จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่181 น้าวสายธนูยิงปีศาจสวรรค์
แหงนมองไปทางเงามืดขนาดใหญ่ที่อยู่บนท้องฟ้า หากหลินหยุนคาดไว้ไม่ผิด นั่นน่าจะเป็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวของซูหนัน โฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้าวิญญาณตนนั้น
ซูหนันที่ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ จู่ๆก็ตะโกนบอกหลินหยุนด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าว่า “ปรมาจารย์หลิน นั่นคือวิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋า พวกคุณไม่ใช่คู่มือของมันหรอก รีบไปซะเถอะ !”
หลินหยุนเก็บพลังทิพย์ที่อยู่ในอากาศกลับมา ร่างของซูหนันเลยร่วงลงสู่พื้นทันที
ศิษย์ของสำนักยินซือหลายคนรีบพุ่งไปข้างหน้าทันที แล้วดึงตัวซูหนันกลับมา
“ฮ่าฮ่า วันนี้ พวกแกต้องตายกันหมดแน่ !” ยังคงเป็นเสียงของผู้หญิงที่น่าเกลียดน่ากลัวและขนลุกขนพองนั่น โครมคราม เสียงนั้นยังคงวนเวียนอยู่ทั่วทั้งบริเวณจากบนฟ้าถึงพื้นดิน
“แม่เจ้า ปีศาจ ! โลกนี้จะถึงคราวจบสิ้นแล้วเหรอ ?”
คนธรรมดาเหล่านั้นกลัวกันจนขี้หดตดหาย วิ่งหนีกันพัลวัน
“กลับมา หยุดอยู่กับที่เลยนะ !” ผู้มีอิทธิพลหลายๆคนพยายามควบคุมอย่างเต็มที่ แต่กลับไม่อาจหยุดความแตกตื่นของเหล่าพวกลูกน้องได้
ไม่เพียงผู้คนของเมืองหลายเมืองของภาคเหนือที่วิ่งหนี เหล่าผู้คนของเมืองเจ็ดเมืองของภาคใต้เองก็พากันวิ่งหนีด้วยเช่นกัน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการดำรงอยู่ที่น่าเหลือเชื่อแบบนี้ คนธรรมดาทั่วไปไม่จะกลัวได้อย่างไร
บนท้องฟ้า วิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋าเฝ้ามองสิ่งเหล่านี้ แล้วหัวเราะออกมาอย่างได้ใจ
“อยากหนีอย่างนั้นเหรอ ? จะหนีไปไหนได้ !”
พอพูดจบ เงามืดขนาดใหญ่นั่นก็ปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ พุ่งเป้าไปหาผู้คนของเมืองหลายเมืองของภาคเหนือที่กำลังหนีกันจ้าละหวั่น
พื้นที่ที่เงามืดนั้นเข้าไปห่อหุ้ม เหล่าพืชพรรณที่อยู่บนพื้นดิน ต่างก็เหี่ยวเฉาไปในชั่วพริบตาทันที
เหล่าผู้คนที่กำลังวิ่งหนีอยู่ จู่ๆก็ลอยเคว้งขึ้นกลางอากาศ และภายในชั่วขณะที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ผู้คนต่างก็แห้งเหี่ยวตามๆกันไป
ซูหนันอุทานออกมาว่า “เธอกำลังดูดกลืนพลังจิตจากผู้คน !”
เด็กหนุ่มหลายสิบคนที่ถูกสูบพลังจิตจนตัวแห้งเหี่ยว ค่อยๆร่วงลงมา พวกเขาขาวซีดราวกับกระดาษ ราวกับได้กลายเป็นมนุษย์กระดาษไปเสียแล้ว
ส่วนร่างลวงตาขนาดใหญ่ของวิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋า ก็ดูจะแข็งแกร่งขึ้นหลายระดับ
ฉากนี้ยังคงดำเนินต่อไป เพียงไม่นานก็มีผู้คนอีกหลายสิบคนถูกทำให้ลอยเคว้งไปในอากาศอีกครั้ง แล้วถูกวิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋าสูบพลังจิตไปจากร่าง
เหล่าผู้มีอิทธิพลหลายคนต่างก็ตกใจกันจนขี้หดตดหาย และมีหลายคนที่วิ่งไปตรงหน้าหลินหยุน คุกเข่าแล้วก้มคำนับ “ปรมาจารย์หลิน ช่วยด้วย ได้โปรดช่วยชีวิตด้วย !”
พวกเจี่ยงสงเองก็ตกใจจนพากันกลืนน้ำลาย แล้วโค้งคำนับอ้อนวอน “ปรมาจารย์หลิน โปรดช่วยชีวิตด้วย !”
พวกรุ่นลูกน้องเหล่านั้นต่างก็รู้จักมุดหัวลงรูกันทั้งนั้น แต่พวกผู้มีอิทธิพลทั้งหลายต่างก็เห็นกันอย่างชัดเจน ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางหนีเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นพ้นแน่ ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาสามารถอ้อนวอนได้ ก็มีเพียงปรมาจารย์หลินเท่านั้น
หลินหยุนมองไปทางวิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋าที่อยู่บนฟ้า แล้วพูดเสียงเรียบว่า “ในเรื่องเล่าและตำนานของชาวจีน ฮั่นป๋าเป็นหนึ่งในบรรพบุรุษของผีดิบ ลูกสาวของฮ่องเต้ซวงหยวน ทุกที่ที่วิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋าก้าวผ่าน ที่นั่นย่อมรกร้างว่างเปล่าไปพันลี้
“ถึงแม้ตอนนี้จะหลงเหลือเพียงเศษเสี้ยวของวิญญาณ แต่ ทุกที่ที่ก้าวผ่าน ก็ยังสามารถพรากชีวิตของทุกสรรพสิ่งได้”
ผู้คนทั้งหลายต่างเหมือนได้ฟังพระคัมภีร์ ตอนนี้เป็นยุคของเทคโนโลยีแล้ว สิ่งที่ผู้มีอิทธิพลเหล่านี้สนใจนั้นมีแค่ตลาดหลักทรัพย์ กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ ใครเล่าจะมีเวลาไปสนใจเรื่องเล่าปรัมปราเหล่านั้น !
“ท่านปรมาจารย์หลิน ในเมื่อคุณรู้ที่มาของเธอ ก็ต้องมีวิธีรับมือกับเธอด้วยใช่ไหม ! ท่านปรมาจารย์หลินได้โปรดช่วยพวกเราด้วยเถิด เธอต้องจับทุกคนกินจนหมดแน่ !”
ผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งกล่าวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก น้ำตานองหน้า
“ถอยไป !”
จู่ๆหลินหยุนก็ตะโกนออกมา เพียงท่องในใจ คันธนูดับตะวันก็ปรากฏขึ้นมาบนมือเขา
พูดตามจริง เขาไม่ได้อยากกำจัดวิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋าตนนี้เลย เขาสงสัยมากว่ายุคสมัยที่วิญญาณตนนี้เคยอยู่ มันจะเป็นยุคสมัยแบบไหนกัน
ในเมื่อก่อนกำเนิดเธอมีความสามารถจากแดนจิตปฐม นั่นก็แสดงว่ายุคสมัยที่เธอเคยอยู่ จะต้องมีผู้บำเพ็ญเซียนอยู่แน่ และความสามารถจะต้องไม่ธรรมดาแน่
ต้องรู้ว่าความสามารถจากแดนจิตปฐมนั้น แม้แต่ในโลกนับหมื่นบนจักรวาล ก็ยังถือว่าเป็นยอดฝีมือ
ผู้มีอิทธิพลทั้งหลายพอเห็นว่าจู่ๆในมือของหลินหยุนก็มีธนูยาวแสนแปลกประหลาดปรากฏขึ้นมา ก็หันไปมองหน้ากันยังอดไม่ได้
ทำไมปรมาจารย์หลินต้องเอาธนูออกมาด้วย ?
หรือว่าเขาจะเอามายิงเจ้าปีศาจที่อยู่บนฟ้าตนนั้น ?
เมื่อก่อนเคยได้ยินแค่ต้องวาดยันต์กำราบฝี ยังไม่เคยได้ยินว่าใช้ธนูยิงใส่ผีมาก่อนเลย !
หลินหยุนยืนอยู่กับที่ ชุดขาวไร้คราบฝุ่นผง ราวเทพเซียนผู้สูงส่ง ทั้งสง่าและงดงาม
มือซ้ายถือคันคันธนูดับตะวัน มือขวาน้าวสายธนู เล็งเป้าหมายไปทางวิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋าที่อยู่บนท้องฟ้า
หลินหยุนค่อยๆเปิดปาก แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “ถ้าแกยอมบอกที่มาของแก ฉันจะไว้ชีวิตแกก็ได้”
วิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋าส่งเสียงหัวเราะประหลาดแสนแสบแก้วหูออกมา เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความไม่พอใจ
“ไว้ชีวิตข้า ? แกมีสิทธิ์อะไร ! จะใช้เครื่องรางผุๆที่อยู่ในมือแกนั่นงั้นเหรอ ? ฮ่าฮ่า ช่างน่าขันเสียจริง !”
“ไอ้หนู แกควรจะคุกเข่าขอร้องข้าสิถึงจะถูก !”
พอพูดจบ ร่างเงาอันใหญ่โตของวิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋า ก็พุ่งตรงมาทางหลินหยุนทันที
หลินหยุนสีหน้าเรียบเฉย จ้องมองมันเงียบๆ แววตาค่อยๆเย็นชาลงเรื่อยๆ “ในเมื่อแกปากแข็งเอง ก็จงหายไปซะเถอะ !”
วิชายิงตะวันค่อยๆหมุนเวียน แสงสีฟ้าค่อยๆปรากฏขึ้นตรงหน้าคันธนู
เกิดลมกระโชกแรงขึ้นระหว่างท้องฟ้ากับพื้นดิน ชี่ทิพย์จากฟ้าดินบริเวณรอบๆเคลื่อนเข้ามาหาหลินหยุนอย่างบ้าคลั่ง จากนั้น ก็เข้าไปรวมตัวกันในแสงสีฟ้าของธนูในมือหลินหยุน
วิชายิงตะวันถูกขัดเกลาจนถึงขั้นสุด ฟ้าคือคันธนู ดินคือสายธนู ทุกสรรพสิ่งคือลูกศร !
พลังแห่งชี่ทิพย์จากฟ้าดินที่ไม่มีที่สิ้นสุดถูกควบแน่นอย่างบ้าคลั่งในลูกศรนี้ ตามตำนาน เคล็ดวิชาของสำนักว่างเยว่ สามารถควบแน่นสวรรค์และโลกเข้าด้วยกันด้วยลูกศรแสง
พอลูกศรนั้นถูกยิงออกไป ก็ราวกับการยิงดาวดวงหนึ่งออกไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขัดขวางอยู่ข้างหน้า ต่างถูกทะลวงจนเป็นผุยผง
ร่างกายของวิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋าหดตัวทันที ราวกับจะสัมผัสได้ถึงอันตราย แต่ยังคงรุกเข้ามาไม่หยุด
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังสนั่นทั่วฟ้าดิน
“ไอ้หนู แกจะใช้แค่เครื่องรางผุๆนั่น แล้วคิดว่าจะฆ่าข้าได้จริงๆเหรอ ! ไปตายเสียเถอะ !”
ฟ้าว !
นิ้วของหลินหยุนที่กำลูกศรอยู่คลายออก
ราวกับบนลูกโป่งขนาดใหญ่ เกิดรูโบ๋ขนาดเล็กขึ้น
ลูกศรแสงสีฟ้านั่น ราวกับศรดาวตก พุ่งออกไปทันที
ทุกที่ที่ลูกศรพุ่งผ่านไป เกิดเป็นรอยร้าวในอากาศ
บึ๊ม !
ลูกศรแสงสีฟ้าทะลุผ่านร่างวิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋า แล้วระเบิดออกทันที
“อ๊ากก !”
วิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋าเปล่งเสียงคำรามแสนน่ากลัวออกมา
“เป็นไปได้ยังไง ? ทำไมเครื่องรางผุๆแค่อันเดียวถึงทำให้ข้าบาดเจ็บได้ !”
หลินหยุนทำหน้าสบายๆ หัวเราะเบาๆพร้อมพูดว่า “ร่างวิญญาณ ก็คือพลังทิพย์ชนิดหนึ่ง ลูกศรของฉันสร้างจากการรวบรวมชี่ทิพย์จากฟ้าดิน ทำไมจะฆ่าแกไม่ได้ ?”
แล้วยังมีอีกอย่าง พลังของวิชายิงตะวัน ไม่ได้เป็นเพียงแค่การจู่โจม แต่ยังเป็นกฎแห่งสวรรค์และโลกด้วย
ถึงจะดูเหมือนเพียงลูกศรธนู แต่กลับเป็นการรวมตัวกันของกฎแห่งสวรรค์และโลก
ร่างเงาของวิญญาณบรรพบุรุษฮั่นป๋าค่อยๆจางลง จากนั้นก็หายไปจนหมดสิ้น
ซูหนันแหงนหน้ามองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย แล้วพึมพำกับตัวเอง “ถูกทำลายแล้วเหรอ ?”
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มที่หน้าตาเด็ดเดี่ยวนั้นก็น้ำตาไหลอาบแก้ม สีหน้าผ่อนคลายลงอย่างสิ้นเชิง
ผู้มีอิทธิพลทั้งหลายก็พากันแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่คืนความสดใสแล้ว ท่าทางไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ หลังจากนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ ก็ระเบิดเสียงโห่ร้องดีใจออกมา
“ชนะแล้ว ปรมาจารย์หลินชนะแล้ว ! พวกเรารอดแล้ว !”
“ปรมาจารย์หลินจงเจริญ !”
ครั้งนี้ ทุกคนต่างก็รู้สึกขอบคุณหลินหยุนมาก ขนาดผู้คนจากสำนักยินซือเอง ก็ยังเผยให้เห็นถึงความสุขของชีวิตที่เหลืออยู่
ควีนจินหนันหลินจ้องมองใบหน้าอ่อนเยาว์ของหลินหยุน แล้วใจก็สั่นสะท้านอีกครั้ง
แผลบาดเจ็บที่ถูกหลินหยุนรักษาให้จนหายก่อนหน้านี้ ทำให้เธอรู้สึกได้ว่าหลินหยุนจะต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถและพรสวรรค์สูงสุดอย่างแน่นอน และอาจถึงขั้นเป็นปรมาจารย์ขั้นสูงสุดด้วยก็เป็นได้
แต่ว่า วันนี้เธอถึงได้เข้าใจ ว่าตัวเองได้ประเมินหลินหยุนต่ำไป
ความสามารถของหลินหยุน อาจเป็นปรมาจารย์ของปรมาจารย์ขั้นสูงสุด อาจถึงขั้นเป็นปรมาจารย์ของผู้มีพรสวรรค์และพรแสวงขั้นสูงสุดด้วย !
ปรมาจารย์ขั้นสูงสุดมีอายุยี่สิบกว่าปี ถ้าข่าวแพร่กระจายออกไปคงทำให้ผู้คนแตกตื่นอยู่ไม่น้อย ปรมาจารย์ผู้มีพรสวรรค์และพรแสวงขั้นสูงสุดอายุเพียงยี่สิบกว่าปีเท่านั้น นี่จะต้องสั่นสะเทือนทั่วทั้งโลกบู๊อย่างแน่นอน
หลินหยุนสีหน้าซีดเผือดเล็กน้อย ค่อยๆเดินไปทางซูหนัน
ด้านหลัง เจี่ยงสงและผู้มีอิทธิพลอีกหลายคนต่างก็เดินตามหลังหลินหยุน ในใจรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก
“ท่านผู้นี้ ราวกับเทพเลย !”
ซูหนันจ้องมองหลินหยุนที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าเผยแววถูกปลดปล่อยออกมา
“ฆ่าผมซะเถอะ !”
หลินหยุนเผยรอยยิ้มแปลกประหลาดออกมา แล้วถามว่า “ฉันอยากรู้ว่า นายไปพบกับเธอเข้าได้ยังไง ?”