จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 281 ข่าวลือที่สั่นสะเทือนฟ้าดิน
บทที่ 281 ข่าวลือที่สั่นสะเทือนฟ้าดิน
หลายวันหลังจากนั้น บนเว็บบอร์ดยุทธภพจู่ ๆ ก็ปรากฏกระทู้นึงขึ้นมา เนื้อหาในกระทู้นั้นเรียกได้ว่าเปรียบเสมือนคลื่นซัดถล่ม
หัวเรื่องที่ทำให้ผู้คนตกใจกันก็คือ
‘จอมมารฉู่ปะทะเจ้าปราสาทจตุรเทพ จอมมารฉู่พ่ายแพ้และหนีไปพร้อมอาการบาดเจ็บ’
ไม่ใช่แค่เว็บบอร์ดยุทธภพเท่านั้น ทั่วทั้งโลกยุทธภพก็กำลังพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างบ้าคลั่ง
“ได้ข่าวหรือยัง จอมมารฉู่สู้อย่างดุเดือดกับเจ้าปราสาทจตุรเทพเยวี่ยฟ๋านเตี๋ย สุดท้ายจอมมารฉู่สู้ไม่ไหวจนต้องหนีไปพร้อมกับความพ่ายแพ้”
“จอมมารฉู่นี่ไม่เจียมตัวจริง ๆ ปราสาทจตุรเทพยังกล้าท้าทาย ช่างรนหาที่ตายจริง ๆ ”
“ก็ใช่นะสิ ได้ข่าวว่าวันนั้นทั้งคู่สู้กันชนิดฟ้าถล่มดินทลาย สุดท้ายจอมมารฉู่ก็ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บในฝ่ามือสุดท้าย ต้องหนีไปอย่างหมดทางสู้ ตอนนี้เส้นทางที่จะไปสู่เมืองต่าง ๆ ถูกศิษย์ปราสาทจตุรเทพสกัดกั้นไว้หมดแล้ว พวกเขากำลังออกตามล่าจอมมารฉู่กันอยู่”
“ฉันมีเพื่อนคนนึงที่อยู่ปราสาทจตุรเทพ เขาบอกว่าวันนั้นฉู่ชวิ๋นพูดจาหาเรื่องเพราะตั้งใจจะชิงสมบัติประจำปราสาทจตุรเทพ ซึ่งคือ กระถางจตุรเทพ จนเยวี่ยฟ๋านเตี๋ยโกรธจัด ทั้งสองประมือกันจนสุดท้ายฉู่ชวิ๋นพ่ายแพ้และหนีไป”
ทุกหนแห่งในดินแดนยุทธภพเต็มไปด้วยข่าวลือเรื่องนี้กัน 3 วัน 7 วันไม่จบไม่สิ้น แล้วยังหนักหนาขึ้นเรื่อย ๆ
หลายวันหลังจากนั้นที่ถิ่นของปราสาทจตุรเทพมีสงครามใหญ่เกิดขึ้นหลายครั้ง
“ได้ยินหรือยัง จอมมารฉู่บาดเจ็บหนัก และกำลังซ่อนตัวอยู่ในถิ่นของปราสาทจตุรเทพนั่นแหละ ผลสุดท้ายก็ถูกเปิดเผยร่องรอย เกือบจะถูกฆ่าตาย”
“ท่าทางครั้งนี้จอมมารฉู่จะตกที่นั่งลำบากซะแล้ว ได้ข่าวว่าเขาบาดเจ็บสาหัส เกือบจะต้องตายที่นั้นเลย”
เรื่องราวข่าวลือหนาหูขึ้นเรื่อย ๆ
ขณะเดียวกัน เจ้าปราสาทจตุรเทพเยวี่ยฟ๋านเตี๋ยออกมาประกาศว่าถ้ามีคนแจ้งเบาะแสของจอมมารฉู่ คน ๆ นั้นจะได้รับสมุนไพรวิเศษระดับต่ำ 2 ต้น ถ้าเอาชีวิตจอมมารฉู่ได้จะไม่ใช่แค่ได้เป็นพันธมิตรกับปราสาทจตุรเทพเท่านั้น แต่ยังได้สมุนไพรวิเศษระดับกลาง 10 ต้นอีกด้วย
ข่าวนี้ทำให้โลกยุทธภพสับสนวุ่นวายกันมาก ผู้คนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าฉู่ชวิ๋นไม่รอดแน่
“สงสัยคราวนี้จอมมารฉู่จะรอดยากซะแล้วสิ”
“จอมมารฉู่ทำตัวอันธพาลเกินไป ถึงกับกล้าท้าทายปราสาทจตุรเทพ ทำเองก็รับกรรมเองเถอะท่าน”
“คิดไม่ถึงเลยว่าคนอย่างจอมมารฉู่จะมีวันนี้ด้วย”
ข่าวลือและคำพูดต่าง ๆ แพร่สะพัดไปทั่ว
…..
จอมยุทธ์ในเขตแดนตะวันตกเฉียงเหนือทุกคนล้วนตามหาที่อยู่ของฉู่ชวิ๋น
พวกเขาอาจจะฆ่าฉู่ชวิ๋นไม่ได้ แต่ถ้าเจอเบาะแสก็ยังได้สมุนไพรวิเศษระดับต่ำ 2 ต้น
“เร็วเข้า มีคนเห็นจอมมารฉู่ที่ เนินเขาลั่วเฟิง เยวี่ยหงโป๋แห่งปราสาทจตุรเทพกำลังไป”
จอมยุทธ์ทุกคนรีบไปตามข่าว
ณ เนินเขาลั่วเฟิง สถานที่ที่ว่ากันกว่าเป็นที่พำนักของนกฟีนิกซ์
ภายในป่าทึบ มีร่าง 2 ร่างที่โฉบไปมา คนด้านหน้ามีรอยเลือดอยู่ตามเนื้อตัวเต็มไปหมด อีกคนด้านหลังตะโกนเสียงแข็ง “จอมมารฉู่ วันนี้แกหนีไม่พ้นแน่ ยอมจำนนซะเถอะ”
จอมยุทธ์ที่ตามมาไกล ๆ จำคนพูดประโยคเมื่อครู่ได้ เขาคือ เยวี่ยหงโป๋แห่งปราสาทจตุรเทพนั่นเอง !
อย่างนั้นคนที่วิ่งหนีอยู่ต้องเป็นฉู่ชวิ๋นแน่ ๆ
เยวี่ยหงโป๋ยกมือขึ้น ลมปราณอันน่าสยดสยองถาโถมเข้าใส่แผ่นหลังของฉู่ชวิ๋น
ตู้ม !
ฉู่ชวิ๋นถูกกระแทกจนกระเด็นไปไกล เลือดสาดกลางอากาศ
“จอมมารฉู่ ทิ้งหัวแกไว้ที่นี่ซะ ! ” เยวี่ยหงโป๋คำราม ประกบมือเข้าด้วยกัน ลมปราณอันน่าหวาดกลัวหลั่งไหลออกมา ต้นไม้ใบหญ้ารอบข้างถูกทำลายจนหมดสิ้น
ฉู่ชวิ๋นที่วิ่งหนีอยู่หลบได้อย่างฉับพลัน ลมปราณจากฝ่ามือกระแทกเข้าใส่ก้อนหินก้อนใหญ่จนแตกกระจายเป็นเศษฝุ่น
“จอมมารฉู่ จะหนีไปไหน !? ”
จู่ ๆ ก็มีคนมาขวางทางฉู่ชวิ๋น คน ๆ นั้นก็คือบุตรคนรองแห่งตระกูลเยวี่ย เยวี่ยฉางเล่อ
ฉู่ชวิ๋นหันหลังและพุ่งขึ้นไปที่ยอดเขาโดยไม่พูดไม่จา
เยวี่ยฉางเล่อยกมือขึ้น ลมปราณหลั่งไหลออกมา แต่น่าเสียดายที่ไม่โดนฉู่ชวิ๋น ก้อนหินก้อนใหญ่ถูกทำลายจนระเบิดเศษ
พี่น้องทั้งสองแห่งตระกูลเยวี่ยไล่ตามอย่างไม่ลดละ
ขณะเดียวกันทั้งสองก็ไม่ได้หยุดลงมือเลย ก้อนหินดินทรายปลิวว่อนไปทั่ว ต้นไม้ใบหญ้ากลายเป็นจุล
“ทุกท่านร่วมมือสังหารจอมมารฉู่กับฉันเร็ว หลังจากวันนี้พวกเราปราสาทจตุรเทพจะตอบแทนอย่างงาม”
เยวี่ยฉางเล่อเอ่ยปากชักจูงทุกคน
ฉู่ชวิ๋นหนีสุดชีวิตไปทางยอดเขา ด้านหลังมีคนเป็นฝูงกำลังไล่ตามอยู่
“มันหนีไม่พ้นแล้ว บนยอดเขาไม่มีทางให้หนีไปไหนได้ ต่อให้มันมีปีกก็ยากจะบินหนีไปได้” เยวี่ยหงเล่อคำรามและลงมือใส่ฉู่ชวิ๋นไม่หยุด
แต่น่าเสียดายที่ต้นไม้บนภูเขาเยอะเกินไป จนทำให้ไม่อาจโจมตีโดนเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ
ฉู่ชวิ๋นเลือดไหลเป็นทาง เขาหนีไปบนยอดเขาด้วยความทุลักทุเล
ผ่านไปครู่เดียวฉู่ชวิ๋นก็วิ่งไปถึงยอดเขา แต่ไม่นานนัก เขาก็พบว่าทางที่กำลังมุ่งหน้าไปนั้นมันเป็นทางตัน !
ยอดเขาแห่งนี้เป็นผาทั้ง 4 ด้าน มีเพียงทางเดียว แต่กลับถูกพี่น้องตระกูลเยวี่ยที่ไล่ตามมาขวางทางเอาไว้แล้ว
“จอมมารฉู่ แกหนีไม่พ้นหรอก กล้ามาท้าทายปราสาทจตุรเทพของฉัน วันนี้จะตัดหัวแกเพื่อเป็นที่ประจักษ์แก่ใต้หล้า” เยวี่ยหงโป๋พูดอย่างดุดัน
ฉู่ชวิ๋นหันกลับไป มีเลือดไหลออกจากมุมปากของเขาไม่หยุด เขาเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชา “ปราสาทจตุรเทพ พวกแกอยากฆ่าฉันให้ได้เลยสินะ ? ”
“แกกล้าคิดไม่ซื่อ อยากได้กระถางจตุรเทพ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อาจอภัยให้ได้ วันนี้แกจะต้องตาย ! ” เยวี่ยฉางเล่อกล่าวอย่างดุดัน
“ฮ่ะ ๆ ปราสาทจตุรเทพนี่เยี่ยมจริง ๆ ท่าทางวันนี้ต้องตายกันไปข้างแล้ว” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยขึ้น
“เฮอะ แกมันก็แค่ปลา ส่วนฉันเป็นมีด จอมมารฉู่ ตอนนี้แกเป็นเหมือนปลาที่ติดร่างแห ไม่เหลือทางให้หนี ฉันว่าแกยอมจำนนแต่โดยดีดีกว่า อย่าดิ้นรนอย่างเปล่าประโยชน์อีกเลย ! ” เยวี่ยหงโป๋ตะโกน
“พวกแกยังไม่คู่ควรพอจะให้ฉันยอมจำนน” ฉู่ชวิ๋นคำราม “ฆ่า ! ”
สิ้นเสียงฉู่ชวิ๋นก็ต่อยออกไป 2 หมัด เงาหมัดสีม่วงปั่นป่วนบนท้องฟ้า เกิดเป็นเสียงดังกระหึ่มพร้อมปลิดชีพอีกฝ่าย
เยวี่ยหงโป๋และเยวี่ยฉางเล่อลงมือพร้อมกัน ลมปราณมหาศาลเกินจะเปรียบพุ่งทะยานออกมา
ตู้ม ! ตู้ม !
เสียงระเบิดชนิดฟ้าดินทลายดังขึ้น 2 ครั้ง ภูเขาสั่นคลอนแผ่นดินสะเทือน พายุอันน่าสยดสยองถาโถมเข้าใส่
ฉู่ชวิ๋นกระเด็นออกไปจนตกผาจากแรงกระแทก
“ปราสาทจตุรเทพ ถ้าฉันฉู่ชวิ๋นไม่ตาย วันหน้าจะต้องล้างปราสาทจตุรเทพด้วยเลือด ทำลายกระถางจตุรเทพ ฆ่าให้หมดไม่เหลือไว้แม้สัตว์สักตัวเดียว….”
เสียงเคียดแค้นของฉู่ชวิ๋นดังขึ้นมาจากหน้าผา
สีหน้าของเยวี่ยหงโป๋และเยวี่ยฉางเล่อไม่น่าดูเท่าไหร่ ไอสังหารเดือดพล่าน
“เป็นต้องเห็นคน ตายต้องเห็นร่าง” เยวี่ยหงโป๋ตะโกนเดือดดาล
“ทุกท่าน หากใครพบศพของจอมมารฉู่คำสัญญาของปราสาทจตุรเทพยังมีผลเสมอ” เสียงที่แฝงไว้ด้วยความโกรธของเยวี่ยฉางเล่อดังออกไป
เมื่อได้ยิน จอมยุทธ์จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งลงไปที่ใต้ผาเพื่อตามหาศพของฉู่ชวิ๋น
แต่จอมยุทธ์เป็นร้อยเป็นพันหากัน 2 วันเต็ม ๆ ก็ไม่เจอศพของฉู่ชวิ๋น
หลายวันต่อจากนั้นเกิดข่าวลือไปทั่วโลกยุทธภพอย่างล้นหลามไม่หยุดไม่หย่อน
ส่วนฉู่ชวิ๋นก็หายไปเลยตั้งแต่ตกหน้าผา ไม่มีข่าวคราวใด ๆ ทั้งสิ้น
มีข่าวลือว่าฉู่ชวิ๋นยังมีชีวิตอยู่และกำลังหลบซ่อนรักษาตัวอยู่สักหนแห่ง บางคนก็บอกว่าฉู่ชวิ๋นตายแล้ว โดนสัตว์ป่ากินจนเกลี้ยง
แต่เรื่องนึงที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นทำให้ทุกคนเย็นวาบไปทั้งตัว
ปราสาทจตุรเทพไม่เคยล้มเลิกการตามหาฉู่ชวิ๋นเลย หน่วยค้นหาที่มีเฟิงจื่อเจี้ยนเป็นหัวหน้ามีทั้งหมด 30 คนด้วยกัน ถูกฆ่าตายทั้งหมดไม่เหลือรอดแม้คนเดียว พื้นที่เกิดเหตุมีศรีษะมนุษย์กองอยู่ เลือดไหลเป็นทาง
ส่วนทีมของมู่เทียนที่มีทั้งหมด 20 คนด้วยกันก็ถูกฆ่าตายในป่า หัวขาดทุกคน
หลังจากนั้นไม่กี่วัน บุตรคนที่ 3 แห่งตระกูลเยวี่ย เยวี่ยเหวินหนานก็ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ที่ไปด้วยกันมี 10 กว่าคน เขาหนีรอดมาได้เพียงคนเดียว
ฉู่ชวิ๋นยังมีชีวิตอยู่ วิธีการแบบนี้เป็นฝีมือของฉู่ชวิ๋นอย่างไม่ต้องสงสัย
เยวี่ยเหวินหนานออกมาบอกว่าคนที่โจมตีพวกเขาก็คือฉู่ชวิ๋น เป็นการพิสูจน์ว่าเรื่องนี้จริง
ปราสาทจตุรเทพคลั่ง พวกเขาส่งลูกศิษย์ทุกคนออกไป สาบานว่าจะหาตัวเขาให้พบ
เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยจะลงมือฆ่าฉู่ชวิ๋นด้วยตัวเอง
และในตอนนั้น ผู้คนในโลกยุทธภพที่เข้าร่วมการตามหาฉู่ชวิ๋นก็พากันล้มเลิก
วิธีการของฉู่ชวิ๋นน่ากลัวเกินไป ลงมือทีต้องได้ล้างบางแถมตัดหัวทิ้งทั้งหมดอีก ข้อเสนอที่ปราสาทจตุรเทพยื่นให้เย้ายวนใจมากจริง ๆ แต่ชีวิตนั้นย่อมสำคัญกว่า
แต่ลูกศิษย์ของปราสาทจตุรเทพแทบจะพลิกแผ่นดินของทางตะวันตกเฉียงเหนือก็ไม่พบเบาะแสอะไรของฉู่ชวิ๋นเลยแม้แต่นิดเดียว
และในขณะที่ลูกศิษย์ของปราสาทจตุรเทพกำลังตามหาฉู่ชวิ๋นอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินนั้น ก็เกิดเรื่องอีกอย่างที่ทำให้โลกยุทธภพช็อคกัน
คืนก่อน มีคนบุกเข้าปราสาทจตุรเทพ ทำลายขาข้างหนึ่งของกระถางจตุรเทพอันเป็นสมบัติล้ำค่าของปราสาทจตุรเทพไป
ณ ตอนนั้น เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยบันดาลโทสะอย่างมาก เกิดการต่อสู้ขึ้นอย่างดุเดือด สุดท้ายอีกฝ่ายก็หนีรอดไปได้
มีข่าวออกไปว่าฉู่ชวิ๋นเป็นคนทำ
“ท่าทางจอมมารฉู่จะสู้กับปราสาทจตุรเทพให้จนถึงที่สุด”
“สมกับเป็นจอมมารฉู่จริงๆ ทำอะไรได้โหดเหี้ยถึงใจจริง ๆ”
“ปราสาทจตุรเทพโดนหยามเกียรติขนาดนี้ย่อมไม่ยอมง่าย ๆ แน่ จอมมารฉู่รนหาที่ตายจริง ๆ ”
มีข่าวลือหึ่งไปทั่วทั้งโลกยุทธภพ ทุกคนกำลังจับตาดูกันอยู่
…..
กลางดึก มีคนชุดดำปรากฏตัวหน้าประตูปราสาทจตุรเทพ
“แกเป็นใคร” ลูกศิษย์ที่เฝ้าประตูอยู่ถามด้วยความตื่นตัว
“ไปบอกเจ้าวังแกว่ามีเพื่อนมาหา เกี่ยวกับเรื่องของจอมมารฉู่” คนชุดดำพูดเสียงเข้ม
“รอสักครู่ ฉันจะเข้าไปแจ้ง” หนึ่งในลูกศิษย์วิ่งเข้าไปแจ้ง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เยวี่ยหงโป๋ออกมา เขาจ้องคนชุดดำอยู่พักใหญ่
“คุณเป็นคนของประตูวิญญาณสลายเหรอ?”
“คุณชายเยวี่ยสายตาดีจริง ๆ ” คนชุดดำหัวเราะ
“แต่ฉันจำไมได้ว่าปราสาทจตุรเทพเป็นเพื่อนกับประตูวิญญาณสลายตั้งแต่เมื่อไหร่” เยวี่ยหงโป๋กล่าว
คนชุดดำหัวเราะด้วยเสียงแสบแห้ง “ศัตรูของศัตรูก็คือเพื่อน”
“หืม” เยวี่ยหงโป๋เลิกคิ้ว “ศัตรูที่คุณหมายถึงคือจอมมารฉู่รึเปล่า”
“ถูกต้อง ความแค้นระหว่างพวกเราประตูวิญญาณสลายและจอมมารฉู่ คุณชายเยวี่ยคงเคยได้ยินมาบ้าง”
เยวี่ยหงโป๋พยักหน้าก่อนจะเอ่ยขึ้น “แต่ตระกูลเยวี่ยของฉันไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับคนนอก”
“คำพูดนี้ดูจะมั่นใจเกินไปนะ” คนชุดดำนิ่งไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังใช้ความคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันนี้ฉันเองก็พอรู้บ้าง นายคิดว่าจอมมารจัดการได้ง่าย ๆ งั้นเหรอ?”
“จอมมารฉู่น่ะจัดการไม่ง่ายหรอก แต่พวกเราปราสาทจตุรเทพก็ไม่จำเป็นต้องยืมแรงผู้อื่น” เยวี่ยหงโป๋เอ่ย
“ดูเหมือนคุณชายเยวี่ยจะเข้าใจผิดอะไรกับพวกเราประตูวิญญาณสลายนะ”
“เข้าใจผิดเหรอ?” เยวี่ยหงโป๋มีท่าทีประชดประชัน “ประตูวิญญาณสลายมักทำอะไรอย่างโหดเหี้ยมแถมยังร่วมมือกับพวกคนต่างชาติ นี่ไม่น่าจะใช่เรื่องเข้าใจผิดนะ”
รอบตัวคนชุดดำเกิดคลื่นบางอย่างขึ้น แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว “ถ้าพูดถึงเรื่องของจอมมารฉู่ คงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าพวกเราประตูวิญญาณสลาย ถ้าพวกเราร่วมมือกัน ฉันรับประกันว่าพวกเราจะสังหารจอมมารฉู่ได้ในเวลาไม่เกิน 3 วัน”
“เหรอ?” เยวี่ยหงโป๋มีสีหน้าดูแคลน “แต่จากที่ฉันรู้มา ประตูวิญญาณสลายมีความแค้นกันจอมมารฉู่มานาน แต่เขาก็ยังมีชีวิตสบายดีอยู่”
“พี่ใหญ่ ได้ข่าวว่ามีเพื่อนมาหาเหรอ?” เยวี่ยเหวินหนานเดินออกมาด้วยสีหน้าซีดเผือด บาดแผลยังไม่หาย เขามองคนชุดดำและพูดขึ้น “นายเป็นคนของประตูวิญญาณสลายเหรอ?”
“คุณชายรองเยวี่ยตาดีนี่”
“นายมาที่ปราสาทจตุรเทพของเราทำไม?”
“ช่วยปราสาทจตุรเทพสังหารจอมมารฉู่”
“นายมีข่าวของจอมมารฉู่เหรอ?”
คนชุดดำพยักหน้า
มีแววโหดเหี้ยมแว้บผ่านไปบนใบหน้าของเยวี่ยเหวินหนาน “เชิญด้านใน”
“น้องสาม” เยวี่ยหงโป๋เรียกเสียงดัง
เยวี่ยเหวินหนานสีหน้าอึมครึมพร้อมกล่าวขึ้น “พี่ใหญ่ ผมรู้ว่าพี่ห่วงอะไร แต่ขอแค่ฆ่าจอมมารฉู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นใครล้วนเป็นเพื่อนของฉันเยวี่ยเหวินหนานทั้งนั้น”
“บังอาจ นี่ไม่ใช่เรื่องของนายคนเดียวนะ” เยวี่ยหงโป๋โมโหน้องชาย
สีหน้าของเยวี่ยเหวินหนานยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ “พี่ใหญ่ พี่รู้ไหมว่าการที่ผมต้องเห็นเหล่าลูกศิษย์ตระกูลเยวี่ยของเราถูกจอมมารฉู่ตัดหัวไปทีละคนด้วยตาตัวเองนั้นรู้สึกอย่างไร พี่รู้ไหมว่าที่ผมต้องวิ่งหนีเหมือนหมารู้สึกอย่างไร วันนี้ ใครที่ขวางไม่ให้ผมฆ่าจอมมารฉู่นับเป็นศัตรูของผม ต่อให้เป็นพี่ใหญ่ก็ห้ามผมไม่ได้”
เยวี่ยหงโป๋ชะงักไป ราวกับตะลึงกับคำพูดเหี้ยมเกรียมของเยวี่ยเหวินหนาน
“สหาย เชิญด้านใน” เยวี่ยเหวินหนานบอกกับคนชุดดำ
คนชุดดำพยักหน้าให้กับเยวี่ยหงโป๋ มีแววตาแปลกประหลาดปรากฏขึ้นในตาวูบหนึ่งในแววตาของเยวี่ยหงโป๋ แต่ชายชุดดำนั้นไม่รู้สึกตัวก่อนจะเดินตามเยวี่ยเหวินหนานเข้าไปในปราสาทจตุรเทพ