จักรพรรดิเซียนหวนคืน - ตอนที่ 75
บทที่ 75 กระสอบทรายมนุษย์![รีไรท์]
“แกกล้าหยุดฉันงั้นเหรอ?”
หยุนหนานเฟิงขมวดคิ้ว เขาไม่อาจรับรู้พลังจากร่างกายของฉู่ชวิ๋นได้เลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็รู้สึกถึงความอันตรายจาก ฉู่ชวิ๋นอยู่ดี
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเบา ๆ แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์ หยุนหนานเฟิงเลี้ยงดูพวกผีและแมลงด้วยเลือดของเด็กสาวแรกรุ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่เขารับไม่ได้ที่สุด
แม้เขาจะไม่ได้เป็นนักุญ แต่ทว่าเขาก็ไม่อาจยอมรับการเข่นฆ่าชีวิตที่ไร้เดียงสาได้ มันคือโศกนาฏกรรมของเด็กสาวจำนวนมาก!
“ไม่ใช่แค่หยุดแก แต่ฉันจะฆ่าแก แกไม่มีค่าพอที่จะอยู่บนโลกใบนี้”
ดวงตาของหยุนหนานเฟิงหรี่ลง ร่างกายของมันเต็มไปด้วยลมปราณสีดำและมันจ้องมองฉู่ชวิ๋นชั่วครู่หนึ่งก่อนยิ้มอย่างชั่วร้าย
“นอกจากจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิก็ไม่มีใครสามารถฆ่าฉันได้ แกเองก็ไม่มีทางทำได้!” หยุนหนานเฟิงเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตัวเองมาก
นับตั้งแต่ยุคสมัยสงครามเมื่อหลายสิบกว่าปีก่อน จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ก็มีไม่มากนับประสาอะไรกับจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ? ฉู่ชวิ๋นเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิงั้นเหรอ? คำตอบนั้นชัดเจนว่า ไม่ แล้วทำไมเขาต้องกลัว?
ฉู่ชวิ๋นยิ้มเยาะและพูดเบา ๆ “ต้องจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิเท่านั้นเหรอ? แกที่ฝึกวรยุทธ์ด้วยการเสริมพลังไม่ได้มาจากการฝึกฝนด้วยตัวเองแม้แต่น้อย มันไม่ยากเลยที่จะฆ่าแก”
ลมปราณสีดำล้อมรอบ ๆ ตัวหยุนหนานเฟิง ดวงตาของมันเต็มไปด้วยไอสังหารและน้ำเสียงอันโหดเหี้ยม
“ก็ลองดู!”
ฉู่ชวิ๋นยิ้มและไม่ใช้ลมปราณออกมา ก้าวเพียงครั้งเดียวก็ไปอยู่ตรงหน้าของหยุนหนานเฟิงแล้ว หยุนหนานเฟิงตกใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นดวงตาของมันก็เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
แม้จะไม่ได้ใช้พลัง แต่ความเร็วของฉู่ชวิ๋นก็น่าหวาดกลัวมาก เขาปรากฏตัวต่อหน้าหยุนหนานเฟิงในชั่วพริบตา
ใบหน้าหยุนหนานเฟิงเผยร่องรอยดูถูกดูแคลนฉู่ชวิ๋น ลมปราณสีดำระเบิดออกมาคล้ายลมพายุพัดพาทุกสิ่งรอบตัวออกไป แต่….ฉู่ชวิ๋นไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย แถมยังชกใส่หยุนหนานเฟิงราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
“ตึก!” เสียงทื่อ ๆ ของเหล็กกระแทก
“ผั้วะ ผั้วะ…” ดวงตาของหยุนหนานเฟิงโกรธจัดก่อนจะชกสวนกลับไป
“น่าสนใจดีนี่!” ฉู่ชวิ๋นสะบัดแขนจากนั้นเขาก็เหวี่ยงตัวชกกำปั้นของเขาออกไป
“ตึก!”
สีหน้าของหยุนหนานเฟิงกลายเป็นดูไม่ได้ มันรู้สึกตกใจมาก อีกฝ่ายแทบจะไม่ได้ใช้ลมปราณเลยด้วยซ้ำ เหมือนพละกำลังที่ออกมาจะมาจากร่างกายล้วน ๆ
“แค่นี้เองเหรอ!” น้ำเสียงของฉู่ชวิ๋นเต็มไปด้วยความขยะแขยง หยุนหนานเฟิงบำรุงกระดูกของตนเองด้วยผีและแมลง กระดูกแข็งแกร่งเหมือนเหล็กกล้า แต่พอฉู่ชวิ๋นชกไปไม่กี่หมัดหยุนหนานเฟิงก็ไม่อาจประคับประคองร่างตนเองได้
ตรงกันข้ามกับกระดูกที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวหนังของฉู่ชวิ๋นที่กำลังเปล่งประกายราวกับหยก ร่างกายของฉู่ชวิ๋นนั้นทรงพลังกว่ามาก หยุนหนานเฟิงเริ่มโกรธจนดวงตาของเขาเปลี่ยนสีเป็นสีดำสนิท
ฉู่ชวิ๋นไม่พูดเรื่องไร้สาระอะไรกับอีกฝ่าย ฉู่ชวิ๋นเตะเท้าอย่างรวดเร็วราวกับ คมดาบ
“ตู้ม!” เสียงเหมือนถุงที่เป่าลมจนเต็มแล้วถูกแทงจนระเบิด
ดวงตาของหยุนหนานเฟิงแข็งค้าง แขนห้อยตกลงมาทั้งสองข้าง ฉู่ชวิ๋นโจมตีไปที่แขนของหยุนหนานเฟิงอย่างหนักหน่วง
“กร๊อบ!” ทุกคนได้ยินเสียงกระดูกที่แตกหักชัดเจน
หยุนหนานเฟิงกรีดร้อง ก่อนจะถอยไปหลายก้าว หญ้าใต้ฝ่าเท้าของเขาถูกไถราบ ราวเป็นลำห้วยลึกสองแอ่ง แต่ก่อนที่เขาจะหยุดนิ่งฉู่ชวิ๋นก็ตามเข้ามาซ้ำทันที เขากระหน่ำกำปั้นชกใส่หยุนหนานเฟิงอีกครั้ง
“กึก!”
กำปั้นครั้งนี้กระแทกเข้าที่กระดูกของหยุนหนานเฟิงอย่างเต็มแรงจนได้ยินเสียงกระดูกแตกหักดังขึ้นอีกครั้ง
“ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!”
ฉู่ชวิ๋นรัวกำปั้นนับสิบหมัดอย่างบ้าคลั่ง ทุกหมัดต้องได้ยินเสียงกระดูกหักที่ทำให้คนรู้สึกตัวสั่นเทา เสียงกรีดร้องโหยหวนของหยุนหนานเฟิงยังคงดังต่อเนื่อง
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ทั่วทุกแห่งเต็มไปด้วยพลังหมัดที่ยิ่งใหญ่ หมัดของฉู่ชวิ๋นนั้นน่ากลัวยิ่งนัก ทุกครั้งที่หมัดกระแทกใส่ร่างของหยุนหนานเฟิงก็จะมีเสียงระเบิดดังขึ้น
“ตู้ม! ตู้ม!”
หยุนหนานเฟิงถูกกำปั้นของฉู่ชวิ๋นชกไม่หยุด เลือดสีดำไหลสาดกระเซ็น ใบหน้าเริ่มบิดเบี้ยว
“กร๊อบ! กร๊อบ! …”
หยุนหนานเฟิงกรีดร้องและแผดเสียงคำราม กระดูกแตกหักไปทั่วทั้งร่าง
กำปั้นของฉู่ชวิ๋นยิ่งชกยิ่งรุนแรง ตอนนี้หยุนหนานเฟิงกลายเป็นกระสอบทรายมนุษย์ไปแล้ว ไม่อาจหนีไม่พ้นและไม่อาจหลบหนี ทำได้เพียงแต่กลายเป็นกระสอบทรายมนุษย์ให้กับ ฉู่ชวิ๋น
“ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! …”
เสียงมากมายดังขึ้นระงม
ในเวลานี้ใบหน้าของทุกคนต่างก็เหมือนกันคือ ตกตะลึงตาค้าง อ้าปากน้ำลายไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
ในสายตาพวกเขา ฉู่ชวิ๋นเป็นเหมือนเทพเจ้าและปีศาจในเวลาเดียวกัน พวกเขาประสบความโหดเหี้ยมของหยุนหนานเฟิงมาแล้ว
แต่ชายหนุ่มคนนี้ชกต่อยหยุนหนานเฟิงจนกลายเป็นกระสอบทรายมนุษย์เรื่องแบบนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไป ถึงแข็งแกร่งกว่าก็ไม่น่าห่างกันขนาดนี้!
“ปัง!” หยุนหนานเฟิงกลายเป็นกระสอบทรายที่สายขาด มันกระเด็นไปไกลเกินกว่า 10 เมตร
“เฮ้อ สบายใจ!” ฉู่ชวิ๋นงึมงำพลางสะบัดแขนเบา ๆ เขาไม่ได้มีความสุขแบบนี้มานานมากแล้ว ได้ชกคนโดยที่ไม่ตายในหมัดเดียวนี้สบายใจจริง ๆ
เงียบสงัด คล้ายว่า ผู้คนในที่นี้ตายกันหมด!
มีเพียงเสียงแผ่วเบาจากปากหยุนหนานเฟิงที่นอนพะงาบ ๆ บนพื้นเท่านั้น ไม่มีกระดูกส่วนไหนที่ไม่แตกหัก ตอนนี้ร่างกายมันก็เหมือนโคลนกองหนึ่ง
“พวกเรารอดแล้ว … ” ไม่รู้ว่าแขกคนไหนพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า
เหตุการณ์ที่ทุกคนเงียบสงัด กินเวลากว่า 3 วินาที จากนั้นก็ทุกคนก็พูดอย่างมีความสุขหลังการเผชิญหน้ากับความตาย ตอนนี้พวกเขารอดแล้ว
ฮวาชิงหวู่มองฉู่ชวิ๋นอย่างหลงใหล ผู้ชายคนนี้ยิ่งกว่าเทพแห่งสงคราม แข็งแกร่งจนหาที่เปรียบมิได้ เธอใช้มือโอบรอบคอฉู่ชวิ๋นอย่างไม่ลังเลและวางริมฝีปากสีแดงของเธอทาบลงกับใบหน้าของฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นตอนแรกความรู้สึกผ่อนคลายที่ได้กระทืบคน แต่ตอนนี้ร่างกายกลับแข็งเกร็ง
“จูบฉันสิ!” ฮวาชิงหวู่ปิดตาลงและริมฝีปากสีแดงที่น่าดึงดูดของเธอยื่นออกมาเล็กน้อย
เมื่อมองใบหน้าที่สวยงามของเธอและริมฝีปากสีแดงที่น่าดึงดูดใจ ท่ามกลางสายตาของผู้คน หัวใจของฉู่ชวิ๋นก็กระโดดโลดเต้นสองสามครั้ง
“จูบเลย จูบเลย…” ใบหน้าของซูฟานเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งและตะโกนออกมาเสียงดัง
แขกที่กำลังตื่นเต้นต่างก็สังเกตเห็นฉากนี้กัน พวกเขาต่างก็ส่งเสียงเชียร์ให้กับทั้งสอง ฮวาชิงหวู่เห็นว่า ฉู่ชวิ๋นไม่ขยับตัวสักที เธอแอบลืมตาขึ้นและเห็นฉู่ชวิ๋นยืนทื่อเหมือนท่อนไม้ เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกรำคาญใจ ทำไมซื่อบื้อแบบนี้นะ เธอจับใบหน้าของฉู่ชวิ๋นด้วยมือทั้งสองข้างแล้วจูบเขาทันที
1 นาที!
2 นาที!
3 นาที…
ฉู่ชวิ๋นยอมรับการจูบของฮวาชิงหวู่ด้วยความอดทน
เฮ้ออ!
ฉู่ชวิ๋นถอนหายใจ พลางคิดในใจว่า ผู้หญิงยังกล้าหาญขนาดนี้ ถ้าเขายังนิ่งอีกจะเสียหน้าหรือเปล่านะ? เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาก็ยกมือข้างหนึ่งโอบรอบเอวของฮวาชิงหวู่ วางมือข้างหนึ่งบนท้ายทอยของเธอแล้วจูบ
“ลูกพี่กัดริมฝีปากของคุณหนูฮวาจนเลือดออกแล้ว” ซูฟานไม่อยากอยู่เงียบ ๆ จึงแกล้งฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นเกิดคิดจริงจัง เขาจูบแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? พวกเขาจึงผละออกจากกันและก็เห็นว่าริมฝีปากของฮวาชิงหวู่ไม่ได้มีเลือดออก เธอไม่ได้ถูกกัดจนเลือดออกเหมือนที่ซูฟานพูด ดังนั้นเขาจึงรู้ตัวว่าถูกซูฟานหลอกซะแล้ว
ดวงตาของฮวาชิงหวู่เต็มไปด้วยความรักและความอ่อนโยน ผู้หญิงที่บังคับให้ฉู่ชวิ๋นจูบเธออย่างเอาแต่ใจ ตอนนี้เธอกลับเขินอายจนไม่กล้ามองหน้าเขา
ฉู่ชวิ๋นไม่ได้เก่งในเรื่องแบบนี้และไม่รู้จะพูดยังไงดี? เขาทำตัวไม่ถูกจนได้แต่เกาหัวตัวเอง เขาในตอนนี้ช่างแตกต่างกับตอนที่สู้กับหยุนหนานเฟิง
“นายท่าน ใจเย็น ๆ ก่อน!” ซูฟานพูดขึ้นและทำท่าทางตลก ๆ ฉู่ชวิ๋นรู้สึกเขินอาย ซูฟานทำให้เขาเสียหน้าซะแล้ว จากนั้นทุกคนก็หัวเราะออกมา
ส่วนผู้คนในตระกูลหยุนรู้สึกหดหู่มาก จนพวกเขาไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหน! พวกเขาคิดจะรวบรวมเมืองหยุนหยานเป็นของตัวเอง แต่แล้วฝันก็สลายไปในพริบตาด้วยอย่างไร้ความปรานีของฉู่ชวิ๋น!
พวกเขาไม่ได้โกรธหรือเกลียดฉู่ชวิ๋น สิ่งเดียวที่เหลือสำหรับพวกเขาคือความกลัว
ดวงตาของหยุนไป่ซานนั้นทึ่มทื่อ คราวนี้ตระกูลหยุนจบสิ้นแล้วจริง ๆ ไม่มีโอกาสหนีไปไหนได้เลย
“แกรก แกรก ” เสียงแปลก ๆ ดังขึ้นไม่มีใครทันสังเกต แต่มันดึงดูดความสนใจของฉู่ชวิ๋น
พวกเขาทั้งหมดต่างมองตามสายตาของฉู่ชวิ๋น รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาแข็งค้าง หนังศีรษะชาวูบ เมื่อได้เห็นชัดเจนถึงที่มาของเสียง เสียงนั้นมาจากหยุนหนานเฟิง กระดูกที่หักของเขากำลังซ่อมแซมตัวเอง
เพียงไม่นานหยุนหนานเฟิงก็ยืนขึ้นอย่างช้า ๆ ขยับร่างกายของเขาให้เข้าที่เข้าทางและกระดูกของเขาก็ดังลั่นขึ้น!
“ฉันบอกแล้วว่าถ้าไม่ใช่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิก็ไม่มีใครสามารถฆ่าฉันได้!” หยุนหนานเฟิงสภาพกึ่งปีศาจกล่าว เขาจ้องมองฉู่ชวิ๋นและพูด
“ฉันต้องขอบใจแกมาก ถ้าไม่ใช่เพราะแก ฉันคงไม่สามารถผสานร่างรวมเข้ากับผีและแมลงอย่างสมบูรณ์ในเวลาอันรวดเร็วแบบนี้ ฉันจะตบรางวัลให้แกโดยที่ฉันจะไม่ฆ่าแก ฉันจะไว้ชีวิตแก และทำให้แกเป็นทาสผีของฉัน”
ผู้คนต่างตกใจที่เห็นหยุนหนานเฟิงงอกกรงเล็บออกมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีความยาวประมาณ 20 เซนติเมตรกรงเล็บของมันสีดำสนิทเปล่งประกายเยียบเย็นเช่นดังคมมีด
“ถ้าฉันสามารถระเบิดร่างแกได้ครั้งหนึ่ง มันก็จะมีครั้งที่สอง!”
เมื่อสิ้นเสียงของฉู่ชวิ๋น สนามหญ้าที่อยู่ใต้เท้าของเขาก็สั่นสะเทือนและพุ่งออกมาราวกับลูกศร ในขณะเดียวกันฉู่ชวิ๋นก็กำหมัดแน่น หยุนหนานเฟิงปรายตามองฉู่ชวิ๋น เล็บที่แหลมคมสีดำสนิทของมันคว้าไปที่กำปั้นของฉู่ชวิ๋น
รอยยิ้มแปลกๆ ปรากฏบนใบหน้าของฉู่ชวิ๋นจนใบหน้าของหยุนหนานเฟิงเปลี่ยนไปและดวงตาของมันก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เนื่องจากมันรับรู้ถึงลมปราณของฉู่ชวิ๋นที่ระเบิดออกมา ลมปราณของผีดิบในร่างของมันถูกสลายออกไปจนหมดสิ้น เพราะพลังลมปราณอันแข็งกร้าวของฉู่ชวิ๋น!
กำปั้นของฉู่ชวิ๋นทรงพลังมากเกินไป!
“อ๊ากกก…!” หยุนหนานเฟิงกรีดร้องอย่างโหยหวน กรงเล็บของเขาที่มีลักษณะคล้ายคมมีดถูกทุบด้วยกำปั้นของฉู่ชวิ๋นอย่างรุนแรง
“ปัง!”
กำปั้นของฉู่ชวิ๋นต่อยไปที่หน้าอกของหยุนหนานเฟิงอย่างแรง ทำให้หน้าอกของหยุนหนานเฟิงยุบลงไปอย่างน่าหวาดกลัว กระดูกซี่โครงบริเวณหน้าอกของมันหักหลายซี่จนต้องกระอักเลือดออกมาและกระเด็นขึ้นไปบนฟ้า
ฉู่ชวิ๋นไม่ได้ติดตามเข้าไปซ้ำ แต่เขากางนิ้วมือทั้งห้าแล้วพูด
“กระบี่จงมา!”
พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือน จากนั้นกระบี่ไม้ก็แทรกตัวขึ้นมาจากพื้นดิน ตามมาด้วยเสียง “วิ้งง” มันกลายเป็นลำแสงและลอยมาอยู่ในมือของฉู่ชวิ๋น
กระบี่ไม้เปล่งประกายแสงสีเงินและกลายเป็นแสงสีทอง แสงสีทองนั้นทำให้กระบี่ของฉู่ชวิ๋นดูศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่
เมื่อกระบี่ไม้ตวัดเฉือนไปภายในอากาศ คลื่นลมปราณสีขาวก็พุ่งออกไป ทะลวงผ่านร่างกายของหยุนหนานเฟิงที่ลอยอยู่บนฟ้า
“ตู้ม!”
หยุนหนานเฟิงที่ยังลอยอยู่บนฟ้า ถูกคลื่นลมปราณสีขาวฟันจนร่างแหลกสลาย! ทุกอย่างเงียบสงัดภายในเหตุการณ์ตรงหน้า ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
สายตาของผู้คนทั้งหมดกลายเป็นทื่อทึ่ม ในหัวของพวกเขาตีกันวุ่นวาย พวกเขาตกใจในพลังอันยิ่งใหญ่ของฉู่ชวิ๋น
ร่างของหยุนหนานเฟิงระเบิดกลางอากาศจนกลายเป็นฝนเลือดที่ตกลงมา เรื่องราวนี้คงจะติดตาของทุกคนไปตลอดกาล!