จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 334 นายนี่มีแย่รสนิยมจริง ๆ
บทที่ 334 นายนี่มีแย่รสนิยมจริง ๆ
หมอกสีดำลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเปร่งประกายในขณะที่เขาวิ่งตามหมอกดำไป
“พี่ฉู่จะไปไหนอีกเนี่ย?” หยานหวูซวงถาม
“เงียบก่อนคะ” ถางโร้วยกมือจุ๊ปากเเละพูดว่า “อย่าเพิ่งรบกวนพี่ฉู่ชวิ๋น เขากำลังหาที่ซ่อนตัวของพวกผีดิบอยู่”
เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยและลูกชายก็ไม่พูดอะไร พวกเขาเดินตามฉู่ชวิ๋นไปอย่างเงียบ ๆ
หลังจากนั้นอีกพักใหญ่ ฉู่ชวิ๋นที่นำหน้าก็หยุดเท้า
ฉู่ชวิ๋นติดตามหมอกดำมาจนถึงริมแม่น้ำเหลือง
“พวกมันอยู่ที่นี่เหรอ?” หยานหวูซวงอดใจไม่ไหวต้องวิ่งไปหยุดยืนอยู่ข้างกายฉู่ชวิ๋นแล้วถามต่อ “พวกมันซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำใช่ไหม?”
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอแล้วพูด “ก็อาจจะ”
ในขณะนั้น ฉู่ชวิ๋นก็จ้องมองไปที่กระแสน้ำ
พลัน ฉู่ชวิ๋นก็ปล่อยพลังลมปราณออกจากหมัดเป็นลำแสงสีม่วง
ตู้ม!
ผิวน้ำระเบิดตัวจนสูงหลายสิบเมตร กระแสน้ำถูกแยกออกเป็นสองฝั่งจนมองเห็นได้ถึงก้นแม่น้ำเลยทีเดียว
ก่อนทุกคนจะเข้าใจว่าฉู่ชวิ๋นกำลังทำอะไรอยู่ ทุกคนก็ได้ยินเสียงดัง ตู้ม! จากผิวน้ำจนระเบิดออก ปรากฏเป็นเงาร่างสีดำขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมาจากใต้น้ำตรงมาหาพวกเขา
เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยโคจรพลังลมปราณและซัดพลังออกจากฝ่ามือ
เปรี้ยง!
เงาสีดำถูกพลังของเยวี่ยฟ๋านเตี๋ยซัดเข้าใส่จนกระเด็นกลับลงไปในน้ำอีกครั้ง
หยานหวูซวงอ้าปากเหวอ ขณะพึมพำว่า “พวกมันซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำจริง ๆ ด้วย”
“โง่จริง ๆ” จิ่วโยวพูดอย่างเหยียดหยามหยานหวูซวง
หยานหวูซวงรู้สึกเศร้าใจที่โดนเด็กน้อยเหน็บแนมอีกแล้ว
“เจ้าเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรมารบกวนเวลาพักผ่อนของราชาอย่างข้า” อสูรกายยืนอยู่บนผิวน้ำ พูดด้วยเสียงอันแหบแห้ง
“ผีเร่ร่อนก็คือผีเร่ร่อน กล้าดียังไงเรียกตัวเองว่าราชา”
ฉู่ชวิ๋นกระโดดลงสู่แม่น้ำ แล้วน้ำก็พุ่งตัวขึ้นมากลายเป็นเสารับน้ำหนักให้เท้าของเขาวางลงไปเวลาเคลื่อนที่ ในขณะนี้ สิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือฉู่ชวิ๋นกำลังวิ่งอยู่บนผิวน้ำได้อย่างคล่องแคล่ว
เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยได้แต่ปากอ้าตาค้าง
“ท่านอา ช่างมีลมปราณที่แข็งแกร่งยิ่งนัก” เยวี่ยหงโป๋พูดออกมาด้วยความเลื่อมใส
“ของแบบนี้ผมก็ทำได้ ไม่เห็นยาก” หยานหวูซวงพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก
ผลั่ก! เท้าเล็ก ๆ ถีบก้นเขาเข้าเต็มแรง
“ตู้ม!”
ผิวน้ำสาดกระจาย คุณชายหนุ่มถูกถีบกระเด็นตกแม่น้ำ
หยานหวูซวงไม่คิดเลยว่าจิ่วโยวจะกล้าถีบเขาลงแม่น้ำแบบนี้ แถมเขาไม่ทันตั้งตัว ในปากจึงมีแต่น้ำโคลนเต็มไปหมด
ตู้ม! ผิวน้ำระเบิดตัว หยานหวูซวงกระโดดกลับขึ้นมาบนฝั่ง แต่สภาพของเขานั้นเหมือนลูกหมาตกน้ำไม่มีผิด
น้ำในแม่น้ำเหลืองเต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูล คุณชายหนุ่มเผลอกลืนน้ำเข้าไปหลายอึก จนตอนนี้แทบจะมีน้ำโคลนไหลออกมาจากหูของเขาอยู่แล้ว
เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยและบุตรชายไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี? ไม่มีใครคิดเลยว่าเด็กน้อยอย่างจิ่วโยวจะกล้าถีบหยานหวูซวงลงแม่น้ำเหลืองแบบนี้
“จิ่วโยว แบบนี้มันเกินไปแล้วนะ” ถางโร้วอดดุไม่ได้ เธอรีบดึงตัวจิ่วโยวให้มาหลบอยู่ด้านหลัง
จิ่วโยวไม่ยอมรับความผิด เถียงออกมาว่า “ก็เขาบอกเองว่าเรื่องแบบนี้เขาก็ทำได้ ใครจะไปนึกล่ะว่าเขาแค่โม้เฉย ๆ”
“มานี่เลย ยัยเด็กแสบ” หยานหวูซวงแทบจะเสียสติ เดิมทีเขามีนิสัยรักความสะอาดยิ่งกว่าอะไรดี แต่กระแสน้ำที่สกปรกพวกนี้ทำให้เขาแทบคลั่งตาย
ถางโร้วพูดว่า “อย่าเพิ่งโกรธเลยค่ะ คุณชายหยาน จิ่วโยวสำนึกผิดแล้ว”
หยานหวูซวงกำลังจะอ้าปากพูด ทันใดนั้น เขาก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงดัง ตู้ม!
ทุกคนหันไปมองก็พบว่าการต่อสู้ยุติลงแล้ว ฉู่ชวิ๋นลากอสูรกายขึ้น,kจากน้ำและนำมาโยนทิ้งไว้ที่ชายฝั่ง
ฉู่ชวิ๋นเดินบนเสาน้ำกลับมาที่ริมฝั่ง เมื่อพบเห็นสภาพของคุณชายหยาน ก็พูดออกมาทันที “นายนี่มีรสนิยมแย่จริง ๆ แม่น้ำเหลืองมีแต่ของสกปรกทั้งนั้น มีทั้งจากมนุษย์ ฟาร์มปศุสัตว์ หรือแม้แต่พวกปลาที่อยู่ในน้ำ บางคนทิ้งศพลงแม่น้ำด้วยซ้ำ ตอนนี้อสูรกายก็ยังใช้เป็นที่ซ่อนตัวแล้วนายกล้ากินน้ำพวกนั้นเข้าไปได้ยังไง?”
หยานหวูซวงเดือดดาลจนจมูกบาน หอบหายใจอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนคำรามว่า “ยังมีหน้ามาหัวเราะเยาะผมอีกเหรอ พี่ตาบอดหรือไง? ไม่เห็นใช่ไหมว่าผมถูกยัยเด็กแสบนั่นถีบตกน้ำไปน่ะ?”
“หา?” ฉู่ชวิ๋นทำหน้าประหลาดใจ “พูดจริงสิ? ทำไมฉันไม่เห็น”
“…” หยานหวูซวงอยากจะต่อยฉู่ชวิ๋นให้ตายคาหมัด
“น้องหยาน มีก้างปลาติดฟันนายอยู่ด้วย” ฉู่ชวิ๋นเตือนด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“ฮื่อ…” หยานหวูซวงใบหน้าซีดขาว ย่อตัวลงและถ่มน้ำลายออกมาจากปากไม่หยุด
ทุกคนได้แต่มองอย่างสงสาร และรู้สึกขยะแขยงแทนแล้ว
เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยหันกลับไปมองที่อสูรกายซึ่งกำลังส่งเสียงกรีดร้องอยู่บนพื้นก่อนพูด “มีแค่ตัวเดียวเองเหรอ? น้องชายดูทั่วแล้วหรือยัง? ยังมีตัวอื่นซ่อนอยู่ใต้น้ำอีกหรือเปล่า?”
ฉู่ชวิ๋นส่ายหน้า หมอกดำที่ลอยอยู่เหนือน้ำคือจุดที่อสูรกายซ่อนตัวอยู่ เขาเห็นแค่เพียงจุดนี้จุดเดียวเท่านั้น ไม่ได้พบเห็นที่อื่นอีก
“บอกมา พวกแกซ่อนตัวอยู่ที่ไหน?” เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยเริ่มต้นสอบปากคำผีดิบ
ดวงตาสีแดงก่ำของอสูรกายจ้องมองมาที่เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยและตอบด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “เมื่อคืนนี้ พวกของข้าตายในน้ำมือเจ้าใช่ไหม?”
โผละ!
ฉู่ชวิ๋นหันกลับมาโคจรพลังลมปราณและต่อยหมัดใส่หัวของอสูรกาย หัวของมันระเบิดโผละ จากนั้น เปลวไฟสีม่วงก็ลุกโชน เผาผลาญผีดิบตัวนี้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน
“น้องชาย เราน่าจะเค้นข้อมูลหาที่อยู่ของผีดิบตัวอื่นจากมันก่อนสิ” เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยว่า
“ไม่มีประโยชน์หรอกครับท่านพ่อ เมื่อคืนนี้ท่านอาลองเค้นความจริงจากปากพวกมันดูแล้ว แต่ผีดิบพวกนี้ปากแข็งมาก พวกมันไม่ยอมพูดอะไรเลยสักคำ” เยวี่ยหงโป๋อธิบาย
ในที่สุด เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยก็เข้าใจ “พวกมันใจเด็ดยิ่งกว่ามนุษย์เสียอีกแฮะ”
ฉู่ชวิ๋นมองไปรอบตัวก็ไม่พบเห็นหมอกดำอีกแล้ว
“พวกเรากลับไปตามหาพวกมันกันต่อดีกว่า” ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่ง
หยานหวูซวงหัวใจแทบจะสลาย “ยังต่ออีกเหรอ”
ระหว่างทางกลับ ฉู่ชวิ๋นและคนอื่น ๆ เดินทิ้งระยะห่างจากหยานหวูซวงด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ หยานหวูซวงโกรธแค้นจนดวงตาแดงก่ำ เขาอยากจะชักดาบออกมาแทงฉู่ชวิ๋นเสียตอนนี้เลยจริง ๆ
เมื่อกลับไปถึงปราสาทจตุรเทพ หยานหวูซวงก็นอนแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำและไม่ออกมาเลยเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมงเต็ม
“จิ่วโยว ต่อไปเธอห้ามทำอะไรแบบนี้อีกแล้วนะ” ฉู่ชวิ๋นสั่งสอนจิ่วโยว เด็กหญิงทำหน้าไม่พอใจแต่ก็ผงกศีรษะเป็นเชิงว่ารับรู้
“ตอนนี้พวกเรายังหาผีดิบพวกนั้นไม่เจอ ฉันว่าน้องชายเอาเวลาไปปรุงยาก่อนดีกว่านะ”
ฉู่ชวิ๋นลองคิดเรื่องนี้ แล้วก็พยักหน้า
ตอนนี้เขามีสมุนไพรเพียงพอแล้ว เขาอยากจะปรุงยาโอสถเทพตะวันแดง ด้วยการใช้ไฟมังกรแบบดั้งเดิม
โอสถเทพตะวันแดงมีสรรพคุณที่ดีกว่ายาทลายพลังถึง 2 เท่า!
ในห้องโถงใหญ่ของปราสาทจตุรเทพ หม้อปรุงยาจตุรเทพทำหน้าที่คอยกดทับเผ่าพันธุ์ภูตทมิฬเอาไว้ใต้พิภพ ก่อนจะทำการปรุงยา ฉู่ชวิ๋นจำเป็นต้องตรวจสอบให้เรียบร้อยเสียก่อนว่าทุกอย่างปลอดภัยดีสำหรับการใช้งาน
พอตรวจสอบเสร็จแล้วก็เริ่มลงมือทันที เปลวไฟสีม่วงลุกไหม้อยู่ใต้หม้อปรุงยา หม้อปรุงยาจตุรเทพส่งแสงสว่างเรืองรอง รูปแกะสลักสัตว์ในตำนานทั้งสี่ชนิดที่อยู่รอบ ๆ หม้อก็เคลื่อนไหวเหมือนมีชีวิต สมุนไพรหลายร้อยชนิดถูกใส่ลงไปในหม้อปรุงยาแล้วฉู่ชวิ๋นก็เริ่มโคจรพลังลมปราณจำแลงอัดพลังใส่เข้าไปในหม้อปรุงยาศักดิ์สิทธิ์
ฟู่!
ควันสีดำลอยขึ้นมา สมุนไพรหลายร้อยชนิดเหล่านั้นถูกเผาไหม้กลายเป็นเพียงเถ้าถ่าน
ฉู่ชวิ๋นยิ้มด้วยความเศร้า “ล้มเหลวงั้นเหรอ”
สมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ชายหนุ่มเก็บสะสมมานานพอสมควร เมื่อมันสลายหายไปในพริบตา เขาก็อดเศร้าเสียใจไม่ได้
การจะทำโอสถเทพตะวันแดง จำเป็นต้องใช้การควบคุมพลังลมปราณจำแลงระดับสูง มันคือการควบคุมจิตแบบแยกส่วน หากผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวก็จะล้มเหลว
ฉู่ชวิ๋นเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
หลังจากนั้น เกิดเสียงดังฟู่ ควันสีดำลอยขึ้นมา บ่งบอกว่าเป็นอีกครั้งที่ล้มเหลว
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกเจ็บปวดไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ
การล้มเหลวทั้ง 2 ครั้งนี้ ทำให้ต้องเสียสมุนไพรวิญญาณไปหลายพันกำมือ ต่อให้เขามาจากตระกูลที่ร่ำรวย ก็ไม่อาจเสียไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว
คราวนี้ ฉู่ชวิ๋นไม่กล้าใช้สมุนไพรวิญญาณระดับสูงอีกแล้ว เขาเลือกใช้สมุนไพรวิญญาณระดับสามัญ
ฟู่!
ควันสีดำฟุ้งตลบขึ้นมาอีกครั้ง
ฉู่ชวิ๋นเกือบสบถคำหยาบคาย สวรรค์ตั้งใจปั่นหัวเขาเล่นหรือยังไงกัน?
ชายหนุ่มนั่งลงนึกทบทวนวิธีดูอย่างละเอียด เขาทำทุกขั้นตอนตามกระบวนการที่อยู่ในคัมภีร์โบราณอย่างครบถ้วน แล้วทำไมไม่สำเร็จ!
หลังจากเสียเวลาคิดอยู่อีกพักใหญ่ เขาก็คิดว่าไม่น่าจะเกิดปัญหาขึ้นอีกแล้ว
ฉู่ชวิ๋นไม่ยอมแพ้ เริ่มต้นปรุงยาขึ้นอีกครั้ง
ฟู่!
ควันสีดำลอยขึ้นมาอีกรอบ
แต่ใบหน้าของฉู่ชวิ๋นดำมืดยิ่งกว่าควันสีดำพวกนั้นเสียอีก
เขาไม่เชื่อว่ามันจะล้มเหลวทุกครั้ง ฉู่ชวิ๋นจึงเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ตอนนี้ ฉู่ชวิ๋นใช้สมุนไพรร้อยวิญญาณ และควบคุมพลังลมปราณจำแลงอย่างรอบคอบ สมุนไพรร้อยวิญญาณลอยตัวอยู่เหนือหม้อปรุงยา ฉู่ชวิ๋นมีสีหน้าสดใสมากขึ้น ในที่สุด เขาก็พอมองเห็นรุ่งอรุณแห่งความสำเร็จแล้ว เมื่อนำสมุนไพรร้อยวิญญาณใส่ลงไปในหม้อปรุงยา เขาจะต้องเคี่ยวพวกมันให้ละลายไปทั้งหมด
ฉู่ชวิ๋นควบคุมไฟอย่างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
สมุนไพรลอยวนอยู่ในหม้อปรุงยา เริ่มเปลี่ยนสีกลายเป็นสีเหลือง และในที่สุดมันก็เริ่มละลาย หลังจากเกิดการควบแน่น สุดท้ายมันก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นหยดน้ำทองคำหลายร้อยหยด
ฉู่ชวิ๋นยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผากและเริ่มต้นคัดแยกหยดน้ำทองคำเหล่านั้น
3-4 ชั่วโมงผ่านไป
เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยและคนอื่น ๆ ยืนรอคอยอยู่นอกห้องโถง
10 ชั่วโมงให้หลัง ฉู่ชวิ๋นก็ยังคงไม่ออกมา
ราตรีผ่านไป
วันต่อมา ฉู่ชวิ๋นก็ยังคงไม่ออกมาอยู่ดี
“หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขานะ?” หยานหวูซวงพูดด้วยความสงสัย
จิ่วโยวอดไม่ได้ต้องหันไปบ่นว่า “ถ้าไม่รู้เรื่องอะไรก็อย่าพูดเลยดีกว่า”
จนกระทั่งตอนบ่าย ปราสาทจตุรเทพพลันเกิดแสงสว่างไสวอาบไล้ไปทั่วห้องโถงใหญ่
“ฝีมือของพี่ฉู่หรือเปล่า?” หยานหวูซวงพึมพำกับตัวเอง
ลำแสงสีม่วงสว่างไสวเหล่านั้นดูมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง
แล้วในวินาทีนั้นเอง เสียงหัวเราะของฉู่ชวิ๋นก็ดังออกมาจากในห้องโถงใหญ่ ตามด้วยลำแสงสีม่วงแผดจ้า แล้วทุกอย่างก็หายวับไป
ฉู่ชวิ๋นเดินออกมาจากห้องโถงใหญ่แล้ว
ทุกคนจ้องมองชายหนุ่มด้วยความตกตะลึง สภาพของฉู่ชวิ๋นนับว่าดูไม่ได้เลยจริง ๆ เส้นผมที่ยาวสลวยของเขามัดเป็นเปีย ใบหน้าด่างดำด้วยขี้เถ้า เช่นเดียวกับชุดสีขาวที่เขาสวมใส่ก็สกปรกมอมแมม
ถ้าตอนนี้ฉู่ชวิ๋นมีชามข้าวแตกอยู่ในมือซ้ายและมีไม้เท้าอยู่ในมือขวา เขาก็สามารถนั่งลงขอทานข้างถนนได้สบาย ๆ
หยานหวูซวงระเบิดเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข เมื่อเห็นฉู่ชวิ๋นตกอยู่ในสภาพนี้ เขาก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นแล้ว
“น่าเกลียดจริง ๆ” จิ่วโยวหันไปทำตาขวางใส่หยานหวูซวง
เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยทำหน้าสงสาร ถามว่า “น้องชาย ปรุงยาสำเร็จหรือเปล่า?”
“พี่ฉู่ชวิ๋นคะ รีบไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะ” ถางโร้วทนไม่ไหวแล้ว สภาพของฉู่ชวิ๋นย่ำแย่มากเกินไป
ฉู่ชวิ๋นยกแขนขึ้นดมกลิ่นตัวเอง กลิ่นตัวของเขาตอนนี้เหมือนกลิ่นเนื้อรมควันไม่มีผิด เมื่อผสมกับการหมักหมมของหยาดเหงื่อตลอดระยะเวลา 1 วัน 1 คืน เสื้อผ้าของเขาก็ส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยวชวนอาเจียน
วูบ!
ชายหนุ่มรีบตรงไปอาบน้ำ
หลังจากนั้น เขาก็กลับออกมา สวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่
เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยสั่งให้คนรับใช้ไปเตรียมอาหาร
ฉู่ชวิ๋นรับประทานอาหารอย่างหิวโหย
เมื่อรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยก็อดถามไม่ได้จริง ๆ ว่า “น้องชาย น้องทำได้สำเร็จหรือเปล่า?”
ฉู่ชวิ๋นตอบพร้อมรอยยิ้ม “ห้าครั้ง ห้ารอบ สุดท้ายก็สำเร็จ”
พูดจบ เขาก็หยิบโอสถเทพตะวันแดงออกมา
มันเป็นยาลูกกลอนสีม่วงที่มีขนาดเท่ากับนิ้วหัวแม่มือ กลิ่นหอมของยาสมุนไพรที่ลอยออกมา ทำให้ทุกคนต้องกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว
จิ่วโยวมือไวกว่าความคิด หยิบเม็ดยาไปจากมือของฉู่ชวิ๋นและโยนเข้าใส่ปากไปทันที
เด็กหญิงรู้สึกดีใจที่ฉู่ชวิ๋นทำเหมือนไม่ได้สนใจเธอเลย
“กร๊อบ”
เสียงฟันแตกดังได้ยินถนัดหู จิ่วโยวเกือบร้องไห้ออกมาแล้วก่อนที่จะกลืนลงคอไป เธอเคี้ยวเม็ดยาเข้าไปเต็มแรงทำให้ฟันของเธอเกือบจะหักไปเลยทีเดียว
แต่หลังจากนั้น จิ่วโยวก็ต้องกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พลังลมปราณพวยพุ่งออกมาจากร่างกาย
ตู้ม!
พลังงานล้นทะลัก โต๊ะและเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าทุกคนแหลกสลายกลายเป็นผุยผง
ฉู่ชวิ๋นสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ก่อนพูดว่า “ตั้งสมาธิให้ดี นั่งโคจรพลังก่อน”
จิ่วโยวสีหน้าแดงก่ำด้วยความเจ็บปวด เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่ชวิ๋น เด็กหญิงก็รีบนั่งลง
แต่ทันทีที่เธอโคจรพลังลมปราณ เลือดก็พุ่งออกมาจากปากของจิ่วโยว
“ฉันรับพลังของยาเม็ดนี้ไม่ไหว ฉันกดพลังมันไว้ไม่ได้เลย” จิ่วโยวพูดด้วยความเจ็บปวดทรมาน
ฉู่ชวิ๋นโคจรพลังลมปราณจำแลงและถ่ายเทเข้าสู่ร่างกายของจิ่วโยว พลัน เขาก็ต้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ!