จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 968 เจ้านายวังเทพหิมะ
คาร์นอตวิลเลียมมองดูผู้คนพวกนั้นอย่างระมัดระวัง แล้วพูดว่า “พวกคุณคิดจะทำอะไร!”
“ฉันจะบอกพวกคุณนะ พวกเราไม่ได้เจออะไรข้างในนั้นเลย นอกจากเศษกระดาษขาดๆ ที่ไม่มีประโยชน์ใบหนึ่งแล้ว ก็ยังมีรูปแกะสลักที่แตกหักเหลืออยู่กองหนึ่งเท่านั้นเอง”
ถึงแม้ว่าคำพูดของคาร์นอตวิลเลียมเป็นเรื่องจริงก็ตาม แต่ว่า เมื่อคนพวกนี้ฟังแล้ว กลับมีความรู้สึกเหมือนแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
หลอหยวนป้าพูดเยาะเย้ยด้วยเสียงเจ้าเล่ห์ว่า “ไปถึงซากโบราณสถานแล้ว ถึงกับบอกว่าตัวเองไม่ได้พบอะไรเลยเหรอ? แกนึกว่าพวกเราจะเชื่อเหรอ?”
“ทางที่ดีรีบมอบของที่พวกแกได้มาให้พวกเราดูหน่อย ไม่เช่นนั้นละก็ วันนี้พวกแกก็อย่าหวังว่าจะออกไปจากที่นี่ได้เลย”
ผู้อาวุโสสำนักต้าหลินพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่นว่า “ท่านทั้งสอง ต่อให้พวกคุณได้ของวิเศษมาจากซากโบราณสถานได้แล้ว เกรงว่าจะไม่มีชีวิตที่ได้ใช้แล้วล่ะ ฉันว่าทางที่ดีส่งมอบออกมาซะดีกว่านะ ฉันจะรับรองความปลอดภัยของพวกคุณ”
คาร์นอตวิลเลียมพูดด้วยความโมโหว่า “ฉันก็บอกแล้วไงว่าไม่เจออะไรเลย พวกแกไม่เชื่อฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว?”
“อย่ามาขวางทางพวกเรา ไม่งั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจนะ!”
เดิมทีคาร์นอตวิลเลียมก็ไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่แล้ว เดินทางไกลแสนไกลมาถึงเมืองจีนเพื่อจะตามหาประกาศิตที่เทพธิดาแห่งชีวิตทิ้งไว้ให้ ผลสุดท้ายได้พบสถานที่แล้ว แต่กลับไม่พบประกาศิตอะไรเลย
ตอนนี้ คนพวกนี้ถึงกับคิดจะมาปล้นเขาอีก คาร์นอตวิลเลียมจะทนไหวได้อย่างไรกัน!
“ฮื่อ ต่อหน้าพวกเราห้าสำนักใหญ่แห่งโลกบู๊โบราณแล้ว ถึงกับกล้ากำแหงขนาดนี้! แกคิดว่าแกเป็นชาวต่างชาติแล้วพวกเราจะไม่กล้าแตะต้องแกเหรอไง!”
“พวกฉันไม่ใช่ทางการรัฐบาลจีน ถึงต้องมาระวังเรื่องกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอะไรนั่น ถ้าแกไม่ส่งมอบของออกมาละก็ วันนี้แกก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตออกไปจากที่นี่ได้!”
ผู้อาวุโสสำนักอู๋จี๋ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ถึงแม้ว่าความรู้ด้านภาษาจีนของคาร์นอตวิลเลียมไม่ดีมากเท่าไหร่ แต่คำพูดนี้ก็ยังพอฟังเข้าใจได้
“ตอนนี้ฉันจะเป็นตัวแทนเทพแห่งสว่างบ้าบอนั่น ส่งพวกแกไปเมืองสวรรค์เลย!”
คาร์นอตวิลเลียมพูดจบ ร่างกายก็หายวับไปอย่างแปลกประหลาด
ชั่วพริบตาเดียว เงาร่างของคาร์นอตวิลเลียม ก็มาปรากฏอยู่กลางอากาศตรงเบื้องบนของผู้อาวุโสสำนักอู๋จี๋ทันที แล้วใช้ขาเตะไปยังผู้อาวุโสสำนักอู๋จี๋ไปหนึ่งที
“ฮื่อ!”
พลังความสามารถของผู้อาวุโสสำนักอู๋จี๋ ยังอยู่เหนือคาร์นอตวิลเลียมเสียอีก ถึงแม้ว่า รู้สึกอึ้งในความว่องไวของคาร์นอตวิลเลียมที่แสดงออกมาเช่นนี้ก็จริง แต่ว่า การจู่โจมของคาร์นอตวิลเลียมก็ไม่สำเร็จ
ผู้อาวุโสสำนักอู๋จี๋ก็ชกหมัดไปยังท้องฟ้าอย่างแรงหนึ่งที
โป้ง!
ร่างของผู้อาวุโสสำนักอู๋จี๋ ก็ปักลึกลงไปใต้ดินหลายนิ้ว
คาร์นอตวิลเลียมกลับถูกกระแทกจนกระเด็นออกไปหลายสิบเมตร
“ก็ไม่เท่าไหร่!” ผู้อาวุโสสำนักอู๋จี๋พูดหัวเราะเยาะ สายตาที่มองไปยังหลินหยุน แสดงถึงความเหยียดหยามออกมา
คาร์นอตวิลเลียมก็กลับไปยังข้างกายของหลินหยุน มองดูหลินหยุนด้วยสีหน้าเคอะเขินเล็กน้อย “ตาแก่นี่พละกำลังแข็งแกร่งมาก ฉันคาดว่าคงสู้เขาไม่ได้แล้ว”
สายตาของหลินหยุนกวาดมองไปยังผู้คนอย่างเรียบเฉย แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “ก่อนที่จะลงมือ ฉันขอประกาศให้ชัดเจนว่า พวกฉันไม่เคยได้ของวิเศษอะไรจากข้างในมาเลย ข้างในนี้ก็ไม่ใช่ซากโบราณสถานอย่างที่พวกคุณคิดจินตนาการไว้เลย”
“ถ้าพวกแกยังคิดอยากจะลงมืออีกละก็ งั้นก็ให้พวกคุณสมดังปรารถนาได้เลย”
หลินหยุนมือทั้งสองไขว้หลัง ด้วยกำลังภายในเปี่ยมล้นที่ยังไม่ได้สำแดงออกมา มองไปทั่วผู้คนมากมายพวกนี้ แต่ยังคงยืนตระหง่านอย่างเย้อหยิ่งเช่นเดิม
หลอหยวนป้าพูดเยาะเย้ยว่า “ไอ้หนุ่ม แกคิดให้ดีๆนะ ตอนนี้แกกำลังเผชิญหน้ากับพวกเราห้าสำนักใหญ่แห่งโลกบู๊โบราณ พวกเราสามารถบีบให้แกตายคามือได้เลย เหมือนขยี้มดตัวหนึ่งให้ตายไปอย่างง่ายดาย”
“ฉันขอเตือนแกอย่ามาทำลูกเล่นตุกติกอีกเลย มอบของออกมาซะดีๆ”
“แฮะๆ เจ้าเด็กน้อยนี่มาจากไหนกัน ถึงกับกล้าท้าประลองกับห้าสำนักใหญ่ รนหาที่ตายชัดๆเลย!”
“สงสัยว่าคงเป็นพวกนักบู๊กระจอกที่ออกมาจากป่าเขาทุรกันดารพวกนั้น คงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของห้าสำนักใหญ่เลยละมั้ง”
มีนักบู๊บางคนก็พูดวิจารณ์ด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกเหยียดหยาม
อีกด้านหนึ่ง นางหิมะที่ยืนดูอย่างเงียบๆ จู่ๆก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นขึ้นว่า “คือพวกคุณสี่สำนักใหญ่เท่านั้น วังเทพหิมะพวกเราคงไม่เข้าร่วมงานที่สกปรกเช่นนี้ด้วยหรอก”
“อีกอย่าง ถ้าพวกคุณคิดจะแตะต้องเขาละก็ ต้องผ่านด่านวังเทพหิมะพวกเราไปก่อน”
คำพูดของนางหิมะทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง
หลอหยวนป้าถามด้วยเสียงเย็นชาว่า “นางหิมะ คำพูดของคุณหมายความว่ายังไง? คุณคิดจะปกป้องเจ้าเด็กนี้เหรอ?”
ผู้อาวุโสสำนักเขาหยุนซูจ้องหน้านางหิมะด้วยสีหน้าดุร้าย แล้วพูดว่า “นางหิมะ คุณคิดจะปกป้องเจ้าเด็กนี่ แล้วให้เขารู้สึกซาบซึ้งกับวังเทพหิมะของพวกคุณ จากนั้นจะได้ฮุบของวิเศษในตัวของเขาไว้คนเดียวใช่ไหม?”
“งั้นคุณก็ต้องถามคนพวกนี้ของพวกเราก่อนว่าจะยินยอมหรือไม่?”
“คุณอาจจะคิดว่า ลำพังแค่พละกำลังของวังเทพหิมะพวกคุณเพียงฝ่ายเดียว สามารถต่อกรกับพวกเราสี่สำนักรวมกันได้ล่ะ!”
ผู้อาวุโสสำนักต้าหลินยิ้มอย่างเสแสร้งแล้วพูดว่า “ท่านนางหิมะ โปรดคิดให้รอบคอบก่อนนะ! อย่าเห็นแก่สิ่งเล็กน้อยแล้วต้องเสียงานใหญ่ไปล่ะ!”
นางหิมะไม่ได้สนใจพวกเขา แต่ค่อยๆเดินไปตรงหน้าหลินหยุน ดวงตาที่สะสวยคู่นั้นจ้องมองหลินหยุนอยู่สักพักหนึ่ง
ทันใดนั้น ร่างที่อรชรอ้อนแอ้นของนางหิมะก็ค่อยๆย่อตัวลง แล้วทำความเคารพแบบสตรีให้กับหลินหยุน
“นางหิมะรุ่นที่สามสิบแปดแห่งวังเทพหิมะ ขอคารวะเจ้าพระคุณค่ะ!”
คราวนี้ ทุกคนต่างก็ช็อกกันไปหมด
แม้แต่ลูกศิษย์ทั้งหลายของวังเทพหิมะต่างก็งงเป็นไก่ตาแตก จนลูกตาแทบจะถลนออกนอกเบ้า
ฐานะของนางหิมะ เทียบเท่ากับฐานะเจ้าสำนักน้อยของห้าสำนักใหญ่เลยทีเดียว มิหนำซ้ำอาจจะยังสูงกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำไป
เพราะว่านางหิมะแต่ละรุ่นนั้น ต่อไปก็จะต้องสืบทอดตำแหน่งของประมุขวังเทพหิมะ ทั้งนั้น
แต่ว่า เจ้าสำนักน้อยแต่ละคนอาจไม่แน่ว่าจะต้องได้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักทุกคน เพราะว่าเจ้าสำนักคนหนึ่ง มีลูกชายไม่ต่ำกว่าหนึ่งคนทั้งนั้น
คาร์นอตวิลเลียมก็มองไปยังหลินหยุน อ้าปากค้างจนลืมหุบ
หลินหยุนกลับไม่ได้รู้สึกแตกตื่นตกใจอะไร ดูเหมือนว่าได้คาดเดาไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว จึงพูดกับนางหิมะอย่างเรียบๆว่า “ลุกขึ้นเถอะ!”
“ขอบคุณเจ้าพระคุณค่ะ!” นางหิมะตอบขอบคุณ แล้วลุกขึ้นยืนอยู่ข้างกายหลินหยุนอย่างนอบน้อม ด้วยท่าทางที่พร้อมรับฟังคำสั่งได้ตลอดเวลา
“นางหิมะ นี่คุณหมายความว่ายังไงกัน?” หลอหยวนป้าสีหน้าบูดบึ้ง ตะคอกด้วยเสียงเยือกเย็น
“คุณเจตนาที่จะเป็นศัตรูกับอีกสี่สำนักใหญ่พวกเราใช่ไหม? วังเทพหิมะพวกคุณมีประมุขเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น จะมีเจ้าพระคุณที่ไหนอีก!”
นางหิมะมองดูเขาด้วยสายตาเยือกเย็น แล้วพูดว่า “เรื่องของวังเทพหิมะเรา คุณมีสิทธิ์อะไรมายุ่งด้วย!”
“ถ้าพูดอย่างนี้ ก็แสดงว่าวังเทพหิมะคุณจงใจที่จะปกป้องเจ้าเด็กนี่แล้วสิ โดยไม่สนใจว่าจะเป็น ศัตรูกับสี่สำนักใหญ่พวกเราเลย!” หลอหยวนป้าตะโกนพูดเสียงดัง
“ใช่แล้วจะทำไม!” นางหิมะเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงเรียบเฉย เห็นได้ชัดว่า ไม่เห็นหลอหยวนป้าอยู่ในสายตาเลยแม้แต่นิดเดียว
หลอหยวนป้าก็พูดเยาะเย้ยขึ้นมาทันทีว่า “ทุกคนได้ยินกันหมดแล้วนะ วังเทพหิมะคิดจะฮุบของวิเศษในซากโบราณสถานไว้แต่เพียงผู้เดียว!”
“ฉันเสนอว่า พวกเราสี่สำนักใหญ่ควรจะร่วมมือกัน จัดการกับวังเทพหิมะก่อน แล้วค่อย ให้เจ้าเด็กนั่นมอบของวิเศษออกมาทีหลัง”
ผู้อาวุโสสำนักอู๋จี๋พูดว่า “ฉันเห็นด้วย”
ผู้อาวุโสเขาหยุนซูพูดว่า “ฉันก็เห็นด้วย”
“งั้นจะรออะไรอีกล่ะ ฉันเห็นผู้หญิงคนนี้ขัดหูขัดตามานานแล้ว ฆ่าพวกเธอให้หมด!”
ลูกศิษย์ของสำนักชิงชางคนหนึ่งส่งเสียงคำราม แล้วเตรียมตัวเข้าจู่โจม
ลูกศิษย์ทั้งหลายของวังเทพหิมะ ก็รู้สึกมึนงงไปหมด
“นางหิมะ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? ทำไมท่านถึงเรียกเขาว่าเจ้าพระคุณ?” ลูกศิษย์คนหนึ่งถามอย่างไม่เข้าใจ
นางหิมะพูดว่า “ถึงแม้วังหิมะพวกเราเป็นเพียงหนึ่งในห้าสำนักใหญ่ของโลกบู๊โบราณก็ตาม พละกำลังก็ไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาห้าสำนักใหญ่ มิหนำซ้ำ เมื่อเทียบกับสี่ผู้ตั้งมั่นยังห่างไกลกันอีกมากเลย”
“แต่ว่าวังเทพหิมะพวกเรากลับเป็นสำนักที่เก่าแก่ยาวนานที่สุด พวกคุณรู้ไหมว่าทำไมเป็นเช่นนี้?”
เหล่าลูกศิษย์ทั้งหลายก็มองไปยังนางหิมะด้วยความสงสัย แม้แต่นักบู๊ของสำนักอื่นที่เหลือ ต่างก็มองไปยังนางหิมะด้วยอยากรู้เช่นกัน
นางหิมะพูดต่อไปว่า “ก็เป็นเพราะว่าวังเทพหิมะของพวกเรา ก่อตั้งขึ้นโดยเทพหิมะ”
ลูกศิษย์คนหนึ่งถามว่า “เทพหิมะ ไม่ใช่มีอยู่แต่ในตำนานเท่านั้นไม่ใช่เหรอ? ในโลกนี้ จะมีเทพเทวดามาจากไหนกันล่ะ?”
นางหิมะพูดว่า “คุณผิดแล้ว เทพหิมะมีอยู่จริง!”
“อีกอย่างเทพหิมะเคยสั่งเสียเอาไว้ว่า ถ้าหากมีใครสามารถทำให้แนวปกป้องที่เทพหิมะ เหลือไว้ให้ทลายลงได้ คนนั้นก็คือเจ้าพระคุณที่แท้จริงของวังหิมะนั่นเอง!”