จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 361 ต่างกันราวฟ้ากับเหว
บทที่ 361 ต่างกันราวฟ้ากับเหว
มังกรเขียวถือกลองป๋องแป๋งอยู่ในมือ ยืนกำบังนักรบเสือกับกระต่ายหยก สองตาจับจ้องไปที่ผู้อาวุโสชุยเครียดเขม็ง
ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าถ้ากระต่ายหยกตกอยู่ในมือของฝ่ายตรงข้าม ฉู่ชวิ๋นคงลำบากใจที่จะลงมือ
มังกรเขียวเยือกเย็นมาก เขาไม่รีบร้อนและเฝ้ารออย่างอดทน สายตาของเขาคมกริบเหมือนนกอินทรี ชายหนุ่มมีพลังระดับเดียวกับนักรบเสือ จึงไม่สามารถใช้งานกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิได้หลายครั้งติด ๆ กัน
วูบ!
ผู้อาวุโสชุยกระโดดเข้ามาอย่างรวดเร็ว ยกมือขึ้นซัดพลังลมปราณออกมา
ป๊อกป๊อก!
มังกรเขียวสะบัดกลองป๋องแป๋ง คลื่นเสียงแผ่ออกไป ทรงพลังและน่ากลัว
เปรี้ยง!
พลังลมปราณของผู้อาวุโสชุยสลายหายไปเมื่อปะทะเข้ากับคลื่นเสียง จนเกิดการระเบิดขนาดใหญ่ ไม่มีฝ่ายใดเป็นผู้ชนะ
ผู้อาวุโสชุยดวงตาวาวโรจน์ รีบโคจรพลังลมปราณอีกครั้งและสะบัดมือหลอกล่อว่าจะซัดพลังออกมาอีก
แต่มังกรเขียวไม่หลงกล ผู้อาวุโสชุยไม่ได้แข็งแกร่งจนไร้เทียมทาน ไม่มีทางต่อต้านพลังของกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิได้แน่ อีกอย่าง ชายชราไม่น่าเหลือจะมีพลังลมปราณมากขนาดซัดออกมาอย่างต่อเนื่องได้ สิ่งที่เขาต้องทำคือการรับมือฝ่ายตรงข้ามอย่างมีสติ
ผู้อาวุโสชุยไม่ได้ตั้งใจจะโจมตีจริง ๆ เขากระโดดถอยไปยืนอยู่ในที่ห่างไกล เขาเข้าใจแล้วว่ามังกรเขียวไม่ใช่ตัวโง่งม สีหน้าเขาตอนนี้จึงเคร่งเครียดมาก
ผู้อาวุโสชุยเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 แต่กลับไม่สามารถจัดการศัตรูที่เป็นจอมยุททธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 1 สองคนกับผู้หญิงที่พลังแค่ระดับปรมาจาย์ด้วยซ้ำ
วูบ!
คลื่นเสียงแหวกอากาศเข้ามาอีกครั้ง ผู้อาวุโสชุยกระโดดหลบพร้อมกับโคจรพลังทั่วร่างกาย ก่อนจะซัดออกไป
เปรี้ยง!
มังกรเขียวสะบัดกลองป๋องแป๋ง คลื่นเสียงพุ่งไปปะทะเข้ากับพลังลมปราณของผู้อาวุโสชุย แล้วพลังของทั้งสองฝ่ายก็สูญสลายไปกลางอากาศ
มังกรเขียวใบหน้าซีดเซียว กลองป๋องแป๋งจักรพรรดินี้ใช้พลังลมปราณมากเกินไป ตอนนี้เขาคงใช้งานมันได้อีกไม่เกินสองครั้งเท่านั้น!
เมื่อผู้อาวุโสชุยเห็นดังนั้น ก็หัวเราะเยาะอยู่ในใจ ในขณะที่บุกเข้าไปโจมตีอีกระลอก
เปรี้ยง!
พลังลมปราณพุ่งออกมาเป็นเส้นพาดผ่านท้องฟ้า ลักษณะของมันยาวเหยียดเหมือนงูเหลือมที่กำลังพุ่งฉกเหยื่อ
ป๊อกป๊อก!
มังกรเขียวใช้งานกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งสลายการโจมตีของผู้อาวุโสชุยได้สำเร็จ
แต่หลังจากนั้น ใบหน้าของมังกรเขียวก็ซีดราวกับศพคนาย พลังลมปราณของเขาหมดลงแล้ว!
“เหอะ มันจบแล้ว” ผู้อาวุโสชุยระเบิดเสียงหัวเราะพร้อมกับซัดพลังลมปราณเข้าใส่มังกรเขียว
ตู้ม!
แต่ในทันใดนั้นเอง เสียงระเบิดก็ดังกึกก้องท้องฟ้า ผู้อาวุโสชุยเงยหน้ามองอย่างไม่รู้ตัว แล้วเขาเห็นมวลพลังรูปฝ่ามือมนุษย์ขนาดใหญ่กำลังร่วงหล่นลงมา
“นี่มันอะไรกัน…” ผู้อาวุโสชุยกรีดร้องด้วยความตื่นกลัว
เปรี้ยง! มวลพลังรูปฝ่ามือขนาดใหญ่หล่นทับร่างผู้อาวุโสชุย วินาทีนั้น พื้นดินสั่นสะเทือนเหมือนเกิดแผ่นดินไหว อากาศคละคลุ้งไปด้วยกลุ่มควันและฝุ่นผง
ฉู่ชวิ๋นมาถึงแล้ว
“นายท่าน” มังกรเขียวกับนักรบเสือประสานมือทำความเคารพ
ฉู่ชวิ๋นสังเกตเห็นว่ากระต่ายหยกเป็นลมหมดสติไปจึงเดินเข้าไปหาและโคจรพลังลมปราณจำแลงเข้าไปในร่างกายของเธอ
กระต่ายหยกเพียงแค่เหนื่อยล้าแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ไม่นานเธอก็ได้สติ ดวงตาเป็นเธอประกายเมื่อเห็นฉู่ชวิ๋น เธอร้องออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “ผู้…พี่ฉู่”
“เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?” ฉู่ชวิ๋นเอ็นดูเด็กสาวคนนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาไม่ได้คิดกับเธอในแบบคนรัก แต่เห็นเป็นน้องสาวคนหนึ่ง
กระต่ายหยกส่ายศีรษะและยิ้มอย่างมีความสุข
ฉู่ชวิ๋นขยับนิ้วมืออย่างพริ้วไหว แล้วพลังลมปราณสีม่วงก็ไหลเข้าไปในร่างกายของมังกรเขียวกับนักรบเสือ ไม่นานพลังลมปราณที่สูญเสียไปก็ถูกฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ
ในขณะนี้ ฝุ่นควันกลางอากาศจางหายไปแล้ว พื้นดินที่แตกร้าวขยายตัวกว้างราวกับใยแมงมุม ร่างของผู้อาวุโสชุยจมอยู่ใต้พื้นถนน เลือดไหลทะลักทั่วทั้งตัว กระดูกแตกแหลกละเอียด ฉู่ชวิ๋นไม่ต้องเข้าไปตรวจสอบก็รู้ว่าชายชราไม่เหลือพิษสงอะไรอีกแล้ว
“นายท่านครับ มันคือติงผิง” มังกรเขียวชี้มือไปที่ติงผิง ซึ่งกำลังบาดเจ็บ
ก่อนหน้านี้ติงผิงโดนคลื่นเสียงของกลองป๋องแป๋งจักรพรรดิเล่นงานเข้าไปอย่างจัง วิญญาณของเขาแทบแตกสลาย ชายหนุ่มไม่อาจขยับตัวได้ด้วยซ้ำ แม้แต่กระดิกนิ้วก็ทำให้เขาปวดหัวแทบตาย
ฉู่ชวิ๋นขมวดคิ้วก่อนจ้องมองร่างของผู้อาวุโสชุยที่อยู่บนพื้นดิน เขานึกว่าชายชราผู้นี้ต่างหากที่มีนามว่าติงผิง
“พาตัวพวกมันกลับไป แจ้งเตือนทุกคนให้กลับไปรอที่วัง” ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่ง
ติงผิงและผู้อาวุโสชุยไม่ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย ได้แต่ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อถูกมังกรเขียวกับนักรบเสือฉุดดึงขึ้นจากพื้นดิน
ฉู่ชวิ๋นติดต่อไปที่หัวหน้าหมายเลข 1 และแจ้งเรื่องว่าเขาพบตัวคนร้ายแล้ว ให้เรียกคนของกองทัพกลับไปประจำการได้
เหยียนชง เหลยเป้า และคนอื่น ๆ ก็ได้รับข่าวจากฉู่ชวิ๋นเช่นกัน ทุกคนต่างรีบเร่งเดินทางกลับไปที่วังมังกรเพลิงด้วยความตื่นเต้น
…
“ไอ้หมอนี่เนี่ยนะติงผิง?” หยานหวูซวงฟื้นตัวเกือบจะหายดีแล้ว เมื่อได้ข่าวว่าจับตัวคนร้ายได้ คุณชายหนุ่มก็รีบออกมาจากห้องพักด้วยความโกรธแค้น
เขากระโดดเข้าไปกระชากคอติงผิงขึ้นมาตบสั่งสอน ติงผิงดวงตาเหลือกค้าง ฟันหลุดออกจากปากจนเกือบหมด
“บอกมา แกวางยาพิษฉันทำไม?” หยานหวูซวงยังคงไม่หายโกรธแค้น เนื่องจากเกือบต้องเสียชีวิตไปก็เพราะฝีมือของชายคนนี้
แต่เหลยเป้าโกรธแค้นมากกว่านั้น ผู้อาวุโสชุยซึ่งนอนครึ่งเป็นครึ่งตายอยู่ตรงนั้นกลายเป็นผู้รับกรรม ทำให้กระดูกภายในร่างกายที่แตกหักอยู่แล้วยิ่งแหลกละเอียดมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า
“พวกแกอยู่ในกำมือของเรา ไม่มีทางหนีรอด แต่ถ้าแกยอมบอกความจริงออกมา ฉันจะให้พวกแกได้ตายอย่างสงบ” เหยียนชงดวงตาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
“ฉัน…เจ้านาย ฉันต้องการชีวิตหยานหวูซวง” ติงผิงตอบออกมาแล้ว
หยานหวูซวงตกตะลึง ตบหน้าติงผิงอีกครั้งและถามด้วยความเดือดดาล “ใครเป็นเจ้านายของแก?”
“จังเฟิงหลิง” ติงผิงไม่ใช่คนปากแข็ง เขาจึงรีบคายความลับออกมาอย่างรวดเร็ว
ที่แท้ก็เป็นแผนการของจังเฟิงหลิง ซึ่งเคยมีเรื่องบาดหมางกับฉู่ชวิ๋นในเมืองหยานเซวี่ย
ความจริงแล้ว จังเฟิงหลิงไม่รู้หรอกว่าหลิวเทียนเหอก็คือฉู่ชวิ๋น แต่ในการต่อสู้ที่ชายแดนระหว่างประเทศจีนกับเวียดนาม หยานหวูซวงได้ทำการถ่ายทอดสดในอินเทอร์เน็ตหลายครั้ง จังเฟิงหลิงจึงส่งคนมาตรวจสอบข้อมูลและปะติดปะต่อเรื่องราวทุกอย่างเข้าด้วยกันได้ไม่ยาก สุดท้ายก็ได้คำตอบว่าฉู่ชวิ๋นปลอมตัวเป็นคนที่ชื่อหลิวเทียนเหอ
ยิ่งไปกว่านั้น จังเฟิงหลิงได้ส่งคนแทรกซึมเข้ามาในวังมังกรเพลิง ตอนแรกก็แค่อยากจะสืบข่าววงใน แต่ก็พบโอกาสดีที่ฉู่ชวิ๋นสะกัดจุดพลังลมปราณ
หยานหวูซวงเพื่อรอรับการลงโทษถูกโบยตี ติงผิงจึงรีบลงมืออย่างไม่รอช้า ครั้งสุดท้ายที่เขารายงานกลับไปหาจังเฟิงหลิงเป็นตอนที่นำยาพิษอาบไว้บนสายแส้เรียบร้อย และหยานหวูซวงก็โดนพิษเข้าไปแล้ว
“จังเฟิงหลิงร้ายกาจเกินไปแล้ว มันกล้าส่งคนมาลงมือถึงที่นี่เลยงั้นเหรอ” หยานหวูซวงพูดอย่างเย็นชา
เหยียนชงกับเหลยเป้าหันมามองหน้ากัน ต่างก็เห็นแววตาอำมหิตในดวงตาของอีกฝ่าย พวกเขาเกือบจะต้องโดนหางเลขเสียชีวิตไปด้วย ทั้ง ๆที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลย
ติงผิงยินยอมพูดทุกอย่างที่รู้ออกมา ยินยอมทำทุกอย่างที่ทำได้
“นายนี่มันเป็นดาวมรณะจริง ๆ” ฉู่ชวิ๋นพึมพำในขณะที่มองหน้าหยานหวูซวง
หยานหวูซวงถลึงตาตอบ “โทษทีนะ แต่ใครกันล่ะที่ไปมีเรื่องกับจังเฟิงหลิง? คนร้ายตัวจริงคือพี่ต่างหาก”
“จริงเหรอ? แต่เขาก็เป็นโจทก์เก่านายเหมือนกันนะ จังเฟิงหลิงเคยมาขโมยดอกบัววิญญาณของบ้านนาย เคยมาขโมยน้ำยาศักดิ์สิทธิ์ แถมยังเคยขโมยดาบด้วย”
“พี่กล้าพูดแบบนี้ได้ยังไง?” หยานหวูซวงพูดด้วยความเจ็บแค้น ตอนนั้นฉู่ชวิ๋นตั้งใจทำให้เขาเข้าใจผิดและไปเล่นงานจังเฟิงหลิง
“ช่างมันเถอะ สองคนนี้ฉันจะให้นายจัดการก็แล้วกัน ส่วนพวกที่เหลือ ฉันจะไปจัดการให้เอง” ฉู่ชวิ๋นพูด ทำท่าจะเดินออกไป
“ไม่ต้อง” หยานหวูซวงตะโกนเสียงดังก่อนพูด “ครั้งนี้ ผมขอจัดการเอง”
คุณชายหนุ่มเพิ่งจะพูดจบ ไอสังหารก็แผ่ออกมาจากร่างกาย
“นายหายดีแล้วเหรอ?” ฉู่ชวิ๋นสอบถามเพราะเห็นว่าใบหน้าของหยานหวูซวงยังคงซีดเซียว
“ผมไม่เป็นไรแล้ว” หยานหวูซวงตอบพร้อมกับเดินไปที่ประตู แต่แล้วก็เดินกลับมามองหน้าฉู่ชวิ๋น “ขอยืมอาวุธวิเศษหน่อยสิ”
“หา…อะไรนะ” ฉู่ชวิ๋นแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ
“ผมไม่ได้จะเอาไปหรอกแค่ขอยืม เสร็จแล้วเดี๋ยวจะเอามาคืน” หยานหวูซวงกล่าว
ฉู่ชวิ๋นส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ฉันไม่มีหรอก นายมันขี้ขโมย”
หยานหวูซวงพลันจ้องมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย พูดว่า “พี่นั่นแหละขี้ขโมย ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ชอบลักพาตัวคนอื่นอีก ของวิเศษกี่ชิ้นกันล่ะที่พี่ขโมยมาจากคนอื่น แหวนเก็บสมบัติอีกกี่วงที่พี่ไปตบของพวกเขามา แล้วแบบนี้จะบอกว่าไม่มีอาวุธวิเศษอยู่ได้ยังไง?”
ฉู่ชวิ๋นทำสีหน้าไม่พอใจ “ว่าอะไรนะ? ขี้ขโมยอะไรกัน ใครขี้ขโมย?”
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบเอาอาวุธวิเศษออกมา ขอของดี ๆ หน่อยนะ”
หยานหวูซวงพูดอย่างรีบร้อน
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกโกรธก่อนสวนกลับไปอย่างมีอารมณ์ “ฉันไม่ใช่พ่อนาย ที่นายจะมาขออะไรแล้วฉันต้องตามใจหามาให้!”
“อ้อใช่สิ พี่มันใจร้าย” หยานหวูซวงหรี่ตามองฉู่ชวิ๋น ก่อนลดเสียงลงเป็นทำกระซิบ “พี่พาผู้หญิงผมม่วงคนนั้นกลับมาแล้วใช่ไหม? ฉันจะได้หาโอกาสคุยไปบอกเธอกับถางโร้ว ว่าพี่แอบเอากลองป๋องแป๋งจักรพรรดิที่เป็นของวิเศษนั่นไปให้กับกระต่ายหยกเป็นของแทนใจ แบบนี้ดีไหม?”
ฉู่ชวิ๋นดวงตาเบิกกว้างก่อนจ้องมองด้วยความดุร้าย แต่ก็รู้ว่าไร้ประโยชน์
ฉู่ชวิ๋นได้แต่ดึงดาบยาวออกมาเล่มหนึ่ง มันดาบน้ำแข็ง เป็นอาวุธวิเศษระดับกลาง เมื่อถืออยู่ในมือ อุณหภูมิรอบห้องก็ลดลงทันที
“เอาไป!” ฉู่ชวิ๋นโยนดาบให้กับหยานหวูซวงด้วยความไม่เต็มใจ
เจ้าคุณชายตัวแสบคนนี้มันรู้จุดอ่อนของเขาจริง ๆ จิงหงเพิ่งจะเริ่มรู้สึกดีกับเขามากขึ้น ฉู่ชวิ๋นไม่อยากให้หยานหวูซวงทำลายทุกสิ่งทุกอย่างลงที่เขาสร้างมา ครั้งนี้เขาต้องยอมแพ้จริง ๆ
“ขอบใจมาก!” เมื่อได้กลั่นแกล้งฉู่ชวิ๋นแล้ว หยานหวูซวงก็รู้สึกดีขึ้นมาก เขาส่ายหัวเดินจากไปในขณะที่ฉู่ชวิ๋นยืนกัดฟันกรอด
ผ่านไปหลายชั่วโมง หยานหวูซวงก็เดินทางกลับมาในสภาพที่เลือดท่วมตัว แน่นอนว่าเป็นเลือดของคนอื่น
“ขอดาบคืนด้วย” ฉู่ชวิ๋นยื่นมือออกไปทวงดาบวิเศษ
“ดาบอะไร?” หยานหวูซวงทำหน้าประหลาดใจเหมือนไม่รู้เรื่อง ก่อนพูด “งานนี้ทำตัวผมมอมแมมไปหมด ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ” หลังจากนั้นคุณชายหนุ่มก็วิ่งหนีไป
ฉู่ชวิ๋นยืนอ้าปากค้าง นี่คือคุณชายหยานหวูซวงผู้ใสซือและสมบูรณ์แบบจริง ๆ หรือนี่ เจ้าเล่ห์ชั่วร้ายยิ่งกว่า 18 มงกุฎเสียอีก
เหยียนชงกับคนอื่น ๆ อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“พี่ฉู่ชวิ๋นคะ คุณชายหยานเขานิสัยเหมือนพี่เลย” ถางโร้วยิ้มบาง ๆ
ฉู่ชวิ๋นอยากจะร้องไห้ เขาหันไปขยี้ผมถางโร้วเล่นพร้อมกับถาม “เอาอะไรมาพูด? ฉันคนนี้ใจดีมีเมตตา รักความยุติธรรมแถมยังอ่อนโยน เธอลองมองเขาดูให้ดี คุณชายหยานทั้งหยาบช้าสกปรก เจ้าเล่ห์ขี้ขโมย ไม่เหมือนฉันเลยสักนิด”
ถางโร้วยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “แถมยังหน้าไม่อายด้วย เขา แม่งเหมือนเป็นน้องชายของจอมมารฉู่ชวิ๋นไม่มีผิดเลย”
“…” ฉู่ชวิ๋นเบิกตามองถางโร้วด้วยความประหลาดใจ
เหยียนชง เหลยเป้าและทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ตกตะลึง
เมื่อสักครู่นี้พวกเขาได้ยินอะไรกันนะ? ถางโร้ว ผู้แสนอ่อนหวานและสุภาพเรียบร้อย เพิ่งจะพูดคำหยาบออกมาใช่ไหม?
ถางโร้วรู้ตัวว่าตนเองทำผิด สองแก้มแดงระเรื่อขึ้นมาแล้ว
“ถางโร้ว ใครสอนให้เธอพูดคำแบบนั้น?” ฉู่ชวิ๋นหันไปมองหน้าพวกของเหยียนชงทันที ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
“นายท่าน ผมไม่ได้สอนนะครับ” เหยียนชงรีบโบกมือปฏิเสธ
“ผมก็ไม่ได้สอนเหมือนกัน” เหลยเป้ารีบออกตัว
ทุกคนหันไปมองที่แม่หม้ายสาว
แม่หม้ายสาวกระโดดลุกขึ้นยืน พูดว่า “ไม่ต้องมองฉันเลย ฉันไม่ได้สอนสักหน่อย”
“ฉันเห็นมาจากในเน็ตค่ะ” ถางโร้วพูดเสียงอ่อย
ฉู่ชวิ๋นถึงกับพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว เขาได้แต่ลูบศีรษะของถางโร้วอยู่ชั่วครู่ใหญ่ ก่อนกล่าว “เธออย่าไปดูของพวกนั้นเลยนะ”
อินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งอันตราย แม้แต่เด็กสาวที่สุภาพอ่อนหวานอย่างถางโร้ว ก็โดนพิษของมันเล่นงานเข้าเสียแล้ว
ถางโร้วพยักหน้าอย่างแข็งขัน
ฉู่ชวิ๋นผงกศีรษะ โชคดีที่พิษของมันยังไม่กัดกินลึกสักเท่าไหร่
…
สองวันต่อมา จิ่วโยวก็กลับมาถึง
ฉู่ชวิ๋นพาเธอไปที่ภูเขาหลงฉี
“โชคดีนะที่ร่างกายของเธอเป็นปีศาจ ชีพจรและพลังลมปราณแข็งแรงกว่ามนุษย์ ผลไม้พวกนี้เลยทำอันตรายเธอไม่ได้สักเท่าไหร่ แต่จากนี้ไปห้ามกินอีกเป็นอันขาด จนกว่าฉันจะหาทางแก้พิษของมันได้” จักรพรรดิอ๋าวฮวงพูดหลังตรวจร่างกายเด็กหญิง
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า รู้สึกโล่งอกเป็นอย่างยิ่ง
จิงหงกับจิ่วโยวได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก
แต่ไม่รู้ทำไม จิ่วโยวถึงได้ทำตัวเป็นศัตรูกับจิงหงอยู่เล็กน้อย
“ฉันไปหาพี่เสี่ยวหวู่ก่อนนะ” จิ่วโยววิ่งหลบออกไป
15 ปีก่อนหน้านี้ตอนที่จิ่วโยวยังไม่ได้เปลี่ยนร่าง เธอใช้เวลาส่วนใหญ่คลุกคลีอยู่กับฮวาชิงหวู่ ดังนั้น เด็กหญิงจึงรู้สึกใกล้ชิดกับฮวาชิงหวู่มากกว่าคนอื่น ๆ