จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 355 คนทรยศ
บทที่ 355 คนทรยศ
ฉู่ชวิ๋นเก็บทุกอย่างที่ขวางหน้า เพียงพริบตาเดียว ของทั้งหมดที่เคยอยู่ในห้องเก็บสมบัติก็มาอยู่ในแหวนเก็บสมบัติของฉู่ชวิ๋นจนหมดสิ้น
ถ้าหลุยส์รู้ว่าบรรดาของที่วิหารดวงตะวันเก็บมาตลอดหลายพันปีตกเป็นของฉู่ชวิ๋นทั้งหมด เขาคงอยากฟื้นคืนจากความตายขึ้นมาฆ่าฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นค้นหาภายในห้องเก็บสมบัติทุกซอกทุกมุม ในทันใดนั้นเอง ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นที่ด้านนอกตัววิหาร
สหพันธ์ศาสตร์มืดและสำนักอื่น ๆ ใช้ประโยชน์จากความมืดมิด บุกเข้าโจมตีวิหารดวงตะวันยามราตรี
มีใครบ้างที่ไม่อยากได้สมบัตินับพันปีของวิหารดวงตะวัน?
เสียงการต่อสู้และตะโกนโวยวายดังมาจากด้านนอก จนรบกวนสมาธิของฉู่ชวิ๋น ฉู่ชวิ๋นเลยแอบเดินกลับมาโดยไม่มีใครเห็นและก็พบว่าที่ด้านนอกกำลังต่อสู้กันชุลมุนวุ่นวายไปหมด
“สหพันธ์ศาสตร์มืด กล้าดียังไงเสนอหน้ามาถึงวิหารดวงตะวันของพวกเรา?” รองเจ้าสำนักคนปัจจุบันแผดเสียงคำราม ในขณะที่ต่อสู้กับผู้อาวุโสจากสหพันธ์ศาสตร์มืดผู้หนึ่ง
ไม่ว่ามองไปทางไหนก็จะพบเห็นการต่อสู้เต็มไปหมด
“หลุยส์ตายไปแล้ว วิหารดวงตะวันก็ต้องล่มสลาย ส่งมอบวิหารของพวกแกมาให้สหพันธ์ศาสตร์มืดซะดีๆ” ผู้อาวุโสจากสหพันธ์ศาสตร์มืดระเบิดเสียงหัวเราะอย่างชั่วร้ายออกมา
“พวกวิหารดวงตะวัน ตอนนี้หลุยส์ไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว ที่นี่ก็ต้องจบสิ้น? ยอมแพ้ซะเถอะ จะได้ไม่ต้องมีใครเจ็บตัว” คนจากสำนักอื่น ๆ ตะโกนออกมา
“ไอ้พวกเลี้ยงไม่เชื่อง” มีผู้อาวุโสของวิหารดวงตะวันจำนวนไม่น้อยเข้าร่วมกับฝ่ายตรงข้าม พวกเขารู้ดีว่าต้องยอมแพ้เท่านั้นถึงจะรอดตายไปได้ พวกเขายอมทุกอย่างแม้จะต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทรยศก็ตาม
“ตายซะเถอะ ไอ้พวกคนทรยศ!” เปลวไฟพวยพุ่งในอากาศอย่างรุนแรง
ฉู่ชวิ๋นแฝงตัวอยู่ในกลุ่มลูกศิษย์ของวิหารดวงตะวัน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขาเขาอยู่เงียบ ๆ ดีกว่า
“สมาชิกของวิหารดวงตะวัน เจ้าคนทรยศพวกนั้นมันกล้าลบหลู่เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ จงมาเข้าร่วมกับฉัน เพื่อกำราบศัตรูให้หมดสิ้น” รองเจ้าสำนักคนปัจจุบันร้องตะโกนด้วยความบ้าคลั่ง
แต่ขณะนี้ ศัตรูมีมากมายเกินไป และคนที่ทรยศส่วนใหญ่ก็เป็นระดับผู้อาวุโสในสำนักทั้งนั้น รองเจ้าสำนักคนปัจจุบันจึงไม่อาจต้านทานได้ เขาพ่ายแพ้อย่างราบคาบ
ฉู่ชวิ๋นอาศัยจังหวะชุลมุนช่วงนี้สังหารยามหน้าประตู และเดินหลบหนีออกมาโดยไม่หันหลังกลับไปมองอีก ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำลายล้างวิหารดวงตะวันให้สิ้นซากที่นี่ แต่เขาสัมผัสได้ถึงความอันตรายบางอย่างที่กำลังใกล้เข้ามา หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกันนะ?
ชายหนุ่มรีบถอนตัวออกจากสนามรบ และยืนดูจากที่ซ่อนตัวในผืนป่าหนาทึบ
ตอนนี้ การต่อสู้ก็ยังดำเนินต่อไป
“เจ้าพวกวิหารดวงตะวัน ทิ้งอาวุธแล้วยอมมอบตัวดีกว่า อย่าขัดขืนให้มันเปล่าประโยชน์อีกเลย” ผู้อาวุโสของสหพันธ์ศาสตร์มืดร้องคำราม
เสียงของเขายังไม่ทันจางหาย ลำแสงสีดำก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ พุ่งทะลวงผ่านร่างของผู้อาวุโสของสหพันธ์ศาสตร์มืดจนแตกสลายกลายเป็นม่านหมอกเลือด
สิ่งที่เกิดขึ้นนอกจากทำให้บรรดาคนที่กำลังต่อสู้กันอยู่หยุดมือโดยไม่รู้ตัวแล้ว แม้แต่ฉู่ชวิ๋นที่ยืนดูอยู่ในป่าหนาทึบก็หัวใจเต้นระรัว นี่คืออันตรายที่เขาสัมผัสได้เมื่อสักครู่ใช่หรือไม่?
เปลวไฟจากสนามรบทำให้แผ่นฟ้ายามราตรีสว่างไสว เงาร่างของใครบางคนปรากฏตัวขึ้นจากความมืดมิด เขาเป็นชายชราที่มีผิวหนังเหี่ยวย่น ร่างกายโงนเงนไปมา ก้าวเดินเชื่องช้าเป็นอย่างยิ่ง
ชายชราคนนี้ค่อย ๆ ก้าวเดินเข้าสู่สนามรบ ดวงตาของเขากวาดมองหาเหล่าศัตรู เมื่อเจอแล้วก็จะสะบัดมือขึ้นเล็กน้อย
เปรี้ยง!
พื้นดินสั่นสะเทือนจนเกิดรอยแตกร้าวเป็นวงกว้าง ผู้อาวุโสจากสหพันธ์ศาสตร์มืดไม่ทันได้ส่งเสียงร้องด้วยซ้ำ บรรดาผู้อาวุโสจากสหพันธ์ศาสตร์มืดและเหล่าผู้ติดตามอีกหลายสิบคน ร่างสลายกลายเป็นม่านหมอกเลือดในทันที
ฉู่ชวิ๋นที่ยืนดูอยู่จากระยะไกล ๆ เขาเห็นท่าทางหวาดกลัวบนใบหน้าของทุกคนอย่างชัดเจน
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด”
รองเจ้าสำนักคนปัจจุบันวิ่งเข้ามาหาชายชราเป็นคนแรก ก่อนสั่งให้ทุกคนนั่งคุกเข่าทำความเคารพ
ชายชราเปิดปากพูดอย่างเชื่องช้า ดูเหมือนว่าแต่ละคำกว่าที่จะออกมาจากปากของเขาได้ มันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน “วิหารดวงตะวันต้องเผชิญกับหายนะหลายครั้งตลอดหลายพันปีที่ผ่านมาแต่ก็ไม่อาจทำอะไรวิหารดวงตะวันของพวกเราได้? ฉันยังอยู่ตรงนี้ วิหารของเราก็ยังอยู่ตรงนี้ วิหารดวงตะวันคือตัวแทนของเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์!”
ชายชราโบกมือในอากาศเหมือนปัดไล่แมลงวัน
เปรี้ยง!
พื้นดินสั่นสะเทือน เลือดสาดกระจาย แขนขาคนปลิวว่อน
ครืน…!
สหพันธ์ศาสตร์มืดพร้อมด้วยสำนักอื่น ๆ ที่บุกเข้ามาโจมตีถึงกับวงแตกทันที ทุกคนหันหลังวิ่งหนีด้วยความตื่นกลัวอย่างไม่คิดชีวิต ชายชราคนนี้แข็งแกร่งมากเกินไป พวกเขาไม่อาจต่อกรได้เลยแม้แต่น้อย
แต่ชายชราไม่ปล่อยให้คนเหล่านั้นหนีรอดไปได้ เขาก้าวเดินไล่ตามบรรดาคนที่หลบหนีได้ก่อนจะสะบัดมือเบา ๆ
เสียงโห่ร้องด้วยความยินดีดังจากคนของวิหารดวงตะวัน
บรรดาผู้คนจากสหพันธ์ศาสตร์มืดและสำนักพันธมิตร ต้องตกตายให้หมด!
“สหาย ทำแบบนี้รุนแรงเกินไปหน่อยไหม” ทันใดนั้น เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นในความมืด ก่อนที่จะมีลำแสงในขนาดใกล้เคียงกันพุ่งเข้ามาปะทะพลังของชายชราที่ซัดออกไปเมื่อครู่
ตู้ม!
พลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน จนเปลวเพลิงลามทั่วท้องฟ้าราวกับเป็นการปะทะกันของจรวดมิสไซล์ก็ไม่ปาน เปลวเพลิงทำให้ท้องฟ้าสว่างไสวเหมือนกับตอนกลางวันไม่มีผิด
ชายชราหยุดมือ ไม่ไล่ตามต่อ “ดูแลคนของแกให้ดี ถ้ามีใครกล้ามาที่นี่อีก ฉันจะฆ่าทิ้งให้หมด” ชายชราพูดจบแล้วก็หันหลังกลับ
ในจังหวะนั้นเอง ไม่รู้ว่าชายชราผู้นี้ตั้งใจหรือไม่ แต่ชายชราได้ชำเลืองมองเข้ามาในป่าทึบที่ซ่อนตัวของฉู่ชวิ๋นพอดี!
ฉู่ชวิ๋นเหงื่อออกเต็มหน้าผาก ร่างกายเย็นเฉียบ ชายหนุ่มไม่รอช้า รีบหันหลังแล้วใช้วิชาตัวเบาหลบหนีออกมาทันที
เพียงไม่กี่อึดใจฉู่ชวิ๋นก็หลบหนีออกมาไกลหลายร้อยไมล์ ชายชราไม่ได้ไล่ตามเขามา
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกโล่งอก ชายชราคนนี้ฝีมือน่ากลัวยิ่งกว่าหลุยส์เสียอีก ฉู่ชวิ๋นรู้ตัวแล้วว่าตนเองประมาทคู่ต่อสู้มากเกินไป วิหารดวงตะวันสามารถดำรงอยู่มาได้หลายพันปี ย่อมต้องซุกซ่อนยอดฝีมือมากความสามารถเอาไว้
แต่ฉู่ชวิ๋นก็ไม่มั่นใจว่าเมื่อสักครู่นี้ชายชรามองเห็นเขาจริง ๆ หรือเปล่า?
“พอกันที ยิ่งเจอยิ่งยุ่งยาก ตาแก่พวกนี้ฉันรับมือไม่ไหวจริงๆ” ฉู่ชวิ๋นพึมพำ เขาไม่กล้าประมาทอีก รีบใช้วิชาตัวเบาหลบหนีไม่หยุดจนกระทั่งเดินทางติดต่อกัน 4 วัน ฉู่ชวิ๋นก็มาปรากฏตัวที่เขตชายแดนเมืองจีน เขาถึงสามารถรู้สึกโล่งอกได้อย่างเต็มที่
ชายหนุ่มสาบานกับตัวเองว่า ถ้าเขายังเลื่อนระดับพลัง เขาจะไม่ขอไปเหยียบแผ่นดินยุโรปอีกเลย ที่นั้นมีแต่สัตว์ประหลาดเต็มไปหมด
…
ณ วังมังกรเพลิง เมื่อเห็นว่าฉู่ชวิ๋นกลับมาแล้ว ทุกคนก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง
“พี่ฉู่ชวิ๋น” ถางโร้วโถมตัวเข้าสู่อ้อมแขนของฉู่ชวิ๋น น้ำตาไหลพราก
นี่ก็ผ่านมาได้หนึ่งสัปดาห์แล้วตั้งแต่จบการต่อสู้ที่ชายแดนจีนกับเวียดนาม ไม่มีใครทราบข่าวคราวจากฉู่ชวิ๋นอีกเลย หลายคนจึงรู้สึกเป็นกังวลสุดหัวใจ
“นายท่าน หายไปไหนมาตั้งนานครับ?” เหยียนชงถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเสียงดัง ตั้งแต่กลับมาถึงเมืองจีนได้ เขาก็อารมณ์ดียิ่งนัก เลยตอบเหยียนชงไปว่า “ฉันไปเก็บรังนกมา”
เก็บรังนก? ทุกคนได้แต่หันมามองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ
ไม่มีใครรู้เลยว่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านไป ฉู่ชวิ๋นหายไปไหนมา
เหยียนชงหันกลับมามองหน้าพรรคพวกด้วยความงงงวย
“พี่ไปขโมยของที่ห้องเก็บสมบัติของวิหารดวงตะวันมาใช่ไหมล่ะ?” หยานหวูซวงที่ยืนกอดอกอยู่ห่าง ๆ พูดออกมา
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าแล้วหันไปยิ้มตอบ “วิหารดวงตะวันเก็บของดีไว้มากมาย เมื่อมีของพวกนี้ พวกนายจะสามารถพัฒนาฝีมือได้อย่างรวดเร็วแน่นอน แต่พวกมันไม่ธรรมดาเลย….ฉันไปเจอ…” ฉู่ชวิ๋นเล่าเรื่องชายชราสุดแกร่งของวิหารดวงตะวันให้ทุกคนฟัง
พลัน เหยียนชงก็คุกเข่าลงด้วยสีหน้าจริงจัง “ในอนาคตต่อจากนี้ ถ้าจะทำอะไร ผมอยากให้นายท่านคิดดูให้ดีก่อนนะดีกว่านะครับ”
“หา!”
ทุกสายตาหันไปจ้องมองเหยียนชง เหยียนชงกินยาลืมเขย่าขวดหรือเปล่าถึงได้กล้าพูดจาเช่นนี้กับฉู่ชวิ๋น
“ตาเฒ่าเหยียน แกทำอะไรของแกเนี่ย?” เหลยเป้าแอบสะกิดเหยียนชงให้ระมัดระวังคำพูดสักหน่อย
“ฉันไม่ต้องระวังอะไรทั้งนั้น? นี่คือสิ่งที่คนเป็นข้ารับใช้ที่ดีควรจะทำ” เหยียนชงไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว เขาเงยหน้ามองฉู่ชวิ๋น แล้วพูดต่อ “นายท่านเป็นผู้นำตระกูลและผมรู้ดีว่านายท่านฝีมือแข็งแกร่งขนาดไหน แต่นายท่านไม่ใช่เทพเจ้า ท่านสามารถตกอยู่ในอันตรายได้ตลอดเวลา และมันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นายท่านเคยคิดถึงผลที่จะตามมาบ้างหรือเปล่าครับ? ไม่ว่าจะเป็นวังมังกรเพลิงหรืออีกหลาย ๆ สำนักในการปกครองของท่าน ต่างก็ต้องพึ่งพาชื่อเสียงของท่านปกป้องคุ้มครอง ประตูวิญญาณสลาย สำนักดาบพิฆาต และกลุ่มอื่นๆ ต่างเตรียมตัวเล่นงานพวกเราตลอดเวลา ถ้านายท่านเป็นอะไรไปสักคน ตระกูลฉู่คงต้องพบกับหายนะเป็นแน่แท้ เพราะงั้นได้โปรดเลิกทำแบบนี้ซะทีเถอะครับ”
เหลยเป้าและคนอื่น ๆ นิ่งเงียบ เหยียนชงพูดจามีเหตุผล โดยเฉพาะในครั้งนี้ ถ้าชายชราคนนั้นไล่ตามฉู่ชวิ๋นมาถึงที่นี่ พวกเขาจะมีโอกาสรอดกันหรือไม่?
“พี่ฉู่ ฉันว่าเหยียนชงพูดถูกนะ” หยานหวูซวงพูดด้วยสีหน้าหนักแน่น
ฉู่ชวิ๋นหันขวับไปจ้องมองหยานหวูซวง ไอ้นี่พูดไร้สาระ
เหลยเป้าและพรรคพวกคนอื่นคุกเข่าลงทันที ก่อนพูดพร้อมกัน “นายท่าน พวกเราคิดว่าตาเฒ่าเหยียนกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ครั้งนี้นายท่านทำไม่ถูกจริง ๆ”
“…” ฉู่ชวิ๋นกวาดตามองทุกคนอีกครั้ง เจ้าพวกนี้มันจะคิดก่อกบฏหรือไง?
“พูดตามตรง นายท่านขาดความรับผิดชอบ ทั้งความรับผิดชอบต่อตัวเองและความรับผิดชอบต่อผู้อื่นที่อยู่รอบตัวท่าน” จักรพรรดิยาพูดออกมาอย่างใจกล้า
“…” ฉู่ชวิ๋นอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก
ถางโร้วมองฉู่ชวิ๋น แล้วก็หันไปมองเหยียนชงพร้อมด้วยคนอื่น ๆ
“พี่ฉู่ชวิ๋นคะ ฉันก็คิดว่าครั้งนี้พวกเขาพูดถูก มันอันตรายเกินไปจริง ๆ”
“นี่เธอ…” ฉู่ชวิ๋นไม่อยากจะเชื่อ แม้แต่ถางโร้วก็ไม่เชื่อมือเขางั้นเหรอ
“ทำได้ดีมาก” หยานหวูซวงยกนิ้วโป้งให้ถางโร้ว ก่อนที่จะหันกลับมามองหน้าฉู่ชวิ๋น
“แกจะพูดอะไรอีก หยานหวูซวง?” ฉู่ชวิ๋นรู้สึกเหมือนคนหายใจไม่ออก เขาพยายามแทบตายกว่าจะเข้าไปขโมยสมบัติจากวิหารดวงตะวันออกมาได้ แต่เจ้าคนพวกนี้กลับมาต่อว่าเขาเสียอย่างนั้น
แต่ความเดือดดาลของฉู่ชวิ๋นก็ถูกขัดจังหวะลง เมื่อถางโร้วส่งโทรศัพท์มาให้เขาและรีบบอก “ป้าหลิวโทรมาค่ะ”
ฉู่ชวิ๋นยกโทรศัพท์มาแนบหู พูดออกไปโดยไม่ทันได้คิดอะไร “ป้าหลิวไหน ฉันไม่มีเวลาหรอกนะ มีอะไรก็ว่ามา”
“ไอ้ลูกบ้า ลูกเป็นบ้าอะไรของลูก?” น้ำเสียงดุร้ายเหมือนแม่เสือสาว แผดเสียงออกมาจากหูโทรศัพท์
ฉู่ชวิ๋นสะดุ้งโหยง รีบพูดออกไปอย่างตะกุกตะกักทันที “อ้าว..แม่เหรอ”
“ไอ้ลูกไม่รักดี เดี๋ยวนี้ปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม? ยุ่งมากหรือไง? ลูกจะยุ่งขนาดไหนกัน? ไม่มีเวลารับโทรศัพท์ของแม่เลยเหรอ?” หลิวหรานต่อว่าลูกชายชุดใหญ่
ฉู่ชวิ๋นหันมามองหน้าถางโร้ว ก่อนที่จะพยักหน้าและยิ้มให้กับคนปลายสาย “แม่ครับ แม่โมโหอะไรมาเนี่ย พ่อทำให้แม่อารมณ์เสียอีกแล้วเหรอ?”
“เจ้าเด็กบ้า ตัวเองทำความผิดยังมาโยนให้เป็นความผิดของฉันงั้นเรอะ ถ้าลูกกลับมาเมื่อไหร่ พ่อไม่คุยด้วยหรอกนะ” ฉู่เทียนเหอส่งเสียงแทรกเข้ามาด้วยความฉุนเฉียว
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเบา ๆ แล้วถามออกมา “พ่อก็อยู่ด้วยเหรอครับ?”
“ถามออกมาได้ ถ้าฉันไม่อยู่ที่นี่ แล้วจะให้ฉันไปอยู่ที่ไหน!” ฉู่เทียนเหอตะโกนใส่โทรศัพท์
“พูดบ้าอะไรของคุณ? เดี๋ยวนี้ทำตัวเป็นนักเลงแล้วหรือไง ลูกเขาถามดีๆ” หลิวหรานเปลี่ยนเป้าหมายการโจมตีขึ้นมาดื้อๆ
“ที่รัก เรากำลังช่วยกันสั่งสอนเจ้าลูกบ้าอยู่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงหันมาต่อว่าผมแทนแล้วล่ะ?”
“เงียบไปเลย นี่ไงถึงได้เรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น พ่อเป็นยังไง ลูกก็เป็นอย่างนั้น ที่ลูกเป็นแบบนี้ก็เพราะคุณคนเดียว”
“ผม…”
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเบา ๆ ถึงแม้จะมองไม่เห็น แต่เขาก็รู้เลยว่าขณะนี้พ่อจะมีสีหน้าเป็นอย่างไร
“เจ้าเด็กดื้อ ตลกมากใช่ไหม?” หลิวหรานหันมาดุฉู่ชวิ๋นอีกครั้ง
เอ่อ…ฉู่ชวิ๋นไม่รู้จะพูดอะไรดี
“ไม่หรอกแม่ แม่ทำดีแล้วครับ” ฉู่ชวิ๋นชื่นชมออกไปจากใจจริง ถึงแม่จะไม่ได้ยินเสียงเมื่อสักครู่นี้ แต่แม่ก็ยังรู้ว่าเขากำลังหัวเราะ นับว่าเก่งกาจยิ่งกว่าเขาเสียอีก
“เลิกปากหวานแล้วกลับมาหาแม่ได้แล้ว”
“ครับ ผมจะไปหาในอีกไม่กี่วันนี่แหละ” ฉู่ชวิ๋นพูดไปก็หัวเราะไป
“อีกอย่าง ห้ามต่อว่าพวกเหยียนชงเด็ดขาดนะ ถ้าแม่รู้ว่าลูกทำแบบนั้น แม่จะไม่คุยด้วยแล้ว”
“เดี๋ยวก่อนสิ…แม่ว่าอะไรนะครับ”
“แค่นี้แหละ รีบกลับบ้านด้วยล่ะ” หลิวหรานสั่งสอนบุตรชายอีกชุดใหญ่ ก่อนจะวางสายไป
“พี่ฉู่ชวิ๋น ฉันโทรไปหาป้าหลิวเมื่อกี้ เพราะฉันต้องบอกว่าพี่กลับมาแล้ว ป้าหลิวคงได้ยินเรื่องเมื่อกี้ตอนนั้น” ถางโร้วบอกฉู่ชวิ๋น
“…” ฉู่ชวิ๋นพูดอะไรไม่ออก เขาไม่มีทางจัดการเจ้าพวกนี้เลยหรือไงนะ? แล้วในจังหวะนั้นเอง เขาก็เห็นหยานหวูซวงยิ้มมุมปากโดยไม่ได้ตั้งใจ ทันใดนั้น ฉู่ชวิ๋นก็เข้าใจในทันทีว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนการของไอ้บ้านี้เอง
หยานหวูซวงสะดุ้งไปทั้งตัว เมื่อเห็นฉู่ชวิ๋นหันมามองเหมือนรู้แผนเขาแล้ว
ตอนที่เหยียนชงคุกเข่าลงและเริ่มพูดประโยคแรก หยานหวูซวงก็แอบสะกิดให้ถางโร้วโทรไปหาแม่ของฉู่ชวิ๋นและปล่อยให้ท่านได้ยินทุกถ้อยคำที่พูดออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ
แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ได้มันสะใจเขายิ่งนัก!
“คุณชายหยาน ฉันว่าช่วงนี้นายพัฒนาฝีมือขึ้นเยอะเลยนะ แต่พื้นฐานยังไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่ ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยนายปรับพื้นฐานให้เอง มา ๆ ฮ่าฮ่า” ฉู่ชวิ๋นระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชั่วร้าย
รอยยิ้มบนใบหน้าหยานหวูซวงแข็งค้าง ปรับพื้นฐานอะไรกัน? ฉู่ชวิ๋นแค่อยากหาโอกาสทุบตีเขาเล่นล่ะสิไม่ว่า
“พวกนายก็ด้วย ช่วงหลังพัฒนาฝีมือได้รวดเร็วก็จริง แต่พื้นฐานก็ยังไม่แน่นเหมือนกัน เอาเป็นว่าฉันจะช่วยปรับพื้นฐานให้พวกนายทุกคนเอง!”
เหยียนชง เหลยเป้า และจักรพรรดิยา เมื่อเห็นรอยยิ้มที่น่ากลัวบนใบหน้าของฉู่ชวิ๋นแล้ว พวกเขาก็ตัวเย็นเฉียบด้วยความสะพรึงไปทันที