จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 379 ความสูงส่งของมนุษย์ปักษา
บทที่ 379 ความสูงส่งของมนุษย์ปักษา
นับตั้งแต่ที่โลกเกิดการเปลี่ยนแปลง คนจากโลกยุทธภพก็มองตนเองสูงส่งกว่าคนทั่วไป
จอมยุทธ์สามารถใช้ลมปราณได้จึงไม่มองคนทั่วไปอยู่ในสายตา
และมนุษย์ธรรมดาก็เข้าใจในเรื่องนี้ดี พวกเขาไม่เคยข้องแวะกับบรรดาคนในโลกยุทธภพ แม้อีกฝ่ายจะพยายามหาเรื่องก่อกวน แต่พวกเขาก็พยายามหลบหลีกมาตลอด
ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่เว็บบอร์ดชุมนุมชาวยุทธ์เปิดให้บริการ ไม่เคยมีใครได้ยินข่าวว่ามนุษย์ธรรมดากล้าเผชิญหน้ากับบรรดาจอมยุทธ์มาก่อน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทำให้ทุกคนต้องเปลี่ยนความคิดไปแล้ว
คนของกองทัพกล้าใช้อาวุธปืนยิงคนจากสำนักเทวามรณะ ซึ่งเป็นสำนักที่โด่งดังมากในรอบไม่กี่ปีที่ผ่านมา
แต่ขณะนี้ สภาพของมนุษย์ปักษาที่ปกติจะโบยบินอยู่ในท้องฟ้าอย่างมีสง่าราศี กลับเป็นเหมือนไก่ชราที่ขนร่วง มันถูกกระสุนปืนกราดยิงเข้าใส่ ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เป็นภาพที่เหนือกว่าใครจะจินตนาการได้
บรรดาผู้ที่รับชมเหตุการณ์บางส่วน ไม่สามารถทนดูเฉยๆ ได้อีกต่อไป
บางคนโพสต์คลิปวิดีโอเหล่านี้ลงในโลกอินเทอร์เน็ต
นั่นเองจึงเป็นกระแสในโลกออนไลน์ขึ้นมาแล้ว มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อสิ้นดี กองทัพของคนธรรมดาสามารถจัดการมนุษย์ปักษาได้ด้วยอาวุธปืน นี่คือสิ่งที่ฝ่าฝืนกฎสวรรค์ไม่ใช่หรือ?
“ฉันว่าพวกมันไม่ใช่มนุษย์ปักษาหรอกมั้ง? น่าจะเป็นพวกไก่แจ้ปลอมตัวมามากกว่า”
“ทำไมคนของสำนักเทวามรณะถึงได้กระจอกแบบนี้ล่ะ? แล้วทหารกลุ่มนี้ไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหน? ต่อให้เป็นสำนักเล็ก ๆ พวกเขาก็ไม่น่าสู้ได้ด้วยซ้ำ แต่นี่ดันกล้ามีเรื่องกับสำนักเทวามรณะ พวกมนุษย์ปักษาคงโกรธแค้นมาก ฉันว่าเดี๋ยวได้เกิดสงครามขึ้นแน่นอน”
“มันต้องมีเหตุผลอื่นที่ทำให้คนของกองทัพใจกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้ ฉันว่าพวกเขาคงมีไม้เด็ดอะไรบางอย่างที่พวกเราไม่รู้มากกว่า”
เหล่านี้คือความคิดเห็นของชาวเน็ต แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาต่างๆ นานา บางคนบอกว่าหรือจะเป็นเพราะจอมมารฉู่ชวิ๋นกลับมาแล้ว แต่ก็ไม่มีใครเชื่อเลยสักคน
เจี่ยงเทากราดยิงจนกระสุนปืนหมดแม็ก หลังจากนั้นจึงได้หยุดมือ
“ดึงพวกมันขึ้นมา” เจี่ยงเทาออกคำสั่ง
ทหารสี่นายเดินออกไปข้างหน้า พวกเขาต้องใช้ขาดันพื้นพร้อมกับใช้มือฉุดดึงสุดแรงเกิด กว่าที่จะนำตัวมนุษย์ปักษาทั้งสองขึ้นมาจากหลุมบนพื้นได้สำเร็จ
เมื่อดึงพวกมันขึ้นมาจากหลุมได้เรียบร้อย ศีรษะของมนุษย์ปักษาทั้งสองตัวก็มีคราบดินโคลนเกาะเต็มไปหมด แต่มันเป็นดินสีแดง เนื่องจากผสมกับเลือดที่ไหลอาบใบหน้า สุดท้ายแล้วทั้งเลือดทั้งเศษดินก็แห้งกรังเกาะติดอยู่บนใบหน้าของพวกมัน
เจี่ยงเทาขยับเท้าเข้าไปหา ก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดเข้าไปเต็มแรง
ผลั่ก! ผลั่ก!
เสียงกำปั้นปะทะใบหน้าดังขึ้น เศษดินที่เกาะติดอยู่บนใบหน้าของพวกมันร่วงกราว เผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผล
บรรดาจอมยุทธ์ที่ยืนรับชมเหตุการณ์อยู่โดยรอบ อ้าปากค้างตกตะลึงลืมหายใจ
มนุษย์ปักษาอีกสองตัวที่บินหนีไปบนท้องฟ้า หยุดชะงักลอยตัวอยู่ในระยะไกลและหันหน้ามองกลับมาอย่างไม่มั่นใจ พลัน แส้สีม่วงก็ตวัดพุ่งจากพื้นดิน ตรงเข้าไปลากพวกมันร่วงดิ่งลงจากกลางอากาศ
เจี่ยงเทาจ้องมองด้วยแววตาเย้ยหยัน มั่นอกมั่นใจ ไม่ว่าพวกมนุษย์ปักษาจะสูงส่งมาจากไหน แต่เมื่อมาเผชิญหน้ากับท่านนายพลฉู่ชวิ๋น พวกมันก็ไม่ต่างจากไก่ตัวหนึ่ง ที่สามารถถูกจับตัวได้ง่ายดายเหมือนไก่ในเล้า
“พาพวกมันมานี่”
ลูกน้องทั้งสี่คนรับคำสั่งอย่างว่าง่าย พวกเขาจับขามนุษย์ปักษาคนละข้าง และลากร่างของพวกมันมากับพื้นถนนเหมือนลากศพหมาเร่ร่อนอย่างไรอย่างนั้น
“จงกลับไปบอกพรรคพวกของแกซะ ว่าอย่ามาบินเล่นในเมืองหลวงอีก เข้าใจไหม?” เจี่ยงเทายืนมองมนุษย์ปักษาทั้งสองตัวจากระยะไกล พูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
พวกมันไม่สามารถเลิกคิ้วขึ้นมองได้ด้วยซ้ำ
มนุษย์ปักษาทั้งสองตัวมีใบหน้าซึมเศร้า ความหล่อเหลาหายเกลี้ยง ดวงตาเต็มไปด้วยแววอาฆาตพยาบาท ปีกของมันพลันกระพือพรึ่บพรั่บ ลมปราณสีขาวพวยพุ่งออกมา
“ไอ้ไก่แจ้พวกนี้ ยังได้รับบทเรียนไม่มากพอใช่ไหม?” เจี่ยงเทาตวาดอย่างไม่หวาดกลัว เขารู้ว่ามันเป็นเรื่องที่อันตราย แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีมากเหลือเกิน
พรึบ!
ม่านพลังสีม่วงปรากฏขึ้นกลางอากาศ ป้องกันลมปราณสีขาวเหล่านั้นเอาไว้ได้หมดสิ้น
ขนนกเหล็กทุกเส้นแตกกระจาย กลายเป็นเพียงเส้นสีขาวไร้อันตราย
“เจ้าพวกมนุษย์ต่ำต้อย กล้ามารังแกคนของสำนักเทวามรณะ รับรองว่างานนี้จบไม่สวยแน่”
ดวงตาของมนุษย์ปักษาตัวหนึ่งขุ่นมัวด้วยความโกรธแค้น
ในขณะที่มนุษย์ปักษาอีกตัวหนึ่งหยิบธนูขนนกออกมา มันเป็นธนูขนนกที่ทำมาจากทองคำ เมื่อนำลูกศรประทับเข้ากับคันธนู เสียงแหลมสูงเสียดรูหูก็ดังขึ้น แล้วในวินาทีที่มันยิงลูกศรขึ้นสู่ท้องฟ้า รอบบริเวณก็สว่างไสวราวกับเพิ่งจุดดอกไม้ไฟก็ไม่ปาน
ทุกคนทราบดีว่านี่เป็นกลวิธีร้องขอความช่วยเหลือ แต่มันเป็นวิธีที่เก่าเกินไปหน่อย ทุกคนต่างคิดเป็นอย่างเดียวกันว่านี่มันยุคไหนสมัยไหนกันแล้ว? ใช้โทรศัพท์มือถือตามคนมาช่วยไม่ง่ายกว่าหรือ? เวลาชี้เป็นชี้ตายขนาดนี้ยังจะทำตัวโบราณเอาเท่ กลุ่มคนดูต่างพูดอะไรไม่ออก
เจี่ยงเทาหัวเราะเสียงดังลั่น “นี่มันอะไรกันเนี่ย ทำไมพวกแกตกยุคขนาดนี้?”
“สงสัยที่บ้านพวกมันสัญญาณอินเทอร์เน็ตคงเข้าไม่ถึง” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อคิดถึงสิ่งที่ตัวเองพูด ชายหนุ่มก็รู้สึกว่ามันตลกดีเพราะเขาจำได้ว่าคนที่พูดให้เขาได้ยินก่อนหน้านี้ก็คือจิ่วโยว
จิ่วโยวติดเล่นอินเทอร์เน็ต ถ้อยคำเสียดสีเหล่านี้เธอพูดออกมาเป็นประจำ ฉู่ชวิ๋นจึงจดจำมาโดยไม่รู้ตัว
เจี่ยงเทาหันไปมองฉู่ชวิ๋นด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดเลยว่าท่านนายพลจะชอบเล่นอินเทอร์เน็ตกับเขาด้วย ในความคิดของพวกเขา นายพลฉู่ชวิ๋นถ้าไม่เข้าป่าไปต่อสู้กับมารร้าย ก็ต้องอยู่ในสนามรบต่อสู้กับตัวประหลาด
นั่นก็เป็นเพราะว่าทุกครั้งที่มีข่าวเกี่ยวกับฉู่ชวิ๋น มันจะเป็นเรื่องราวที่เหลือเชื่ออยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นวันนี้เขาฆ่ามังกร วันพรุ่งนี้เขาก็เดินทางไปถล่มสำนักมารร้ายอีกแล้ว
ไม่นานหลังจากที่ลูกศรทองคำถูกยิงขึ้นฟ้า จุดสีขาวขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนขอบฟ้าจากระยะไกลเริ่มย่นใกล้เข้ามาด้วยความรวดเร็ว เผยให้เห็นว่าแท้จริงแล้วจุดสีขาวๆ นั้นก็คือกองทัพมนุษย์ปักษาจำนวนมาก
เหล่าจอมยุทธ์ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ล่าถอยไปโดยไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าสำนักเทวามรณะโกรธแค้นแล้วจริงๆ พวกมันถึงกับส่งกำลังพลมามากมาย ประเมินด้วยสายตาคะเนได้ว่ามีไม่ต่ำกว่าร้อยตัว
ผู้ที่บินนำหน้าสุดเป็นมนุษย์ปักษาชรา ผมบนศีรษะของมันเป็นสีขาว แต่ผิวหนังยังเต่งตึงไร้รอยย่น ใบหน้าก็ยังดูหล่อเหลา ไม่ได้แก่เฒ่าเสียทีเดียว
พลังลมปราณของมันแข็งแกร่ง แผ่เป็นรัศมีสีขาวออกมารอบกาย ทำให้เหล่านายทหารที่อยู่โดยรอบรู้สึกหายใจลำบากขึ้นมาทันที
นี่คือจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 9
ถึงแม้ผู้ติดตามที่เหลืออยู่จะมีพลังเพียงขั้นปรมาจารย์ แต่ทุกตัวต่างก็เป็นลูกศิษย์ชั้นยอด แม้แต่ยามบินก็ยังคงบินอย่างเป็นระบบระเบียบ
นี่คือกองทัพของมนุษย์ปักษา
เจี่ยงเทาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยมนุษย์มีปีก รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาเล็กน้อย ฝ่ายตรงข้ามมากันเยอะขนาดนี้ คงสามารถเล่นงานเขาจนเหลือแต่โครงกระดูกได้ในพริบตาเดียว
ชายหนุ่มเหลือบตามองไปที่ฉู่ชวิ๋นโดยไม่รู้ตัว แต่ฉู่ชวิ๋นก็ยังคงนั่งอยู่บนฝากระโปรงรถด้วยท่าทางสบายใจ ไม่ได้ทำทีว่าจะลงมาช่วยเหลือแต่อย่างใด
ดวงตาของมนุษย์ปักษาชราเป็นประกายเย็นชาและคมกริบเหมือนกรงเล็บเหยี่ยว มันกวาดสายตาชำเลืองมองทั่วบริเวณ สีหน้าของมันพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย ความเคร่งขรึมกลายเป็นเศร้าหมองในพริบตา
“นายทหารทั้งหลาย พวกเราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน ทำไมต้องลงมือรุนแรงถึงเพียงนี้ด้วย?”
มนุษย์ปักษาชราพลันกลายร่างเป็นสายฟ้า หมุนตัวควงสว่านพุ่งลงมาหาพวกเขา
พวกของเจี่ยงเทาได้แต่ยืนตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก อวัยวะภายในร่างกายสั่นสะเทือน เลือดลมสูบฉีด รู้สึกอึดอัดเหมือนกำลังจะถูกบดขยี้ได้ตลอดเวลา
ทันใดนั้น ความอบอุ่นสายหนึ่งก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของพวกเขา ต่อมาพลังวิญญาณของทุกคนก็สงบลง ความอึดอัดทั้งมวลนั้นสูญสลายหายไปแล้ว
“ไสหัวไป!”
ฉู่ชวิ๋นตะโกนเสียงดังพร้อมกันนั้นก็บังเกิดเสียงมังกรคำรามดังสนั่น คลื่นเสียงที่มองไม่เห็นแผ่กระจายออกไปอย่างน่ากลัว กินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง
สีหน้าของมนุษย์ปักษาชราแปรเปลี่ยนไปทันที มันรู้สึกเหมือนมีค้อนขนาดใหญ่ทุบผลั่กเข้าเต็มหน้าอก ต้องรีบโคจรพลังลมปราณขึ้นมาต้านทานเอาไว้
แต่ผู้ติดตามมันที่อยู่ด้านหลังไม่อาจต้านทานได้ พวกมันเกิดความปั่นป่วนเหมือนคนเมามาย บางตัวถึงกับร่วงดิ่งลงไปจากท้องฟ้าแล้วด้วยซ้ำ
มนุษย์ปักษาชรายกมือขึ้น สร้างม่านพลังป้องกันผู้ติดตามที่อยู่ข้างหลัง ซึ่งกลุ่มมนุษย์มีปีกเหล่านั้นก็อาการดีขึ้นโดยทันที
พวกของเจี่ยงเทาและบรรดาจอมยุทธ์ที่ยืนดูเหตุการณ์โดยรอบ ต่างก็ตวัดสายตาหันมาชำเลืองมองฉู่ชวิ๋นด้วยความตกตะลึงและชื่นชมเป็นตาเดียว
ความแข็งแกร่งระดับนี้ควรค่าต่อการเคารพที่สุด
“รู้ตัวไหมว่าแกเพิ่งทำผิดพลาดครั้งใหญ่?” มนุษย์ปักษาผู้ที่ยิงลูกศรทองคำขอความช่วยเหลือ หันมาคำรามใส่ฉู่ชวิ๋น
“หุบปาก!” มนุษย์ปักษาชราตวาด
“ผู้อาวุโสโม่ เป็นเพราะมันผู้นี้คนเดียว ที่แอบเล่นงานทีเผลอจนโม่หลินต้องเสียท่าให้กับมัน” มนุษย์ปักษาหนุ่มตะโกนด้วยความฉุนเฉียว
“ฉันบอกให้หุบปาก!!” มนุษย์ปักษาชราคำรามตอบกลับมา
มนุษย์ปักษาหนุ่มสะดุ้งเฮือก รีบปิดปากเงียบทันที และทำได้แค่เพียงหันมาจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยความอาฆาตแค้น
“คุณผู้ชาย ฉันต้องขอโทษคุณเรื่องพฤติกรรมคนของฉันด้วย พวกเขาไม่ได้มีเจตนาจะดูหมิ่นคุณแต่อย่างใด” มนุษย์ปักษาชราประสานมือไว้ที่หน้าท้องและโค้งตัวลงคำนับเล็กน้อย
ฉู่ชวิ๋นยังคงนิ่งเฉย แต่บรรดามนุษย์ปักษาลูกสมุนที่ยืนอยู่ด้านหลังพร้อมใจกันเบิกตาโต เนื่องจากมนุษย์ปักษาชราผู้นี้ เป็นบุคคลระดับสูงของสำนักเทวามรณะ
ใครจะคิดเลยว่าผู้อาวุโสโม่จะกล้าคำนับชายหนุ่มคนนี้?
แต่มนุษย์ปักษาชราเต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ เมื่อปะทะเข้ากับพลังมังกรคำรามเมื่อสักครู่ มันก็รู้โดยทันทีว่าบุรุษหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งมาก มีฝีมือไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าตัวมันแม้แต่น้อย
กลุ่มคนจากสำนักเทวามรณะพากันตกตะลึงและสับสน ทำไมผู้อาวุโสโม่ต้องคำนับคนธรรมดาแบบนี้ด้วย? เรื่องนี้ทำให้เผ่าพันธุ์ของพวกมันเสื่อมเสียเกียรติยิ่งนัก
แต่สิ่งที่ทำให้เสื่อมเสียเกียรติยิ่งกว่าเดิมก็คือ บุรุษหนุ่มผู้นั้นยังคงนั่งอยู่บนฝากระโปรงรถ ไม่ได้ตอบรับการคำนับของผู้อาวุโสโม่แต่อย่างใด
ในสายตาของมนุษย์ปักษาแล้ว มนุษย์ธรรมดาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ โดยเฉพาะชายหนุ่มคนนี้ เห็นได้ชัดไม่รู้จักคำว่ามารยาท
ฉู่ชวิ๋นหันไปจ้องมองกลุ่มมนุษย์ปักษาด้วยแววตาเรียบเฉย แล้วหัวเราะเยาะ “ดูเหมือนลูกน้องของแกจะยังไม่รู้ตัวกันอีกนะ?”
“มนุษย์ชั้นต่ำอย่างแก ไม่ควรค่าต่อการคำนับจากพวกเราหรอก!” หนึ่งในกลุ่มมนุษย์ปักษาที่อยู่ด้านหลังตะโกนสวนมาด้วยความโกรธแค้น
“ไอ้พวกไก่แจ้กลายพันธุ์ พวกแกโดนเราสอยร่วงมาตัวแล้วตัวเล่า จนตอนนี้เกือบจะกลายเป็นไก่ที่ถูกถอนขนหมดแล้ว จะตายก็ไม่ได้ จะหนีก็ไม่ได้ ทำได้แค่เพียงรอวันเข้าคุก ช่างน่าตลกขบขันอะไรอย่างนี้?” เจี่ยงเทาไม่ยอมให้อีกฝ่ายหนึ่งดูถูกฉู่ชวิ๋นเพียงข้างเดียว จึงออกหน้าตอบโต้กลับทันที
“เจ้าพวกมนุษย์โสโครก ใครจะรู้บ้างว่าพวกแก่ใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรเล่นงานเรา? แต่รับรองเลยว่ามามีปัญหากับมนุษย์ปักษาอย่างนี้ พวกแกจะต้องชดใช้อย่างสาสม”
เจี่ยงเทาส่งเสียงหัวเราะเยาะ เดินเข้าไปตวัดขาเตะมนุษย์ปักษาที่ถูกจับตัวจนล้มพับลงไปอีกครั้ง มันหันกลับไปมองกลุ่มฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตาเย้ยหยัน และกล่าวท้าทายว่า “ใครจะต้องชดใช้กันแน่? ไอ้พวกไก่แจ้กลายพันธุ์ โลกนี้เป็นของมนุษย์ ไม่ใช่ของพวกแก ถ้าแกอยากอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ ก็ต้องเคารพกฎของมนุษย์ อย่ามาทำตัวอวดดีจองหอง”
เผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาได้ยินดังนั้นก็โกรธแค้นเป็นการใหญ่ พวกมันจ้องมองเจี่ยงเทาเหมือนอยากจะกินเลือดกินเนื้อเขาเต็มที่
“มัวแต่จ้องมองอะไรกันอยู่? เก่งจริงก็เข้ามา เห็นไหมว่าฉันกำลังทำอะไร” พูดจบ เจี่ยงเทาก็ตวัดมือตบหัวของมนุษย์ปักษาที่ถูกจับเป็นเชลยอีก ผัวะ!
“หยุดนะ!” มนุษย์ปักษาที่เป็นผู้อาวุโสร้องคำราม มันมองหน้าฉู่ชวิ๋นอยู่นานสองนาน ก่อนจะพูดออกมาในที่สุดว่า “คุณผู้ชายผู้แข็งแกร่ง คุณคงเป็นคนในยุทธภพใช่ไหม ฉันไม่เข้าใจเลยว่าคุณจะมาปกป้องมนุษย์ชั้นต่ำพวกนี้ทำไม”
ดวงตาของฉู่ชวิ๋นหรี่ลงเล็กน้อย สายตาของเขาเย็นเยียบขึ้นมาแล้ว
“ถ้าแกจะดูถูกมนุษย์ขนาดนี้? แล้วอยู่ในโลกมนุษย์ทำไม?”
“ผิดแล้ว ไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ไหน โลกนี้เป็นของคนที่มีความสามารถต่างหาก โลกของเรากำลังฟื้นตัว บรรดาผู้ที่เป็นจอมยุทธ์เพิ่มจำนวนมากขึ้น มีแต่มนุษย์ขั้นต่ำพวกนี้ต่างหากที่เป็นตัวภาระของโลกใบนี้ มนุษย์มีค่าเป็นเพียงทาสรับใช้มาช้านานและในเมื่อบัดนี้ นายท่านตัวจริงอย่างเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษากลับมาแล้ว พวกคนธรรมดาที่รอดชีวิตอยู่ ก็ต้องทำงานรับใช้พวกเรา”
ฉู่ชวิ๋นระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความโกรธแค้น เสียงหัวเราะของเขาก้องกังวานไปทั่วท้องฟ้า ชายหนุ่มจ้องมองไปยังมนุษย์ปักษาชรา แล้วพูดว่า
“ฉันเองก็เป็นมนุษย์คนนึง แกกล้าเป็นคนตัดสินไหมล่ะว่าฉันควรจะอยู่รอดต่อไปหรือไม่?”
“ไม่จริง ฝีมือแข็งแกร่งอย่างคุณ ถ้าเป็นมนุษย์ คุณก็คือเทพเจ้า คุณไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาอย่างแน่นอน” มนุษย์ปักษาชราพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันมีเรื่องอยากจะพูด แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดออกมาดีไหม?” ฉู่ชวิ๋นกล่าวกับมนุษย์ปักษาชรา
“ได้โปรดพูดมาเถิด”
ฉู่ชวิ๋นจ้องมองเขม็ง ดวงตาเป็นประกายดุดัน “ปกติฉันไม่ค่อยพูดคำหยาบ แล้วฉันก็ไม่ค่อยพูดอะไรโดยไม่จำเป็นด้วย แต่ครั้งนี้ฉันขอพูดหน่อยเถอะว่า พวกแกไปตายห่ากันให้หมดซะเถอะ ไอ้พวกมนุษย์นกสวะ!”