จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 939 ทำลายค่ายกลด้วยพลังรุนแรง
ค่ายกลมหาปัทมาภายใต้การนำของผู้อาวุโสทั้งเก้าของตระกูลเซิน ก็หมุนวนไปด้วยความเร็วสูง ราวกับเครื่องยนต์ที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
หมัดที่หลินหยุนชกไปบนตัวของผู้อาวุโสสามก่อนหน้านั้น ถูกพลังแรงของค่ายกล หลอมละลายจนไม่เหลือร่องรอยเลย
แต่ว่าหลินหยุนไม่เชื่อว่าค่ายกลนี้สามารถทำให้พลังแรงของเขาหายไปจนหมดสิ้น ไม่มีค่ายกลใดที่สามารถดูดซับพลังการจู่โจมของศัตรูได้อย่างไร้เหตุผล
ต่อให้มีอยู่ก็จริง เช่นนั้นก็จะต้องชดใช้ด้วยความสูญเสียที่ไม่มีใครรู้ได้
หลินหยุนเชื่อว่า ตอนนี้คนตระกูลเซินพวกที่ขับเคลื่อนค่ายกลขนาดใหญ่เช่นนี้ จะต้องได้รับการชดใช้จากความสูญเสียที่เกิดขึ้นไปแล้วอย่างแน่นอน
เซินถูยืนอยู่ภายนอกค่ายกล สีหน้าค่อนข้างเคร่งเครียด ตะโกนพูดกับผู้อาวุโสพวกนั้นว่า “ปัทมาร่วง!”
ขณะที่เสียงของเซินถูดังขึ้นนั้น ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงของกระแสกลิ่นอายทันที จากเดิมที่ดุร้ายรุนแรงเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดอย่างยากที่จะคาดเดาได้
ผู้อาวุโสทั้งเก้าที่รับผิดชอบในการวางค่ายกลนี้ จู่ๆก็กระโดดสูงขึ้นมา พร้อมกับตะโกนเสียงดัง จากนั้นก็ชกหมัดลงไปตรงหลินหยุนหนึ่งที
ในขณะที่พวกเขากระโดดสูงขึ้นนั้น ได้เกิดเป็นรูปภาพที่คล้ายกับรูปดอกบัวขึ้นมา
การจู่โจมเริ่มต้นจากผู้อาวุโสทั้งเก้า แต่ว่า กลับไม่ได้จบลงที่พวกเขาทั้งเก้าคน
ลูกศิษย์ของตระกูลเซินทั้งหลายที่อยู่วงรอบข้างนอกอีกสองชั้น ก็ชกหมัดพร้อมกันออกไปในเวลาเดียวกัน
เพียงแต่ว่า พวกเขายกกำปั้นชกไปยังแผ่นหลังของเพื่อนที่อยู่ตรงหน้า ส่วนลูกศิษย์ตระกูลเซินพวกที่อยู่วงรอบชั้นในสุดนั้น กลับชูกำปั้นชกไปยังผู้อาวุโสทั้งเก้าที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้น
ค่ายกลมหาปัทมามีความสามารถในการถ่ายทอดพลังได้ สามารถรวบรวมพละกำลังของทุกคนมารวมไว้ที่ใครคนใดคนหนึ่งได้
การจู่โจมของผู้อาวุโสทั้งเก้า แท้จริงแล้วก็เป็นการโจมตีพร้อมกันของทุกๆคน จึงนับได้ว่าเป็นการโจมตีจากค่ายกลทั้งหมดนั่นเอง
ทั้งเก้าคนนี้ โดยทั่วไปแล้วก็จะเป็นปรมาจารย์ชั้นสูงสุดทั้งนั้น แต่ว่า ต่อให้พวกเขาทั้งเก้าคนรวมกันแล้ว ก็ยังเทียบไม่ได้กับยอดฝีมือแดนเทพคนหนึ่งเลย
แต่ว่าตอนนี้หลังจากผ่านการหลอมรวมของค่ายกลมหาปัทมาแล้ว การบุกโจมตีพร้อมกันของพวกเขาทั้งเก้าคนนั้น ยังเหนือกว่ายอดฝีมือแดนเทพคนหนึ่งที่โจมตีด้วยพลังแรงทั้งหมดของเขาด้วยซ้ำไป
ค่ายกลที่ยิ่งใหญ่นี้ สามารถต่อสู้อย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว
ไม่แปลกที่ว่า เจียงย่านหรงถึงได้หวาดกลัวค่ายกลมหาปัทมาของตระกูลเซินเช่นนี้
แต่ว่า ถึงแม้ว่าค่ายกลที่ยิ่งใหญ่นี้จะสามารถสังหารยอดฝีมือแดนเทพได้ก็ตาม แต่ว่าก็ยังคงไม่สามารถจัดการกับหลินหยุนได้เช่นเดิม
เมื่อรอจนผู้อาวุโสทั้งเก้านั้นโจมตีใกล้ถึงตัวแล้ว หลินหยุนก็ค่อยๆยื่นมือออกไป ชูกำปั้นขึ้นไปยังท้องฟ้า
โป้ง !
เมื่อปะทะกับพลังแรงของทั้งเก้านั้น ราวกับระเบิดที่มีอำนาจทำลายสูงลูกหนึ่ง ระเบิดขึ้นตรงที่ปะทะกันอย่างรุนแรง
ความรุนแรงของแรงปะทะนั้น ทำให้อากาศภายในรัศมีร้อยเมตร ล้วนถูกดันออกไปจนหมดสิ้น
รอบๆบริเวณสุญญากาศนั้น กลับหายไปในชั่วพริบตา
อาจไม่แน่ ถ้าพลังแรงแข็งแกร่งกว่านี้อีกนิดเดียว ก็จะสามารถทะลุสิ่งกีดขวางบริเวณสุญญากาศนี้ไปก็ได้
ผู้อาวุโสทั้งเก้านั้นก็ถูกกระแทกจนตัวลอยออกไปข้างนอก สวนหลินหยุนก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
เซินถูในใจรู้สึกช็อก “พละกำลังของเจ้าเด็กนี่ อยู่แดนอะไรกันแน่? คงเป็นไปไม่ได้ที่จะถึงแดนเทพแล้วนะ!”
“ยอดฝีมือแดนเทพที่อายุเพียงแค่ยี่สิบต้นๆเท่านั้น…….”
เซินถูคิดแล้วก็รู้สึกมึนศีรษะ
ผู้ที่มีอาการช็อกมากที่สุด ก็ยังคงเป็นผู้อาวุโสทั้งเก้าที่รับผิดชอบในการโจมตีครั้งนี้
ตอนนี้ ภายในร่างของพวกเขาเลือดลมแปรปรวน ในใจกลับรู้สึกตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
ค่ายกลมหาปัทมาไม่ได้ใช้มานานหลายสิบปีแล้ว ที่เคยได้ใช้ครั้งหลังสุดนั้น ก็เพื่อมาจัดการกับยอดฝีมือแดนเทพคนหนึ่ง
คนที่ควบคุมค่ายกลตอนนั้น ก็เป็นแค่ปรมาจารย์แดนสูงสุดเพียงสามคนเท่านั้น ที่เหลือนอกนั้นก็ล้วนแต่เป็นปรมาจารย์แดนใหญ่ทั้งนั้น
แต่ว่า สุดท้ายแล้วก็ยังสามารถสังหารยอดฝีมือแดนเทพคนนั้นได้สำเร็จ
แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งเก้าคน ล้วนแต่เป็นปรมาจารย์ชั้นสูงสุดทั้งนั้น ตอนนี้ถึงกับพ่ายแพ้ให้กับเด็กหนุ่มที่มีอายุแค่ยี่สิบต้นๆตรงหน้าคนนี้
นี่มันเป็นไปได้ยังไง!
“ปัทมาบาน!”
ไม่ได้ให้เวลาผู้อาวุโสทั้งหลายตื่นตกใจอีกแล้ว เซินถูที่อยู่ข้างๆก็ตะโกนเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
ผู้อาวุโสทั้งเก้าก็เหมือนกับหุ่นยนต์ที่ได้รับสัญญาณ ทำตามที่เคยฝึกฝนมาเป็นประจำ ชกหมัดลงไปบนพื้นดินหนึ่งที
ลูกศิษย์ทั้งหลายที่อยู่ข้างหลังของพวกเขา ก็ชกหมัดลงไปบนพื้นหนึ่งทีเช่นกัน
พลังแรงที่แข็งแกร่งก็ถูกเหนี่ยวนำจากค่ายกลมหาปัทมา เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง จากรอยต่อที่มองไม่เห็นบนพื้นดิน ไปจนถึงจุดตำแหน่งที่หลินหยุนยืนอยู่
พลังแรงที่แข็งแกร่งนั้นก็เหมือนกับดอกบัวที่ศักดิ์สิทธิ์ดอกหนึ่ง กำลังระเบิดขึ้นใต้ขาของหลินหยุนอย่างรุนแรง
หลินหยุนมองดูบนพื้น แล้วพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ลูกไม้ตื้นๆ”
หลังจากนั้น เขาก็ยกขาขึ้น แล้วเหยียบลงไปบนพื้นอย่างแรง
โป้งโป้งโป้ง !
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่องบริเวณรอบๆตัวของหลินหยุน นอกจากรอบๆบริเวณตำแหน่งที่เขายืนอยู่ออกไปหนึ่งเมตรแล้ว พื้นดินภายในรัศมีห้าเมตร ล้วนแล้วแต่ถูกพลังแรงกวาดต้อนออกไป ทำให้พื้นดินบริเวณนั้นเกิดเป็นหลุมลึกขึ้นมา
“เจ้าเด็กนี่ ยังจะเป็นคนอยู่อีกหรือเปล่า?” เซินถูสีหน้าโกรธจัด เขาคิดไม่ถึงจริงๆเลยว่า หลินหยุนถึงกับสามารถต้านการโจมตีของค่ายกลมหาปัทมาถึงสองครั้ง
ผู้อาวุโสทั้งเก้านั้นรู้สึกหอบเล็กน้อย ลูกศิษย์ตระกูลเซินทั้งหลายที่อยู่ข้างหลัง ตอนนี้เหงื่อออกทั่วทั้งตัวแล้ว ความเร็วของฝีเท้าก็ช้าลงหลายเท่าด้วย
ในใจหลินซื่อเฉิงที่ไม่ค่อยสบายใจนัก ในที่สุดก็วางใจแล้ว
“ฮ่าๆ ฉันแปลกใจจริงๆเลยว่า พลังความสามารถของเสี่ยวหยุน อยู่ในแดนไหนกันแน่นะ?”
ใบหน้าที่สะสวยของเจียงย่านหรงนั้น ตอนนี้เต็มไปด้วยอาการช็อก “เขา ถึงกับสามารถต้านทานกระบวนท่าฟ้าถล่มดินทลายของค่ายกลมหาปัทมาไว้ได้!”
“เขาแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้เชียว!”
ปัทมาร่วง หมายถึงฟ้าถล่ม ปัทมาบาน หมายถึงดินทลาย
ร่วงหนึ่ง บานหนึ่ง มีความหมายว่า ฟ้าถล่มดินทลายของค่ายกลมหาปัทมานั่นเอง
หลินหยุนยืนอยู่ตรงกลางค่ายกล เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย มือทั้งสองไขว้อยู่ข้างหลัง มองดู เซินถูอย่างสงบนิ่ง แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “ยังมีอีกไหม?”
เซินถูสีหน้าบึ้งตึง ไม่พูดอะไรเลย
เขาสามารถควบคุมการโจมตีได้แค่กระบวนท่าฟ้าถล่มดินทลายเท่านั้น ยังมีวิธีจู่โจมที่แข็งแกร่งกว่านี้ แต่ว่าเขายังฝึกไม่สำเร็จ
อาจจะพูดได้ว่า ลูกศิษย์ตระกูลเซินรุ่นนี้ยังไม่มีใครฝึกสำเร็จเลย
ถ้าบรรพบุรุษของตระกูลเซินที่ริเริ่มก่อตั้งค่ายกลมหาปัทมาตอนนั้นออกมาเองละก็ หลินหยุนอาจจะมีอันตรายจริงๆก็ได้ เพราะว่าหลังจากที่ได้สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นแล้ว เมื่อมาถึงรุ่นของเซินถูแล้ว พลังแรงของค่ายกลมหาปัทมา ก็ลดลงเหลือครึ่งหนึ่งแล้ว
แต่ว่า ถึงแม้จะเหลือเพียงแค่ห้าส่วนก็จริง แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เซินถูสามารถใช้สยบโลกบู๊โบราณได้ในช่วงเวลาหนึ่ง
“ฮื่อ ไอ้หนู แกอย่าเพิ่งได้ใจ ต่อให้แกสามารถต้านรับการโจมตีของค่ายกลมหาปัทมาได้ แต่ว่าแกก็ไม่มีทางที่จะทำลายค่ายกลมหาปัทมาได้หรอก!”
“วันนี้ ฉันก็จะให้แกตายอยู่ในค่ายกลมหาปัทมานี้แหละ!”
หลินหยุนสีหน้าไร้ความรู้สึก พูดอย่างเรียบๆว่า “งั้นเหรอ?”
“ค่ายกลนี้น่าอัศจรรย์มากก็จริง ตอนนี้ฉันยังหาวิธีทำลายมันไม่ได้ แต่ว่า ต่อให้เป็นค่ายกลที่มหัศจรรย์ยังไง ก็จะต้องใช้พลังแรงในการสนับสนุนให้ขับเคลื่อนไปทั้งนั้น”
เซินถูพูดเยาะเย้ยว่า “แกวางใจเถอะ พวกเรามีพลังมากพอที่จะสนับสนุนให้ค่ายกลมหาปัทมาขับเคลื่อนไปได้ตามปกติได้”
หลินหยุนพูดว่า “พละกำลังของพวกแก ก็แค่ขับเคลื่อนให้ค่ายกลหมุนวนได้ในสภาวะที่ปกติเท่านั้นเอง แต่ว่าพละกำลังของพวกแก กลับไม่สามารถต้านทานการจู่โจมจากแรงภายนอกค่ายกลได้เลย”
“ในเมื่อฉันยังหาวิธีการทำลายค่ายกลนี้ไม่ได้ งั้นก็คงต้องใช้วิธีเก่าแก่โบราณที่สุดแล้วล่ะ”
ในใจของเซินถูรู้สึกตกใจ เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที “วิธีอะไรเหรอ?”
คำตอบของเขา ก็คือท่าหมัดที่รุนแรงของหลินหยุน
“ท่าแยกน้ำในสิบแปดท่าต้าเต๋า!”
หมัดของหลินหยุนนั้น ชกไปยังผู้อาวุโสรองของตระกูลเซินที่หมุนวนมาอยู่ตรงหน้าตัวเองพอดี
โป้ง!
ท่าหมัดนี้ก็ชกลงไปยังร่างของผู้อาวุโสรอง แต่กลับไม่สามารถหยุดผู้อาวุโสรองไว้ได้
ผู้อาวุโสรองไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย ก็ยังคงหมุนด้วยความเร็วอย่างต่อเนื่องต่อไป
เพียงแต่ว่า สีหน้าของผู้อาวุโสที่เหลืออีกแปดคนนั้น เปลี่ยนเป็นขาวซีดทันที
“ค้อนดาวร่วง!”
มีพลังแรงหนึ่งตกลงมาจากฟากฟ้า ราวกับภูเขาลูกใหญ่ลูกหนึ่ง ทับลงมาบนไหล่ของ ผู้คนทั้งหลายอย่างแรง
ผู้อาวุโสทั้งเก้าส่งเสียงเล็กน้อย ความเร็วการหมุนวนของทุกคน ก็หยุดลงในเสี้ยววินาทีเดียว
ลูกศิษย์ทั้งหลายพวกนั้น สีหน้าขาวซีด ฝีเท้าที่ก้าวเดินนั้นเหมือนลอยจากพื้นดิน ราวกับดื่มสุราเมามาย พร้อมที่จะล้มลงได้ตลอดเวลา
“ดาวยักษ์ตก!”
ไม่ให้เวลาพักหายใจกับคนพวกนี้เลย เสียงของหลินหยุนก็ดังขึ้นอย่างเรียบๆอีกครั้งหนึ่ง
ราวกับการพุ่งของดาวตก ราวกับความยิ่งใหญ่ของดาวฤกษ์ นั่นก็คือดาวยักษ์ตก