จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 248 เด็กน้อยผู้ดุดัน
บทที่ 248 เด็กน้อยผู้ดุดัน
ฉู่ชวิ๋นร้องลั่นพยายามต้านการโจมตีครั้งนี้อย่างสุดชีวิต แต่เลือดของเขาก็ถูกดูดกลืนเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้ร่างของเขาเริ่มผอมแห้งลงอย่างเห็นได้ชัด
เลือด ลมปราน และสิ่งต่างๆที่หล่อเลี้ยงร่างกายค่อยๆ ถูกดูดซับโดยมือโครงกระดูก
ตอนนี้ฉู่ชวิ๋นแทบจะเป็นบ้า ทั้งความกดดันและความน่ากลัวของมือยักษ์เกินกว่าที่เขาจะคาดคิดไว้มาก
“ท่านเจ้าวัง!”
“นายท่าน….!”
เหยียนชงและคนอื่นๆ ที่รออยู่ตรงตีนเขา คอยมองผู้คนที่วิ่งหนีตายลงมาอย่างไม่ขาดสาย หลังจากที่เข้าไปสอบถามจอมยุทธ์ผู้รอดชีวิตก็ทราบว่ามีมือขนาดยักษ์กำลังอาละวาดอยู่ข้างบนนั้น
พวกเขาไม่มีเวลาคิดเล็กคิดน้อยอีกต่อไปและตัดสินใจที่จะบุกขึ้นไปทันที ในที่สุดพวกเขาก็ขึ้นมาถึงยอดเขาและพบเห็นฉากอันน่าสยดสยองนี้
ใบหน้าเล็กๆ ของจิ่วโยวใบเต็มไปด้วยความตื่นตัว เธอปาหอกสีเงินไปทางฉู่ชวิ๋นเพื่อพยายามช่วยเขาทันที
เหยียนชงและคนอื่นๆ ก็ถืออาวุธของตนเอาไว้แน่นก่อนที่จะตามจิ่วโยวไป
“หยุดพวกมัน!” เสียงแหบแห้งดังขึ้นออกคำสั่ง
ชายชุดดำที่มองดูเหตุการณ์อยู่ก็รีบเข้าไปขัดขวางจิ่วโยวและคนอื่นๆ ทันที
“ไปให้พ้น!” เสียงแหลมๆ ของจิ่วโยวตะโกนออกมาอย่างดุดัน
หอกเงินของเธอซัดอีกฝ่ายจนถอยออกไปอย่างง่ายดาย
เหยียนชงและคนอื่นๆ ต่างก็ปะทะกับคู่ต่อสู้อย่างดุเดือด ดาบยักษ์ของเขาปล่อยไอเย็นออกมา ชุดเกราะเองก็เปล่งประกายสีม่วงสวยงามออกมาระหว่างที่ใช้กระบวนท่าจัดการกับคู่ต่อสู้
ชายชุดดำถูกฉู่ชวิ๋นจัดการไปบ้างแล้ว ทำให้ตอนนี้เหลือเพียง 13 คนเท่านั้น
พวกที่สู้กับจิ่วโยวนั้นไม่อาจหลบการโจมตีจากเธอได้เลย
เมื่อจิ่วโยวมีอาวุธอยู่ในมือ พลังการต่อสู้ของเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ชายชุดดำเองก็ล้วนแล้วแต่เป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ แถมยังมีถึง 13 คน
คนทั้ง 4 ถูกล้อมเอาไว้ทุกทิศทางอย่างง่ายดาย
โชคยังดีที่ร่างอสูรของจิ่วโยวนั้นแข็งแกร่งกว่าร่างของมนุษย์มาก อีกทั้งปืนและหอกเงิน ทำให้เธอแทบจะเป็นอมตะ
อย่างไรก็ตาม เหยียนชงต่อสู้อย่างบ้าคลั่งจนเกือบจะบาดเจ็บหลายครั้ง
ตู้ม!
แสงสีทองระเบิด หญิงหม้ายถูกชายชุดดำซัดเต็มแรงโชคยังดีที่เธอสวมชุดเกราะม่วงทองคำเอาไว้จึงไม่บาดเจ็บอะไร เธอตีลังกากลับมายืนเหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ฆ่าพวกมันให้หมด!”
ร่างเล็กๆ ของจิ่วโยวเปล่งประกาย เส้นผมสีม่วงพริวไหวราวกับมีชีวิต ปืนยาวสีเงินลั้นไกออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง มันค่อยๆ เปิดทางให้พวกเธอเข้าใกล้ฉู่ชวิ๋นมากขึ้นเรื่อยๆ
ปั้ง!
ชายชุดดำคนหนึ่งถูกยิงที่ไหล กว่าครึ่งนึงของไหลแหลกสลายหายไปในพริบตา
สภาพอันน่าเวทนาของกลุ่มชายชุดดำนั้นมีให้เห็นตลอดเป็นระยะๆ
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
เสียงระเบิด 3 ครั้งดังติดต่อกัน เหยียนชงตกตะลึงกับแรงระเบิด มันซัดเขากระเด็นไปไกลกว่า 100 เมตร เลือดสดๆ ไหลลงมาจากมุมปากของเขา โชคยังดีที่อาวุธของเขาคือดาบใหญ่และโล่ ไม่งั้นเขาคงบาดเจ็บมากกว่านี้แน่
ดวงตาของชายชุดดำสามคนส่งแรงกดดันอย่างมหาศาลมาให้กับเขา พวกมันเดินเข้ามาประชิดกับเหยียนชง และฟาดดาบอันหนักหน่วงใส่ทันที
มันพลาดเป้าไปกะแทกกับพื้น เศษหินเศษดินกระจายจนเป็นฝุ่นปิดบังทัศนวิสัย
จิ่วโยวใช้โอกาสนี้ประทับปืนขึ้นบ่า เธอใส่พลังลมปราณสายฟ้าลงไปสถิตในลูกกระสุนก่อนที่จะยิงออกไป
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!
ปั้ง!
ชายชุดดำคนหนึ่งที่พุ่งเข้าหาเหยียนชงถูกยิงที่ศีรษะโดยจิ่วโยว ก่อนที่เธอจะวิ่งไปเจาะคอของอีกฝ่ายด้วยปลายปืน และเสียง ‘ตู้ม!’ ก็ดังขึ้น เธอระเบิดหัวของอีกฝ่ายกลายเป็นละอองเลือด
อีกสองคนรู้สึกตกใจ มือและเท้าของพวกเขาด้านชาและหนังศีรษะขนลุกซู่ พวกเขาไม่สามารถฆ่าเหยียนชงจนโดนโจมตีจิ่วโยวใส่
พวกเขาจึงรวมตัวกันล้อมจิ่วโยวเอาไว้ ซึ่งมีคน 5 คนพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อฆ่าจิ่วโยว
ในมุมมองของพวกเขา ต้องใช้คนมากกว่า 3 ในการจัดการกับเด็กผีคนนี้ ยังไงซะพวกเขาก็คิดว่าเธอเป็นแค่เด็กน้อยที่ก้าวร้าวคนหนึ่งเท่านั้น ประสบการณ์ยังด้วยกว่าพวกเขามาก
“อยากตายนักเรอะ? เดี๋ยวฉันจะเติมเต็มความหวังให้พวกแกเอง!” เสียงแหลมๆ ของเด็กน้อยแฝงไปด้วยจิตสังหาร ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและดุดัน เธอไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะต้องรับมือกับจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ 5 คนพร้อมกัน
แต่ถึงอย่างงั้น เธอเองก็เป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ แม้ว่าจะมีสุดยอดอาวุธเข้าช่วย แต่เธอก็ต้องถอยเรื่อยๆ เนื่องจากการโจมตีของศัตรูที่บ้าคลั่ง
“ไอ้พวกขี้ขลาด! เข้ามาเลย เหยียนชงคนนี้มาฆ่าพวกแกแล้ว!” เหยียนชงลุกขึ้นพร้อมกับเช็ดเลือดที่มุมปาก
“ไปช่วยฉู่ชวิ๋นเร็ว! ไม่ต้องสนใจฉัน!” จิ่วโยวตะโกนบอก
เหยียนชงกำลังสับสน แต่เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนของฉู่ชวิ๋น “จะบ้าเหรอ พวกนายถอยไปเลย เร็ว! นี้เป็นคำสั่ง!”
ตอนนี้ผิวของฉู่ชวิ๋นเป็นสีแดง ร่างของเขาผอมซีดจากการโดนดูดพลังชีวิต เขาไม่อยากให้คนของเขาต้องมาตายไปด้วย
“หนีไป!!!!” ฉู่ชวิ๋นตะโกนอีกครั้ง ด้วยเสียงที่แหบแห้งและรุนแรง
ดวงตาของเหยียนชงมีน้ำใสๆ คลออยู่ เขากัดฟันแน่นก่อนที่จะคำรามออกมา พุ่งเข้าไปหากลุ่มของชายชุดดำข้างหน้า
ปั้ง!
เหลยเป้าถูกซัดเข้าอย่างจังจนกระอักเลือด แต่เขาก็ใช้กระบองเหล็กฟาดสวนกลับไป จนแขนของชายชุดดำคนนั้นแหลกเป็นเศษ
“คิดจะฆ่าพ่อคนนี้อย่างงั้นเหรอ? ต้องจ่ายเยอะหน่อยนะ! ฮ่าฮ่าฮ่า!” เหลยเป้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สายฟ้าสถิตอยู่รอบๆ ร่างกายของเขาก่อนที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ถึงฉันจะเป็นผู้หญิง ก็อย่าออมมือเชียวนะ เข้ามา….อยากตายก็เข้ามาเลย….” กลิ่นอายของความตายลอยออกมาจากร่างของหญิงหม้าย
พลังธาตุไฟของเธอบวกกับความสามารถของเกาะทำให้เธอต่อสู้ได้อย่างต่อเนื่องและไม่รู้จัดเหน็ดจักเหนื่อย
ด้านนอกของลานต่อสู้ จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิส่วนหนึ่งเฝ้ามองการต่อสู้ครั้งนี้อยู่
“พี่ซู พวกเราจะเข้าไปช่วยไหม?” ว่านจื่อยวินจากประตูแห่งเชียนคุนถามด้วยเสียงเบาๆ
ดวงตาของซูฉุนมองไปยังฉู่ชวิ๋นอยู่นาน ก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
“ไม่ว่าพวกเขาจะชนะหรือแพ้ พวกเราก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ถ้าจอมมารฉู่ต้องตายในวันนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ดีก็ได้”
“พี่ซูพูดมีเหตุผล พวกเราเองเข้าไปช่วยก็เสี่ยงเกินไป แต่ถ้าไม่ได้เขาพวกเราคงไม่ได้ออกมา ในอนาคตเราสร้างสุสานให้กับจอมมารฉู่อย่างสมเกียรติก็แล้วกัน”
คนอื่นๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย
เหล่าจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิที่ตะโกนจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับฉู่ชวิ๋นพวกเขาได้แต่หันหลังให้กับฉู่ชวิ๋น
เหลยเป้าเห็นเหตุการณ์นั้นก็ตะโกนออกมาขณะที่ต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง “
ไอ้พวกเนรคุณ! เอาไว้เจอกันวันหลังฉันจะคิดบัญชีกับพวกแกทุกคนแน่!”
อีก 3 คนก็โกรธกับการถูกหักหลังครั้งนี้ด้วย พวกเขารู้เรื่องนี้จากปากของจอมยุทธ์ที่รอดมาได้ มันเป็นเพราะการซื้อเวลาของฉู่ชวิ๋น ทำให้คนพวกนี้หนีออกมาได้
ตู้ม!
หญิงหม้ายถูกดีดกระเด็นออกไป
ผลลัพธ์นั้นคือเธอตกลงสู่อ้อมแขนของใครบางคน
“นาย?” หญิงหม้ายพูดด้วยความแปลกใจ
ชายคนนี้คือจักรพรรดิยา ยวีเฉิง ที่ร่วมต่อสู้กับฝูงสัตว์ป่าคลั่งก่อนหน้านี้
จักรพรรดิยาคนนี้นั้นอายุถึง 200 ปี ความจริงจักรพรรดิยาคนนี้ควรจะแก่จนหนังเหี่ยวแต่ที่ไหนได้ผิวยังคงเต่งตรึงกระชับราวกับวัยรุ่น
“ว่าไงละ อยากให้ฉันช่วยไหม?” จักรพรรดิยาวางหญิงหม้ายลงและสะบัดมือจากนั้นแท่งใสๆ ที่เหมือนคริสตัลก็ปรากฏ เขาโยนมันไปที่กลุ่มชายชุดดำแล้วมันก็ระเบิดออก
หญิงหม้ายตกตะลึง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
พวกชายชุดดำไม่สนใจแท่งใสที่ระเบิดเมื่อกี้
แต่ผงยาปริศนาก็กระจายออกไปจนทั่วในทันที มันมีสีขาวเหมือนกับยาทั่วไป ชายชุดดำตกใจกลัว เขารีบเอามือปิดจมูกทันที แต่ก็สายไปเสียแล้ว
“แค่ก แค๊ก!”
ชายชุดดำไอออกมาหลายครั้ง และดวงตาของเขาก็ปูดโปนออกมา
“มันไม่เป็นไรหรอกน่า ก็แค่ผงจามที่ฉันทำเอง” จักรพรรดิยาส่งรอยยิ้มให้
ปั้ง!
จิ่วโยวหมุนตัวกลับเพื่อยิงใส่คนที่พยายามจะลอบโจมตีด้านหลังเธอ ปืนของเธอเริ่มร้อนจากการใส่พลังลมปราณที่มหาศาลลงไป
“ฆ่า!”
จิ่วโยวรีบวิ่งไปที่มือยักษ์อย่างรวดเร็ว กระสุนปืนราวกับมังกร เมื่อยิงออกไปลูกกระสุนปืนขนาดใหญ่ก็ปรากฏจนทำให้เกิดการฉีกขาดของอากาศรอบๆ
จักรพรรดิยาเขวี้ยงยาเข้าไปยังกลุ่มของชายชุดดำที่อยู่ใกล้ๆ กับ หญิงหม้าย และเหยียนชง
“ยวีเฉิง ถ้าแกไม่อยากตาย ฉันแนะนำให้แกถอยไปซะ!” ชายชุดดำคนหนึ่งข่มขู่จักรพรรดิยาเสียงดัง ผงจามที่ถูกปาเข้ามานั้นทำให้พวกเขารำคาญใจเป็นอย่างมาก
ยวีเฉิงพูดเยาะเย้ยอีกฝ่าย “แกกล้าขู่ฉันเชียวเหรอ? คนอื่นอาจจะกลัวพวกแกแต่ฉันไม่!”
เขาโยนถุงขาวนั้นให้กับเหยียนชง แล้วเหยียนชงก็ยัดมันเข้าไปในปากชายชุดดำคนนั้น
จักรพรรดิยายังคงมอบกระเป๋ายารักษาให้กับเหลยเป้าอีกด้วย
“ขอบใจมาก!”
เหยียนชงและเหลยเป้าพูดพร้อมๆ กัน ก่อนที่พวกเขาจะเปิดกระเป๋ายาแล้วกลืนยาทั้งแผงลงไป เพียงอึดใจเดียวร่างกายของทั้งสองก็ฟื้นฟูกลับมา บาดแผลดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ขณะเดียวกัน ผู้คนจำนวนหนึ่งก็เข้ามาจากด้านนอกผ่านทางช่องแคบของม่านพลัง
“สหายเหล่าประตูวิญญาณสลาย พวกฉันสำนักดาบพิฆาตมาช่วยแล้ว”
“ขอบใจมาก พวกเราประตูวิญญาณสลายจะตอบแทนพวกนายอย่างงาม!” ชายชุดดำพูดขึ้น
“จอมมารฉู่กล้าสังหารคนจากสำนักดาบพิฆาต คนชั่วร้ายแบบนี้ไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป!” พูดจบคนพวกกนั้นก็วิ่งเข้ามาร่วมต่อสู้ในสนามรบ
คนพวกนั้นต่างก็เป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิเหมือนกัน จิ่วโยวและพรรคพวกที่สูัไม่หยุดก็ถูกไล่ต้อนอีกครั้ง
“ดี ดีมาก! ถ้าฉันรอดไปได้ฉันจะตามไปฆ่าล้างสำนักของพวกแกแน่!” ร่างกายที่เหี่ยวแห้งของฉู่ชวิ๋นคำรามออกมาอย่างดุร้าย
“ไอ้เจ้ามดปลวก แกคิดว่าจะรอดจากเงื้อมือของข้าไปได้อย่างงั้นรึ?” เสียงดังกึกก้องจากภายในถ้ำ มันยังคงดูดกลืนพลังของฉู่ชวิ๋นอย่างต่อเนื่อง
“อ๊าก!” เสียงร้องของฉู่ชวิ๋นดังก้องไปทั่วทั้งท้องฟ้า ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เขาได้ตายจริงๆ อย่างแน่!
เขาพยายามหันหัวกลับไปมองพวกพ้อง แต่ก็เห็นพวกนั้นถูกไล่ต้อนออกไป เหยียนชงและเหลยเป้ากลับมามีแผลทั้งตัวอีกครั้ง
“แกบังคับฉันเองนะ งั้นฉันก็ไม่สนใจแล้ว….” ฉู่ชวิ๋นเริ่มเข้าสู่ภาวะบ้าคลั่ง ผมของเขาปลิวไปตามสายลม
“ไม่สนอะไร? แกคิดว่าข้าจะปล่อยแกไปอย่างงั้นรึ?”
เสียงจากในถ้ำยังคงพูดจาดูถูกเขาไม่หยุด
ดวงตาของเขาเบิกกว้าง เลือดที่เหลืออยู่เล็กน้อยในตัวของเขาสั่นไหวและผิวที่เหลืองซีดของเขาเองก็เริ่มเปล่งประกายอย่างรุนแรง พลังที่สถิตอยู่ภายในตัวของเขากำลังจะระเบิดออกมา!
แกร็ก!
เสียงโซ่เหล็กภายในร่างกายของเขากำลังสั่นไหว
พันธนาการแห่งท้องฟ้าภายในร่างของเขากำลังขยับเขยื้อน แม้ว่ามันจะบางพอๆ กับเส้นผม แต่มันก็ส่องแสงสีทองวูบวาบไปทั่วทั้งร่างกายของเขาราวกับกำลังสวมชุดเกาะทองคำอร่าม พันธนาการแห่งท้องฟ้าภายไปยังทุกส่วนในร่างกายของเขา
หือ?
เสียงแห่งความแปลกใจดังขึ้นจากในถ้ำ พลังดูดกลืนอยู่ๆ ก็หายไป
มือยักษ์ไม่สามารถดูดเลือดของฉู่ชวิ๋นและลมปราณได้อีกต่อไป
ฟ้าว!
ฉู่ชวิ๋นมองที่แขนของเขาก็เห็นว่าพันธนาการแห่งท้องฟ้าโผล่ออกมาจากใต้ผิวหนังของเขาเหมือนงูทองคำม้วนตัวไปมาอย่างรวดเร็ว มันคดเคี้ยวไปมาภายในกระดูกของเขา
จากนั้นแสงสีทองที่น่าสยดสยองก็ปะทุออกมาจากพันธนาการแห่งท้องฟ้า การดูดกลืนพลังของมือยักษ์ก็สลายไป เลือดของฉู่ชวิ๋นที่ถูกดูดไหลกลับเข้าไปภายในร่างกายของเขาตามพันธนาการแห่งท้องฟ้า
“นี่มันอะไรกัน!?” เสียงจากถ้ำนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ
ร่างกายของฉู่ชวิ๋นกำลังขยายตัวในอัตราที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ผิวของเขาเริ่มที่จะฟื้นความเปล่งปลั่ง ลมหายใจของเขากลับมาแข็งแรงและดวงตาของเขาเหมือนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่