จักรพรรดิเซียนหวนคืน - ตอนที่ 20
บทที่ 20 แกว่งชี้เหมือนมีด!
EnjoyBook
บทที่ 20 แกว่งชี้เหมือนมีด!
ฉู่ชวิ๋นหันมองไปยังห้องที่กักขังไป๋เซ่า เฉินฮั่นหลงจ้องมองไปยังซุนหยิงอย่างโหดเหี้ยม สีหน้าของซุนหยิงเองก็เต็มไปด้วยความรู้สึกโมโห ฉู่ชวิ๋นเปิดหน้าต่างเล็ก ๆ บนประตูและมองไปยังข้างใน
เห็นเพียงแค่ไป๋เซ่าที่ตัวผอมแห้งถูกไท้ถานใช้มือหนึ่งยกแขนขึ้นอีกมือหนึ่งปล่อยหมัดชกไปยังท้องของไป๋เซ่าด้วยความโหดเหี้ยม
“หยุดก่อน” ซุนหยิงตะโกนสั่งอย่างโมโห เมื่อเปิดประตู ฉู่ชวิ๋นและอีกสองคนก็เดินเข้ามา
“แกกำลังทำอะไร?” สีหน้าซุนหยิงเต็มไปด้วยความโมโห
“นายท่าน” ไท้ถานเห็นฉู่ชวิ๋นก็รีบโค้งคำนับทันที
หลังจากนั้นก็ไท้ถานมองไปยังซุนหยิง เขาก้มหัวให้และพูดว่า “พี่หยิง พี่จะลงโทษผมก็ได้ แต่ให้ผมได้ทำตามใจผมเถอะ!”
ซุนหยิงใช้สายตาจ้องมองไปยังไท้ถาน ไท้ถานเป็นลูกน้องที่เขาไว้วางใจที่สุด เขาทำใจไม่ได้ที่จะต้องลงโทษไท้ถาน แต่เขาก็ไม่อยากทำให้ฉู่ชวิ๋นโกรธ
ตอนที่เขากำลังลำบากใจ ฉู่ชวิ๋นก็มองไปยังไท้ถานและถามขึ้นมาว่า “นายมีความแค้นกับเขาเหรอ?” ไท้ถานก็ไม่ปิดบังและพยักหน้าอย่างจริงจัง
ซุนหยิงและเฉินฮั่นหลงมองไปยังไท้ถานอย่างประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมไท้ถานถึงมีความแค้นกับไป๋เซ่า?
“พูดสิ!” ฉู่ชวิ๋นพูด ไท้ถานกัดฟันหลังจากนั้นก็พูดเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา
เมื่อก่อนไท้ถานมีน้องสาวอยู่หนึ่งคน ตอนที่กำลังเรียนอยู่มหาลัยก็ถูกไป๋เซ่าใช้กำลังบีบบังคับและข่มขืนเธอ
พ่อแม่ของไท้ถานมาโต้เถียงกับทางมหาลัย แต่ทางมหาลัยกลับพูดว่าน้องสาวของไท้ถานเป็นคนล่อลวงไป๋เซ่าเองแถมยังปลดเธอออกจากสถานการณ์เป็นนักศึกษาของมหาลัยที่นั้น
พ่อแม่ของไท้ถานก็ไปแจ้งความแต่ตำรวจกลับบอกว่าขาดพยานหลักฐานและผลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย พอเผชิญหน้ากับตระกูลไป๋ผู้ยิ่งใหญ่ สามีภรรยาคู่หนึ่งที่เป็นคนธรรมดาจะสามารถทำอะไรได้?
พ่อแม่ของไท้ถานเลยจะพาน้องสาวไปใช้ชีวิตในเมืองอื่น แต่ในคืนก่อนที่จะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าไป๋เซ่า จะพาคนเข้ามายังบ้านไท้ถานและใช้กำลังบีบบังคับน้องสาวไท้ถานต่อหน้าพ่อแม่ของไท้ถานอีกครั้ง
น้องสาวของไท้ถานอับอายขายหน้าจนรับไม่ไหว สุดท้ายก็กระโดดจากตึกฆ่าตัวตาย!
ตอนนั้นไท้ถานดำรงตำแหน่งหน่วยพิเศษให้ประเทศชาติ หลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้ก็ไม่คำนึงถึงกฎระเบียบวินัยและกลับไปยังเมืองกู่เจียงโดยพลการ
ไท้ถานยืนอยู่หน้าป้ายศิลาที่สลักชื่อน้องสาวของตนไว้และเขาสาบานว่าจะต้องฆ่าไป๋เซ่าเพื่อแก้แค้นให้น้องสาวให้ได้
ไท้ถานแอบเฝ้าตามมาเดือนกว่าแล้ว ในที่สุดก็มีอยู่ครั้งหนึ่งในร้านเหล้าที่ไท้ถานสกัดกั้นไป๋เซ่า แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ฆ่าไป๋เซ่า ได้แค่ฆ่าบอดี้การ์ดที่อยู่ข้าง ๆ ไป๋เซ่า
ตั้งแต่นั้นมาไท้ถานก็กลายเป็นนักโทษที่ถูกประกาศจับเขาไม่มีทางเลี่ยงเลยเลือกที่จะเข้ากลุ่มเหยี่ยวมังกรและคอยจ้องหาโอกาสแก้แค้นไป๋เซ่า
ซุนหยิงและเฉินฮั่นหลงต่างคนต่างมองหน้ากัน พวกเขาคิดไม่ถึงว่าไท้ถานผู้ชายที่แข็งแกร่งคนนี้จะปิดบังความลับที่ใหญ่ขนาดนี้เอาไว้ได้
ฉู่ชวิ๋นมองไปยังไท้ถาน เขาเชื่อว่าที่ไท้ถานพูดคือเรื่องจริง ในช่วงที่เล่าเรื่องนั้น ไท้ถานคนนี้รอบดวงตาแดงก่ำ หมัดทั้งสองข้างก็กำแน่น ไป๋เซ่าถูกไท้ถานต่อยไปหลายครั้งจนกลายเป็นไอ้โง่ที่ขดตัวงออยู่บนพื้น หลังจากที่ไท้ถานพูดจบ
ทันใดนั้นไป๋เซ่าก็ “หึหึ” และยิ้มแปลก ๆ ออกมา
หลังจากที่หัวเราะสักพัก ไป๋เซ่าก็พูดขึ้นมาว่า “ผู้หญิงที่เล่นด้วยกับฉันก็มีเยอะมาก แต่ดูเหมือนว่าน้องสาวของแกจะโชคดี แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธฉัน น้องสาวของแกมันหาเรื่องใส่ตัวเอง แต่ต้องบอกเลยว่ารสชาติของน้องสาวแกมันยอดเยี่ยมมากจริง ๆ …..”
“ฉันจะฆ่าแก!” ไท้ถานดวงตาแดงก่ำและโผเข้าหาตัวไป๋เซ่า เฉินฮั่นหลงและซุนหยิงตกใจรีบเข้าไปขวางไท้ถานไว้
“ไท้ถาน แกใจเย็นหน่อย!!” ซุนหยิงตะโกนอย่างโมโห
“พี่หลง พี่หยิง พวกพี่ปล่อยผมให้ผมได้ฆ่ามันเถอะ หลังจากผ่านเรื่องนี้ไปผมจะไปมอบตัว จะไม่ให้เรื่องพวกนี้กระทบกับพวกพี่เด็ดขาด” ไท้ถานมองไป๋เซ่าอย่างเคียดแค้นและพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง
ไป๋เซ่าเป็นคนที่ฉู่ชวิ๋นสั่งให้พวกเขานำตัวมากักขังไวที่นี่ ถ้าหากว่าไท้ถานฆ่าไป๋เซ่าทิ้ง พวกเขาจะเอาอะไรไปแลกตัว? จะว่าไปไป๋เซ่าคือคนของตระกูลไป๋ ถ้าหากว่าไม่มีฉู่ชวิ๋น พวกเขาจะเอาอะไรมารับแรงกดดันที่โกรธกริ้วของตระกูลไป๋? ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ไม่สามารถให้ไท้ถานฆ่าไป๋เซ่าได้
“ฮ่าฮ่า…” ไป๋เซ่าลุกขึ้นและหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “เฉินฮั่นหลง ซุนหยิง ฉันรู้ว่าพวกแกไม่กล้าให้ฉันตาย ความโกรธของตระกูลไป๋พวกแกรับไว้ไม่ได้หรอก”
“ยังมีแก” ไป๋เซ่าชี้ไปยังไท้ถานและพูดอย่างเย่อหยิ่ง “แกฆ่าฉันไม่ได้แต่ถ้าหากว่า ฉันออกไปได้ฉันจะฆ่าแกแน่นอน”
“แกหุบปากซะ!” ดวงตาทั้งสองข้างของเฉินฮั่นหลงลุกเป็นไฟและตะโกนใส่ไป๋เซ่าอย่างโมโห
“เฉินฮั่นหลง ฉันไม่คิดว่าแกจะกล้าขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าแกจะกล้าจับตัวฉันเพื่อเรียกค่าไถ่ แต่ฉันจะบอกแกนะ ทางที่ดีที่สุดควรปล่อยฉันไป ไม่เช่นนั้น พวกแกก็รอทีมคุ้มกันของตระกูลไป๋บุกมายังสำนักงานใหญ่กลุ่มเหยี่ยวมังกรเถอะ!” ฉู่ชวิ๋นมองไปยังไป๋เซ่าด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก เสียดายตอนที่อยู่ในลิฟต์ที่เขาทำให้ไป๋เซ่าหมดสติไวเกินไป
“แกรู้จักหวังซงไหม?” หลังจากที่ฉู่ชวิ๋นปริปากพูด เฉินฮั่นหลง ซุนหยิงและไท้ถานที่กำลังวุ่นวายกันก็เงียบลงทันที
ไป๋เซ่าจำได้ว่าตอนที่อยู่ในลิฟต์ภัตตาคารจื่อจู่หลินเคยเห็นฉู่ชวิ๋น แต่เขาไม่รู้ว่าตัวเองหมดสติไปได้ยังไง
“แกไม่ใช่ว่าเอาตัวฉันเป็นตัวประกันเพื่อล่อล่วงหวังซงใช่ไหม?” ไป๋เซ่าคิดและถามกลับ เฉินฮั่นหลงและอีกสองคนก็เบิกตาโพลงและมองไปยังไป๋เซ่าด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจ
“พูดขนาดนี้แล้วแกคงรู้จักหวังซง” ฉู่ชวิ๋นพูด
“หวังซงอะไรกัน แค่จะเป็นรองเท้าให้ฉัน มันยังไม่คู่ควรเลย” ไป๋เซ่าเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างเหยียดยาม
“ดีมาก” ฉู่ชวิ๋นยิ้มขึ้นมาและหันไปทางเฉินฮั่นหลงแล้วพูดว่า “ตอนนี้โทรไปหาตระกูลไป๋และให้พวกเขาส่งหวังซงมาตอนนี้”
“ได้ครับ” เฉินฮั่นหลงขานรับ สำหรับฉู่ชวิ๋นแล้วเขาไม่ต้องการถามว่าเพราะอะไรแค่ทำตามที่เขาสั่งก็พอแล้ว เฉินฮั่นหลงโทรไปหาไป๋เหรินอัน
หลังจากที่ฝ่ายตรงข้ามรับโทรศัพท์เฉินฮั่นหลงก็พูดตามที่ฉู่ชวิ๋นสั่ง ให้พวกเขาส่งหวังซงมาตอนนี้
“เฉินฮั่นหลง แกคิดว่าแกเป็นใคร? ถึงกล้าสั่งฉัน? ตอนนี้ฉันจะพูดความจริงให้แกฟัง บริษัทเทียนหยวนของแกและแกรอความตายไว้ได้เลย!” เฉินฮั่นหลงที่เปิดลำโพงอยู่ ในโทรศัพท์ก็มีน้ำเสียงที่เดือดดาลของไป๋เหรินอันขึ้นมา
“ในเมื่อไม่ยอม งั้นผลลัพธ์ที่ตามมาก็รับผิดชอบเองแล้วกัน” ประโยคนี้ฉู่ชวิ๋นเป็นคนพูดขึ้นมา หลังจากที่พูดจบก็บอกใบ้ให้เฉินฮั่นหลงตัดสายทิ้ง
ฉู่ชวิ๋นมองไปยังไป๋เซ่า “ไป๋เหรินอันเป็นลุงของแกสินะ! ไม่เห็นเขาสนใจความเป็นความตายของหลานชายอย่างแกเลยนะ?”
ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดาแต่ไป๋เซ่ากลับร่างกายสั่นเทาขึ้นมา เขารู้สึกว่าท่าไม่ดีแล้ว “ไท้ถานฉัน มีเรื่องหนึ่งที่ต้องการให้แกทำ”
ไท้ถานรีบโค้งคำนับและพูด “ชีวิตของผมมีไว้เพื่อรับใช้นายท่าน อย่าพูดถึงเรื่องเดียวเลยแม้ว่าจะมีสิบเรื่อง ร้อยเรื่อง ไท้ถานคนนี้ก็จะไม่ปฏิเสธเด็ดขาด” ฉู่ชวิ๋นยิ้มเบา ๆ หลังจากนั้นฟันนิ้วลงไปราวกับมีดที่ว่างเปล่า
“อ๊าก……!”
ทันใดนั้นไป๋เซ่าก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนา เมื่อตอนที่ไป๋เซ่าส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนาเฉินฮั่นหลงและอีกสองคนก็ตกใจ หันกลับไปมอง ทันใดนั้นก็ตกตะลึงจนตาค้างตัวแข็งทื่ออยู่กับที่
พวกเขาเห็นนิ้วชี้ข้างขวาของไป๋เซ่า ตกลงอยู่ที่พื้น บาดแผลที่ราวกับโดนมีดหั่น เลือดที่แดงสดก็ไหลออกมา ไป๋เซ่าส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนา ร่างกายสั่นเทา คิดไปถึงการกระทำของฉู่ชวิ๋นก่อนหน้านี้ เฉินฮั่นหลงและซุนหยิงก็หายใจอย่างแรงด้วยความกลัวน่ากลัวเกินไปแล้ว นิ้วมือราวกับคมมีด ไท้ถานสายตามองไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสีหน้าก็แสดงความดีใจออกมา
“ไท้ถาน เอานิ้วพวกนี้ส่งมอบไปยังตระกูลไป๋” ฉู่ชวิ๋นยกยิ้มมุมปากขึ้นมาคิดและพูดขึ้นต่อว่า
“ถ้าหากว่าตระกูลไป๋ไม่ส่งตัวหวังซงมา งั้นทุก ๆ ชั่วโมงก็ส่งนิ้วไปให้ตระกูลไป๋” พูดจบก็หันหลังกลับและเดินออกไปข้างนอก ไท้ถานมองฉู่ชวิ๋นที่เดินออกไปแล้วอย่างงง ๆ
“ยังงงอะไรอยู่? รีบขอบคุณนายท่านสิ” เฉินฮั่นหลงหลังจากที่ครุ่นคิดได้ก็พูดเตือนไท้ถาน
“พี่หลง ที่นายท่านพูดมันหมายถึงอะไร?” ซุนหยิงก็ไม่เข้าใจ
เฉินฮั่นหลงไม่ได้พูดอะไรสักพัก ทั้งสองคนนี้โง่จริง ๆ เรื่องง่าย ๆ ก็ไม่เข้าใจเลยปริปากพูดออกมา
“นายท่านพูดไปแล้วไม่ใช่หรอ ทุก ๆ ชั่วโมงก็ส่งนิ้วหนึ่งนิ้วของไป๋เซ่าไปให้ตระกูลไป๋?” ซุนหยิงและไท้ถานพยักหน้า ประโยคนี้ฉู่ชวิ๋นพึ่งพูดเมื่อกี้
“พวกแกก็คิดตามหน่อยสิวะ?” เฉินฮั่นหลงจับหน้าผากตัวเองแล้วทำท่าปวดหัว
“ในเมื่อทุก ๆ ชั่วโมงส่งนิ้วไปให้หนึ่งนิ้ว ตอนนี้มีเพียงแค่หนึ่งนิ้วแล้วอีกเก้านิ้วที่เหลือจะมาจากไหน?” ซุนหยิงและไท้ถานก็มองตากัน หลังจากนั้นก็ส่ายหน้าพร้อมกัน
“พวกแกมันโง่จริง ๆ” เฉินฮั่นหลงหมดคำจะพูดแล้วและชี้ไปยังไท้ถานแล้วพูดว่า “ไม่มีก็ตัดนิ้ว ก็ต้องตัดเพิ่มใช่หรือเปล่า? ไท้ถานก็เข้าใจในทันที
“เข้าใจแล้วหรือยัง?” เฉินฮั่นหลงถาม ไท้ถานพยักหน้าอย่างแรง
ถ้าหากว่ายังไม่เข้าใจ เขาก็โง่ไม่ต่างจากหมูแล้ว ฉู่ชวิ๋นในตอนนี้กำลังให้โอกาสเขาแก้แค้น ไท้ถานมองไปยังแผ่นหลังของฉู่ชวิ๋นและคุกเข่าลงและก้มคำนับสามครั้ง
“อย่าฆ่าจนมันตายล่ะ จำไว้ให้มันได้มีลมหายใจด้วย นายท่านยังต้องใช้มันเพื่อแลกตัวหวังซงอยู่!” เฉินฮั่นหลงพูดตักเตือน
ไท้ถานก็พยักหน้าอีกครั้ง ทันใดนั้นน่ำเสียงฉู่ชวิ๋นก็ดังขึ้นมาในสมองพวกเขาทั้งสามคนพร้อมกัน
“ไม่ต้องพะว้าพะวัง ไป๋เซ่าจะอยู่หรือตายก็ไม่ได้สำคัญอะไรแล้ว!”
ทั้งสามคนก็ตกใจจนเกือบกระโดดขึ้นมาและมองไปยังประตูที่ฉู่ชวิ๋นเดินออกไปแล้ว น้ำเสียงของเขาทำไมถึงปรากฏอยู่ในสมองพวกเขากันนะ?
ไท้ถานขยับปากแต่กลับไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ เขาหันไปยังทางที่ฉู่ชวิ๋นออกไปและก้มคำนับอีกสามครั้ง
“พี่หลง…” ซุนหยิงมองไปยังเฉินฮั่นหลงและก็พูดไม่จบประโยค เฉินฮั่นหลงไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ตบไหล่ซุนหยิงเบา ๆ เพราะว่าเขาก็ตกใจเหมือนกัน
“ที่นี่ให้แกจัดการแล้วกัน” เฉินฮั่นหลงพูดกับซุนหยิงหลังจากนั้นก็รีบเดินตามฉู่ชวิ๋นไป
ซุนหยิงมองไปยังไท้ถานและตบไหล่ของเขาเบา ๆ “ที่นี่ให้นายจัดการก็แล้วกัน ในเมื่อนายท่านออกปากพูดแล้ว ก็ไม่ต้องพะว้าพะวังอีก จัดการได้เต็มที่เลย” หลังจากพูดจบเขาก็รีบเดินออกมาทันที ซุนหยิงเดินมาถึงประตูแล้วก็เห็นรถของเฉินฮั่นหลงขับออกไปพอดี เขารู้สึกหงุดหงิดใจและเคาะหัวตัวเอง เขาเสียใจที่วิ่งออกมาช้าไปนิด
แต่ว่าผ่านไปไม่นานเขาก็แสยะปากยิ้ม หลังจากนั้นก็ควักเอาหยกช่วยชีวิตออกมาถือดูอย่างระมัดระวัง ดูเหมือนเพชรพลอย
ฉู่ชวิ๋นกลับมายังบ้านพักตากอากาศที่ภูเขาเชียนหลงพูดจริง ๆ แล้ว วิถีผู้ฝึกตนเป็นเซียนคือโดดเดี่ยว เหงาเปล่าเปลี่ยวและใช้ชีวิตอย่างจืดชืด เวลาของผู้ฝึกตนเป็นเซียนล้วนแทบจะใช้ชีวิตอยู่กับการฝึกตน ฉู่ชวิ๋นคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตแบบนี้แล้วจนเห็นเป็นเรื่องปกติ
พลังลมปราณของบ้านพักตากอากาศก่อนหน้านี้ถูกเขาดูดจนเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่น้อย แต่พอมีค่ายกลฟ้าดินดึงพลังลมปราณมาไม่หยุดผ่านไปหนึ่งวัน พลังที่อยู่ที่นี่ก็เปี่ยมล้นขึ้นมาอีกครั้ง ฉู่ชวิ๋นนั่งขัดสมาธิและฝึกตนอย่างว่องไว
กลางดึก เมื่อตอนที่ฉู่ชวิ๋นฝึกตนอยู่นั้นในใจก็เกิดปฏิกิริยาการโต้ตอบ ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมาขมวดคิ้วอย่างหนัก แววตาบอกใบ้ทุกอย่าง
ทิศทางที่เขารู้สึกได้ถึงอันตรายคือสำนักงานใหญ่ของกลุ่มเหยี่ยวมังกร!! และในเวลานี้ ประตูของสำนักงานใหญ่กลุ่มเหยี่ยวมังกรพังทลายลงแล้ว
ผู้ชายห้าสิบคนใส่เสื้อสีขาว คลุมผ้าโพกหัวสีขาวกำลังชูมือขึ้นมาและในมือถือดาบยาวเริ่มเข้าโจมตีสมาชิกกลุ่มเหยี่ยวมังกร
กลุ่มเหยี่ยวมังกรมีสมาชิกสามร้อยกว่าคนทั้งสามร้อย ล้วนเป็นบุคคลอัจฉริยะของกลุ่มเหยี่ยวมังกร แต่เมื่อคนเก่งกาจเหล่านี้มาเจอกลุ่มชายชุดขาวกลับไม่อาจต่อต้านเลยแม้แต่น้อย
ชายชุดขาวพวกนี้ถูกฝึกมาอย่างดี วิธีการก็โหดเหี้ยมมาก ใช้ดาบฆ่าคนอย่างไม่ลังเลที่ชัดเจนที่สุดคือพวกเขาเคยมีประสบการณ์การฝึกซ้อมพิเศษมาแล้วอย่างแน่นอน!! คนของกลุ่มเหยี่ยวมังกรตายและบาดเจ็บไปหลายร้อยคน แต่กลุ่มชายชุดขาว มีแค่สามถึงสี่คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและสามถึงสี่คนนี้ล้วนแต่เป็นคนที่สู้กับ เฉินฮั่นหลงซุนหยิงและไท้ถาน คนของกลุ่มเหยี่ยวมังกรแต่ละคนที่ได้รับบาดเจ็บต่างนอนบาดเจ็บเต็มไปหมด
“ฉึก!”
ดาบยาวที่อยู่ในมือชายชุดขาวก็ไม่ลังเลที่จะฟันคอพวกเขาอย่างโหดเหี้ยม เฉินฮั่นหลงก็โผ่เข้ามาและตะโกนอย่างโมโห ทุ่มเทไล่โจมตีชายชุดขาวอย่างสุดชีวิตเพื่อช่วยสมาชิก กลุ่มเหยี่ยวมังกรที่ได้รับบาดเจ็บ