จักรพรรดิเซียนหวนคืน - ตอนที่ 71
บทที่ 71 ก่อกวนงานวิวาห์! (2)[รีไรท์]
ทั้งซูฟานและกุ่ยเซิ่งจื่อ มีความแข็งแกร่งไม่แตกต่างกันมากนัก ทั้งสองต่างหวั่นเกรงในความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย
“แข็งแกร่งดีนี่” กุ่ยเซิ่งจื่อยิ้มอย่างชั่วร้าย “แต่แกตัวคนเดียว ส่วนฉันมีสองคน”
กุ่ยเม่ยก้าวเท้ามาข้างหน้าสองก้าว ทำให้ตอนนี้ซูฟานอยู่ตรงกลางพวกเขาเตรียมโจมตีจากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
“น้องชาย ดูจากความสามารถของนายแล้ว ทำไมต้องต่อสู้เข่นฆ่ากันด้วยล่ะ? นายส่งตัวฮวาชิงหวู่ให้พวกเราและเพื่อเป็นการตอบแทน ฉันจะมอบตัวฉันให้เป็นไง? คุ้มใช่ไหมล่ะ? ยังไงยัยนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนายอยู่แล้ว นายไม่ขาดทุนหรอกนะ” กุ่ยเม่ยแลบลิ้นเลียริมฝีปากสีแดงสด หน้าอกอวบอัด สั่นสะท้านเป็นคลื่น พูดอย่างเย้ายวน
“ไร้ยางอาย!”
นักพนันสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่กลบเกลื่อนความโกรธและจ้องมองกุ่ยเม่ยอย่างขยะแขยง
“อุ๊ย มีคนหึงด้วย” กุ่ยเม่ยพูดอย่างหยอกล้อ “น้องชายโชคดีจังเลยนะ”
“หุบปาก!” นักพนันหญิงพูดขึ้นอย่างโมโห
“ทำไมเธอถึงดุอย่างนี้ล่ะ? ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมถึงขายไม่ออก ดูเหมือนว่า น้องชายจะไม่ได้สนใจเธอเลยนะ” กุ่ยเม่ยใช้มือตบไปที่หน้าอกขึ้นและลงเป็นจังหวะ
นักพนันสาวดวงตาเยือกเย็น เธอพุ่งโจมตีกุ่ยเม่ยอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเสียงแหลมสูงอย่างดุดันเสียงหนึ่งขึ้น
เห็นได้ชัดว่า กุ่ยเม่ยนึกไม่ถึงว่านักพนันสาวจะตัดสินใจโจมตีอย่างรวดเร็วและเด็ดขาดขนาดนี้ เธอเอนหลังเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีจากการตวัดขาของนักพนันสาว และสองเท้ารีบก้าวถอยกรูดไปทางซูฟานที่ยืนอยู่
กุ่ยเซิ่งจื่อเข้ามายืนตรงหน้านักพนันสาวและยิ้มอย่างชั่วร้าย “น้องสาว ให้พี่เล่นเป็นเพื่อนเธอดีกว่านะ”
นักพนันหญิงดวงตาเยือกเย็นและเงียบงัน เธอพุ่งเข้าใส่กุ่ยเซิ่งจื่อ พลางเตะเรียวขานวลเนียนงดงามออกไป เป้าหมายคือศีรษะของกุ่ยเซิ่งจื่อ แต่มันกลับปัดป้องออกไปโดยการใช้เพียงมือข้างเดียวเท่านั้น
“ตู้ม!” นักพนันสาวชักขาที่ถูกหนีบไว้ด้วยแขนของกุ่ยเซิ่งจื่อกลับมา
สีหน้าของเธอเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เธอกระโดดขึ้นและใช้ขาอีกข้างถีบไปที่บริเวณหน้าอกของกุ่ยเซิ่งจื่อ
กุ่ยเซิ่งจื่อผงะถอยหลังสองก้าวและชกหมัดที่รุนแรงออกมาหมัดหนึ่ง
“ตู้ม!”
หมัดหนักกระแทกเข้าใต้เท้าของเธออย่างจัง หญิงสาวแอบร้องในใจก่อนจะตีลังกากลับหลัง เมื่อเท้าถึงพื้นก็เซถอยหลัง พอยืนอย่างมั่นคงได้ก็จ้องมองไปยังกุ่ยเซิ่งจื่อ
เธออยู่ในขั้นนักสู้พลังชีพจรระดับ 6 เมื่อเปรียบเทียบกับกุ่ยเซิ่งจื่อที่อยู่ระดับ 7 นับว่าเป็นรองอยู่บ้าง เธอจึงเสียเปรียบเล็ก ๆ
ซูฟานร้อนรนอยากเข้าไปช่วยเธอ แต่พอก้าวออกไปหนึ่งก้าวก็ถูกกุ่ยเม่ย มาขวางทางเอาไว้
“น้องชายเค้ายังอยู่นี่นะ ทำไมถึงไปสนใจแต่ผู้หญิงอื่นล่ะ? เค้าไม่สวยเหรอ?” กุ่ยเม่ยสาวแกล้งทำเป็นรู้สึกเสียอกเสียใจ
ซูฟานรู้สึกขยะแขยงก่อนจะยิ้มเยาะแล้วพูดขึ้นมา “ไม่ต้องมาสะดีดสะดิ้งที่นี่ ฉันเจอคนขายตัวมาเยอะ แต่คนที่มาขายตัวเน่าๆ ต่อหน้าสาธารณชน ฉันเพิ่งเคยเจอครั้งแรกนี่แหละ”
รอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของกุ่ยเม่ยแข็งค้าง ก่อนจ้องมองซูฟานด้วยสายตาโหดเหี้ยมและพูดด้วยรอยยิ้มประหลาด “น้องชาย นายทำให้ฉันตกหลุมรักแล้วสิ รู้ตัวบ้างไหม? ฉันตัดสินใจแล้ว เมื่อใดก็ตามที่นายตกอยู่ในกำมือของฉัน ฉันจะดูดแก่นพลังหยางของนายให้หมด แล้วถลกหนังมาขึงไว้บนกำแพงซะ!”
“จะมาดูดพลังหยางของฉัน ฉันยังรังเกียจปากสกปรกของเธอเลย แต่ว่าฉันสามารถทำให้ผู้ชายทุกคนที่อยู่ที่แห่งนี้มอบฉี่ให้เธอได้นะ” ซูฟานพูดด้วยสีหน้าชั่วร้าย “บอกเลยว่า ถ้าจะมาพูดเรื่องน่ารังเกียจ ฉันไม่เคยเป็นรองใครหรอกนะ”
“แกตายซะเถอะ!” กุ่ยเม่ยผู้เต็มไปด้วยความโกรธแค้น กรีดร้องโหยหวน เล็บมือดำยาวส่องประกาย ยื่นไปข่วนที่หน้า ซูฟาน
“พระเจ้า นังผู้หญิงน่าขยะแขยง ฉันยังต้องพึ่งพาใบหน้านี้หากินอยู่นะ” ซูฟานพูดอย่างหยอกล้อ
ในขณะเดียวกันก็เอนตัวหลบหลีกกรงเล็บแหลมคมและเตะขาออกไปอย่างรุนแรง ไปที่แขนทั้งสองข้างของปีศาจสาว
“ตู้ม!” กุ่ยเม่ยถูกเตะกระเด็น
“เก่งได้แค่นี้เหรอ” ซูฟานพูดอย่างเหยียดหยาม กุ่ยเม่ยนั่นมีระดับความแข็งแกร่งเพียงระดับ 5 เท่านั้น
หลังจากถูกเตะกระเด็นออกไปกุ่ยเม่ยก็กลิ้งอยู่หลายตลบ จากนั้นก็พุ่งตัวไปที่ซูฟานอีกครั้ง
“ไม่รู้จักเป็น ไม่รู้จักตาย” ซูฟานแค่นเสียง
กุ่ยเม่ยรีบพุ่งตัวและเตะไปที่ช่วงล่างของซูฟาน
ซูฟานอยากจะจัดการกุ่ยเม่ยให้จบสิ้นในทีเดียว แต่เขาคิดไม่ถึงว่ากุ่ยเม่ยที่สวมชุดกระโปรงสั้นไม่ใส่กางเกงใน ตอนที่เธอยกขาขึ้น ภาพที่เผยออกมาทำให้เขาตกตะลึง จนหน้าแดงขึ้นมาและรีบหันหน้าหนีแบบไม่ทันรู้ตัว
ใบหน้าของกุ่ยเม่ยยิ้มอย่างชั่วร้าย ยกมือออกไปสาดละอองแป้งใส่ซูฟาน
ซูฟานรู้สึกว่ามันแปลกๆ จึงรีบก้าวเท้าถอยหลังแต่มันก็สายเกินไป เขาเผลอสูดเอาผงแป้งเข้าไปเต็มปากเต็มคำจนรู้สึกอ่อนแอหมดเรี่ยวแรง มึนงง คุกเข่าลงในชั่วอึดใจเขาพยายามใช้มือดันตัวไว้เพื่อไม่ให้ร่างกายนอนลงกับพื้น
“อุ๊ยตาย! น้องชายนี่กำลังร้องขอความเมตตาจากฉันหรือกำลังฉันขอแต่งงานอยู่เหรอ?” ปีศาจสาวถามขึ้นด้วยรอยยิ้มแต่แววตาโหดเหี้ยม “ไม่ว่าจะขอแต่งงานหรือขออภัย ฉันก็ไม่รับทั้งนั้น”
“ซูฟาน!” เมื่อนักพนันหญิงเห็นซูฟานล้มลง เธอก็ร้องตะโกนอย่างร้อนรน ในช่วงที่ไม่ทันสังเกต เธอก็ถูกกุ่ยเซิ่งจื่อเตะไปที่กลางท้องน้อย เธอพลังอ่อนด้อยกว่ากุ่ยเซิ่งจื่อ เมื่อถูกโจมตีอย่างจังจึงกระเด็นไปก่อนจะกระอักเลือดออกมา
“น้องชาย เจ็บปวดมากไหมที่เห็นสุดที่รักของตัวเองถูกทำร้ายแบบนี้น่ะ?” กุ่ยเม่ยพูดราวกับเป็นเรื่องตลกของ แมวที่กำลังไล่จับหนู
“ทั้งสองคน หยุดเล่นกันได้แล้ว ทำเรื่องสำคัญก่อน!” หยุนไป่ซานเร่งรัด
เขารู้ว่าตระกูลหยุนกำลังจะจบสิ้นอย่างไม่มีทางหวนกลับ ตอนนี้ความหวังอยู่ที่ฮวาชิงหวู่ ถ้ามีฮวาชิงหวู่ ลูกชายของเขาหยุนหนานเฟิงก็จะหายเป็นปกติ มันไม่ได้ยากเกินไปที่จะสร้างตระกูลหยุนขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่ก่อนอื่นคนในตระกูลหลักที่อยู่ที่นี่ต้องถอยไปหลบซ่อนซะก่อน
“สุ่ยเซิง ถอนตัวกลับไปพร้อมกับคนอื่นๆ” หยุนไป่ซานสั่ง
หยุนสุ่ยเซิงตอบรับอย่างรวดเร็ว เนื่องจากคิดเอาไว้แล้วว่าจะมีวันนี้ ดังนั้นจึงเตรียมแผนการอพยพไว้แต่เนิ่น ๆ
กุ่ยเซิ่งจื่อหันกลับมามองที่ฮวาชิงหวู่ เขากล่าวพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้าย
“คุณหนูฮัว ได้โปรดให้ความร่วมมือด้วย ผมไม่อยากทำร้ายคนสวยอย่างคุณ” เมื่อพูดจบก็เดินไปที่ฮวาชิงหวู่
ฮวาชิงหวู่สบสายตาและกล่าวอย่างไร้ความตื่นตระหนก “แกกล้าเหรอเจ้าสัตว์เดรัจฉาน”
ชายชราจากตระกูลซูเริ่มเคลื่อนไหว ภายในปากของเขาคล้ายเต็มไปด้วยลมปราณสายฟ้า เขารีบรุดมาคล้ายกับพยัคฆ์ร้ายที่ว่องไวด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ
ชายชรามาถึงและปกป้องฮวาชิงหวู่ไว้
“ตู้ม!”
พลังของชายชรานั้นน่ากลัวยิ่ง จนทำให้กุ่ยเซิ่งจื่อกระอักเลือดออกมาแล้วกระเด็นออกไป
ชายชราพุ่งเข้าไปซ้ำกุ่ยเซิ่งจื่อ สีหน้ากุ่ยเซิ่งจื่อหวาดกลัวยิ่ง ในมือมันมีผงแป้งสีชมพูอยู่ในมือพร้อมจะสาดออกไป แต่ชายชราไม่ให้โอกาสใด ๆ ทั้งสิ้น เตะกุ่ยเซิ่งจื่อปลิวออกไปอีกครั้ง
ชายชราเป็นดั่งพยัคฆ์ร้าย เขาไม่อยากลงมือกับผู้เยาว์แบบนี้ แต่ว่าอุบายของกุ่ยเซิ่งจื่อและกุ่ยเม่ยอันตรายเกินไป เขาไม่อาจปล่อยให้ตระกูลหยุนหนีไปโดยไม่ทำอะไร ตระกูลชั่วช้าแบบนี้ต้องทำลายทิ้ง ไม่เช่นนั้นในอนาคต อาจจะทำเรื่องเลวร้ายขึ้นอีก
“หยุนไป่ซาน วันนี้แกหนีไม่พ้นหรอก ตระกูลหยุนของแกทำเรื่องชั่วร้ายมากมาย แกจะต้องถูกลงโทษสำหรับเด็กสาวที่ถูกแกฆ่าตาย” ชายชราจ้องมองไปยังหยุนไป่ซานและกล่าวออกมาด้วยความโกรธแค้น
มีเด็กสาวมากมายในโศกนาฏกรรมเรื่องนี้และเหล่าญาติ ๆ ของเด็กสาวเกือบทั้งหมดถูกจับกุมตัวภายใต้พวกชั่วนี้ ทำให้ชายชราผู้ซึ่งเคยผ่านการต่อสู้มาทั้งชีวิตเต็มไปด้วยไปไอสังหาร
“ทำลายตระกูลหยุนให้สิ้นซาก” ชายชรากล่าว
“สิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยกว่าสัตว์เดรัจฉานไม่ควรมีชีวิตอยู่บนโลกนี้”
“พวกตระกูลหยุนจะต้องสูญสิ้น พวกมันจะต้องตามไปยังนรกเพื่อไปขออภัยต่อเด็กสาวที่ถูกพวกมันสังหาร”
ผู้ที่อยู่ภายในงาน ถูกกระตุ้นความโกรธแค้นที่มีต่อตระกูลหยุน และแขกเริ่มต่อสู้ด้วยกันกับตระกูลหยุน
ผ่านไปสักพัก ผู้คนเริ่มมีอารมณ์ที่รุนแรงมากขึ้น ผู้นำของตระกูลหยุน
กลายมาเป็นเป้าหมายหลักของฝูงชน
ทุกคนตะโกนด่า ตระกูลหยุนเหมือนหมูเหมือนหมา ความตายยังไม่เพียงพอที่จะปลอบประโลมจิตใจของพวกเขาได้
ใบหน้าของหยุนไป่ซานมืดครึ้ม ตระกูลหยุนส่วนที่เหลือสีหน้าสิ้นหวัง พวกเขาตกใจจนหน้าขาวซีดไปหมด
“อย่างพวกแกเนี่ยนะ จะฆ่าฉัน” หยุนไป่ซานตะโกนออกมา “ผู้อาวุโสผีดิบ ข้าน้อยขอรบกวนท่านแล้ว”
“ฟรึ่บ!”
ผู้คนต่างรู้สึกเหมือนมีขุมพลังหนึ่งอยู่ตรงหน้า มีชายคนหนึ่งใบหน้าซูบผอมดุร้าย สวมชุดสีดำยืนอยู่บนเวที
“ผู้อาวุโสผีดิบ ได้โปรดรีบจัดการพวกมัน เราต้องรีบอพยพให้เร็วที่สุด” หยุนไป่ซานกล่าว
“หยุนไป่ซาน ข้าจะทำอะไรต้องให้แกมาบอกหรือไง ถ้าไม่ใช่เพราะท่านผีดิบ แกไร้ค่ายิ่งกว่าของเล่นที่ฉันเลี้ยงไว้ซะอีก”
หลังจากผู้อาวุโสผีดิบพูดจบ แมงมุมดำก็ปีนป่ายขึ้นมายังไหล่ แสยะเขี้ยวและกรงเล็บไปยังผู้คน บนไหล่อีกข้างมีตะขาบยาวประมาณ 20 เซนติเมตร พาดไหล่พร้อมส่ายหัวไปมา
หยุนไป่ซานรีบร้อนกล่าวว่า “กระผมไม่กล้า”
ผู้อาวุโสผีดิบไม่ได้สนใจหยุนไป่ซานเลยแม้แต่น้อย สายตาขมุกขมัวจ้องมองไปยังชายชราตระกูลซู พร้อมยิ้มกล่าว “มะรืนนี้น่าจะทะลวงได้อีกระดับหนึ่ง ไม่เลว ๆ”
ดวงตาของชายชรากังวล สีหน้าหนักอึ้ง อีกฝ่ายมองระดับพลังของเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่งไม่อาจประมาทได้เลย
“ฉันจะพาตระกูลหยุนออกไป แกคิดจะหยุดฉันเหรอ?” ผู้อาวุโสผีดิบถาม
“ผู้คนในตระกูลหยุนโหดเหี้ยมเกินไป พวกเราไม่อาจปล่อยพวกมันไปได้” ก่อนที่ชายชราจะกล่าว ผู้นำแขกคนหนึ่งตะโกนไปที่ผู้อาวุโสผีดิบ
ผู้อาวุโสผีดิบดวงตาหรี่ลงและพูด “ดูท่าจะไม่รู้ว่าอยู่ไม่สู้ตายเป็นยังไง!”
ผู้อาวุโสผีดิบมองดูแมงมุมดำบนหัวไหล่ของเขากระโดดลงไป
มันปรากฏตัวในระยะสิบเมตรอย่างไม่คาดคิด เกาะอยู่บนหน้าของแขกผู้โชคร้ายคนนั้น
ขณะที่แขกผู้นั้นกำลังพูดอยู่ ชายชราก็รู้สึกว่าดูท่าไม่ดี เมื่อเขาเห็นแมงมุมดำเคลื่อนอย่างรวดเร็ว เขาจึงเคลื่อนไหวเท้าอย่างรีบเร่ง ทว่าตะขาบที่อยู่บนไหล่ของผู้อาวุโสผีดิบก็กระโจนออกมาสกัดเอาเขาเอาไว้
“อ๊ากกก”
เสียงกรีดร้องโหยหวน แขกคนนั้นหงายหลังล้มลง ใบหน้ามีสีม่วงคล้ำและเขียว เลือดไหลออกทั่วทั้ง เจ็ดทวาร สิ้นใจ เห็นได้ชัดว่าถูกพิษ
แขกทั้งหมดต่างตกใจหน้าซีดเผือดและถอยหลังด้วยความกลัว ชายชราสีหน้าหนักอึ้งแล้วจ้องมองไปยังตะขาบที่อยู่เบื้องหน้าตน
“ชู่ว” ตะขาบที่มีความยาว 20 เซนติเมตรโจมตีใส่ชายชรา
ชายชราก้มหลบอย่างรวดเร็ว เอื้อมมือไปบนพรมแดงใต้ฝ่าเท้าแล้วกลิ้งไปทางตะขาบ
“ฟรึ่บ!”
เกิดเสียงแผ่วเบา เป็นตะขาบตัวนั้นตัดพรมแดงราวกับกระดาษ
ชายชราสะดุ้ง สูดหายใจและวาดฝ่ามือตบออกไป
“ตู้ม”
ตะขาบตัวนั้นถูกตบลงไปกับพื้นโดยชายชรา หลังจากมีอาการชักกระตุกเล็กน้อยมันก็นิ่งไม่ขยับ
ชายชราแค่นเสียงและยกมือขึ้น เขาก็เห็นว่าฝ่ามือเป็นสีดำ ตะขาบตัวนี้มีพิษ ซึ่งเป็นพิษที่รุนแรง ฝ่ามือของชายชราดำอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ชายชรารู้สึกวิงเวียนศีรษะ ร่างกายโคลงเคลงสักพัก ชายชรารีบชี้นิ้วไปที่ฝ่ามือ รวบรวมพลังเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของพิษในร่างกาย
“คุณปู่!” ซูฟานรีบเข้ามาอย่างรีบร้อน
“ไม่เป็นไร” ชายชรากล่าวขณะที่ใบหน้าเริ่มซีดเผือด โชคดีที่เขาสามารถยับยั้งการแพร่กระจายของพิษได้ชั่วคราว
ผู้อาวุโสผีดิบหัวเราะเยาะและกล่าว “ฉันเลี้ยงตะขาบตัวนี้ด้วยพิษของแมงป่อง ลูกศรพิษของกบพิษ พิษเจ็ดก้าวของงูพิษ และพิษอื่น ๆ อีกมากมันเป็นพิษที่รุนแรงจนไม่มีพิษใดบนโลกสามารถเทียบได้ ต่อให้มะรืนนี้แกจะได้เลื่อนระดับขั้น แกก็ผ่านสองชั่วโมงนี้ไปไม่ได้หรอก ค่อย ๆ รอความตายไปเถอะ!”
ใบหน้าของชายชราเริ่มเป็นสีเขียว พิษรุนแรงเกินไป เขาข่มกลั้นและพูดอย่างเย็นชา “ฉันมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ไม่มีอะไรต้องเสียดาย ถึงแม้ว่าฉันจะต้องตาย ฉันก็จะฆ่าแกให้ได้!”
หยุนไป่ซาน ดูเหมือนคิดอะไรได้บางอย่างและใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“ผู้อาวุโสผีดิบ มันแจ้งเรื่องนี้ต่อกองทัพแล้วแน่ๆ”
“มันมีคุณสมบัติอะไร ถึงสามารถสั่งกองทัพเคลื่อนไหวได้?” ผู้อาวุโสผีดิบไม่ใส่ใจ
หยุนไป่ซานกล่าวถึงตัวตนของชายชราอย่างเป็นกังวล
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ผู้อาวุโสผีดิบก็พูดด้วยความโกรธ “ทำไมแกไม่พูดให้มันเร็วกว่านี้” แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่กล้าหยิ่งผยองพอที่จะต่อสู้กับทั้งกองทัพ
กระสุนธรรมดาไม่สามารถทำอะไรเขาได้ แต่ถ้าเป็นกระสุนเจาะเกราะยิงโดนเขา เขาต้องตายอย่างแน่นอน
หยุนไป่ซานโกรธจัด แต่ใบหน้าฉาบไปด้วยความเคารพ “ท่านผู้อาวุโสผีดิบพวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ”
ขณะนี้ชายชราซู ซูฟานและนักพนันสาวไม่สามารถสู้ต่อได้ แขกคนอื่น ๆ ก็เป็นแค่คนธรรมดาไม่อาจหยุดยั้ง พวกเขาได้ต้องรีบหนีแล้ว
“ถอย!” ผู้อาวุโสผีดิบโบกมือพลางพูดให้ถอยจากนั้นหันไปมองฮวาชิงหวู่แล้วพูดขึ้น “มานี่”
ในขณะที่พูดเขาก็เดินไปจะจับตัวฮวาชิงหวู่ ในเวลาเดียวกันเขาก็เหวี่ยงมืออีกข้างหนึ่งออกไป แมงป่องสีดำขนาดของฝ่ามือโจมตีไปที่หยุนหนานเฟิงตัวปลอมที่ยืนข้าง ๆ
ฮวาชิงหวู่
“ตู้ม! ตู้ม!”
เมื่อแมงป่องดำกระโจนใส่หยุนหนานเฟิงตัวปลอม จู่ ๆ ก็บังเกิดม่านน้ำเป็นระลอกปรากฏตรงหน้าเขา แมงป่องสีดำร่างระเบิดกลายเป็นละอองเลือด
อีกเสียงดังมาจากผู้อาวุโสผีดิบ เมื่อมือของเขากำลังจะเอื้อมมือไปจับตัว
ฮวาชิงหวู่ กลับพบว่าร่างฮวาชิงหวู่เต็มไปด้วยแสงสว่างเจิดจ้า เฉกเช่นเดียวกับม่านน้ำ กระแทกให้ผู้อาวุโสผีดิบกระเด็นออกมา
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันทำให้ทุกคนตกตะลึง
ผู้อาวุโสผีดิบล้มลงกับพื้นและกระอักเลือดไหลออกมา!