จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 955 เทพสงครามตัวจริง
“มันพูดไม่ถูกต้อง!”
จู่ ๆ มีเสียงหนึ่งดังขึ้น เหมือนเสียงระฆัง ดังสะท้อนอยู่บนยอดเขา
สายตาของทุกคน หันไปหาต้นเสียงทันที
มีคนหนึ่ง ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศโดยไม่มีวี่แววอะไรมาก่อนเลย เหมือนกับโผล่มาจากกลางอากาศ
เขาสวมชุดทหารสีดำเหมือนกัน ชุดทหารนี้มีสีซีดไปบ้าง เห็นได้ชัดว่า ผ่านมาหลายปี
เขาแก่มาก แต่แก่มากแค่ไหนนั้น ไม่อาจใช้คำว่าไม้ใกล้ฝั่งพรรณนาได้แล้ว เขาเหมือนกับซากศพที่ยังมีลมหายใจเฮือกสุดท้ายเหลืออยู่
เจียงร่อโจ๋มองไปที่คนคนนี้ แล้วลุกขึ้นโค้งคำนับทันที พลางเอ่ยพูดเสียงเคร่งขรึมว่า : “ท่านมาได้ยังไง?”
ชายชราผู้นั้นเอ่ย : “แกแพ้แล้ว ฉันจะไม่มาได้ยังไง”
เจียงร่อโจ๋ขมวดคิ้ว : “ผมแพ้แล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่การที่ท่านมา มันต่างกัน ท่านจะทำให้ข้อมูลมากมายถูกเปิดเผย”
ชายชราเอ่ย : “ไหน ๆ ก็มาแล้ว จะสนอะไรมากมาย?”
เจียงร่อโจ๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ได้ต้องการให้ออกมาเป็นอย่างนี้เลยจริง ๆ
ชายชราเหมือนมองความคิดของเจียงร่อโจ๋ออก จึงพูดด้วยเสียงไม่พอใจว่า : “ไอ้หมอนั่นมันพูดถูกอยู่ประโยคหนึ่ง แกสนใจภาพลักษณ์มากเกินไป”
“ในเมื่อแกตัดสินใจมาแล้ว จะสนชื่อเสียงกับผลที่ตามมาทำไมอีก?”
“แต่ คำพูดอื่น ๆ ของไอ้หมอนั่น ไม่ถูกต้อง”
“ในฐานะที่ฉันเป็นนักบู๊ ก็ควรจะยึดมั่นในหนทางของตัวเอง เชื่อมั่นในหนทางของตัวเอง ฝึกฝนกายและฝึกฝนใจ แต่เกียรติยศ ก็เป็นสิ่งที่พวกเราไขว่คว้า จะล้มเลิกไปไม่ได้”
“ถ้าหากมีนักบู๊คนหนึ่ง ไม่ต้องการแม้แต่ชื่อเสียงเกียรติยศ แล้วจะฝึกฝนวิชาบู๊ไปทำไม?”
“ในเมื่อ แกเสียเกียรติยศของตระกูลเจียงของพวกเราไปเพราะไอ้หมอนั่น งั้นฉันจะเอามันกลับมาเอง”
เจียงร่อโจ๋ถูกสั่งสอน แต่เขากลับไม่เห็นด้วย
เขามีอุดมการณ์ของเขา เขามีหนทางของเขา
หนทางของเขา คือต้องไม่ทำให้ประชาชนชาวจีนเหล่านั้นผิดหวังต่อความเป็นเทพสงครามของเขา ตลอดชีวิตนี้ เขาจะปกป้องประเทศชาติ หยุดยั้งไม่ให้ชาวต่างชาติบุกรุกเข้ามาในประเทศ
หงซิงกั๋วยืนอยู่ด้านข้างเจียงร่อโจ๋ แล้วมองไปที่ชายชราผู้นี้อย่างเงียบ ๆ
ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจต่อการปรากฏตัวของเขาเลย
กลับกัน ในสายตาของเขา มีความโล่งใจที่เหมือนยกภูเขาออกจากอก
ดูท่าทาง คนคนนี้ คือไพ่ตายที่แท้จริงของหงซิงกั๋ว
ไกลออกไป หงซานเหอมีสีหน้าเคร่งเครียด แล้วทอดถอนใจ : “เขามาจริง ๆ ด้วย”
“หลินหยุน คราวนี้ นายก็ขอให้ตัวเองโชคดีก็แล้วกัน!”
ทหารทุกคน ต่างมองไปที่ชายชราผู้นี้ สีหน้าของคนมากมายดูมีความสงสัย
“ตาเฒ่าคนนี้เป็นใคร? ดูท่าทางเหมือนเทพสงครามจะเคารพเขามากเลยนะ”
“ชายชราผู้นี้เป็นใครกันแน่?”
“ดูจากหน้าตาของเขา คล้ายกับเทพสงครามอยู่ไม่น้อย หรือเป็นญาติผู้ใหญ่ของเทพสงคราม?”
ทางด้านของสี่มหาตระกูล ใบหน้าของหวางจิงหลงรวมถึงผู้นำตระกูลอีกสามคนที่เหลือ ดูสับสนงุนงง
จางฉางเกิงเอ่ยถาม : “พี่จิงหลง คนผู้นี้เป็นใครกัน?”
หวางจิงหลงไม่ได้พูดอะไร ใบหน้าดูกำลังครุ่นคิดอยู่
จ้าวโม่เย้นเอ่ย : “ไม่ว่าคนคนนี้เป็นใคร แต่ดูจากสีหน้าของหงซิงกั๋ว ชายชราคนนี้น่าจะเป็นตัวจริงที่เขาจะให้มาฆ่าหลินหยุน!”
ผู้นำตระกูลหลิวพยักหน้า : “ดูท่าทางคงไม่ผิดแน่ แต่ว่า ไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงชายชราผู้นี้มาก่อนเลย”
“หรือว่าความสามารถของเขา จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเทพสงคราม?”
หวางจิงหลงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที แล้วร้องออกมาด้วยความตกใจ : “ผมรู้ว่าเขาคือใครแล้วล่ะ”
“คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าเขายังมีชีวิตอยู่!”
ใบหน้าของหวางจิงหลง ดูตกใจมาก
“เหอะ เหอะ ประธานาธิบดีนี่ปกปิดไว้มิดชิดเชียวนะ! ถ้าไม่ใช่เพราะครั้งนี้หงซิงกั๋วอยากจัดการกับหลินหยุน จนคิดหาวิธีเชิญเขาออกมา เกรงว่าพวกเราคงไม่มีทางรู้ถึงการมีอยู่ของเขา”
จ้าวโม่เย้นและจางฉางเกิงรวมถึงคนอื่น ๆ ต่างมองไปที่หวางจิงหลงด้วยสีหน้าอยากรู้ แล้วเอ่ยถามว่า : “พี่จิงหลง ตกลงผู้นี้คือใครกันแน่?”
หวางจิงหลงมองไปยังชายชราที่เหมือนซากศพที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศผู้นั้น แล้วพูดออกมาทีละคำว่า : “ไท้ส่วย เจียงเฉิงจู่!”
“อะไรนะ!”
ผู้นำตระกูลที่เหลืออีกสามคน ต่างร้องออกมาด้วยความตกตะลึงเป็นอย่างมาก
จางฉางเกิงพูดอย่างตกใจ : “เจียงเฉิงจู่ ปู่ของเจียงร่อโจ๋น่ะเหรอ? เขาไม่ใช่ตายไปเมื่อหลายสิบปีก่อนแล้วหรือไง?”
“ไท้ส่วยโมโหขึ้นมา เลือดหลั่งนองเป็นสายน้ำ”
“ตอนที่เจียงไท้ส่วยยังมีชีวิตอยู่ พวกเทพกระบี่เยนหนานเทียน ยังเป็นเด็กเล็กอยู่เลย”
“ตอนนี้ อายุของเขา เท่าไหร่กันแน่?”
จ้าวโม่เย้นเอ่ยพูดเสียงขรึม : “ว่ากันว่า ตระกูลเจียงไม่ว่ากี่รุ่นกี่สมัยก็มีเพียงบุตรชายคนเดียวสืบทอดสกุลต่อเท่านั้น เจียงเฉิงจู่แต่งงานตอนอายุหกสิบ มีลูกชายตอนอายุเจ็ดสิบแล้ว”
“ลูกชายของเจียงเฉิงจู่ ก็เพิ่งแต่งงานตอนอายุสี่สิบ แต่น่าเสียดาย ลูกชายของเจียงเฉิงจู่ได้ตายในสนามรบ ตระกูลเจียงจึงเหลือเพียงเจียงร่อโจ๋คนเดียวที่เป็นทายาท”
“หากนับดูแล้ว เจียงไท้ส่วยก็อายุมากกว่าสองร้อยปีแล้วสิ!”
หวางจิงหลงเอ่ย : “ดูท่าทาง เทพสงครามตัวจริงของจีน ไม่ใช่เจียงร่อโจ๋ แต่เป็นเจียงไท้ส่วย”
จางฉางเกิงเข้าใจขึ้นมาก็เอ่ยพูดว่า : “เป็นอย่างนี้นี่เอง!”
“ฉันก็ว่า ความสามารถของเทพสงคราม จะอยู่ในระดับนี้ได้ยังไง? ถ้าหากแม้แต่ปรมาจารย์หลินยังสู้ไม่ได้ แล้วหลายปีที่ผ่านมา ปกป้องประเทศจีนไว้ได้ยังไงกัน?”
“ที่แท้ เจียงไท้ส่วยเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเจียงร่อโจ๋มาตลอดนี่เอง!W
“นี่อธิบายได้ชัดเจนทุกอย่างแล้ว”
จ้าวโม่เย้นหัวเราะเหอะเหอะ แล้วเอ่ย : “หงซิงกั๋วนี่วางแผนได้ดีเยี่ยมไปเลย!”
“ดูท่าทาง เขารู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าเจียงไท้ส่วยยังมีชีวิตอยู่ ไพ่ตายของเขา ไม่ใช่เทพสงคราม แต่เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเทพสงครามนี่เอง!”
หวางจิงหลงเอ่ย : “เขาทำสำเร็จแล้ว”
จ้าวโม่เย้นถอนหายใจ แล้วเอ่ย : “ใช่ เขาทำสำเร็จแล้ว”
“แต่ว่า เขายังคงกำลังเดิมพันอยู่ เอาชีวิตของตัวเองมาเป็นเดิมพัน!”
หวางจิงหลงเอ่ย : “แต่เขาเดิมพันชนะแล้ว”
“ใช่ เขาเดิมพันชนะแล้ว”
บรรดานักบู๊ที่อยู่บริเวณรอบ ๆ เหล่านั้น ต่างก็คาดเดาความเป็นมาของเจียงไท้ส่วย
แต่ว่า น้อยคนนักที่จะรู้ถึงเรื่องราวของเจียงไท้ส่วย
มีเพียงคนแก่ที่อายุมากแล้วไม่กี่คน ที่ได้ยินชื่อเจียงไท้ส่วยคนนี้ มาจากอาจารย์ของตัวเอง
“เป็นเจียงไท้ส่วย อสูรทั้งห้าในตอนนั้นจริง ๆ ด้วย!”
ตอนแรกเลย เจียงเฉิงจู่เป็นเพียงโจรคนหนึ่ง แต่ว่า เขาได้วิชาเพลงฝึกบู๊มาโดยบังเอิญ
จากนั้น เขาก็กลายเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อันน่าทึ่ง โหดเหี้ยม ไม่สนวิธีการ เพื่อได้ฝึกตน เขาจึงทำบาปไปไม่น้อย
และตอนนั้น เขาก็ได้รับสมญานามว่าเป็นหัวหน้าแห่งอสูรทั้งห้า
ต่อมา เจียงไท้ส่วยได้ถูกโจวลี่เต๋อลูกศิษย์ของปรมาจารย์เฉินที่ก่อตั้งสำนักโม่เหมินปราบปราม จากนั้นก็ค่อย ๆ เงียบหายไป
เมื่อสงครามต่อต้านญี่ปุ่นเกิดขึ้น เจียงไท้ส่วยได้ต่อสู้กับปรมาจารย์วาตานาเบะเซนเซแห่งโลกบู๊ของญี่ปุ่น ได้ยินว่าเขาได้ตายไปพร้อมกับปรมาจารย์วาตานาเบะเซนเซ
ตอนนี้ดูท่าทาง เจียงไท้ส่วยไม่ได้ตาย แต่ปกปิดตัวเอง กลายเป็นผู้พิทักษ์ปกป้องประตูเมืองของประเทศจีน
หลินหยุนมองไปยังเจียงไท้ส่วยที่อยู่กลางอากาศ แล้วตกตะลึงเล็กน้อย
เมื่อครู่นี้ที่เจียงไท้ส่วยปรากฏตัวขึ้นมากลางอากาศ หลินหยุนสัมผัสได้ถึงความผันผวนของกฎเกณฑ์แห่งโลกเล็กน้อย
ไม่ใช่ชี่ทิพย์จากฟ้าดิน แต่เป็นกฎเกณฑ์
นี่แสดงให้เห็นว่า เจียงไท้ส่วยควบคุมกฎเกณฑ์แห่งโลกได้ ซึ่งสามารถทำได้ถึงระดับหนึ่งแล้ว
ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด แดนเทพระดับใหญ่ ควบคุมกฎเกณฑ์แห่งโลก
นี่เป็นการแบ่งระดับของโลกบู๊
ดูจากการที่เจียงไท้ส่วยควบคุมกฎเกณฑ์แห่งโลก และระดับในการใช้ ความสามารถของคนคนนี้ น่าจะอยู่เหนือระดับแดนเทพไปแล้ว
“ดูท่าทาง ในประเทศจีน จะมีเสือหมอบซ่อนมังกรเสียแล้ว มีผู้เฒ่าประหลาดอีกมากมายที่ปกปิดตัวเองอยู่”
ต้องบอกก่อนว่าจนถึงวันนี้ ในลำดับเทพนั้น มีเพียงชื่อของหลินหยุนคนเดียวเท่านั้น
แต่ว่า ผู้แข็งแกร่งแดนเทพที่หลินหยุนได้พบเจอนั้น มีไม่น้อยกว่าสิบหลักแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีนักบู๊ที่อยู่ในแดนเทพระดับใหญ่แบบเจียงไท้ส่วยอีกด้วย
ก็ไม่รู้ว่า มาตรฐานของลำดับเทพนั้นคืออะไรกันแน่
ฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียมหดคอ ลางสังหรณ์ต่อผู้แข็งแกร่งที่เป็นพรสวรรค์ติดตัวเผ่าโลหิตมานั้น ทำให้ฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียมสัมผัสได้ถึงอันตราย
“หลินหยุน คนคนนี้เก่งกาจมาก นายต้องระวังตัวนะ” ฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียมเอ่ยเตือน