จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 357 ดาบเกล็ดทองคำ
บทที่ 357 ดาบเกล็ดทองคำ
ลำแสงสีทองเปล่งประกายเจิดจ้า
จิงหงสีหน้าเคร่งเครียด จักรพรรดิอ๋าวฮวงซัดพลังใส่ฉู่ชวิ๋นที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร
ฉู่ชวิ๋นเมื่อเห็นลำแสงสีทองพุ่งเข้าใส่ตัวเอง เขากลับฉีกยิ้มออกมามันเป็นรอยยิ้มของจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่หลบหลีกแม้แต่น้อยเพราะคิดว่าจักรพรรดิอ๋าวฮวงไม่ฆ่าแขาแน่ๆ
วูบ!
ลำแสงสีทองพุ่งเข้ามาแต่ไม่ได้กระทบถูกร่างกายของชายหนุ่ม มันหยุดนิ่งอยู่เบื้องหน้าของเขา
ลำแสงนั้นเป็นแสงสีทองสวยงามตระการตา ฉู่ชวิ๋นต้องหรี่ตาลงโดยไม่รู้ตัว
ที่แท้มันคือดาบทองคำเล่มหนึ่ง ขนาดยาวสามฟุตกว้างหนึ่งฝ่ามือ ด้ามจับเป็นรูปทรงหัวมังกร คมดาบตีด้วยทองคำแวววาว ปรากฏเงาร่างของมังกรลอยออกมาเจือจาง
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะขณะที่เอื้อมมือไปหยิบจับดาบเล่มนี้ หลังนั้นเขาก็โคจรพลังใส่ตัวดาบ เสียงสัตว์ร้ายร้องคำรามก็ดังขึ้นขณะที่ลมปราณสีทองคำพวยพุ่งออกมาจากตัวดาบ ทั่วบริเวณสว่างไสวภายในพริบตา
โฮก!
ตัวดาบลุกเป็นไฟ เสียงสัตว์ร้ายคำรามลั่น แล้วมวลพลังลมปราณรูปร่างของมังกรก็ลอยออกมาจากตัวดาบสูงขึ้นไปหลายเมตร มันอ้าปากกว้างอวดเขี้ยวยาวแหลมคมแลดูดุร้าย
ฉู่ชวิ๋นจ้องมองไม่วางตา สัตว์ร้ายตัวนี้คือมังกรฟ้า หนึ่งในสี่สัตว์ในตำนาน แต่ถือเป็นสัตว์ที่แข็งแกร่งที่สุด แม้แต่ในทวีปเซียน ฉู่ชวิ๋น ก็ไม่เคยพบเจอตัวจริงมาก่อน
เปรี้ยง!
ดาบตวัดไปทางภูเขา ประกายดาบพุ่งออกมาแล้วภูเขาสูงใหญ่ก็ถูกตัดขาดเป็นสองซีก เงาของมังกรฟ้าแผดร้องก้องคำราม ภูเขาทั้งลูกพลันถล่มทลายหายไปกับตา
ฉู่ชวิ๋นยืนตาค้างด้วยความตกตะลึง
“นี่คือสัตว์ในตำนานของจริงงั้นเหรอ ฉันไม่ได้เห็นภาพลวงตาใช่ไหม?” ฉู่ชวิ๋นไม่คิดว่า พลังของสัตว์ในตำนานจะแข็งแกร่งขนาดนี้
“ดาบเล่มนี้มีชื่อว่าดาบเกล็ดทองคำ พ่อของข้าเป็นคนตีขึ้นมันมาเอง ไม่มีอะไรในใต้หล้าต้านทานคมดาบเล่มนี้ได้” ดวงตาของจักรพรรดิอ๋าวฮวงระลึกความหลังก่อนพูดต่อ “ท่านพ่อข้ามอบดาบเล่มนี้มาให้เป็นของขวัญ แต่ข้าไม่เคยได้เอามันมาใช้ ทำอะไรเลยนอกจากถลกเกล็ดมังกรฟ้าและปิดผนึกวิญญาณของมันไว้ในตัวดาบ”
ฉู่ชวิ๋นพูดอะไรไม่ออก เกล็ดที่ว่าก็คือเกล็ดมังกร มังกรของจริง! แค่สัมผัสมันก็ทำให้ผู้คนล้มตายได้แล้ว
เขาไม่เคยคิดเลยว่าดาบเล่มนี้จะถูกตีขึ้นมาจากพญามังกร
ฉู่ชวิ๋นขยับเท้าก้าวเดินมาด้านหน้า ลูบมือลงบนตัวดาบ ก่อนพูดเสียงเข้ม “ผมไม่ได้อยากได้มันสักหน่อย”
จักรพรรดิอ๋าวฮวงส่ายศีรษะเล็กน้อย ก่อนจ้องมองฉู่ชวิ๋น “เอาไปเถอะ ท่านพ่อข้าตีมาให้ข้าไว้ใช้ปกป้องโลกมนุษย์ ตอนนี้เจ้าต้องใช้มันมากกว่าข้า เพราะว่าข้าคงไม่ได้ใช้งานมันอีกแล้ว ลองคิดดูให้ดี ดาบเล่มนี้เหมาะสมกับพลังในปัจจุบันของเจ้ามาก อยู่กับข้ามันก็ไร้ประโยชน์ เพราะข้าแข็งแกร่งเกินไป”
ฉู่ชวิ๋นลองคิดดูแล้วก็พยักหน้า ลดดาบในมือลง
“ดาบเล่มนี้มีระดับพลังอยู่ขั้นไหน?” ฉู่ชวิ๋นถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
จักรพรรดิอ๋าวฮวงถลึงตา “ระดับพลังของตัวดาบไม่สำคัญ ตราบใดที่เจ้าแข็งแกร่งมันก็คืออาวุธวิเศษ แต่ถ้าเจ้าอ่อนแอ มันก็เป็นเพียงดาบธรรมดา เหมือนกับที่ถ้าข้าอยากจะฆ่าเจ้า ต่อให้เจ้าถืออาวุธสวรรค์ระดับสูงสุดอยู่ในมือ เจ้าก็ต้องตายอยู่ดี”
“พูดจาเหลวไหล!” ฉู่ชวิ๋นรู้สึกรำคาญมาก ตาเฒ่าผู้นี้เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในใต้หล้า ระดับพลังของอาวุธย่อมไม่สำคัญอยู่แล้ว ขนาดหลุยส์มีตะเกียงวิเศษอยู่ในมือก็ยังทำอะไรไม่ได้ แต่เขาไม่ได้เก่งขนาดนั้นรู้เอาไว้ไม่เสียหายซะหน่อย
แต่จริง ๆ แล้ว จักรพรรดิอ๋าวฮวงอยากให้ฉู่ชวิ๋นเข้าใจว่าความแข็งแกร่งของตัวเองคือรากฐานของความแข็งแกร่ง ส่วนตัวอาวุธเป็นแค่เพียงองค์ประกอบภายนอกเท่านั้น
ตู้ม! ทันใดนั้น ฉู่ชวิ๋นก็ถูกเตะกระเด็นไปไกลอีกครั้ง
ใบหน้าที่สวยงามของจิงหงแข็งค้าง
ฉู่ชวิ๋นตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน ก่อนขมวดคิ้วอย่างเคียดแค้น “บ้าที่สุด ตาแก่เฝ้าสมบัติอย่างคุณขี้งกยิ่งกว่าอะไรดี รู้ทั้งรู้ว่าผมต้องออกไปปกป้องชาวโลกมาตั้งนาน แต่เพิ่งจะคิดเอาอาวุธมาให้ผมใช้ป้องกันตัวเนี่ยนะ ที่ให้เพราะเห็นหลุยส์มันเอาตะเกียงวิเศษออกมาใช่ไหม เลยพึ่งนึกขึ้นได้”
จักรพรรดิอ๋าวฮวงตอบอย่างขุ่นเคือง “ข้าน่ะเหรอตาแก่เฝ้าสมบัติขี้งก? เจ้าได้เปลี่ยนโครงกระดูกมังกร ได้อาบเลือดมังกร ได้ฝึกวิชาวิหคเพลิงและเคล็ดวิชามังกรเพลิงเก้าโลกันต์ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะใครฮะ?”
“แต่เคล็ดวิชามังกรเพลิงเก้าโลกันต์ ผมฝึกของผมเองนะ” ฉู่ชวิ๋นเถียงกลับ
“เจ้าคนบัดซบ เจ้าคิดว่าน้ำหน้าอย่างเจ้าจะฝึกวิชามังกรได้ถึงขั้นไหนกัน เจ้ามันหน้าไม่อายจริงๆ” จักรพรรดิอ๋าวฮวงเดือดดาล เขาหันหน้ากลับไปหาจิงหงและพูดออกมา “ลูกศิษย์ของข้า เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะสั่งสอนเจ้าเด็กเมื่อวานซืนคนนี้เสียหน่อย”
“ตาเฒ่าอ๋าวฮวง ตั้งใจจะทำอะไร?” ฉู่ชวิ๋นหันหลังแล้วกระโดดหลบหนีไป เขารู้ดีว่าชายชราจะใช้โอกาสนี้ทุบตีเขา
“จะหนีไปไหน?” จักรพรรดิอ๋าวฮวงหัวเราะเยาะ ก่อนยกมือขึ้นแล้วซัดพลังไล่หลังฉู่ชวิ๋นไป
“ตาเฒ่าอ๋าวฮวง ปล่อยผู้น้อยไปเถอะ ฝีมืออย่างท่านต้องสู้กับคนที่มีระดับเดียวกันสิ แบบนี้เรียกว่าผู้ใหญ่รังแกเด็ก” ฉู่ชวิ๋นตะโกนสวนกลับไป
จักรพรรดิอ๋าวฮวงไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เขายังจำได้ดีตอนที่ช่วยเหลือฉู่ชวิ๋นมาในครั้งแรก เจ้าเด็กนี้มันถือดีขนาดไหน มันคิดว่าจักรพรรดิเซียนคือที่สุดแล้วจริง ๆ อย่างงั้นหรือ?
จักรพรรดิอ๋าวฮวงกระโดดมาข้างหน้าและตวัดขาเตะฉู่ชวิ๋น
“ตาเฒ่า จะเอาแบบนี้ใช่ไหม ก็ได้มาสู้กันสักตั้ง” ฉู่ชวิ๋นคำรามแต่ร่างก็ลอยไปกระแทกเข้ากับหน้าผาหินและร่วงลงไปบนพื้นอย่างน่าเวทนา
ตอนที่ซัดพลังเมื่อสักครู่นี้ออกไป ชายชราฉวยโอกาสสะกัดจุดลมปราณของฉู่ชวิ๋นเอาไว้แล้วทำให้ไม่อาจโคจรลมปราณได้ ถ้าฉู่ชวิ๋นไม่ได้เปลี่ยนโครงกระดูกมังกรมาก่อน ร่างของเขาคงกระดูกแตกหักตายไปแล้วจากการกระแทกหน้าผาหิน
“เจ้าเด็กโง่ วันนี้ข้าจะสอนให้เจ้าหัดเคารพผู้ใหญ่ซะบ้าง” จักรพรรดิอ๋าวฮวงย่างสามขุมเข้ามาหาพร้อมกับยกมือขึ้น ฟาดไปที่ก้นของฉู่ชวิ๋น
เปรี้ยง! เสียงระเบิดดังสะเทือนกึกก้องทั่วหุบเขายาวนาน
ใบหน้าของฉู่ชวิ๋นแดงก่ำราวกับก้นลิง ตัวสั่นสะท้านด้วยความอับอายและเจ็บใจ เขาไม่อาจต่อสู้กับจักรพรรดิอ๋าวฮวงได้เลย
“ตาเฒ่าอ๋าวฮวง ท่านมันชั่วร้ายที่สุด” ฉู่ชวิ๋นตวาดด้วยความโกรธแค้น การถูกชายชราทุบตีต่อหน้าจิงหงทำให้เขาอยากมุดดินหนี แบบนี้มันน่าอายเกินไปแล้ว
เปรี้ยง! จักรพรรดิอ๋าวฮวงยกมือโบกสะบัด และฟาดก้นฉู่ชวิ๋นอีกครั้ง ฉู่ชวิ๋นได้แต่ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
“ตาเฒ่าอ๋าวฮวง ท่าน…ท่านมันเป็นปีศาจ”
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เสียงฟาดก้นดังเป็นจังหวะพร้อมกับที่มวลอากาศที่บิดเบี้ยว
“ตาเฒ่าอ๋าวฮวง หนอนโสโครก สักวันเตรียมตัวโดนเอาคือได้เลย” ฉู่ชวิ๋นได้แต่ร่ำร้องอย่างน่าเวทนา ความเจ็บปวดที่เขาพบเจอตอนนี้เกินกว่าจะรับไหว
“เจ้าหนู ปากดีแบบนี้ ต้องโดนตบปากสักหน่อยแล้ว” จักรพรรดิอ๋าวฮวงไม่ได้เบามือลงเลย “ข้าอยากจะสั่งสอนเข้ามาตั้งนานแล้ว ในที่สุดโอกาสนี้ก็มาถึงสักที”
“เป็นเพราะคุณขี้งกเกินไป อยากเก็บของวิเศษเอาไว้คนเดียว…อ๊ากกก…” ฉู่ชวิ๋นกรีดร้อง
“ยังกล้าปากดีอีกใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็จงร่ำร้องต่อไปเถอะ…นี่แน่ะ…”
“คุณแอบรับภรรยาของผมเป็นลูกศิษย์ คิดว่าผมจะสรรเสริญคุณหรือไง?” ฉู่ชวิ๋นยังคงคำรามอย่างไม่ยอมแพ้
“ไม่ว่าเจ้าอยากจะพูดอะไร วันนี้ข้าจะต้องสั่งสอนเจ้าให้รู้สำนึกให้ได้” จักรพรรดิอ๋าวฮวงฟาดมือแรงขึ้นเรื่อย ๆ
จิงหงยืนดูอยู่ไกล ๆ เมื่อเธอเห็นภาพตรงหน้า ถึงแม้ท่าทางเธอจะเย็นชาแต่ใบหน้าของเธอก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา
…
“โอ๊ย…”
ฉู่ชวิ๋นที่กำลังหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งหน้าโต๊ะม้าหิน ดีดตัวเด้งขึ้นมาเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต
จักรพรรดิอ๋าวฮวงคลายจุดลมปราณของเขาให้แล้ว แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าตาเฒ่านี่ใช้ทักษะวิชาอะไร บาดแผลที่ก้นของเขาถึงยังไม่สมานตัวสักที
“วางใจเถอะ อีกสามวันเดี๋ยวก็หายเองแหละ” จักรพรรดิอ๋าวฮวงที่นั่งอยู่ด้านตรงข้ามพูดด้วยน้ำเสียงสบายใจ
“สามวัน?” ฉู่ชวิ๋นทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ
จักรพรรดิอ๋าวฮวงพยักหน้า
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา “งั้นผมขออยู่ที่นี่สักสามวันก็แล้วกัน”
หากพวกของหยานหวูซวงเห็นสภาพของเขา คงพากันหัวเราะเยาะจนฟันหักตาย
“ไม่ได้” จักรพรรดิอ๋าวฮวงปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
“คุณทุบตีผมจนตกอยู่ในสภาพนี้ แถมยังไม่ยอมให้ผมพักรักษาบาดแผลอีกเหรอ นี่คุณยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด
“ก็ไม่ได้เป็นน่ะสิ ข้าเป็นมังกร” ชายชราตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ตาเฒ่า…” ฉู่ชวิ๋นรู้สึกเจ็บใจจนแทบขาดใจตาย รอก่อนเถอะถ้าเขามีฝีมือสูงกว่าตาเฒ่าคนนี้ละก็ ถึงตอนนั้นเขาจะโบยก้นจักรพรรดิอ๋าวฮวงให้บวมยิ่งกว่าก้นของเขาอีกหลายเท่าเลย คอยดู!
“รีบไปได้แล้ว เห็นหน้าเจ้าแล้วข้ารู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมาชอบกล” จักรพรรดิอ๋าวฮวงออกปากไล่
ฉู่ชวิ๋นตอบกลับด้วยความโกรธแค้น “ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“ตู้ม!” จักรพรรดิอ๋าวฮวงซัดฉู่ชวิ๋นทันที
“อ๊าก…ตาเฒ่าอ๋าวฮวง ตาเฒ่า…โอ๊ย…”
น้ำตาของฉู่ชวิ๋นไหลรินออกมาโดยไม่รู้ตัว มันเป็นภาพที่ไม่ควรมีใครมาพบเห็นเป็นที่สุด ในขณะที่เขาลุกขึ้นยืน ร่างก็ลอยกระเด็นออกไปอีกครั้ง
“จักรพรรดิอ๋าวฮวง ตาเฒ่าชั่วร้าย ถ้ายังไงให้ผมได้บอกลาภรรยาก่อนเถอะ เดี๋ยวผมก็จะไปแล้ว” ฉู่ชวิ๋นตะโกนสุดเสียง
เปรี้ยง! กลุ่มก้อนเมฆสีดำก่อตัวขึ้นเหนือหัวของฉู่ชวิ๋น สายฟ้าแลบแปลบและผ่าเปรี้ยงลงมา
“ตาเฒ่า ใจดำอำมหิตเกินไปแล้ว…”
ฉู่ชวิ๋นยกมือกุมหัววิ่งวนรอบบริเวณ สายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมา ทำให้พื้นดินข้างตัวเขาระเบิดเป็นหลุมลึก
“ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ ฝากไว้ก่อนเถอะ สักวันจะเสียใจ!”
ฉู่ชวิ๋นใช้วิชาตัวเบาหลบหนีออกมาจากระยะโจมตีแล้ว เขาจึงกล้าพูดจาสามหาวได้อีกครั้ง
“เฮ้อ…น่าอับอายขายขี้หน้าจริง ๆ” ฉู่ชวิ๋นเดินทางกลับอย่างน่าเวทนา
…
ณ วังมังกรเพลิง ฉู่ชวิ๋นเดินกระเผลกมาถึงประตูใหญ่ ถึงจะแสร้งทำตัวเป็นปกติ แต่มันก็ไร้ประโยชน์
“พี่ฉู่ชวิ๋น ได้รับบาดเจ็บเหรอคะ?” ถางโร้วผู้ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูรอคอยให้ฉู่ชวิ๋นกลับมา ถึงกับต้องเอ่ยปากถามเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินท่าทางผิดปกติ
“ชู่ว์…” ฉู่ชวิ๋นรีบยกมือจุ๊ปากเป็นสัญญาณให้เธอเงียบ
“มีอะไร? ไหนใครบาดเจ็บ?” หยานหวูซวงวิ่งเข้ามาทันที
ฉู่ชวิ๋นสีหน้าเคร่งเครียด เจ้าหมอนี่มันหูดีขนาดนี้เชียวหรือ?
หยานหวูซวงมองหน้าฉู่ชวิ๋น และหันไปมองถางโร้วอีกครั้ง ก่อนถามเสียงดัง “เธอว่าใครบาดเจ็บนะ?”
ฉู่ชวิ๋นยืนนิ่ง หยานหวูซวงจึงไม่พบเห็นสิ่งผิดปกติ
“นายพูดอะไรของนาย? หูฝาดหรือไง? ไม่มีใครบาดเจ็บทั้งนั้น” ฉู่ชวิ๋นพูดหน้าเครียด น้ำเสียงฉุนเฉียว “มีเวลาว่างนักหรือไง? ทำไมไม่ไปฝึกวิชา?”
หยานหวูซวงชะงักไปเล็กน้อย รอบดวงตาของเขายังเป็นรอยเขียวคล้ำเหมือนหมีแพนด้าจากฝีมือของฉู่ชวิ๋นอยู่เลย
“ก็ได้ ฉันจะไปฝึกเดี๋ยวนี้แหละ” หยานหวูซวงหันหลังกลับแล้วเดินจากไป
ฉู่ชวิ๋นถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“พี่ฉู่ชวิ๋นคะ ให้ฉันช่วยนะ” ถางโร้วเดินเข้ามาช่วยพยุงฉู่ชวิ๋น
แต่ก่อนที่คนทั้งสองจะทันได้ก้าวเดิน เสียงของหยานหวูซวงก็ตะโกนดังก้องกังวานไปทั่ววังมังกรเพลิง
“ให้ตายเถอะ…พี่ฉู่บาดเจ็บเหรอเนี่ย? เหยียนชง เหลยเป้า รีบมาเร็วเข้า เจ้านายของพวกนายบาดเจ็บ”
ฉู่ชวิ๋นยืนตัวแข็งทื่อ สีหน้าเคร่งเครียดมากขึ้นกว่าเดิมในขณะที่หันไปมองหยานหวูซวงตาขวาง “หุบปากหน่อยได้ไหม”
สิ้นเสียงตะโกน พวกของเหยียนชงก็วิ่งกรูเข้ามา
เหลยเป้าตะโกนเสียงโหวกเหวกว่า “นายท่าน เป็นอะไรไปครับ? ใครทำร้ายนายท่าน?”
ฉู่ชวิ๋นหน้าเครียดไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เขาจ้องมองหยานหวูซวง เจ้าหมอนี่เป็นอีกคนที่เขาต้องชำระแค้นให้ได้
หยานหวูซวงยิ้มแย้มด้วยความชอบใจ แต่แกล้งพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยว่า “รีบพาตัวเขาเข้าไปข้างในเถอะ แล้วค่อยมาดูกันว่าเขาบาดเจ็บตรงไหน?”
ฉู่ชวิ๋นกัดฟันกรอด ในใจอยากจะทุบหยานหวูซวงให้หัวแบะ แต่เสียงหยานหวูซวงก็ดังก้องกังวานจนคนรู้ไปทั่ววังมังกรเพลิงแล้ว
“เหลยเป้า ยังไม่รีบมาช่วยพาพี่ฉู่เข้าข้างในอีก” หยานหวูซวงพูดพร้อมกับถลาเข้ามาช่วยพยุงฉู่ชวิ๋น แล้วก็เป็นจังหวะที่มือของหยานหวูซวงตบเข้าไปที่ก้นของฉู่ชวิ๋นพอดี
“อ้ากก…” ฉู่ชวิ๋นร้องออกมาอย่างสุดจะกลั้นเนื่องจากเจ็บปวดมากเกินไป นับว่าคราวนี้จักรพรรดิอ๋าวฮวงเล่นงานเขารุนแรงเกินไปแล้ว
“โห…ที่แท้พี่ก็บาดเจ็บที่ก้นหรือนี่? ท่าทางก้นจะบวมไม่ใช่น้อยเลยแฮะ…” หยานหวูซวงตะโกนเสียงดัง
ก้นบวมไม่ใช่น้อย? ทุกคนมีสีหน้าแปลกประหลาดขณะจ้องมองก้นของฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นไม่รู้จะทำยังไงดี
ในขณะนี้ ลูกศิษย์ของวังมังกรเพลิงมารวมตัวกันแอบยืนดูอยู่จากระยะไกล
ฉู่ชวิ๋นหน้าแดงก่ำเหมือนคนไข้ขึ้น อยากร้องไห้ออกมาแต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่คิดอยู่ในใจว่าจะต้องชำระแค้นจักรพรรดิอ๋าวฮวงกับหยานหวูซวงมากกว่านี้เป็นร้อยเท่าพันทวี ชื่อของคนที่เขาอยากจะให้หายวับไปจากโลกในตอนนี้สองชื่อแรก ก็คงต้องเป็นชื่อของจักรพรรดิอ๋าวฮวงกับหยานหวูซวงนี่เอง
“มายืนดูกันทำไม? รีบกลับไปฝึกวิชาซะ” ฉู่ชวิ๋นตะโกนออกมา ทำให้บรรดาลูกศิษย์ที่มาจับกลุ่มยืนดูตกใจกลัวจนหนีกระเจิง
แล้วฉู่ชวิ๋นก็ถูกพาตัวเข้ามาสู่ห้องโถงใหญ่ของวังมังกรเพลิง
“นายท่านครับ เกิดอะไรขึ้น?” เหลยเป้าไต่ถาม คนที่ทำให้ก้นของฉู่ชวิ๋นสามารถบวมได้ขนาดนี้ ต้องเป็นศัตรูที่มีพลังฝีมือสูงส่งแน่นอน
“เหลยเป้า นายนี่ใจร้อนเกินไปแล้วนะ ให้ฉู่ชวิ๋นนั่งลงก่อน แล้วค่อยพูดคุยกันก็ได้” หยานหวูซวงพูดด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมกับดึงเก้าอี้มาตั้งอยู่ข้างๆ ฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นหันขวับไปถลึงตาจ้องมองหยานหวูซวงพร้อมกับกัดฟันกรอด เจ้าหมอนี่มันตั้งใจจะให้เขานั่งทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าเขาบาดเจ็บก้นงั้นเหรอ!