จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 259 บทลงโทษ
บทที่ 259 บทลงโทษ
เมืองไห่ชิงก็เหมือนกับเมืองทั่วไป มันเปลี่ยนแปลงไปมากหลังจากที่โลกวิวัฒนาการ
เนื่องจากการค้นพบซากโบราณสถานเก่าแก่ในภูเขา 500 ลี้นอกเมือง เมืองนี้จึงดึงดูดจอมยุทธ์จำนวนมากเข้ามาทำให้ทั้งเมืองตกอยู่ในความวุ่นวาย
ที่นี่เกิดการต่อสู้ของเหล่าจอมยุทธ์อยู่บ่อยครั้ง กองทหารที่ประจำอยู่ที่นี่จึงไม่กล้าประมาท หน้าที่ของพวกเขาคือปกป้องความปลอดภัยของประชาชน
ช่องทางต่าง ๆ ที่เข้าสู่เมืองจะมีทหารคอยประจำการจุดตรวจอยู่เต็มไปหมด ไม่ใช้แค่ป้องกันการถูกบุกรุกโดยเหล่าจอมยุทธ์เท่านั้น แต่รวมถึงเหล่าสัตว์ป่าดุร้ายข้างนอกนั้นด้วย
ฉู่ชวิ๋นและพวกเดินไปตามถนนโดยมีรถลาดตระเวนทางทหารผ่านไปมาเป็นครั้งคราว
ฉู่ชวิ๋นขมวดคิ้ว มีจอมยุทธ์อยู่มากมายบนถนนจึงทำให้มีสัตว์เลี้ยงมากมายเดินไปมาด้วยเช่นกัน
โฮ่ก!
เสือยักษ์สีดำลายพร้อย ลำตัวยาวก 5-6 เมตร อ้าปากกล้างโชว์เขี้ยว แสดงความดุร้ายออกมา
เสียงคำรามนั้นดังมาก ทำให้ใครหลายคนที่สันจรแถวนั้น ต่างก็รู้สึกผวา เด็ก ๆ ไร้เดียงสาบ้างคนถึงกับร้องไห้ออกมา
แต่แล้วเจ้าของเสือตัวใหญ่กลับไม่ทำอะไรเลย เขายังคงยืนหัวเราะอย่างไม่แยแสแถมยังดูมีความสุขอีกต่างหาก
ฉู่ชวิ๋นยิ่งขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม ดูเหมือนว่าเขาต้องทำให้สภาพแวดล้อมที่นี่ปลอดภัยสำหรับผู้คน เริ่มต้นด้วยฆ่าสัตว์ร้ายเหล่านี้ก่อน!
เขาจะทำในสิ่งเดียวกับที่เคยทำในเมืองกู่เจียง
“รายงาน มีสัตว์ร้ายอยู่ในชานเมืองตอนเหนือ ขอกำลังเสริมด่วน ขอกำลังเสริมด่วน!”
วิทยุสื่อสารของปันจือหาวดังขึ้น
“ไปกันเถอะ” ฉู่ชวิ๋นพูดขึ้นทันที
พวกเขารีบขับรถไปที่เขตทางตอนเหนือของเมืองไห่ชิง ที่นั้นห่างใกล้จากเมืองมันเต็มไปด้วยแม่น้ำและทุ่งหญ้า ดังนั้นที่นี่จึงถูกแบ่งให้เป็นทุ่งข้าวสำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงปศุสัตว์ชั่วคราว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็มาถึงจุดหมาย สีหน้าของฉู่ชวิ๋นก็เยือกเย็นขึ้นมา เขาจ้องมองไปยังพวกสัตว์ร้ายที่อาละวาดอยู่ในทุ่งหญ้า
เขี้ยวยาว 3 เมตรของเสือดำเต็มไปด้วยคราบของเลือด กรงเล็บของมันตัดหัวของแพะที่ชาวบ้านเลี้ยงเอาไว้อย่างง่ายดาย กลิ่นเลือดกระจายไปทั่วทุกทิศทาง
สิงโตทองคำตัวใหญ่ราวกับภูเขา กำลังกัดกินร่างของวัวตัวสีเหลืองขนาดใหญ่
นอกจากนี้ยังมีลิงยักษ์ที่มีขนสีแดง อุ้งเท้าแต่ละข้างมีขนาดของเท่าโต๊ะอาหาร สองอุ้งเท้าคว้าแกะมาฉีกเป็นชิ้นๆแล้วเอาเข้าปากเคี้ยวเพลินๆ เลือดไหลย้อยลงมาตามมุมปาก ซึ่งมันดูโหดร้ายมาก
ทหารราวหนึ่งโหลติดอาวุธ กำลังเผชิญหน้าอยู่กับวัยรุ่นหลายคนที่สวมสุดจอมยุทธ์สวยงาม
“บอกให้สัตว์เลี้ยงของพวกนายหยุดไม่งั้นพวกเราจะยิง!” ติงจ๋ง เขาเป็นแค่หัวหน้าทีมเล็ก ๆ ปืนในมือของเขาสั่นเทาด้วยความโกรธ
“แกกล้ายิงเหรอ?” เด็กหนุ่มคนหนึ่งเหล่ตาอย่างยั่วยุ สำหรับจอมยุทธ์แล้วปืนไม่มีค่าอะไรในสายตาของพวกเขาเลย
“ฉันรับรองได้เลยว่า หนึ่งวินาทีก่อนที่แกจะยิง หัวของแกก็หลุดออกจากคอแล้ว!” ชายหนึ่งที่เอามือล้วงกระเป๋าพูดขึ้นมา เสื้อผ้าของเขาแตกต่างจากจอมยุทธ์คนอื่น ๆ เขาใส่ชุดสูทเหมือนคนปกติ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเหยีดหยาม
ตู้มม!
พื้นดินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของติงจ๋งระเบิด ทำให้เขาถอยหลังโซเซไปหลายก้าว
ชายหนุ่มเอามือออกจากกระเป๋าและเยาะเย้ย “พวกเราไม่อยากเป็นศัตรูกับประเทศ แต่พวกเราไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น ถ้าขืนแกยังพูดมากอีก ฉันจะไม่ทนให้แกเห่าอยู่ตรงหน้าแน่ ๆ ถ้าคิดว่าฉันพูดเล่นก็ลองดู!”
ชายหนุ่มเปิดเผยท่าทางคุกคามของตน โดยไม่มีการปิดบังใด ๆ
ฉึกก!
เลืองของสัตว์เลี้ยงสาดกระจายไปทั่วทุกทิศ ตอนนี้สัตว์เลี้ยงถูกฆ่าตายไปมากกว่า 1 โหลแล้ว
สัตว์ร้ายเหล่านี้มันไม่ได้ฆ่าเพราะความหิวกระหายเลย แต่พวกมันฆ่าเพื่อความสนุก
ชายเลี้ยงแกะ นั้นเป็นโรคกระดูกอ่อน ท่าทางเขาดูโกรธแค้นมากที่ได้แต่มองสัตว์เลี้ยงมากมายต้องตายไป แต่ถึงแม้จะโกรธมากแค่ไหนเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ผู้หญิงร่างอวบข้างๆ ชายเลี้ยงแกะเอามือปิดปากตัวเองและร้องไห้ไม่หยุด
ใบหน้าของเด็กทั้งสามเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แม้ว่าเด็กน้อยจะหลับตาอยู่แต่ร่างกายก็ยังคงสั่นเทา ปิดปากตัวเองแน่น น้ำตาไหลพราก เพราะผู้เป็นพ่อบอกว่าห้ามส่งเสียง ไม่งั้นสัตว์ร้ายที่ฆ่าวัวและแกะเหล่านั้นจะมาฆ่าพวกเขา
“ไอ้พวกสัตว์เดรัจฉาน ทำไม….ทำไม…” หญิงชราผมงอกยืนค้ำด้วยไม้เท้าพูดออกมาด้วยความโกรธ
ชายเลี้ยงแกะผู้เป็นลูกชายกอดหญิงชราเอาไว้แน่น “แม่อย่าพูด อย่าพูด”
“พวกเราไปทำอะไรให้แก…” ชายชราร้องไห้อย่างขมขื่นและเกือบเป็นลมไปหลายครั้ง
“ให้สัตว์พวกนี้หยุดซะ ไม่งั้นฉันจะยิงจริงๆ” ติงจ๋งรู้สึกไม่พอใจ เขาเป็นถึงทหารแต่กลับไม่สามารถปกป้องประชาชนได้ ทำให้ตอนนี้เขาโกรธมากจริงๆ
“ไสหัวไปให้พ้น” ชายหนุ่มมองด้วยสายตาเย็นชา “ถ้าแกยังกล้าปริปากอีกคำเดียว ฉันจะฆ่าให้หมด แล้วทีนี้ใครจะมาสั่งอะไรฉันได้อีกล่ะ?”
ติงจ๋งสั่นเทาด้วยความโกรธ เขาไม่กลัวตายเลยแม้แต่น้อย ทว่าตอนนี้มีพี่น้องมากกว่า 10 คนที่อยู่ด้านหลังเขา
ปันจือหาว เหยียมคันเร่งเพิ่มความเร็วของรถ จนมันส่งเสียงดังออกมา
เมื่อได้ยินเสียงของเครื่องยนต์ ทุกคนก็มองไปอย่างไม่รู้ตัว
ตัวรถหยุดนิ่ง และฉู่ชวิ๋นก็เดินออกมา
ติงจ๋งเห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งไปทำความเคารพทันที “ทำความเคารพครับ ท่าน!”
เสียงตะโกนของติงจ๋งดังขึ้น แม้ปันจือหาวเคยได้ยินชื่อเสียงของฉู่ชวิ๋นมาก่อน แต่ติงจ๋งนั้นไม่ทำให้เขาสงสัยว่าปันจือหาวมากับใคร
ปันจือหาวกำลังจะแนะนำฉู่ชวิ๋น แต่เด็กหนุ่มจอมยุทธ์ก็พูดอย่างขี้เกียจออกมา “แกเป็นหัวหน้าของคนพวกนั้นสินะ? เอาไอ้ขยะพวกนี้กลับไปสิ”
“แกคิดว่า แกกำลังพูดกับใครห่ะ?!” ปันจือหาวทำงานในกองทัพมานานกว่า 16 ปี เมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้ ทำให้เขาโกรธจัดทันที
แววตาของชายหนุ่มเย็นชา “ไอ้พวกทหารหน้าโง่ นี่พวกแกไม่กลัวตายจริงๆ สินะ?”
“ตอนนี้ฉันขอสั่งให้พวกแกเอาสัตว์เลี้ยงโสโครกของพวกแกออกไปซะ ไม่อย่างงั้นพวกมันจะถูกฆ่าทั้งหมด” ปันจือหาวพูดอย่างหนักแน่น
แววตาของชายหนุ่มเย็นชา “สั่งฉันเหรอ? แกคิดว่าตัวแกเองเป็นใคร? เชื่อไหมว่าฉันสามารถตัดหัวแกได้ภายในไม่กี่วินาที ฉันจะบอกแกแค่ตอนนี้เท่านั้น ตั้งใจฟังให้ดี พาคนของแกออกไป ฉันจะนับถึง 1 ถึง 3 เท่านั้น ไม่งั้นก็ทิ้งชีวิตเน่าๆ ของพวกแกไว้ที่นี่แหละ!”
“1!”
โดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบอะไร เขาก็เริ่มนับทันที
“2!”
สีหน้าของจอมยุทธ์วัยรุ่นพวกนั้นเต็มไปด้วยความดิบเถื่อน ที่จริงแล้ว ทั้งปันจือหาว และคนอื่น ๆ ที่อยู่ในเครื่องแบบทหารโง่ ๆ ไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขาเลย
ลมหายใจของจอมยุทธ์วัยรุ่นรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อเขาอ้าปากจะตะโกนคำว่า ‘สาม’ เขาก็เห็นใครบางคนที่เดินเข้ามาจนเขาอดไม่ได้ที่จะตกใจ
ฉู่ชวิ๋นเดินเข้ามาหาทหารคนหนึ่งพร้อมกับพูดว่า “ฉันขอยืมปืนหน่อยได้ไหม?”
ทหารมองไปที่ปันจือหาวโดยไม่รู้ตัว เพราะฉู่ชวิ๋นมาพร้อมกับปันจือหาวเมื่อเห็นปันจือหาวพยักหน้า เขาก็มอบปืนให้กับฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นเคยใช้ปืนแค่ครั้งเดียวเท่านั้น คือ ปืนสายฟ้า ที่เขามอบให้กับเหล่าทหารจากการฆ่าหมาป่าทองคำ
แต่นั้นเป็นเพียงปืนกลมือ ไม่ใช่ทหารทุกคนที่จะมีปืนทุ่นระเบิดกับตัวแบบนี้ ฉู่ชวิ๋นเองก็ไม่รู้วิธีใช้เท่าไหร่ แต่เมื่อมันถูกบรรจุกระสุนเอาไว้แล้ว ที่เหลือก็แค่เล็งเท่านั้น
ฉู่ชวิ๋นเล็งไปยังหัวของลิงยักษ์ ตอนที่มันก้มลงไปจับแกะขึ้นมาอีกตัว
ปัง!
กระสุนจำนวนหนึ่งพุ่งออกไป ทันทีที่สิ้นเสียงของปืน เสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดของลิงยักษ์ก็ดังขึ้น ทำให้สัตว์ตัวอื่น ๆ มองมันในเวลาเดียวกัน
เสียงร้องโหยหวนของลิงยักษ์ดังก้องไปทั่ว แม้ว่าขนของมันจะสามารถป้องกันได้ทั้งกระสุนและคมดาบ แต่ไม่ใช่กับตาของมัน ลูกกระสุนพุ่งเข้าที่ลูกตาของมัน ทำให้ลูกตาทั้งสองระเบิด
ฉู่ชวิ๋นชักปืนลง และมอบมันให้กับทหารที่กำลังตกตะลึง
สัตว์เหล่านี้เป็นสัตว์ยุคก่อนประวัติศาสตร์สำหรับคนธรรมดา แต่สำหรับฉู่ชวิ๋นแล้วพวกมันไม่มีค่าให้พูดถึง เพียงแค่หายใจเขาก็สามารถฆ่าพวกมันได้แล้ว สัตว์ร้ายที่ดุร้ายอย่างแท้จริงไม่ใช่พวกโง่ๆพวกนี้
“แกหาเรื่องตายเองนะ!” ชายหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มตะโกนออกมา ลิงยักษ์นั่นคือสัตว์เลี้ยงสุดที่รักของเขา มันไร้สาระที่เขาเพิ่งตะโกนฆ่าคนพวกนี้ เพราะผลลัพธ์ในตอนนี้คือสัตว์เลี้ยงตัวโปรดถูกทำร้าย สัตว์เลี้ยงที่ตาบอดมันจะไปมีประโยชน์อะไรอีก? เขาพุ่งเข้าใส่ฉู่ชวิ๋นทันที
ชายคนนั้นวิ่งเข้ามาด้วยความแค้น จนไม่ได้ระวังอะไรเลยแม้แต่น้อย
“ไอ้เด็กอ่อนหัด แกกำลังพูดอยู่กับใครห่ะ” เหลยเป้าพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มและตบเขากลางอากาศ ครึ่งหนึ่งของใบหน้าชายหนุ่มยุบลงไป เลือดสาดกระเซ็นออกไป ทั้งปากของชายหนุ่มไม่เหลือฟันแม้แต่เพียงซี่เดียว
วัยรุ่นที่เหลือหลายคนต่างก็สั่นกลัว สิ่งที่เหลยเป้าทำนั้นทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวมาก
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ !
เหล่าวัยรุ่นทั้งหลายอยู่เพียงขั้นปรมาจารย์เท่านั้น แต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดคือ วัยรุ่นที่ใส่ชุดสูทเขาเป็น จมอยุทธ์ขั้นปรมจารย์ระดับ 8
“เด็กน้อย คลานมาหาพี่นี่มา เดี๋ยวท่านเหลยคนนี้จะสอนวิธีพูดให้เอง”
ชายหนุ่มที่ถูกทุบหน้าแทบหายใจไม่ออก ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขามองไม่เห็น ปากของเขาเอียง ไม่มีฟันหลงเหลืออยู่ในปาก ดวงตาที่บวมเป่งของเขาก็จ้องมองเหลยเป้าด้วยความแค้น
“เฮ้ย…ท่านเหลยชอบกระดูกที่แข็งของแกนะ” เหลยเป้ารีบวิ่งไปอย่างมีความสุข และบีบแขนข้างหนึ่งของเด็กหนุ่ม
“อ๊ากก…” ชายหนุ่มไม่สามารถกลั้นเสียงไว้ได้ จนตะโกนอย่างรุนแรง
“คลานมา” เหลยเป้ากล่าว
คราวนี้ชายหนุ่มไม่กล้าทำตัวโกรธ เขาเหยียดแขนลงพื้นและคลานตามเหลยเป้า
เหลยเป้าเดินกลับไปหาฉู่ชวิ๋น และเมื่อเขาเดินผ่านกลุ่มวัยรุ่นพวกนั้น เขาก็ตบทุกคน แต่ละคนใบหน้าฟกช้ำ เลือดไหลออกจากมุมปาก
“นี่ไอ้หนู พ่อแม่แกไม่สั่งสอนมารยาทเลยหรือไง? ต้องให้ท่านเหลยคนนี้มาสั่งสอนวิธีการประพฤติตัวหน่อยดีไหม?”
ติงจ๋งผู้โง่เขลาไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้คือใคร เขาเป็นใครกัน? ช่างดุร้ายและน่ากลัวมาก
“หัวหน้าครับ เขาคือใครเหรอครับ?”
ปันจือหาวหันไปกระซิบให้ฟัง “นายเคยได้ยินชื่อนายพลฉู่ชวิ๋นหรือเปล่าละ?”
“จอมมารฉู่” ติงจ๋งอุทานและปิดปากอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จ้องมองที่
ฉู่ชวิ๋นด้วยสายตาที่ร้อนแรง
“ยิงพวกมัน เล็งที่ตา” ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่ง
ทหารเหล่านั้นไม่รู้จักฉู่ชวิ๋น เขาจึงมองไปยังปันจือหาว
“ยิงสิ มองฉันทำไม ฉันเป็นสัตว์พวกนั้นหรือไง?” ปันจือหาวโกรธมาก ไอ้ทหารพวกนี้มันไม่มีสมองหรือไง
“พวกแกตรงนั้นนะ มองอะไรกันห่ะ” เหลยเป้าตะโกน
ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง ! ปัง !
กระสุนจำนวนมากถูกยิงออกมาไม่บันยะบันยัง เลือดของสัตว์ร้ายกระเด็นราวกับเป็นหมอกฝน สัตว์ร้ายต่างกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อม ๆ กัน
พวกมันถูกห่อหุ้มด้วยพลังที่มองไม่เห็น ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้ ทำได้เพียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
หนึ่งในการฝึกฝนที่สำคัญที่สุดของทหารเหล่านี้คือการยิงปืน มันยากมากที่จะยิงปืนติดกันอย่างต่อเนื่อง แต่ทกุคนต่างก็ยิงแบบไม่หายใจ ไม่มีความกลัว มีแต่ความโกรธแค้นที่ถูกระบายด้วยกระสุนปืน
ตอนนี้พวกสัตว์ร้ายกลายเป็นเป้าซ้อมยิงไปแล้ว กระสุนถูกยิงเข้าไปในดวงตาของสัตว์ร้าย แม้ว่าสัตว์ร้ายเหล่านี้จะมีหนังทองแดง กระดูกเหล็ก ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ พวกมันถูกยิงจากดวงตาเข้าไปจนถึงด้านหลังของสมอง ทำให้ร่างใหญ่เหล่านั้นล้มลงจนพื้นดินสั่นสะเทือน
วัยรุ่นพวกนั้นต่างก็ถูกบังคับให้ต้องทนดูสัตว์เลี้ยงของตัวเองต้องตาย พวกเขาเป็นจอมยุทธ์เด็กแม้ว่าจะกลัว แต่ดวงตาก็เต็มไปด้วยเลือด พวกเขาอยู่ในอารมณ์เดียวกันกับครอบครัวของคนเลี้ยงแกะและวัว รู้สึกเศร้าโศกที่เห็นสัตว์เลี้ยงของพวกเขาล้มตายอย่างหมดหนทาง
เหล่าทหารต่างก็ลดปืนลง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความรู้สึกนี้เจ๋งจริงๆ
“พวกแกรู้ไหมว่าพวกเราคือใคร !?” ชายหนุ่มตะโกนด้วยความโกรธแค้น
เพียะ!
สิ่งที่ตอบกลับไปคือฝ่ามือของเหลยเป้า ตบจนหน้าของเขาหันไปอีกทาง เลือดสาดกระจาย น้ำตาของชายหนุ่มปนกันกับเลือดมั่วไปหมด
“โทรหาครอบครัวของแก ให้พวกเขาเอาเงินมา” ฉู่ชวิ๋นหยุดพูดชั่วครู่ ก่อนที่จะเอ่ยต่อ “จำไว้ว่าจำนวนเงินคือ จำนวนของสัตว์เลี้ยงที่ตายไป
1 ล้านต่อ 1 ตัว”
เพียะ! เพียะ!
เหลยเป้าเห็นชายหนุ่มพวกนั้นไม่ขยับ จึงตบหน้าและตะโกนด่า “แกตกใจอะไรอยู่หา? ชักช้าเดี๋ยวปัดพ่อฆ่าซะเลย!”