จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 373 ทำลายล้างและทำลายล้าง
บทที่ 373 ทำลายล้างและทำลายล้าง
ณ ปราสาทจตุรเทพ บนพื้นเกลื่อนกลาดไปด้วยแขนขามนุษย์ เลือดสีแดงสดเจิ่งนองบนพื้นดิน
กลิ่นเลือดลอยตลบในอากาศน่าสะอิดสะเอียน
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนของปราสาทจตุรเทพอยากจะอาเจียนออกมาจริง ๆ ก็คือการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของคงอี้หมิงต่างหาก
มันกล้าออกคำสั่งให้ผู้อาวุโสทั้งสองคนจับตัวจิงหง แต่ผู้หญิงของฉู่ชวิ๋นจะถูกตัววายร้ายจับไปได้อย่างง่ายดายงั้นเหรอ?
“ไอ้เฒ่าโสโครก พวกแกกล้าดียังไง?” หยานหวูซวงตะโกนออกมาเขาอยากจะซัดลมปราณออกไป เสียแต่ว่าอาการบาดเจ็บของเขาสาหัสมาก ขณะนี้แม้แต่จะยืนตัวตรงเขาก็ทำไม่ได้
คนอื่น ๆ ก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน พวกเขาได้แต่จ้องมองตาถลน กัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้น
ใบหน้าที่งดงามของจิงหงมีแต่ความเย็นชา ดวงตาของเธอไร้ความรู้สึกในขณะที่จ้องมองชายชราทั้งที่สองคนเดินใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
“คนสวย ตามพวกฉันมา!”
ชายชราทั้งสองคนเอื้อมมือออกมาพร้อมกัน หมายคว้าหัวไหล่ของจิงหงเอาไว้
ทันใดนั้น สีหน้าของจิงหงพลันแปรเปลี่ยนในทันที
ชายชราทั้งสองคนสะดุดใจด้วยความสงสัย แต่วินาทีต่อมาทั้งสองก็ต้องกรีดร้องด้วยความพรั่นพรึง เมื่อถูกคลื่นพลังสายหนึ่งพุ่งกระแทกเข้าใจอย่างรุนแรง
ร่างของผู้อาวุโสทั้งสองคนลอยละลิ่วขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วลำแสงอีกสายหนึ่งก็พุ่งตามมา
เปรี้ยง! เปรี้ยง! ชายชราทั้งสองไม่อาจหลบคลื่นพลังนั้นได้เลย
พวกมันร้องโหยหวนออกมาพร้อมกัน ร่วงดิ่งลงมาสู่พื้นดิน แขนบิดเบี้ยวผิดรูปผิดร่าง กระดูกสีขาวแทงทะลุผิวหนัง สภาพน่าอเนจอนาถใจ
เหตุการณ์นี้ทำให้บรรยากาศตกอยู่ภายใต้ความเงียบงัน ได้ยินแม้แต่เสียงเข็มตกกระทบพื้น
วูบ! ร่างของใครคนหนึ่งลอยเข้ามาด้วยความรวดเร็ว
เปรี้ยง! ลำแสงสว่างจ้า พื้นดินสั่นสะเทือน
ผีดิบจักรพรรดิหลายสิบตัวหายวับไปในพริบตาเดียว
“นั่นใคร?”
หัวหน้าผีดิบเค้นเสียงคำราม บุรุษหนุ่มลึกลับเพียงปรากฏตัวก็สร้างความเสียหายใหญ่หลวง ผีดิบที่มีพลังขั้นจักรพรรดิหลายสิบตัว ร่างแหลกสลายกลายเป็นเพียงกองเนื้อกองหนึ่งไปแล้ว
หมอกควันสีดำลอยตลบในอากาศ แขนยาวเก้งก้างหนังหุ้มกระดูกของมัน พุ่งตรงเข้าใส่คนที่มาใหม่
หมับ!
เสียงของการคว้าจับดังขึ้น หัวหน้าผีดิบอุทานดัง ‘เอ๊ะ’ เมื่อกรงเล็บของมันตกเข้าไปอยู่ในมือของฝ่ายตรงข้าม
ซู่! เลือดสีเขียวสาดกระจาย กรงเล็บแหลมยาวของมันถูกตัดขาดออกจากท่อนแขน
“อ๊าก…!” หัวหน้าผีดิบร้องโหยหวน แม้มันจะมีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 9 แต่มันก็ไม่อาจต้านทานอีกฝ่ายตรงหน้าได้เลย
ทุกสายตาจ้องมองด้วยความเหลือเชื่อ แม้จะใช้มือเพียงแค่ข้างเดียว แต่บุรุษในชุดขาวหน้าตาหล่อเหลาผู้นี้ ก็สามารถเอาชนะหัวหน้าผีดิบได้แล้ว
จิงหงหัวเราะร่วน หยานหวูซวงก็หัวเราะตาม เยวี่ยฟ๋านเตี๋ยและบุตรชายทั้งสี่คนก็หัวเราะไม่หยุด เช่นเดียวกับผู้อาวุโสและบรรดาลูกศิษย์ของปราสาทจตุรเทพที่ยังรอดชีวิตอยู่ พวกเขาต่างกำลังหัวเราะจนน้ำตาไหล
บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
กรงเล็บของหัวหน้าผีดิบกลายเป็นเถ้าถ่านในมือของชายหนุ่ม
“เจ้าเป็นใคร?” หัวหน้าผีดิบตะโกนถาม
“ก่อนหน้านี้แกเพิ่งเรียกหาเขาอยู่ไม่ใช่หรือไง?” หยานหวูซวงถามกลับไป
“จอมมารฉู่ชวิ๋น งั้นเหรอ!” หัวหน้าผีดิบและคงอี้หมิงอุทานออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“ใช่ เขาคือจอมมารฉู่ชวิ๋นที่พวกแกเรียกหานั่นแหละ” น้ำเสียงของหยานหวูซวงเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
ใบหน้าของคงอี้หมิงเครียดขรึมขึ้นมา บุรุษผู้นี้ก็คือจอมมารฉู่ชวิ๋น ซึ่งทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองคนของเขาบาดเจ็บสาหัสได้ภายในพริบตาเดียว
กล้ามเนื้อบนใบหน้าหัวหน้าผีดิบตายด้าน มันไม่สามารถแสดงสีหน้าใดๆ ออกมาได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว ตอนนี้มันก็คงมีสีหน้าไม่แตกต่างไปจากคงอี้หมิง
คงอี้หมิงจ้องมองใบหน้าที่หล่อเหลาของฉู่ชวิ๋น จอมมารฉู่ดูดีมีสง่าราศี ทำให้แม้แต่คงอี้หมิงก็อดรู้สึกอิจฉาไม่ได้ ใครกันนะที่พูดว่ามีแต่สตรีเท่านั้นที่จะสนใจเรื่องรูปร่างหน้าตา? เผ่าพันธุ์นกยูงของเขาก็สนใจเรื่องหน้าตาไม่แพ้สตรีเช่นกัน แต่เมื่อเห็นหน้าตาที่สมบูรณ์แบบของฉู่ชวิ๋นบวกเข้ากับฝีมือที่ร้ายกาจ คงอี้หมิงก็รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยขึ้นมาทันที
คงอี้หมิงถลึงตาจ้องมองฉู่ชวิ๋น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “พวกข้า…”
เพี๊ยะ! เสียงตบใบหน้าดังสนั่น เลือดไหลกลบปากคงอี้หมิง ฟันของเขาหักกระเด็นจนหลุดออกมาหลายซี่
“จอมมารฉู่ชวิ๋น แกอยากเป็นศัตรูกับสำนักนกยูงปีศาจใช่ไหม?” ผู้อาวุโสจากสำนักนกยูงปีศาจคำรามดังลั่น
ฉู่ชวิ๋นหันขวับไปจ้องมองชายชรา ไอสังหารพวยพุ่งออกมาจากร่างกาย
กลอักษร “ฆ่า!”
เปรี้ยง!
พลังลมปราณรูปทรงตัวอักษรพุ่งเข้าใส่ร่างของชายชราเต็มแรง เศษเลือดเนื้อผิวหนังปลิวกระจุยกระจาย หลังจากคลื่นแรงระเบิดจางลง ทุกสายตาก็จ้องมองด้วยความหวาดกลัว ร่างของผู้อาวุโสเมื่อกี้ถูกระเบิดจนกลายเป็นเศษเนื้อชิ้นเล็กชิ้นน้อยในพริบตาเดียว
“สำนักนกยูงปีศาจ” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะ “ไม่เห็นจะน่ากลัวสักเท่าไหร่เลย!”
ผู้อาวุโสที่เหลืออยู่อ้าปากค้าง ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก พวกมันต่างได้ยินชื่อเสียงของจอมมารฉู่ชวิ๋นมาเนิ่นนาน ถ้าพูดไม่เข้าหูแม้แต่คำเดียว ก็อาจถึงฆาตดับชีวิตได้
“คิดว่าชีวิตนี้แค่ไม่พูดแล้วแกจะรอดงั้นเหรอ?” ฉู่ชวิ๋นถามด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม
เปรี้ยง!
วิชาดัชนีสังหาร – กระบวนท่าดัชนีสามอุสรา!
พื้นดินสะเทือนจนเกิดรอยแตกร้าว ร่างของชายชราถูกนิ้วมือขนาดยักษ์ร่วงหล่นลงมาบดขยี้ จนสิ้นใจตายโดยไม่ทันได้กรีดร้องด้วยซ้ำ
ฟึบ!
เส้นไหมวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนลอยออกมาจากร่างกายของฉู่ชวิ๋น มันเคลื่อนไหวไปตามความคิดของเขา เส้นไหมวิญญาณพุ่งผ่านอากาศเหมือนกับงูร้ายสีม่วงจำนวนหลายพันตัว พวกมันรัดบรรดาผีดิบที่ยังเหลือรอดอยู่
ซู่…!
เลือดสีเขียวสาดกระจาย แขนขาและอวัยวะต่าง ๆ ปลิวว่อนกลางอากาศ หัวขนาดใหญ่ของผีดิบลอยละลิ่วครั้งแล้วครั้งเล่า ตกกระทบพื้นหัวแล้วหัวเล่า
“จอมมารฉู่ชวิ๋น” เมื่อเห็นบริวารของตนเองตกตายดั่งใบไม้ร่วง หัวหน้าผีดิบก็ส่งเสียงร้องด้วยความโกรธแค้น
“ไม่ต้องห่วง รายต่อไปก็เป็นแก!” หลังจากนั้น ฉู่ชวิ๋นก็โบกสะบัดมือเพียงข้างเดียว แสงสีม่วงพุ่งออกมาจากร่างกายของเขาเป็นรัศมีสวยงามเหมือนเทพเจ้า
แม้ว่าผีดิบที่เหลืออยู่จะมีฝีมือสูงส่งสักแค่ไหน แต่พวกมันก็ไม่อาจต้านทานแสงสีม่วงเหล่านี้ได้เลย ผู้เป็นหัวหน้าได้แต่ยืนจ้องมองบริวารของมันถูกตัดหัวขาดกระเด็นไปต่อหน้าต่อตา ตัวแล้วตัวเล่า
“ย๊าก…” หัวหน้าผีดิบร้องคำราม กระโจนเข้าใส่ฉู่ชวิ๋น ร่างกายของมันผอมแห้ง มีแต่เพียงกรงเล็บที่เหลืออยู่ข้างเดียวเท่านั้นสามารถตะปบเข้าใส่ศีรษะของฉู่ชวิ๋นได้อย่างน่าหวาดกลัว
ควับ! แขนยาวเก้งก้างของมันขาดไปอยู่ในกำมือของฉู่ชวิ๋นอีกครั้ง
ซู่! หัวหน้าผีดิบส่งเสียงร้องโหยหวน แขนที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวถูกฉีกกระชากจนขาด
หลังจากนั้น ฉู่ชวิ๋นก็กระแทกฝ่ามือลมปราณเข้าใส่หัวหน้าผีดิบ
หลังจากสูญเสียมือทั้งสองข้างไปแล้ว ขาของผีดิบก็แข็งค้างเหมือนกับท่อนเหล็ก เสียงกระดูกหักกร๊อบดังตามมา หัวหน้าผีดิบร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ขาของมันถูกฉู่ชวิ๋นเตะเข้าใส่เต็มแรง
พริบตาต่อมา ขาทั้งสองข้างของหัวหน้าผีดิบก็กลายเป็นเพียงแค่กองเลือดเหลวแหลก ร่างกายของมันเหลือแต่ช่วงลำตัวขึ้นมาเท่านั้น หัวหน้าผีดิบนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นดิน เมื่อไม่มีทั้งแขนและขา อีกไม่นาน มันก็จะกลายเป็นเพียงแค่ก้อนเนื้อเน่า ๆ ก้อนหนึ่งเท่านั้น
“แกไม่ควรมาที่นี่เลย” ฉู่ชวิ๋นก้มหน้ามอง พูดด้วยเสียงเหนื่อยอ่อน จากนั้น ชายหนุ่มก็ตวัดขาเตะ แรงเตะของเขาทำให้หัวของเจ้าผีดิบกระเด็นหลุดออกจากบ่า ลอยละลิ่วกลิ้งไปไกล
ฉู่ชวิ๋นหันหน้ากลับมา บรรดาผีดิบที่เหลืออยู่หวาดกลัวจนอาเจียนออกมาแล้ว
เคล็ดวิชาฟินิกซ์นิรันดร!
กเพลิงสยายปีกปล่อยเปลวไฟปกคลุมท้องฟ้า ก่อนที่จะบินโฉบลงมา ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า
หลังจากร่างของนกเพลิงสลายไปแล้วก็ไม่เหลือพวกเผ่าพันธุ์ผีดิบอยู่ที่นี่อีกแม้แต่ตัวเดียว
“พ่อนกยูงน้อยจะหนีไปไหน ไม่มาทักทายคนที่แกอยากเจอหน่อยเหรอ?”
ถ้อยคำของหยานหวูซวงทำให้คงอี้หมิงผู้กำลังแอบย่องหนีออกมา ต้องหยุดชะงักยืนอยู่กับที่
ดวงตาของคงอี้หมิงพลันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ร่างกายของมันสั่นเทิ้ม ตื่นตระหนก ตึงเครียด
ในยุทธภพ ชื่อเสียงของจอมมารฉู่ชวิ๋นโด่งดังมายาวนาน นกยูงหนุ่มเข้าใจมาตลอดว่ามันเป็นเพียงแค่ข่าวลือ เนื่องจากตั้งแต่สำนักนกยูงปีศาจก่อตั้งขึ้นมา ฉู่ชวิ๋นก็เป็นเสมือนคนไร้ตัวตน ไม่เคยปรากฏกายให้ใครเห็นอีกเลย
แต่ความเป็นจริงที่เห็นอยู่เบื้องหน้านี้แล้ว ทำให้เขาทราบแล้วว่าจอมมารฉู่โหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งกว่าในคำเล่าลือเสียอีก
“จอมมารฉู่ชวิ๋น ข้าไม่ใช่ศัตรูกับปราสาทจตุรเทพ ทำไมต้องฆ่าคนของข้าด้วย?” คงอี้หมิงรีบทำตัวเป็นพวกเดียวกันทันที
“ไอ้คุณชายนกยูง เมื่อกี้แกยังเอาชื่อเสียงของสำนักนกยูงปีศาจมาข่มขู่พวกเราอยู่เลยนะ” หยานหวูซวงหัวเราะในลำคอ และพูดต่อ “ทำไมไม่ปากดีเหมือนก่อนหน้านี้แล้วล่ะ แกอยากจะจับตัวผู้หญิงของฉู่ชวิ๋นกลับไปด้วยไม่ใช่เหรอ?”
คงอี้หมิงปากกระตุกขึ้นมาทันที เขาสาบานกับตนเองว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องฆ่าหยานหวูซวงให้ได้
“คุณชายหยานเข้าใจผิดแล้ว ท่านต้องเข้าใจนะว่าสถานการณ์ในตอนนั้น พวกผีดิบมันกำลังจะฆ่าพวกคุณทั้งหมด ข้าจำเป็นต้องช่วยเหลือผู้หญิงเอาไว้ก่อน”
หยานหวูซวงมองด้วยแววตาขบขัน “แกใจดีขนาดนั้นเชียว?”
“โลกนี้คือสิ่งสวยงาม ข้าเองก็อยากช่วยชีวิตทุกคนให้ได้ แต่นี่คือความจริง ข้าเลือกช่วยได้แค่เพียงคนเดียวเท่านั้น” คงอี้หมิงพูดโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด
พวกของหยานหวูซวงได้รับฟังก็ถึงกับเบิกตาโต ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะโกหกหน้าตายได้ขนาดนี้
“นับว่าใจดีมีเมตตาเหลือเกินนะ” หยานหวูซวงหัวเราะเยาะ
คงอี้หมิงยิ้มเบา ๆ ก่อนประสานมือหันหน้าไปคำนับฉู่ชวิ๋นพลางพูดว่า
“หลังจากที่ข้าได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของจอมมารฉู่ชวิ๋นมาเนิ่นนาน ข้าจึงได้ตัดสินใจมาที่นี่ ข้าไม่อยากให้เกิดเหตุร้ายขึ้นกับปราสาทจตุรเทพ แต่ผมก็ไม่สามารถช่วยเหลือทุกคนได้จริง ๆ”
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายขบคิดอะไรบางอย่าง คงอี้หมิงไม่รู้เลยว่าจอมมารกำลังคิดอะไรอยู่ ฉู่ชวิ๋นจ้องมองคงอี้หมิงแล้วสอบถามเสียงราบเรียบ “ร่างจริงๆ ของนายเป็นนกยูงใช่ไหม?”
คงอี้หมิงงงงันเล็กน้อย ประสานมือตอบว่า “ใช่แล้ว”
“แล้วนายเปลี่ยนร่างมาเป็นมนุษย์ได้ยังไง?” ฉู่ชวิ๋นอดสงสัยไม่ได้ จิ่วโยว สามารถเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้ก็จริง แต่นั่นเป็นเพราะจักรพรรดิอ๋าวฮวงปรุงยาเปลี่ยนร่างให้เธอกินโดยเฉพาะ
“ที่พวกเราสามารถเปลี่ยนร่างได้ ก็เพราะว่ากินผลจากต้นแปลงกายครับ” คงอี้หมิงตอบ
ฉู่ชวิ๋นนิ่งเงียบแล้วนึงถึงต้นแปลงกาย เขาทราบดีว่าปัจจุบันมีต้นไม้ประหลาดชนิดหนึ่ง เมื่อสัตว์ป่ากินผลของมัน ก็จะสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ทันที
“มีต้นไม้แบบนี้อยู่เยอะไหม?” ฉู่ชวิ๋นถาม เพราะเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดปัญหาใหม่ตามมา หากสัตว์ร้ายทุกชนิดสามารถกินผลเปลี่ยนร่าง พวกมันก็อาจมาแย่งชิงที่อยู่อาศัยของมนุษย์และยากต่อการแยกแยะได้ว่าคนไหนเป็นคนธรรมดา คนไหนเป็นสัตว์ร้ายจำแลงกายกันแน่
“มีไม่เยอะมาก ในป่าแสนกว้างใหญ่ของแดนพายัพน่าจะมีอยู่แค่ต้นเดียวเท่านั้น” คงอี้หมิงไม่ได้ปิดบังใด ๆ
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า แต่รู้ว่าต้นไม้ประหลาดแบบนี้ต้องมีมากกว่าต้นเดียวอย่างแน่นอน
“ได้ยินมาว่าเนื้อนกยูงอร่อยมาก” ฉู่ชวิ๋นพลันพูดออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
แต่นั่นก็ทำให้คงอี้หมิงอกสั่นขวัญหายแล้ว มันจ้องมองชายหนุ่มด้วยความหวาดกลัว ก่อนถาม “ฉู่ชวิ๋น ท่านอยากจะทำอะไรกันแน่?”
เปรี้ยง!
ลำแสงสีม่วงพุ่งออกมา คงอี้หมิงถูกกระแทกเข้าไปอย่างจัง มันส่งเสียงกรีดร้อง ปีกขนาดใหญ่กางออกมาทันที
คงอี้หมิงจำเป็นต้องเปิดเผยร่างที่แท้จริงออกมาแล้ว มันคือนกยูงที่ตัวใหญ่กว่า 20 เมตรเลยทีเดียว
“จอมมารฉู่ เจ้าอยากเป็นศัตรูกับสำนักนกยูงปีศาจจริงๆ ใช่ไหม?” คงอี้หมิงส่งเสียงคำรามกึกก้องท้องฟ้า
“นี่เป็นนกยูงจริงหรือเปล่าเนี่ย ทำไมสภาพเหมือนไก่แจ้ขนร่วงแบบนี้!”
หยานหวูซวงหัวเราะด้วยความตลกขบขัน ร่างนกยูงของคงอี้หมิงมีขนร่วงเป็นกลุ่มใหญ่ ซึ่งมาจากอาการบาดเจ็บด้วยฝีมือของฉู่ชวิ๋นนั่นเอง
“นายไม่ควรมาที่นี่เลยจริง ๆ” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“โลกใบนี้กว้างใหญ่ ฉันอยากจะไปไหนก็ได้ จอมมารฉู่ แกมันเหิมเกริมเกินไปแล้ว” คงอี้หมิงคำรามด้วยความเดือดดาลพร้อมกับกระพือปีก ขนนกยูงจำนวนนับไม่ถ้วนเปลี่ยนสภาพกลายเป็นเหล็กแหลมพุ่งลงมาสู่พื้นดินด้านล่าง
ขนนกยูงที่กลายเป็นเหล็กแหลมเหล่านั้น พุ่งลงมาด้านล่างด้วยความรุนแรง กินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง หมายโจมตีทุกคนที่อยู่ตรงนั้น
เมื่อสะบัดขนลงมาแล้ว คงอี้หมิงก็ร้องตะโกน “จอมมารฉู่ชวิ๋น รอรับการแก้แค้นจากสำนักนกยูงปีศาจของพวกข้าให้ดี”
พูดจบ มันก็กระพือปีกบินหนีไป
พรึบ!
ม่านพลังสีเหลืองทองอร่ามถูกสร้างขึ้นมาคุ้มกันทุกคนเอาไว้ ขนนกเหล็กไม่สามารถแทงทะลุเข้ามาได้เลย ฉู่ชวิ๋นดวงตาเปร่งประกายเย็นชา ร่างของเขาหายวับไปในพริบตาเดียว ชายหนุ่มปรากฏตัวอยู่บนภูเขาสูง กระโดดหนึ่งครั้งกินพื้นที่หลายกิโลเมตรไปสู่ยอดเขาลูกถัดไป
คงอี้หมิงชำเลืองมองกลับหลัง พลัน รู้สึกตื่นกลัวจนขนลุกซู่
ฉู่ชวิ๋นกระโดดตามติดมาเหมือนนกอินทรี ดีดตัวจากยอดเขา ลอยละลิ่วตรงมาหาคงอี้หมิง
ด้วยการใช้พลังจิตควบคุมการใช้วิชา ชายหนุ่มสามารถใช้ลมปราณออกไปโดยไม่ต้องสะบัดมือด้วยซ้ำ
เปรี้ยง!
คงอี้หมิงร้องโหยหวน กระดูกแตกแหลกละเอียด ร่างร่วงดิ่งลงจากกลางอากาศ ตกกระแทกพื้นอย่างแรง
“จอมมารฉู่ชวิ๋น เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้นะ ข้าเป็นลูกคนที่สี่ของเจ้าสำนักนกยูงปีศาจ ถ้าข้าตาย เจ้าจะต้องเจอกับหายนะใหญ่หลวง” คงอี้หมิงละล่ำละลักด้วยความตื่นกลัว
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะก่อนตอบกลับ “ถูกต้อง นกยูงปีศาจอย่างพวกแกนี่แหละเป็นหายนะที่แท้จริง”
เมื่อพูดจบแล้ว ลมปราณของเขาก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นดาบเล่มหนึ่งแล้วคมดาบก็ตวัดลงมา เลือดสาดกระเซ็นไปไกลหลายสิบเมตร หัวนกยูงขนาดใหญ่ยักษ์ขาดสะบั้น กระเด็นหลุดออกจากบ่าในวินาทีนั้นเอง