จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 384 มนุษย์ปักษายอมก้มหัว
บทที่ 384 มนุษย์ปักษายอมก้มหัว
ด้านในแผนที่ทะลุมิติ ลูกน้องของเจี่ยงเทาวิ่งตามเสียงปืนจนกลับมาพบกันอีกครั้ง
“ผู้กองครับ เป็นอะไรหรือเปล่า?”
เจี่ยงเทาส่ายศีรษะ ระบุว่าตนเองปลอดภัยดี
“เหลือพวกมันอีกแค่เพียงสี่ตัว พวกเรารีบลงมือ จากนี้ไปอย่าแตกกลุ่มกันเด็ดขาด” เจี่ยงเทาออกคำสั่ง
แล้วทหารทั้ง 9 นายก็รีบเคลื่อนย้ายกำลังพลอย่างรวดเร็ว
ฝ่ายมนุษย์ปักษาเหลืออยู่อีกเพียงแค่สี่ตัว ในขณะนี้ทุกตัวมีสีหน้าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“ไอ้พวกมนุษย์โสโครก” มนุษย์ปักษาตัวหนึ่งร้องคำราม
ในเรื่องของความแข็งแกร่งที่แท้จริง เผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษามีร่างกายที่แข็งแรงกว่ามนุษย์หลายเท่า แต่วันนี้อาวุธที่นายทหารกลุ่มนี้ใช้มีลักษณะแปลกประหลาดบางอย่าง ถึงกับสามารถทำร้ายพวกมันให้บาดเจ็บได้อย่างง่ายดาย แถมทุกครั้งที่พวกมันโจมตีโต้ตอบกลับไป ก็จะมีม่านพลังคอยคุ้มกันฝ่ายตรงข้ามเสมอ
ขณะนี้ พวกของเจี่ยงเทากลายเป็นเหมือนตัวแม่นที่พวกมันไม่กล้าแตะต้อง
สำหรับนายทหารชาวจีนพวกนี้ การรบในป่าเป็นส่วนหนึ่งในการฝึกของพวกเขา
บรรดานายทหารปีนขึ้นไปอยู่บนต้นไม้พร้อมกับยิ้มกว้าง ในความเงียบงัน พวกเขาชี้ปืนขึ้นไปเล็งใส่มนุษย์ปักษาที่บินวนอยู่บนท้องฟ้า
ปังๆๆๆ…!
ประกายไฟพุ่งออกจากปลายกระบอกปืน ลูกกระสุนถูกกราดยิงออกไป
มนุษย์ปักษาทั้งสี่ตัวตื่นตระหนก พวกมันตัวหนึ่งส่งเสียงร้องโหยหวนเนื่องจากถูกลมปราณสีม่วงจากลูกกระสุนพุ่งทะลวงเข้าใส่ จนร่วงหายตายดับจากโลกนี้ไปอีกหนึ่งตัว
เพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ที่เหลืออยู่ทั้งสามตัวตื่นกลัวจนขนลุกซู่ พวกมันรีบกระพือปีกฉากหนีออกมาทันที
“เย้!” เมื่อเห็นกลุ่มมนุษย์ปักษาโผบินหนีไปด้วยความตื่นตระหนก เหล่าทหารหาญก็โห่ร้องด้วยความสะใจ
ในผืนป่าหนาทึบเขียวขจีด้านล่าง ใครจะรู้เลยว่ากลุ่มนายทหารซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้อย่างมิดชิด
พวกมนุษย์ปักษาไม่กล้าหยุดบิน พวกมันได้แต่ประคองตัวบินหนีออกมาให้ไกลมากที่สุด รวดเร็วที่สุด
ปังๆๆๆ…!
ห่ากระสุนถูกยิงขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่คราวนี้ยิงไม่โดนเป้าหมาย เนื่องจากกลุ่มมนุษย์ปักษาบินหนีได้รวดเร็วมากเกินไป
“ไอ้พวกนกกระจอก บินหนีได้เร็วนักนะ” หน่วยทหารเดนตายสบถด้วยความเสียดายในขณะที่ไถลตัวลงมาจากต้นไม้ เคลื่อนพลผ่านผืนป่าอีกสักครู่ใหญ่ ก็ปีนกลับขึ้นไปบนต้นไม้และพรางตัวอยู่บนนั้นอีกครั้ง
ปังๆๆๆ…!
เสียงปืนกลแผดระรัวขึ้นอีกคำรบ ลูกกระสุนปลิวว่อนเต็มท้องฟ้า แต่ก็ยังยิงไม่โดนมนุษย์ปักษาเลยสักตัว
มนุษย์ปักษาทั้งสามตัวที่กำลังอยู่ในสภาวะตื่นกลัวทำการโผบินอย่างระมัดระวังตัว พวกมันพยายามเก็บปีกให้เล็กมากที่สุด
บนยอดไม้ในป่าเขียวขจี เจี่ยงเทาเหยียดยิ้มเย้ยหยัน ในขณะที่ยกปืนขึ้นเล็งเป้าหมายไปยังมนุษย์มีปีกทั้งสามตัวนั้น
ปังๆๆๆ…!
เสียงปืนคำรามกึกก้องผืนป่า เลือดเป็นสายสาดกระจายออกมาจากร่างกายของมนุษย์ปักษาตัวหนึ่ง
เพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของมันที่เหลืออยู่อีกสองตัวตื่นกลัวสุดขีด เปรียบไปแล้วพวกมันก็เหมือนไก่ที่ตกน้ำ ถึงมีปีกแต่ก็ไม่สามารถใช้ช่วยชีวิตได้อีก
หลังจากนั้น เสียงปืนก็ยังคงแผดดังในผืนป่าต่อไป มนุษย์ปักษาทั้งสองตัวเป็นเหมือนเป้านิ่งให้พวกเขารุมยิงอย่างสนุกสนาน ไม่อาจต้านทานได้เลยสักนิดเดียว
ที่โลกภายนอก ทุกคนกำลังอ้าปากค้าง ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าสมาชิกของสำนักเทวามรณะจะอยู่ในสภาพที่น่าอนาถใจถึงเพียงนี้
ดวงตาของมนุษย์ปักษาทุกตัวกลายเป็นสีแดงก่ำ
มนุษย์ปักษาชรามีสีหน้าเย็นชาเหมือนใบมีด มันยกมือขึ้นหมายจะคว้าจับแผนที่ทะลุมิติ ซึ่งลอยอยู่ในอากาศ
พรึบ!
ลมปราณสีม่วงพุ่งเข้าใส่มันอย่างรวดเร็ว
มนุษย์ปักษาชราตื่นตระหนก โคจรพลังลมปราณสีขาวกลายเป็มลมปราณคุ้มกาย เมื่อลมปราณสีม่วงพุ่งเข้ามาถึงตัวก็กระจายหายไปทันที
วูบ!
เส้นไหมวิญญาณลอยออกมาจากตัวของฉู่ชวิ๋น กระชากแผนที่ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในมือตัวเอง
มนุษย์ปักษาชราหัวเราะเยาะ ไม่หวาดกลัวเลยที่แผนที่ทะลุมิติจะตกไปอยู่ในมือของฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากแผนที่ทะลุมิติเป็นสมบัติของเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษา ไม่มีใครสามารถแย่งชิงไปได้อย่างแน่นอน
แผนที่ทะลุมิติในมือของฉู่ชวิ๋นเกิดอาการสั่นไหวอย่างรุนแรง คล้ายกับว่าพร้อมจะบินหนีออกมาจากมือชายหนุ่มได้ตลอดเวลา
พรึบ!
ทันใดนั้นเอง แผนที่ทะลุมิติก็กลายเป็นแสงสีขาว ก่อนจะลอยตัวกลับไปหามนุษย์ปักษาชราหน้าตาเฉย
จะหนีงั้นเหรอ?
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะ หลังจากนั้นก็โคจรพลังลมปราณจำแลง ลมปราณสีม่วงจากฝ่ามือของเขาซัดเข้าใส่แผนที่ทะลุมิติ แล้วแผนที่แผ่นนั้นก็เริ่มลอยกลับมาทางเขาอีกครั้ง
แสงดาวแพรวพราวระยิบระยับ ฉากหลังในแผนที่เริ่มกลับคืนสู่สภาพเดิม
ฉู่ชวิ๋นได้แผนที่กลับมาอยู่ในมืออีกครั้ง ชำเลืองมองไปทางกลุ่มผู้อาวุโสของมนุษย์ปักษาด้วยแววตาอำมหิต เขาลองใช้พลังจิตวิญญาณสำรวจแผนที่ผืนนี้แล้วมุมปากของเขาก็ยกตัวเป็นรอยยิ้ม เขาเจอสัญลักษณ์ของมนุษย์ปักษาที่ซุกซ่อนอยู่ในแผนที่กระดาษหนังสัตว์ผืนนี้แล้ว
ฉู่ชวิ๋นยิ้มเยาะ นึกในใจว่าตนเองช่างโชคดีเหลือเกิน เขาปล่อยลมปราณลบเลือนสัญลักษณ์ของมนุษย์ปักษาชราที่อยู่บนแผนที่ออกไปทันที
สีหน้าของมนุษย์ปักษาชราแปรเปลี่ยนไปแล้ว มันไม่สามารถควบคุมแผนที่ทะลุมิติได้อีกต่อไป
“แกทำอะไรลงไป?” มันคำราม
พรึบ!
ฉู่ชวิ๋นกางแผนที่ออกอีกครั้ง ลำแสงสีขาวสว่างแสบตาเจิดจ้าทั่วบริเวณ พวกของเจี่ยงเทาถูกปล่อยตัวกลับออกมาอีกครั้ง เช่นเดียวกับมนุษย์ปักษาผู้รอดชีวิตมาได้สองตัวสุดท้าย
เมื่อมนุษย์ปักษาทั้งสองตัวกวาดสายตาพบกับสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย สีหน้าของพวกมันก็เป็นประกายโล่งอก เนื่องจากเข้าใจว่าตนเองได้รับความช่วยเหลือออกมาแล้ว
ปังๆๆๆ…!
แต่ที่ไหนได้ ประกายไฟแลบแปลบออกจากปลายกระบอกปืน ลูกกระสุนพุ่งทะลวงเข้าใส่ร่างกายของพวกมันไม่หยุดยั้ง
“นี่มันอะไรกัน…”
สมาชิกของเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาร้องคำรามด้วยความโกรธแค้น ถ้าไม่ใช่เพราะว่าต้องรอฟังคำสั่งจากมนุษย์ปักษาชรา พวกมันคงบุกเข้าใส่นายทหารกลุ่มนี้ไปแล้ว
บรรดาจอมยุทธ์ที่รับชมเหตุการณ์อยู่โดยรอบถึงกับปากอ้าตาค้าง ต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อปกป้องขวัญกำลังใจของตัวเอง เพราะว่าภาพที่เห็นเป็นสิ่งที่กระทบกระเทือนจิตใจมากเกินไป
ใครกันนะที่บอกว่ามนุษย์อ่อนแอ? ลองดูนี่สิ ลองมาเบิกตาดูให้ดี มนุษย์กลุ่มนี้ไม่ต่างอะไรจากกลุ่มหมาป่า ที่ไม่เปิดโอกาสให้ศัตรูได้รอดชีวิตเลยแม้แต่น้อย
เจี่ยงเทาเดินมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าฉู่ชวิ๋น ยกมือทำความเคารพตามแบบฉบับทหารพร้อมกับตะโกนว่า “รายงานท่านนายพล ภารกิจสำเร็จเรียบร้อยแล้วครับ”
“ทำได้ดีมาก” ฉู่ชวิ๋นพอใจกับการลงมือของนายทหารทั้ง 9 คนนี้มาก อย่างน้อยก็คนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้แสดงความอ่อนแอออกมา
“พวกเราชนะแล้ว!” เจี่ยงเทาพูดเสียงดังมากกว่าเดิม
ฉู่ชวิ๋นหันขวับกลับมาจ้องมองมนุษย์ปักษาชรา แล้วกล่าวว่า “แกแพ้แล้ว หวังว่าจะรักษาสัญญานะ”
ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง นี่คือการแข่งขันที่มีการเดิมพันสิ่งตอบแทน
มนุษย์ปักษาชรามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกมันเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่สิ่งที่ทำให้มันเป็นกังวลมากที่สุดก็คือ แผนที่ทะลุมิติซึ่งเป็นสมบัติประจำเผ่าพันธุ์ได้ตกไปอยู่ในมือของฝ่ายตรงข้ามแล้วต่างหาก
“แพ้ก็คือแพ้ พวกเรายอมรับผลการแข่งขัน แต่คุณเอาแผนที่ทะลุมิติของฉันไป หวังว่าคุณคงส่งคืนเหมือนกัน”
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอ ตอบว่า “ก่อนอื่นเลยนะ แกต้องประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่า โลกนี้เป็นของมนุษย์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น”
“อย่ามาเพ้อเจ้อ มนุษย์ชั้นต่ำอย่างพวกแก มนุษย์ปักษาอย่างพวกเราไม่ยอมก้มหัวให้หรอก”
“ชนะแบบขี้โกงอย่างนี้ ไม่เรียกว่าชนะสักหน่อย”
“มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำและอ่อนแอ จะสั่งให้มนุษย์ปักษาผู้สูงส่งและทรงพลังอย่างพวกเราก้มหัวให้พวกแกงั้นหรือ ฝันไปเถอะ”
บรรดามนุษย์ปักษาที่อยู่ด้านหลังผู้อาวุโสโม่ตะโกนส่งเสียงไม่หยุดหย่อน
“สูงส่ง? ทรงพลัง?” น้ำเสียงของฉู่ชวิ๋นเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน เขายกมือชี้ไปยังกลุ่มของมนุษย์ปักษาที่ยืนอยู่ด้านหน้า ออกคำสั่งว่า “ฆ่าพวกมันซะ”
“รับทราบครับ” เจี่ยงเทารับคำบัญชา
ปังๆๆๆ…!
ลูกกระสุนปลิวว่อน พื้นถนนปริแตกเป็นรอยร้าว มนุษย์ปักษาหลายตัวตกเป็นเป้ากระสุนและต้องเสียชีวิตไปโดยไม่รู้ตัว
“ยอมรับความพ่ายแพ้ได้หรือยัง” ฉู่ชวิ๋นจ้องมองกลุ่มมนุษย์ปักษาด้วยสายตาเย็นชา
“เจ้ามนุษย์ผู้ต่ำต้อย ฉันจะฆ่าแกเอง” มนุษย์ปักษาตัวหนึ่งบินถลาเข้ามาหาเขาด้วยความโกรธแค้น
พวกของเจี่ยงเทายกปืนขึ้นทำท่าจะกราดยิง
แต่ฉู่ชวิ๋นกลับยกมือห้ามไม่ให้ทุกคนลงมือ
“แกเป็นคนพูดใช่ไหมว่ามนุษย์ต่ำต้อยและอ่อนแอ? วันนี้แหละ ฉันจะทำให้แกจดจำว่ามนุษย์เป็นเจ้าของโลกใบนี้ตัวจริง”
พูดจบ ฉู่ชวิ๋นก็ยื่นมือออกไปข้างหน้าและกำเป็นหมัดอย่างแรง
กร๊อบ!
เสียงกระดูกแตกหักดังขึ้น มนุษย์ปักษาตัวที่กำลังบินเข้ามาหาเขาคล้ายกับถูกมือที่มองไม่เห็นหักปีกกลางอากาศ ร่างของมันร่วงดิ่งลงจากท้องฟ้า ตกกระแทกพื้นอย่างแรง
ทุกคนได้แต่จ้องมองอย่างตกตะลึง นี่มันหมายความว่าอะไรกัน?
“ใครไม่ยอมรับผลการแข่งขันของวันนี้ จงตายอยู่ที่นี่เสียเถอะ” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ได้ยินไปถึงหูของทุกผู้คน
ผู้อาวุโสโม่หัวเราะออกมาอย่างโกรธแค้น “ฉันอุตส่าห์เคารพยกย่องคุณ ปฏิบัติตัวต่อคุณด้วยความสุภาพอ่อนน้อม แต่ในเมื่อคุณกล้าข่มเหงเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาของฉัน พวกเราทุกคนคงปล่อยผ่านไปไม่ได้”
“กล้าลองดีก็เข้ามา” ฉู่ชวิ๋นสืบเท้าเดินออกไปข้างหน้า ดวงตาเป็นประกายเย็นชาปานน้ำแข็ง
ดวงตาของผู้อาวุโสโม่ส่อแววลังเล มันกระพริบตาปริบๆ จำเป็นต้องวางแผนกลยุทธ์ขั้นต่อไปให้เด็ดขาด แผนที่ทะลุมิติซึ่งเป็นสมบัติประจำเผ่าพันธุ์ยังตกอยู่ในมือของฉู่ชวิ๋น จะปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้เด็ดขาด
“ถ้าพวกเรายอมรับความพ่ายแพ้ คุณจะคืนแผนที่มาหรือเปล่า?” มนุษย์ปักษาชราถาม
“ผู้อาวุโสโม่ ไม่ได้นะครับ เราจะก้มหัวให้กับสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำแบบพวกมันไม่ได้ เราร่วมมือกัน ฆ่าพวกมันเลยดีกว่า”
“ผู้อาวุโสโม่ พวกเราคือมนุษย์ปักษาผู้สูงส่งและแข็งแกร่งที่สุดในยุทธภพ พวกมันเป็นแค่มนุษย์ชั้นต่ำ เป็นทาสรับใช้ของพวกเรามาตั้งแต่ยุคโบราณ เราจะยอมก้มหัวให้พวกมันได้อย่างไร”
“ตามตัวผู้อาวุโสท่านอื่นมาดีกว่านะ อย่าว่าแต่นายทหารพวกนี้เลย พวกท่านสามารถกวาดล้างมนุษย์ได้ทั้งเมืองหลวงเลยด้วยซ้ำ”
กลุ่มมนุษย์ปักษาร้องตะโกน ไม่ยินยอมก้มหัวให้ผู้คน
เหล่าจอมยุทธ์ที่รับชมเหตุการณ์อยู่โดยรอบเหงื่อตกกันหมดแล้ว มนุษย์ปักษาพวกนี้ช่างร้ายกาจจริงๆ ถึงกับคิดการใหญ่จะทำลายล้างทั้งเมืองหลวง
“หุบปาก” ผู้อาวุโสโม่คำรามด้วยความเดือดดาล ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “พวกแกจะไปรู้อะไร มีสิ่งใดสำคัญกว่าแผนที่ทะลุมิติอีกงั้นเหรอ?”
ด้วยคำสั่งจากผู้อาวุโสโม่ มนุษย์ปักษาเหล่านั้นจึงต้องเงียบปากลงแล้ว แต่ดวงตาของพวกมันยังคงเป็นประกายเย็นเยียบ และมีรังสีสังหารแผ่ออกมาจากร่างกาย
“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของฉัน” มนุษย์ปักษาชราหันกลับมามองหน้าฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะ “ผู้ชนะจะได้ครอบครองทุกอย่าง แกเป็นฝ่ายแพ้ มีคุณสมบัติอะไรมาต่อรองกับฉัน?”
อยากได้แผนที่ทะลุมิติคืนไปงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ ฉู่ชวิ๋นแอบพูดอยู่ในใจ
ดวงตาของผู้อาวุโสโม่เคร่งขรึมขึ้นแล้ว สีหน้าของมันเคร่งเครียดมากขึ้น ก่อนจะหันหน้าไปยังกลุ่มคนที่กำลังถ่ายทอดสดเหตุการณ์ และพูดว่า
“ฉันขอยอมรับว่ามนุษย์เป็นเจ้าของโลกใบนี้ตัวจริง พวกเราเป็นแค่คนนอกเท่านั้น”
เมื่อพูดคำนี้ออกไป ทุกคนก็ส่งเสียงฮือฮาออกมา มนุษย์ปักษายอมก้มหัวให้กับมนุษย์ที่ตนเองเคยดูหมิ่นดูแคลนมาตลอด
กลุ่มนายทหารพากันโห่ร้องด้วยความสะใจ
เช่นเดียวกับผู้ที่รับชมการถ่ายทอดสดที่อยู่ทางบ้าน
ในขณะนี้ ถ้าผู้ใดถือสัญชาติจีน คนผู้นั้นก็จะต้องร้องตะโกนออกมาด้วยความสะใจและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
ไม่มีอะไรจะยอดเยี่ยมไปมากกว่านี้อีกแล้ว
แน่นอนว่าทุกคนยังไม่ทราบตัวตนที่แท้จริงของฉู่ชวิ๋น ถ้าทุกคนรู้ เรื่องเหล่านี้ก็ไม่ได้น่าประหลาดใจแต่อย่างใด
“ใช้ไม่ได้ พวกมนุษย์ปักษามันใช้การไม่ได้จริงๆ ถึงกับยอมก้มหัวให้มนุษย์แบบนี้ เผ่าพันธุ์ผีดิบของฉันถึงกับอายแทนแล้ว”
“น่าเกลียดว่ะ พวกสำนักเทวามรณะมารวมกลุ่มอยู่กับพวกเราได้ยังไง? ฉันอับอายขายหน้าแทนเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของพวกมันเหลือเกิน ฉันเสนอให้ถอนชื่อพวกมันออกจากสำนักในยุทธภพดีไหม”
บรรดาสำนักที่เป็นตัวประหลาดพากันออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือด
เผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษากลายเป็นตัวแทนของความน่าอับอายไปในพริบตา พวกมันจึงปรารถนาจะฆ่ามนุษย์ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าให้หมดสิ้น
“ทีนี้คุณจะคืนแผนที่ทะลุมิติมาให้ฉันได้หรือยัง?” ผู้อาวุโสโม่กัดฟันกรอด ยอมแบกรับความอับอายพูดออกไปอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้พวกมันไม่เคยเห็นมนุษย์อยู่ในสายตา แต่ตอนนี้ถูกบังคับให้ยอมก้มหัวให้ นี่คือเรื่องที่ยากจะทนรับไหวจริงๆ
ฉู่ชวิ๋นตอบกลับไปพร้อมกับหัวเราะชอบใจว่า “ฉันรับปากตอนไหนว่าจะคืนแผนที่ให้? แผนที่ผืนนี้เป็นของฉันต่างหาก”
“คุณชาย คุณเป็นผู้นำที่เป็นต้นแบบของคนอีกมากมาย ทำไมถึงต้องทำตัวกลับกลอกเจ้าเล่ห์แบบนี้ด้วย? แผนที่แผ่นนี้เป็นของพวกฉันมาตลอด มันจะไปเป็นของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่?” มนุษย์ปักษาชราพูดด้วยความเดือดดาล
“อยากได้คืนใช่ไหม? ช่วยบอกวิธีใช้ให้ฉันรู้หน่อยสิ?” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าแกยอมสอนวิธีใช้ให้ฉัน ฉันจะเก็บมันเอาไว้แค่ชั่วคราวเท่านั้น หลังจากนั้นเดี๋ยวคืนให้”
“ต่อให้ยืมไปใช้ชั่วคราวก็ไม่ได้” ผู้อาวุโสโม่กำหมัดแน่น พลังลมปราณพวยพุ่งออกมาจากร่างกาย
ฉู่ชวิ๋นยัดแผนที่ทะลุมิติใส่เข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ
“แผนที่ทะลุมิติอยู่ในนี้แล้ว ถ้ามีความสามารถก็มาเอาคืนไป”
ผู้อาวุโสโม่มีไอสังหารลอยออกมารุนแรงยิ่ง ทำให้ทุกคนในบริเวณนั้นหัวใจกระตุกวูบมันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณอยากมีปัญหากับเผ่าพันธุ์มนุษย์ปักษาจริงๆ ใช่ไหม?”
ฉู่ชวิ๋นยิ้มเย้ยหยัน ดวงตาเย็นเยียบ
“ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินมาว่าสำนักเทวามรณะสั่งให้คนของวังมังกรเพลิงถอนกำลังออกไปจากหุบเขาเฟิงหลินให้หมด คิดว่ามีแต่พวกแกเท่านั้นที่กล้ารังแกคนอื่นหรือไง? วันนี้แหละฉันจะรังแกมนุษย์ปักษาบ้าง ดูสิว่าพวกแกจะมีปัญญาทำอะไรได้?”
มนุษย์ปักษาชราหรี่ตาลงเล็กน้อย จ้องมองฉู่ชวิ๋นอย่างพินิจพิเคราะห์มากขึ้น ผ่านไปครึ่งค่อนวัน จึงได้เอ่ยถามออกมาว่า “คุณเป็นใครกันแน่?”