จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 383 แอบช่วยเหลือ
บทที่ 383 แอบช่วยเหลือ
มนุษย์ปักษาอีกตัวร่วงหล่นลงมาเป็นตัวที่ 4 พวกเจี่ยงเทาฉีกยิ้มกว้าง
เหล่ามนุษย์ปักษาได้แต่ยืนจ้องมองดวงตาแทบถลน
ที่ด้านนอก บรรดามนุษย์ปักษาที่รับชมการต่อสู้มีดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น
ดวงตาของมนุษย์ปักษาชรากลอกไปมา กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกไม่หยุดยั้ง
มนุษย์ปักษาผู้แข็งแกร่งไม่สามารถต่อสู้กับมนุษย์ผู้อ่อนแอได้เลย
ในขณะนี้ ฝ่ายของมนุษย์ปักษาถูกฆ่าตายไปหลายคนติดต่อกัน ส่วนฝ่ายมนุษย์ยังคงปลอดภัยดีอยู่ทุกคน
“ให้ผมเข้าไปเถอะครับ ผมจะฆ่ามนุษย์ชั้นต่ำพวกนั้นเอง”
ด้านในแผนที่ทะลุมิติ กลุ่มมนุษย์ปักษาโบยบินบนท้องฟ้าในสภาพที่เลือดท่วมตัว มีตัวหนึ่งพูดขึ้นมาว่า
“พวกเรากำลังเสียเปรียบ อาวุธของมนุษย์พวกนี้ไม่ชอบมาพากล ตอนนี้พวกเราพยายามหลีกเลี่ยงพวกมันไปก่อน ว่าการคาดการณ์ของฉัน ความสามารถของพวกมันต้องมีคนนอกช่วยสนับสนุน พลังแบบนี้อยู่ได้ไม่นานหรอก พวกเราต้องรอให้พวกมันพลังเสื่อมกันเสียก่อน!”
“ไอ้ไก่แจ้ จะหนีไปไหนน่ะ กลับมานี่ก่อน ฉันเตรียมข้าวเปลือกไว้ให้แล้ว” เจี่ยงเทาตะโกนออกไปอย่างท้าทาย
กลุ่มมนุษย์ปักษาหันมาจ้องมองเจี่ยงเทาด้วยสายตาอาฆาตแค้น
เมื่อเห็นดังนั้น เจี่ยงเทารีบถือปืนวิ่งตามไปทันที “ไอ้พวกมนุษย์ไก่แจ้ เก่งจริงก็อย่าหนีสิวะ”
แต่มนุษย์ปักษาที่เหลืออยู่กลับกระพือปีก บินหนีออกไปห่างไกลมากขึ้นเรื่อยๆ
“ให้ตายสิ ถ้ารู้แบบนี้ฉันเอาปืนสไนเปอร์มาด้วยก็ดี จะได้สอยพวกมันทีละตัวซะเลย” เจี่ยงเทาพูดด้วยความเสียดาย
มนุษย์ปักษาบินอยู่บนท้องฟ้า พวกเขาวิ่งอยู่บนพื้นดิน อย่างไรก็ไล่ตามกันไม่ทันอยู่แล้ว เปรียบไปก็เหมือนวิ่งกวดกันอยู่คนละจักรวาล
แต่ผู้คนที่อยู่ด้านนอกไม่คิดดังนั้น โดยเฉพาะบรรดามนุษย์ปักษาที่คำรามออกมาด้วยความเดือดดาลว่า เจ้าพวกนี้เสียสติกันไปแล้วหรืออย่างไร? พวกมันเป็นถึงมนุษย์ปักษาผู้สูงส่ง เป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในยุทธภพ แต่กลับต้องมาบินหนีมนุษย์เพียงหยิบมือเดียวแบบนี้ ช่างน่าอับอายเหลือเกิน
“ผู้กองครับ พวกมันบินหนีไปเร็วมาก พวกเราตามไม่ทันเลย” นายทหารคนหนึ่งรายงานด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
เจี่ยงเทาวิ่งจนเหนื่อยแล้วเช่นกัน
“แม่งเอ๊ย ตามไม่ทันจริงๆ ด้วย” เจี่ยงเทาปีนขึ้นไปบนเนินเขาลูกหนึ่ง จ้องมองกลุ่มมนุษย์ปักษาที่บินอยู่ในระยะไกล ตะโกนไล่หลังไปว่า “ไอ้พวกมนุษย์ไก่แจ้ เก่งจริงก็กลับมาสิวะ เดี๋ยวฉันให้ข้าวเปลือกเป็นรางวัล”
“เจ้าพวกมนุษย์ต่ำต้อย อย่าเหิมเกริมให้มากนัก อีกไม่นานเดี๋ยวพวกแกก็ต้องร้องขอความเมตตาแล้ว” หนึ่งในกลุ่มมนุษย์ปักษาตะโกนตอบกลับมา
“เก่งจริงก็อย่าดีแต่พูด รีบกลับมานี่ ฉันจะตัดปีกของแกมาตุ๋นยาจีนให้ดู” กลุ่มนายทหารตอบกลับไปด้วยความเย้ยหยัน
“มนุษย์ปักษาอะไรวะ อ่อนแอยิ่งกว่าไก่แจ้เสียอีก สงสัยอีกหน่อยคงต้องเรียกแกว่ามนุษย์ไก่แจ้จริง ๆ ซะแล้ว จะได้เหมาะสมกับฝีมือแสนกระจอกของพวกแกไง”
“ไอ้พวกมนุษย์ไก่แจ้ กลับมาเดี๋ยวนี้ ฉันไม่ต้องใช้ปืนด้วยซ้ำ แค่ใช้หนังสติ๊กก็ยิงพวกแกร่วงลงมาได้แล้ว”
เจี่ยงเทาและลูกน้องช่วยกันตะโกนปั่นประสาท
มนุษย์ปักษาโกรธแค้นจนควันออกหู พวกมันพ่นลมหายใจอย่างรุนแรง ตัวสั่นเทาด้วยความเดือดดาล
แต่ถึงอย่างนั้น พวกมันจะทำอะไรผลีผลามไม่ได้ ด้วยยังคงรู้ดีว่าปืนในมือของพวกเจี่ยงเทามีความน่ากลัวขนาดไหน
“ผู้กองครับ พวกมันไม่หลงกลเราอีกแล้ว ไม่ยอมบินกลับมา พวกเราวิ่งตามก็ไม่ทัน เอาไงต่อดีครับ?”
เจี่ยงเทาก็กำลังปวดหัวอยู่เช่นกัน กลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการต่อสู้ครั้งนี้คือทำให้พวกมนุษย์ปักษาเข้าใจว่าฝ่ายพวกมันเป็นคนคุมเกม ฉู่ชวิ๋นสอนกลยุทธ์นี้ให้แก่เขาก่อนที่จะเข้ามาสู้ เจตนาทำให้พวกมนุษย์มีปีกตกอยู่ในความประมาทจนไม่ทันระวังตัว
การฆ่าคนนั้นง่าย แต่การจัดการกับคู่ต่อสู้ที่กำลังจนตรอก พวกเขาจำเป็นต้องมีสติและเตรียมพร้อมรับมือสิ่งที่ไม่คาดคิดให้ดี
คนทั่วโลกกำลังรับชมการต่อสู้ครั้งนี้ ฉู่ชวิ๋นมีจุดหมายอยากให้คนทั้งโลกได้รู้ว่า นายทหารชาวจีนไม่ใช่คนที่ใครจะมาข่มเหงรังแกได้ง่ายๆ
เผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาจะเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเรื่องนี้
ที่ด้านนอก ฉู่ชวิ๋นกึ่งนั่งกึ่งนอนอย่างเกียจคร้านอยู่บนฝากระโปรงรถ สายตาของเขาจ้องมองไปยังกลุ่มมนุษย์ปักษา ขณะพูดว่า “นี่คือมือดีที่สำนักเทวามรณะคัดกันมาแล้วจริงสิ?”
มนุษย์ปักษาชราไม่สามารถรักษาความสงบเยือกเย็นได้อีกต่อไป มันขยับปีก สีหน้าเคร่งเครียด ไม่หันมาสบตามองฉู่ชวิ๋นเลยสักนิดเดียว
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกเบื่อหน่าย หันหน้ากลับไปจ้องมองแผนที่ทะลุมิติอีกครั้ง ดวงตาของเขาเป็นประกายแวววาว ไม่มีใครรู้เลยเลยว่าชายหนุ่มคิดอะไรอยู่?
ด้านในแผนที่ทะลุมิติ เจี่ยงเทาไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“พวกนายกลับไปตั้งหลักก่อน”
“ผู้กองจะทำอะไรเหรอครับ?”
เจี่ยงเทาลุกขึ้นยืน เดินถือปืนตรงเข้าไปยังทิศทางของกลุ่มมนุษย์ปักษา
“ไอ้พวกสำนักไก่แจ้ ฉันมาคนเดียว พวกแกกล้าเข้ามาสู้กับฉันหรือเปล่า?”
พวกมนุษย์มีปีกเหลือกันอยู่แค่เพียง 6 ตัวเท่านั้น เจี่ยงเทาเดินเข้าไปเงยหน้ากวาดตามองพวกมันทีละตัว
“นี่เป็นโอกาสดีที่พวกเราจะฆ่ามันได้แล้วนะ” มนุษย์ปักษาตัวหนึ่งพูดขึ้น
“ไม่ได้ มนุษย์พวกนี้เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว มันต้องวางแผนอะไรอยู่แน่นอน” อีกตัวหนึ่งคัดค้าน
“ถ้านายกลัวก็ถอยไป เดี๋ยวฉันเข้าไปฆ่ามันเอง” หลังจากนั้น มันก็กระพือปีกบินตรงเข้าไปหาเจี่ยงเทาด้วยความรวดเร็ว
“เจ้ามนุษย์ต่ำช้า ตายซะเถอะ!” มนุษย์ปักษาตัวนั้นคำรามเสียงดัง กระพือปีกรุนแรง ยิงขนนกเหล็กใส่เจี่ยงเทาจำนวนนับไม่ถ้วน
ผู้กองหนุ่มระเบิดเสียงหัวเราะ พูดว่า “ไอ้พวกมนุษย์ไก่แจ้ พวกแกนี่มันหลอกง่ายเหลือเกินนะ” แล้วเขาก็ยกปากกระบอกปืนขึ้นยิงใส่มนุษย์ปักษาตัวนั้น
ลูกกระสุนปะทะเข้ากับขนนกเหล็ก เส้นไหมวิญญาณพลันพุ่งออกไปตวัดรัดพันลำตัวของมนุษย์ปักษาตัวนั้น วินาทีต่อมา ร่างของมันก็ถูกเส้นไหมบาดเนื้อเลือดสาดกระจาย
มนุษย์ปักษาร้องคำรามเสียงดัง กระพือปีกบินตรงเข้ามาหาเจี่ยงเทา ดาบทองคำในมือเป็นประกายแวววาวขณะที่ตวัดแทงออกมาด้วยความรุนแรง มันตกอยู่ในสภาวะคุ้มคลั่งโดยสมบูรณ์ คิดเพียงอย่างเดียวว่าจะต้องฆ่านายทหารหนุ่มให้ได้
เจี่ยงเทาหัวเราะเยาะ หยิบระเบิดมือลูกหนึ่งออกมาขว้างปาออกไป
เมื่อเห็นดังนั้น มนุษย์ปักษาก็กระพือปีกพยายามหลบหนี ทว่าปีกของมันมีรูพรุนเต็มไปหมด จึงโผบินอย่างตุปัดตุเป๋เต็มที ส่งผลให้ยากต่อการหลบหนีระเบิดได้ทัน ดวงตาของมันเป็นสีม่วงก่ำ ดาบในมือตวัดฟันลูกระเบิดที่ลอยเข้ามา แล้วเปลวไฟก็สว่างจ้า เกิดการระเบิดขึ้น แรงระเบิดกระแทกจนตัวมันลอยกระเด็นไม่เป็นท่า
เจี่ยงเทาวิ่งตามมาทัน ซ้ำด้วยกระสุนปืนชุดใหญ่อย่างหูดับตับไหม้ เล็งเป้าหมายไปที่ศีรษะของมนุษย์ปักษาโดยเฉพาะ ไม่นานหลังจากนั้น ศีรษะของมันก็ไม่เป็นรูปทรงศีรษะอีกต่อไป
มนุษย์ปักษาถูกสังหารไปอีกหนึ่งตัว
“ไอ้พวกชั่ว…!!” กลุ่มมนุษย์ปักษาที่บินดูเหตุการณ์อยู่ไกลๆ พร้อมใจกันร้องตะโกนด้วยความเคียดแค้น
เจี่ยงเทาเป็นนายทหารหัวใจเพชร แต่เขาไม่ใช่คนที่เก่งเหนือมนุษย์มนาขนาดนั้น ผู้กองหนุ่มทราบดีว่าที่เขาทำได้ก็เพราะมีฉู่ชวิ๋นคอยช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถสังหารพวกมนุษย์ปักษาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้
ที่โลกภายนอกเกิดเสียงโห่ร้องก้องกระหึ่ม ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าการต่อสู้ครั้งนี้ จะกลับตาลปัตรจากการเริ่มต้นมาได้ขนาดนี้
มนุษย์ปักษาผู้แข็งแกร่งต้องตกตายด้วยน้ำมือของมนุษย์ผู้อ่อนแอ
ฝ่ายสำนักเทวามรณะบ้าคลั่งกันเกือบหมดแล้ว พวกมันส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น และขออนุญาตผู้อาวุโสเข้าไปในแผนที่ทะลุมิติเพื่อจัดการพวกของเจี่ยงเทา
ใบหน้าของมนุษย์ปักษาชราบิดเบี้ยว ดวงตาของมันส่อแววอำมหิตในขณะที่จ้องมองแผนที่ทะลุมิติตรงหน้า
วินาทีต่อมา มันก็แอบดีดนิ้วเล็กน้อย เกิดเป็นลมปราณสีขาวพุ่งวาบหายเข้าไปในแผนที่ทะลุมิติ
กลุ่มคนดูได้แต่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
ฉากหลังในแผนที่ทะลุมิติเปลี่ยนไป อยู่ดีๆ ก็มีต้นไม้สูงใหญ่งอกเงยขึ้นมาบนเนินเขา เพียงพริบตาเดียวก็กลายเป็นผืนป่าหนาทึบไปแล้ว
เจี่ยงเทาก็กำลังตกตะลึงเช่นกัน ไม่ทันได้ตั้งตัวก็มีต้นไม้ใหญ่ผุดขึ้นมาอยู่เบื้องหน้า ต้นไม้เหล่านั้นมีกิ่งก้านสาขาและพุ่มใบดกหนา บดบังสายตาของเขาไปหมดสิ้น
“ผู้กองครับ!” เสียงลูกน้องของเขาตะโกนอยู่จากที่ไกลๆ
พวกเขาถูกต้นไม้ใหญ่เหล่านี้แบ่งแยกอยู่กันคนละฝั่ง ลูกน้องของเจี่ยงเทาพยายามตะโกนเรียกผู้เป็นหัวหน้าด้วยความร้อนรน
ทหารใต้บังคับบัญชาวิ่งไปตามทิศทางเสียงของเจี่ยงเทา เจี่ยงเทาก็วิ่งเข้าหาทิศทางเสียงของลูกน้อง
แต่แล้วพวกเขาก็หากันไม่เจอ ผืนป่าค่อยๆ เปลี่ยนหน้าตาไปอีกครั้ง ทิศทางการวิ่งของพวกเขาเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว จากตอนแรกที่วิ่งเข้าหากัน ตอนนี้กลับกลายเป็นวิ่งหนีห่างออกจากกันมากขึ้นเรื่อยๆ
มนุษย์ปักษาที่เหลืออยู่อีก 5 ตัวโห่ร้องอย่างมีความสุข ต้นไม้ดกหนาเหล่านี้บดบังสายตาของมนุษย์ แต่พวกมันบินอยู่กลางอากาศ สามารถมองภาพจากมุมสูงลงไปเห็นได้ชัดเจน
ที่โลกภายนอก บรรดาผู้อาวุโสจากสำนักเทวามรณะลอบยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่มนุษย์ปักษาชราจะกวาดสายตามองรอบตัวและรับหน้าที่อธิบายว่า “แผนที่ทะลุมิติเป็นสมบัติของสำนักเทวามรณะ มันเป็นของวิเศษที่คาดเดาไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงของแผนที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำ”
หลังจากพูดจบแล้ว มันก็หันมามองหน้าฉู่ชวิ๋น ในที่แห่งนี้มีเพียงมันตัวเดียวเท่านั้นที่รู้ความจริง ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าฉู่ชวิ๋นจะล่วงรู้ความจริงข้อนั้นหรือไม่
ฉู่ชวิ๋นหันหน้ามาสบตามองด้วยสายตาเหยียดหยาม มุมปากยกตัวเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนพูดเสียงเบาราวกับกระซิบว่า “ไอ้นกแก่ ร้ายกาจนักนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก ต่อให้แกแอบช่วยเหลือพวกมัน ผลลัพธ์สุดท้ายก็ยังเหมือนเดิมอยู่ดี”
มนุษย์ปักษาชรารู้สึกกระดากอายขึ้นมาแล้ว ฉู่ชวิ๋นรู้แล้วว่ามันแอบทำอะไรลงไป ใบหน้าของมันแข็งกระด้าง ในเมื่ออีกฝ่ายรู้แล้วว่ามันลอบลงมือเคลื่อนไหว แล้วทำไมถึงทำท่าใจเย็นอยู่แบบนี้ได้อีก?
มนุษย์ปักษาชราเกิดสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาแล้ว
ฉู่ชวิ๋นหันหน้ามองกลับไปยังแผนที่ทะลุมิติอีกครั้ง
ท่ามกลางผืนป่าดกหนา เจี่ยงเทากับลูกน้องวิ่งไปกันคนละทาง ยิ่งวิ่งก็ยิ่งห่างไกลกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ในอากาศ มนุษย์ปักษากระพือปีกบิน พวกมันค้นพบตำแหน่งของเจี่ยงเทาที่แตกกลุ่มออกมาอยู่เพียงลำพัง
เช้ง!
ประกายดาบสีทองพุ่งวาบตรงเข้ามาหาเจี่ยงเทา มันพุ่งเข้ามาพร้อมกับเสียงของพลังลมปราณที่แหวกอากาศ ฟังดูอันตรายเป็นอย่างยิ่ง
เจี่ยงเทาเงยหน้ามองตามสัญชาตญาณ เห็นเพียงแค่ประกายสีทองพุ่งเข้ามา ม่านพลังสีม่วงก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา คอยกำบังประกายสีทองเหล่านั้นเอาไว้
ผู้กองหนุ่มไม่รอช้า ยกปืนขึ้นรัวยิงสวนกลับไปทันที
กลุ่มมนุษย์ปักษาบนท้องฟ้าพร้อมใจกันส่งเสียงร้องโหยหวน ปีกของพวกมันทะลุเป็นรูโหว่ หมุนควงสว่านตกลงมาจากกลางอากาศ
เจี่ยงเทายังคงเหนี่ยวไกอย่างต่อเนื่อง ลูกกระสุนพุ่งออกไปราวกับห่าฝน
กลุ่มนกกลายพันธุ์ร่วงหล่นลงมากระแทกกับยอดไม้ ก่อนจะหล่นลงมากระแทกกับพื้นดิน ส่งผลให้เศษฝุ่นเศษดินตลบฟุ้งในอากาศ
“แอบลอบโจมตีฉันเรอะ?” เจี่ยงเทาพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
มนุษย์ปักษาที่ร่วงหล่นลงมารีบกระพือบินกลับขึ้นไปด้วยความตื่นตระหนก พวกมันเข้าใจผิดโดยสิ้นเชิง ม่านพลังสีม่วงที่ออกมาจากลำตัวของเจี่ยงเทาเป็นม่านพลังคุ้มครองแบบอัตโนมัติ โดยที่ชายหนุ่มไม่ต้องร่ายวิชาใด ๆ เลย
ลูกน้องของเจี่ยงเทาที่วิ่งห่างไกลออกไป ได้ยินเสียงปืนดังมาจากข้างหลัง พลัน พวกเขาก็หยุดชะงัก ก่อนจะหันหลังกลับและวิ่งย้อนเส้นทางไปตามทางเดิม
บรรยากาศที่โลกภายนอกกำลังร้อนระอุ
ทุกคนเข้าใจตรงกันว่าผืนป่าหนาทึบที่ปรากฏขึ้นมานี้จะบดบังสายตาของมนุษย์ ลดทอนศักยภาพในการต่อสู้ของกลุ่มนายทหารให้น้อยลง ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นนี้
เผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาได้แต่เงยหน้าส่งเสียงคำรามด้วยความเจ็บใจ
มนุษย์ปักษาชราใบหน้ากระตุกอีกครั้ง ดวงตาเป็นประกายน่าหวาดกลัว
“คิดหรือว่าที่แกแอบช่วยเหลือพวกมัน จะทำให้มนุษย์ไก่แจ้พวกนี้ชนะพวกฉันได้?” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
มนุษย์ปักษาชราหันหน้ามาจ้องมองชายหนุ่มด้วยแววตาอำมหิต จิตสังหารอันรุนแรงแผ่ออกมา
“ไม่ต้องห่วง ถ้าแกอยากมาสู้กับฉัน รอให้การต่อสู้ระหว่างลูกน้องของพวกเราจบก่อนก็ได้” ฉู่ชวิ๋นกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
มนุษย์ปักษาชราแค่นหัวเราะ หันหน้ากลับไปมองแผนที่ทะลุมิติด้วยแววตาดุร้าย หลังจากนั้น ก็ซัดลมปราณสีขาวใส่แผนที่ทะลุมิติอีกครั้ง
แต่ในวินาทีที่ลมปราณสีขาวจะกระทบถูกแผนที่ทะลุมิตินั้นเอง ก็ปรากฏลมปราณสีม่วงสายหนึ่งถูกยิงออกมาสกัดกั้นเอาไว้
“ไอ้นกแก่ แกแอบยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือลูกน้องครั้งหนึ่งฉันไม่ว่า แต่ถ้าแกกล้าทำอีก อย่าหาว่าฉันโหดร้ายเกินไปก็แล้วกัน” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยความฉุนเฉียว ไอ้นกชราตัวนี้มองข้ามเขาครั้งแล้วครั้งเล่า มันคิดว่าเขาเป็นคนอารมณ์ดีมากนักหรือไง?
มนุษย์ปักษาชราใบหน้าแดงก่ำ มันถูกเปิดโปงต่อหน้าสาธารณชน ส่งผลให้เกิดความอับอายเป็นอย่างยิ่ง
“สำนักเทวามรณะช่างไร้ยางอายจริงๆ แผนที่ทะลุมิติเป็นสมบัติของพวกมัน แค่นี้ก็ได้เปรียบเรื่องความคุ้นเคยสถานที่แล้ว แถมผู้อาวุโสยังลอบยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือระหว่างการต่อสู้ แต่ก็ยังทำอะไรทหารกลุ่มนี้ไม่ได้ แบบนี้มันหน้าด้านเกินไปแล้ว”
“นี่มันอะไรกัน? อย่าว่าแต่คู่ต่อสู้เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ตัวพวกมันเองเป็นถึงมนุษย์กลายพันธุ์ ใครจะไปคิดว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษากลับถูกไล่ต้อนจนต้องเล่นสกปรกขนาดนี้? สงสัยพวกมันจะกลายพันธุ์มาจากพวกนกกระจอกซะมากกว่าละมั้ง”
“ไก่แจ้อย่างพวกแกดีเด่นมาจากไหน? อย่าได้ดูถูกมนุษย์เด็ดขาด”
บรรดาคนดูที่อยู่โดยรอบพร้อมใจกันแสดงความคิดเห็น เช่นเดียวกับผู้ที่รับชมการถ่ายทอดสดจากทางบ้าน
มนุษย์ปักษาชราเจ็บใจจนอกแทบแตกตาย มันกัดฟันกรอดด้วยความเกลียดชัง กองทัพมนุษย์ปักษาที่อยู่ด้านหลังตวัดสายตาชำเลืองมองกลุ่มคนที่อยู่ด้านล่างด้วยแววตาดุร้ายอำมหิต
ครั้งนี้ นับได้ว่าสำนักเทวามรณะเสียหน้าอย่างใหญ่หลวง ไม่ต้องคำนึงเลยว่าการต่อสู้ครั้งนี้ผลแพ้ชนะจะออกมาเป็นเช่นไร แต่ภาพลักษณ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาได้พังยับเยินเกินจะแก้ไขแล้ว