่หน้าซีดเหมือนคนตาย พูดด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “เสี่ยวหยุน ตระกูลหลินกับตระกูลกู่ เดิมทีรู้จักกันมาหลายชั่วคน ตระกูลกู่ไม่มีเมตตาธรรม แต่ตระกูลหลินจะไม่ชอบธรรมไม่ได้”
“แต่ สามเสือตระกูลกู่ของคุณ พลิกขาวเป็นดำ รังแกตระกูลหลิน วันนี้ไม่มีทางปล่อยไปแน่นอน”
หลินซื่อเฉิงมองพวกฉินเห้าเทียนอย่างโมโห จากนั้นจึงตวาดว่า “ฉินเห้าเทียน เรื่องมาถึงขนาดนี้ นายควรประกาศเรื่องจริงให้ทุกคนรู้!”
สีหน้าฉินเห้าเทียนอึมครึม แอบวางแผนในใจ “วันนี้ดูเหมือนจะหนีไม่พ้นแล้ว”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วเขาจะยอมไปทำไม”
ฉินเห้าเทียนแสยะยิ้ม แล้วพูดว่า “เจ้าบ้านหลิน ถึงพลังบู๊ของตระกูลหลินแข็งแกร่ง แต่อย่าเพ้อฝันว่าจะเอาพลังบู๊ มาบังคับให้ฉันยอมจำนน”
“ตระกูลหลินใส่ร้ายลูกชายฉันว่าวางยา แถมยังทำร้ายลูกชายฉันบาดเจ็บ นี่เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน ถึงคุณจะข่มขู่ก็ไร้ประโยชน์”
หลินซื่อเฉิงพูดอย่างโมโห “ฉินเห้าเทียน นายนี่ดื้อดึงไม่ยอมรับผิดจริงๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้จักกลับตัว!”
“นายคิดว่าไม่ยอมรับ ฉันก็หาข้อเท็จจริงไม่ได้งั้นเหรอ”
จู่ๆ สายตาของหลินซื่อเฉิง มองไปยังเจ้าบ้านลู๋กับเจ้าบ้านเสิ่น ที่อยู่อีกด้าน แล้วพูดอย่างเย็นชา “เจ้าบ้านลู๋ เจ้าบ้านเสิ่น ถ้าใครพูดความจริง ผมจะให้เสี่ยวหยุนปล่อยคนนั้น”
ฉินเห้าเทียนทั้งตกใจและโมโห “เจ้าบ้านหลิน ทำแบบนี้ต่ำทรามเกินไปแล้ว!”
หลินซื่อเฉิงแสยะยิ้ม “เรื่องพวกนั้นที่นายทำ ต่ำทรามกว่าฉันไม่รู้กี่เท่า!”
“อีกทั้งฉันต้องการแค่ความจริง!”
หลินซื่อเฉิงมองเจ้าบ้านลู๋กับเจ้าบ้านเสิ่นอีกครั้ง “โอกาสมีเพียงครั้งเดียว หวังว่าทั้งสองท่านจะคว้าไว้!”
“ผมนับถึงสาม ถ้าทั้งสองท่าน ไม่มีใครพูดความจริง งั้นก็ตายไปพร้อมกับฉินเห้าเทียนซะ!”
ไม่รอให้หลินซื่อเฉิงเริ่มนับ เจ้าบ้านลู๋ตะโกนออกมาอย่างตื่นตระหนก “ฉันพูด ฉันพูด!”
“ฉินเห้าเทียนซื้อนักเรียนพวกนั้นมาเป็นพวก แถมยังหวาดกลัวอำนาจของตระกูลฉิน จึงจำใจต้องเลือกโกหก”
“ความจริงลูกชายฉินเห้าเทียน ชอบวางยาผู้หญิงบ่อยๆ แต่คนส่วนใหญ่กังวลว่าจะเสียชื่อ และกลัวอำนาจของตระกูลฉิน จึงไม่กล้าออกมาแจ้ง!”
“ฉันเคยได้ยินลูกพูดว่า ฉินเจียเฉียงคิดอะไรกับผู้หญิงแซ่หลิน ที่อยู่ในห้องเรียนของเขามาตลอด ผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นเธอ”
เจ้าบ้านลู๋ชี้หลินโร่สุ่ยแล้วเอ่ยขึ้น
ฉินเห้าเทียนโมโหมาก ถลึงตาใส่เจ้าบ้านลู๋ “นายพูดเลอะเทอะ!”
พูดพลาง ฉินเห้าเทียนพุ่งไปข้างหน้า บีบคอเจ้าบ้านลู๋เอาไว้
หลินซื่อเฉิงกระชากฉินเห้าเทียนออกมา และโยนไปอีกด้าน
“หึ ฉินเห้าเทียน คนต่ำทรามแบบนาย มีอะไรจะพูดอีกไหม”
ฉินเห้าเทียนแสร้งทำเป็นหัวเราะเสียงดัง “หลินซื่อเฉิง นายรู้ไหมว่าทั้งหมดนี้ เพราะอะไร”
“ไม่ใช่เพราะฉันอยากแตะต้องตระกูลหลิน แต่เพราะเขา เพราะตระกูลกู่อยากแตะต้องตระกูลหลิน ฉันแค่ทำตามความต้องการของตระกูลกู่เท่านั้น”
นายท่านกู่โกรธจนตัวสั่น “นายพูดไร้สาระ!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะคนใจคอโหดเหี้ยมอย่างนาย มาร้องทุกข์ที่นี่ ฉันจะสร้างความลำบากใจให้ตระกูลหลินทำไม”
“ตอนนี้นายมาแว้งกัดฉัน มโนธรรมของนาย โดนหมากินไปแล้วเหรอ!”