จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 135 การสังหารหมู่[รีไรท์]
บทที่ 135 การสังหารหมู่[รีไรท์]
ฉู่ชวิ๋นไม่รู้ว่าหลิวเจี่ยเฟยคือใคร อีกอย่างหนึ่งหลิวเจี่ยเฟยเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่ใช่จอมยุทธ์ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจชายหนุ่มคนนี้เท่าไร
ฉู่ชวิ๋นนึกสงสัยว่าชายคนนี้ทำอะไรเอาไว้นะ? ทำไมเฉินฮั่นหลงกับเจิ้งกันถึงได้เกลียดชังขนาดนี้? แม้แต่โม่ซิงเหอก็อยากเข้าร่วมวงกระทืบชายคนนี้ด้วย ดูจากสีหน้าของทุกคนที่กัดฟันกรอดๆ เส้นเลือดที่ปูดโปน มือที่กำเป็นหมัดแน่น แสดงให้เห็นว่าพวกเฉินฮั่นหลงอัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้นจริงๆ
“หมอนี่เป็นใคร?” ฉู่ชวิ๋นถามโม่ซิงเหอ
โม่ซิงเหอเอนกายเข้ามาตอบว่า “นายท่านครับ มันผู้นี้ก็คือหลิวเจี่ยเฟย”
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นพลันเบิกโตทันที แววตาแปรเปลี่ยนไปกลายเป็นความเย็นชา รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากตัว แม้แต่มวลอากาศโดยรอบก็กลายเป็นคลื่นความเย็นขึ้นมาแล้ว
“ทุกคนหยุดมือ!” ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่งด้วยความเยือกเย็น
ฮวาชิงหวู่ขมวดคิ้วด้วยความเป็นกังวล ในตอนนี้ เธอรู้สึกกังวลใจมาก เนื่องจากไม่เข้าใจเลยว่าภายใต้สีหน้าที่เยือกเย็นของฉู่ชวิ๋น ปิดซ่อนความลับอะไรเอาไว้อยู่บ้าง
เฉินฮั่นหลงและคนอื่นๆ ไม่กล้าขัดคำสั่งฉู่ชวิ๋น จึงรีบถอยออกมาทันที
ฉู่ชวิ๋นเดินเข้าไปหาหลิวเจี่ยเฟย
“ยะ…อย่าฆ่าผมเลยนะครับ ผมไม่ได้มีเจตนาคิดร้ายกับนายท่านเลย อย่าฆ่าผมเลยนะ…”
เมื่อเห็นว่าฉู่ชวิ๋นกำลังเดินเข้ามาหา หลิวเจี่ยเฟยก็รู้สึกหวาดกลัวจนต้องร่ำร้องออกมา พร้อมกันนั้นก็พยายามขยับตัวหนีให้ห่างจากฉู่ชวิ๋นมากที่สุด
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายเยียบเย็นมากยิ่งขึ้น สองมือของเขากำเป็นหมัด มวลอากาศหมุนวนเป็นคลื่นพลังรอบกาย มวลพลังนั้นหมุนวนเข้าไปห่อหุ้มมือ เท้าและลำคอของหลิวเจี่ยเฟยอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น ฉู่ชวิ๋นจึงลากชายหนุ่มให้กลับมานอนกองอยู่ตรงหน้า
ฉู่ชวิ๋นวางมือลงไปบนหน้าผากของอีกฝ่าย
ทักษะดูดจิตวิญญาณ!
หลิวเจี่ยเฟยหวาดกลัวจนหัวใจแทบจะวายตายแล้ว จิตวิญญาณของเขาแทบจะแตกสลาย ฉู่ชวิ๋นจึงสามารถทำการสำรวจตรวจค้นจิตใจและความทรงจำในสมองของหลิวเจี่ยเฟยได้อย่างง่ายดาย
ในขณะนี้ ทุกคนต่างก็เห็นว่าสีหน้าของฉู่ชวิ๋นกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จากความสนุก เป็นความโกรธ และเป็นความเศร้าเสียใจ จนสุดท้ายสีหน้าของเขาก็กลับมาสงบเยือกเย็นอีกครั้ง หลังจากนั้น ฉู่ชวิ๋นก็ค่อย ๆ ดึงมือกลับมาจากหน้าผากของหลิวเจี่ยเฟย
ฮวาชิงหวู่เคลื่อนกายไปข้างหน้าและกุมมือของฉู่ชวิ๋นเอาไว้ด้วยความอ่อนโยนเพื่อทำให้จิตใจของเขาสงบลง หญิงสาวรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าในตอนนี้ฉู่ชวิ๋นกำลังสับสนในอะไรบางอย่าง อารมณ์ความรู้สึกของเขายังไม่มั่นคงเสียทีเดียว
หลิวเจี่ยเฟยหมดสติไปแล้ว เส้นไหมวิญญาณเคลื่อนไหวในลักษณะแปลกประหลาด พันธนาการร่างกายของเขาเอาไว้เหมือนเป็นนักโทษ
“พาคุณป้ากลับเข้าไปข้างในก่อนเถอะ” ฉู่ชวิ๋นหันหน้ามาพูดกับฮวาชิงหวู่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ฮวาชิงหวู่พยักหน้าตอบว่า “ถ้าต้องการตัวฉันก็เรียกได้เสมอเลยนะ”
ฉู่ชวิ๋นงุนงงไปชั่วขณะ แต่แล้วดวงตาที่คมเข้มของเขาที่มีความล้ำลึกเหมือนมหาสมุทรจู่ ๆ ก็เป็นประกายเล็กน้อย ก่อนที่ชายหนุ่มจะพยักหน้าอย่างแผ่วเบา
…
เมื่อฮวาชิงหวู่และหยานหลานหายเข้าไปหลังประตูคฤหาสน์ที่ปิดลง
ฉู่ชวิ๋นก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาแดงก่ำ เต็มไปด้วยแววอำมหิต
“พวกแกทุกคนต้องตาย!” เสียงของฉู่ชวิ๋นแผดก้อง เสียงของเขากังวานสะท้อนตอบกลับมาในอากาศเหมือนเสียงจากนรก
พรึบ!
ทันใดนั้นเอง ทุกคนก็พร้อมใจกันหันหลังกลับวิ่งหนีไปที่ประตูใหญ่
ในขณะเดียวกัน ใครที่ยืนขวางทางก็จะถูกพวกเดียวกันเองฆ่าทิ้งทั้งหมด
ขั้นปรมาจารย์ระดับ 3 ของสำนักความหวังใหม่ตื่นกลัวสุดขีด ฉู่ชวิ๋นรวดเร็วมากเกินไป แขนของเขายังไม่สามารถยกขึ้นได้จากความเจ็บปวดด้วยซ้ำ
กร๊อบ…ผลั่ก!
เสียงกระดูกแตกหักดังขึ้นน่าขนลุก แขนของขั้นปรมาจารย์ระดับ 3 หักงอผิดรูปร่าง กระดูกสันหลังของเขาหักครึ่ง และความตายก็มาเยือนโดยแทบจะไม่รู้ตัว
ขั้นปรมาจารย์ระดับ 2 ที่ยืนอยู่ด้านข้าง หันหลังวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว แม้แต่หยางเฟ่ยก็ถูกทิ้งไว้อย่างไม่ไยดี
ฉู่ชวิ๋นไม่ได้ไล่ตามเขาไป เพียงแค่ยืนอยู่กับที่และปล่อยหมัดออกไป คลื่นพลังก็พุ่งตามออกไปทันที
ผลั่ก!
คลื่นพลังพุ่งตรงเข้าใส่ร่างกายของขั้นปรมาจารย์ระดับ 2 ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของชายชราปรากฏลำแสงสว่างเรืองรอง และแล้ว อวัยวะภายในทั้งหมดของเขาก็ถูกทำลายไปสิ้น
“พวกแกต้องตาย!”
หลังจากที่คำรามออกมาแล้ว ดวงตาของฉู่ชวิ๋นก็เป็นสีแดงฉานเหมือนสีเลือด ร่างกายของเขาเหม็นคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
ในตอนนี้ เกิดมวลพลังที่ลอยตัวอยู่ในอากาศเหมือนฝูงผึ้ง พุ่งตรงเข้าจู่โจมสมาชิกของสำนักความหวังใหม่อย่างไร้ความปรานี
ผลั่ก!
เกิดเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังระงม ม่านหมอกเลือดระเบิดตัวในอากาศ ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนถูกมวลพลังพุ่งตัดจนขาดครึ่งท่อน ส่วนใครที่รอดพ้นไปก็ถูกเส้นไหมวิญญาณม้วนรัดลำคอ หัวใจ และลำตัวอย่างอำมหิตยิ่ง ไม่มีใครสามารถรอดชีวิตออกไปได้เลย
เพียงแค่พริบตาเดียว คนของสำนักความหวังใหม่ก็ถูกกำจัดไปไม่เหลือสักคนเดียว
กลิ่นคาวเลือดในอากาศทวีความน่าขยะแขยงมากยิ่งขึ้น
คนที่ยังรอดชีวิตอยู่ตื่นกลัวจนไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีกแล้ว
แม้แต่ราชาปีศาจกับหยินจงก็ทำอะไรไม่ถูก จิตใต้สำนึกสั่งให้พวกเขาก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
“พวกแกอยากจะฆ่าคนของฉันและขโมยสมบัติของฉันไปไม่ใช่เหรอ?” น้ำเสียงของฉู่ชวิ๋นเยือกเย็นเหมือนกับน้ำในมหาสมุทร ซึ่งทำให้ผู้ที่ได้รับฟังถึงกับตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้ ชายหนุ่มก้าวเข้าไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนจากหุบเขาราชาพิษ พร้อมกับสะบัดฝ่ามือออกไปข้างหน้า
มวลอากาศสั่นไหวและก่อเกิดเป็นคลื่นพลังหมุนวน ก่อนที่จะเกิดเสียงระเบิดดังตามมาสนั่นหู คลื่นพลังเหล่านี้ทำให้ก้อนหินแตกกระจาย กำลังภายในของเหล่าจอมยุทธ์ถูกกระแทกจนแตกซ่าน
ทันใดนั้น เงาร่างของนกเพลิงขนาดใหญ่ที่มีความยาวกว่า 10 เมตรตัวหนึ่ง ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ดวงตาที่เยือกเย็นของมันไม่มีความรู้สึกใดๆ ปีกที่กระพือขึ้นลงตลอดเวลาส่งเปลวไฟพุ่งกระจายอยู่ในอากาศ
ฉู่ชวิ๋นยิ้มกว้างแล้วตวัดมือลง
นกเพลิงตัวนั้นสยายเปลวไฟแผ่ไปทั่วท้องฟ้า ก่อนที่จะกางปีกกว้างและพุ่งตรงเข้ามาหาคนของสำนักกระบี่ฟ้า
“พวกเรา…รีบหนีไป…” ขั้นปรมาจารย์ของสำนักกระบี่ฟ้าตื่นกลัวจนพูดออกมาแทบไม่เป็นคำ
แต่โชคร้ายที่มันสายเกินไป นกเพลิงตัวใหญ่ได้บินเข้ามาถึงกลุ่มพวกเขาแล้ว
ครืน!
แผ่นดินไหว หุบเขาสะเทือนเหมือนท้องฟ้ากำลังจะถล่ม รัศมีเปลวไฟแผ่กระจายในวงกว้าง แผดเผาต้นไม้ที่อยู่โดยรอบ อุณหภูมิในอากาศทวีความร้อนแรงมากยิ่งขึ้น จนทุกคนรู้สึกว่าแทบหายใจไม่ออกแล้ว
เป็นเวลาอีกอึดใจใหญ่ เปลวไฟจึงได้สงบลงและนกเพลิงก็หายไป เหลือให้เห็นแต่เพียงพื้นดินที่ดำเป็นตอตะโก ต้นไม้ถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน และสมาชิกกว่า 20 คนของสำนักกระบี่ฟ้า ก็สลายหายไปไม่เหลือทิ้งไว้แม้แต่ร่องรอยเดียว
เงียบงัน เงียบสงบ ไม่มีอื่นใดนอกจากนี้
น่ากลัว ชายคนนี้เป็นมัจจุราชในร่างของมนุษย์ชัดๆ
“ฉันอยากกลับบ้าน ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว…”
ใครบางคนตะโกนขึ้นด้วยความตื่นกลัว ดวงตาเบิกโตด้วยความหวาดหวั่นสุดชีวิต
บรรยากาศเต็มไปด้วยความสยองขวัญ ทุกคนรู้สึกหนาวเหน็บเหมือนกับตกเข้าไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง นึกเสียใจขึ้นมาทันทีที่อยากจะครอบครองคัมภีร์ความลับฟ้าเล่มนั้น
ฉู่ชวิ๋นหันกลับมามองกลุ่มคนจากหุบเขาราชาพิษด้วยดวงตาแดงก่ำ
“รีบหนี พวกเรารีบหนีไป…”
ขั้นปรมาจารย์ระดับ 3 ของหุบเขาราชาพิษร้องอุทานด้วยความตื่นกลัว
แต่น่าสงสารที่คนกลุ่มนี้หวาดกลัวเกินไป สองขาอ่อนยวบเหมือนกับเส้นก๋วยเตี๋ยว ไม่สามารถออกแรงวิ่งหนีได้แม้แต่ก้าวเดียว
นิ้วมือของฉู่ชวิ๋นเหมือนกับเต้นระบำได้ เกิดเส้นไหมจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในอากาศ เส้นไหมสีขาวเหล่านั้นลอยวนในอากาศ เหมือนกับงูสีขาวที่รอคอยโอกาสจู่โจมเหยื่อ
พลัน ฉู่ชวิ๋นกางนิ้วมือออก
กลุ่มไหมขาวพุ่งตัวออกไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่น่าหวาดกลัว
ผลั่ก!
ท้องฟ้าสาดกระจายด้วยม่านหมอกเลือด บดบังความสว่างของดวงอาทิตย์ไปทันตา
ในเวลาเพียงแค่พริบตาเดียว สมาชิกกว่า 20 คนของหุบเขาราชาพิษก็ถูกสังหารไปหมดสิ้น คนจำนวนไม่น้อยหลงเหลือไว้แต่เพียงหยดเลือดจำนวนนับพันหยดที่ปรากฏอยู่บนพื้น กับเส้นไหมสีขาวที่เคยพันธนาการร่างของพวกเขาเอาไว้
ส่วนศพที่เหลืออยู่เป็นรูปเป็นร่างก็อาบชโลมไปด้วยเลือดสีแดง เลือดสีแดงไหลนองพื้นเหมือนกับเป็นแม่น้ำที่มีแต่เลือดเท่านั้น
ตุบ!
หลายคนถึงกับหวาดกลัวจนล้มลงกับพื้นและหัวใจวายตายไปในที่สุด
หลายคนตกใจกลัวสุดขีด ร้องตะโกนสลับกับส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเสียสติ
ฉู่ชวิ๋นยังคงลงมืออย่างต่อเนื่อง
ฝ่ามือจอมเชือด!
เกิดคลื่นพลังรูปฝ่ามือขนาดใหญ่พุ่งประทับลงไปบนพื้นดิน ส่งผลให้พื้นดินแตกแยกออกจากกันทันที
พลังของคลื่นฟ้ามือนี้ทำให้ทุกคนที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้น กระเด็นลอยออกไปกลายเป็นศพ มีเลือดสาดกระจายไปทุกหนทุกแห่ง
ในขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นเปลี่ยนให้พื้นที่นี้กลายเป็นโรงเชือดมนุษย์ไปอย่างสมบูรณ์ ศัตรูของเขาทุกคนถูกสังหารไปหมดสิ้น ไม่มีใครรอดชีวิตไปได้ยกเว้นแต่เพียงพวกของราชาปีศาจไม่กี่คนเท่านั้น
……
……
“พี่หยินจง มีไม้ตายอะไรอยู่ เราต้องเอาออกมาใช้แล้วนะ…” ราชาปีศาจพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ใบหน้าที่แก่ชราของหยินจงหมองหม่นลงไปในพริบตาเหมือนคนกำลังจมน้ำ ฉู่ชวิ๋นแข็งแกร่งมากเกินไป เขาไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้เจรจาด้วยซ้ำ
“ฉันจะพยายามก็แล้วกัน” หยินจงแกล้งทำเป็นพูดด้วยความผ่อนคลาย “น้องราชาปีศาจ หากนายสามารถออกไปจากภูเขาเฉียนหลงได้โดยไม่ตาย ฉันจะเลี้ยงเครื่องดื่มนายนะ”
“งั้นผมขอเป็นไวน์ชั้นดีนะ ฮ่าฮ่า” ราชาปีศาจส่งเสียงหัวเราะ แต่ทุกคนที่ได้ยินก็รู้สึกอย่างชัดเจนว่าในเสียงหัวเราะของเขาไม่หลงเหลือความกล้าหาญอยู่เลย มันเป็นแค่การแกล้งหัวเราะออกมาเท่านั้น
ราชาปีศาจมีความว้าวุ่นใจ ก่อนหน้านี้เขาเข้าใจมาตลอดว่าฉู่ชวิ๋นและบิดาของตนเองเสียชีวิตไปพร้อมกัน ราชาปีศาจจึงตั้งใจมาเอาชีวิตคนที่เกี่ยวข้องกับฉู่ชวิ๋นให้หมดทุกคน แต่ไม่คิดเลยว่าฉู่ชวิ๋นจะยังคงมีชีวิตอยู่แบบนี้
จากวินาทีแรกที่ฉู่ชวิ๋นปรากฏตัว นั่นแปลว่าแม้แต่พ่อของราชาปีศาจก็ไม่อาจจัดการเขาได้ นับว่าฉู่ชวิ๋นมีความแข็งแกร่งมากเกินไปจริงๆ
และในขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นก็สังหารคนไปจำนวนนับไม่ถ้วน เล่นเอาราชาปีศาจหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัว เนื่องจากกลัวว่าทุกการเคลื่อนไหวของเขา อาจจะทำให้ตกเป็นเป้าหมายของฉู่ชวิ๋นได้
หยินจงเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าราชาปีศาจเท่าไหร่ วันนี้ถ้าพวกเขาจะเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ มันก็น่าเสียดายนักที่แม้แต่หน้าตาของคัมภีร์ความลับฟ้า เขาก็ยังไม่ได้เห็นด้วยซ้ำ
“พวกแกเตรียมตัวตายกันแล้วหรือยัง” ดวงตาสีแดงก่ำของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายน่าหวาดกลัว
ราชาปีศาจและหยินจงพูดอะไรไม่ออกอีกต่อไปแล้ว พวกเขามีสถานะเป็นเจ้าสำนัก คนทั่วยุทธจักรให้ความเคารพนับถือ พวกเขาคือยอดฝีมือชั้นเลิศ แต่ตอนนี้กลับต้องมายืนคอตกและถูกอีกฝ่ายถามว่าเตรียมตัวตายแล้วหรือยัง คิดแล้วก็ให้รู้สึกน่าโมโหเป็นอย่างยิ่ง แต่พวกเขาจะทำอย่างไรได้? อีกฝ่ายหนึ่งลงมือด้วยความอำมหิตขนาดนี้ ต่อให้ยอมคุกเข่าลงคำนับ ฉู่ชวิ๋นก็คงไม่ไว้ชีวิตพวกเขาแน่นอน
ดังนั้น ในตอนนี้จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะตื่นตระหนกและหวาดกลัว
“ฆ่า!”
เมื่อฉู่ชวิ๋นคำรามออกมา กำปั้นของเขาก็ยกขึ้นสูง
ราชาปีศาจและหยินจง รวมถึงกลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ต่างก็มีสีหน้าที่ซีดขาว
“สู้” หยินจงดีดนิ้ว ปล่อยลำแสงหลากสีสันพุ่งออกไป
ฉู่ชวิ๋นเปลี่ยนจากการกำหมัดแบออกเป็นฝ่ามือ ก่อนจะยกมือตั้งรับลำแสงของอีกฝ่าย
เคล้ง!
เกิดเสียงการปะทะของโลหะดังขึ้น ลำแสงของฝ่ายตรงข้ามที่พุ่งเข้ามาถูกฉู่ชวิ๋นปัดกระเด็นออกไป
ฉู่ชวิ๋นมองเห็นชัดเจนอยู่แล้วว่า ลำแสงที่ฝ่ายตรงข้ามปล่อยเข้ามาเป็นแมลงเต่าทองที่มีขนาดเท่ากับกำปั้นเด็ก จุดสำคัญก็คือเขาเพิ่งเห็นพลังที่เป็นรูปทรงแมลงเช่นนี้เป็นครั้งแรกและไม่เคยพบเจอมาก่อนในโลกอื่นๆ แมลงเต่าทองตัวนี้มีประกายลำแสงห้าสีสันอยู่ด้านหลัง สิ่งที่ทำให้ต้องประหลาดใจก็คือ พวกมันมีความแข็งแกร่งเหมือนกับโลหะ แม้จะโดนฝ่ามือของเขาเข้าไปมันก็ยังไม่ตาย
สีหน้าของหยินจงดูผ่อนคลายมากขึ้น เจ้าสิ่งนี้มีชื่อเรียกว่าเต่าทองเหล็ก เปรียบเสมือนแผ่นเหล็กที่มีขนาดความยาว 10 เซนติเมตร ทั่วร่างกายทำมาจากเหล็กไหล มีกระดองห่อหุ้มอยู่รอบกาย จึงไม่สามารถฆ่าให้ตายได้ และแมลงชนิดนี้แหละที่เป็นไม้ตายของเขา
พรึ่บ!
เต่าทองเหล็กกางปีกออก มีขนาดลำตัวเท่ากับกำปั้นของผู้ใหญ่ ร่างกายของมันมีลำแสงหลากสีพุ่งออกมา ปีกของมันขยับด้วยความเร็ว เกิดเป็นคลื่นเสียงแปลกประหลาดดังออกมา
เฉินฮั่นหลง เจิ้งกวงยี่และคนอื่นๆอย่างเช่นโม่ซิงเหอถูกคลื่นเสียงโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงตาของพวกเขาดูเคลิบเคลิ้มและเหม่อลอย
“มังกรคำรน!”
ฉู่ชวิ๋นตะโกนเสียงดังเหมือนกับเสียงฟ้าผ่า หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที เสียงคำรามของมังกรตัวหนึ่งก็กึกก้องในอากาศ
เต่าทองเหล็กร่วงหล่นลงมาสู่พื้นดินทันที
เฉินฮั่นหลงและคนอื่นๆ หลุดออกมาจากภวังค์ที่โดนสะกด ดูเหมือนว่าเจ้าแมลงประหลาดชนิดนี้จะมีพลังสะกดจิต ทำให้ผู้ที่ได้ยินลุ่มหลงอยู่กับความทรงจำที่มีความสุขในอดีต
พรึ่บ!
เต่าทองเหล็กกางปีกออกอีกครั้งและพุ่งตรงเข้าหาฉู่ชวิ๋น เห็นได้ชัดว่ามันกำลังโกรธแค้นและอยากจะเล่นงานที่ศีรษะของฉู่ชวิ๋น
เคล้ง!
ฉู่ชวิ๋นยิงคลื่นพลังออกจากฝ่ามือ ปัดเต่าทองเหล็กกระเด็นไปอีกครั้ง
คราวนี้ เต่าทองเหล็กกระเด็นไปตกพื้นห่างออกไปไกลกว่าสิบเมตร แต่มันก็ยังกระพือปีกและบินกลับขึ้นมาอีกครั้ง
ฉู่ชวิ๋นถึงกับประหลาดใจแล้ว เขาเพิ่งใช้พลังที่แม้แต่ศิลาทองคำก็ยังต้องแตกสลาย แต่แมลงประหลาดตัวนี้กลับยังรอดชีวิตอยู่ได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่พิสดารเกินไปแล้ว
ดูเหมือนว่าเต่าทองเหล็กจะคำนวณพลังฝีมือที่แท้จริงของฉู่ชวิ๋นได้พอสมควร มันไม่กล้าจู่โจมเขาโดยพลการอีก จึงทำเพียงแค่บินวนรอบๆ ตัวเขาเพื่อรอจังหวะโจมตีเท่านั้น
ดวงตาที่ฉายแววอำมหิตของฉู่ชวิ๋นปรากฏความพิศวงขึ้นอีกครั้ง หรือว่าแมลงประหลาดตัวนี้จะมีสมอง?
วูบ!
เต่าทองเหล็กเปล่งลําแสงหลากสีสันก่อนบินพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่ม มันมีความรวดเร็วมาก และมาพร้อมกับคลื่นเสียงความถี่สูงแสบแก้วหู
ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้น ปรากฏม่านพลังก่อตัวขึ้นรอบกายเขา
แต่แล้วสิ่งที่เหลือเชื่อก็บังเกิดขึ้น เต่าทองเหล็กกลับเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศและบินตรงเข้าไปหาเฉินฮั่นหลงแทน
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นฉายความอำมหิตมากยิ่งขึ้น เพียงกระโดดครั้งเดียว เขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าเฉินฮั่นหลง และยกมือขึ้นเตรียมรอรับการมาถึงของเต่าทองเหล็ก
ใครจะคิดเลยว่าเต่าทองเหล็กกลับเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศอีกครั้ง มันบินสูงขึ้นไปข้างบน และลอยอยู่เหนือศีรษะของฉู่ชวิ๋น
นับว่ามันฉลาดเกินไปแล้ว!