จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 407 ยินดีตายเพื่อหอกระจกนิรันดร์
บทที่ 407 ยินดีตายเพื่อหอกระจกนิรันดร์
บริเวณหน้าหอกระจกนิรันดร์ จังเฟิงหลิงกำลังใช้สายตาที่ดุร้ายจ้องมองหอเก่าแก่อันแสนงดงามที่มีอายุหลายร้อยปี
“หอกระจกนิรันดร์ ปี๋เค่อหยุน ออกมามอบตัวกับพวกฉันเดี๋ยวนี้!” จังเฟิงหลิงตะโกนด้วยความโกรธแค้น
เงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นบนกำแพงสูงของหอกระจกนิรันดร์ นางเป็นหญิงวัยกลางคน มีสถานะเป็นผู้อาวุโสของสำนัก
“จังเฟิงหลิง เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม วันนั้นเจ้าสำนักของพวกข้าเห็นว่าเจ้ายังเป็นเพียงแค่เด็กน้อย แต่กลับไม่สำนึกบุญคุณว่าตัวเจ้าเองโชคดีแค่ไหน แถมยังกล้าพาคนมาแก้แค้น เจ้าคิดหรือว่าพวกข้าไม่กล้าฆ่าเจ้า?”
“อีแก่นี่ ตอนแรกฉันอุตส่าห์มาคุยด้วยดี ๆ แต่สุดท้ายนางเฒ่าปี๋เค่อหยุน
กลับทำร้ายฉันจนบาดเจ็บ ซ้ำยังโยนฉันออกมาจากสำนักได้หน้าตาเฉย นี่เท่ากับพวกแกดูถูกตระกูลจัง เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้เด็ดขาด” จังเฟิงหลิงหัวเราะเยาะ
“สามหาวนัก ท่านเจ้าสำนักของข้าเป็นจอมยุทธ์ระดับเดียวกับบิดาของเจ้า การสั่งสอนเด็กน้อยถือเป็นเรื่องผิดปกติอันใด?”
“ดูเหมือนแกจะยังไม่รู้สินะว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันเป็นยังไง เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันไม่ได้ต้องการตัวเพียงแค่เหยาไป๋เยวี่ยอีกต่อไป แต่เจ้าสำนักของแก รวมถึงลูกศิษย์ทุกคนในหอกระจกนิรันดร์ จะต้องตกเป็นของตระกูลจังทั้งหมด”
ผู้อาวุโสของหอกระจกนิรันดร์พลันมีสีหน้าเขียวคล้ำด้วยความโกรธจัด “เจ้าเด็กโอหัง วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าเอง”
พูดขาดคำ นางก็ยกมือขึ้นยิงพลังลมปราณเข้าใส่จังเฟิงหลิง ในยามที่จอมยุทธ์หญิงผู้มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 8 โกรธแค้น การโจมตีของนางย่อมรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง
จังเฟิงหลิงหัวเราะเยาะด้วยความเหยียดหยาม
ในขณะนี้ ผู้อาวุโสของตระกูลจังซึ่งมีพลังขั้นจักรพรรดิระดับ 8 เช่นกัน ได้ซัดพลังโต้ตอบกลับไป ลำแสงสีขาวพุ่งสว่างวาบกระจ่างตา
ตู้ม!
คลื่นความร้อนแผ่กระจาย หยุดยั้งการโจมตีของผู้อาวุโสจากหอกระจกนิรันดร์ได้ชะงักงัน
“ถึงเธอจะแก่แล้ว แต่ก็ยังดูดีไม่ใช่เล่น แม่เฒ่าเอ๋ย ฉันคนนี้จะขอพัวพันกับเธอสัก 300 ยกจากพื้นดินไปจนถึงบนเตียงเลยทีเดียวเชียว ฮ่าฮ่าฮ่า” ผู้อาวุโสจากตระกูลจังเหยียดยิ้ม
สมาชิกของหอกระจกนิรันดร์ต่างได้รับความเคารพประหนึ่งเป็นนางฟ้ามาตลอด เมื่อพวกเธอได้ยินถ้อยคำหยาบคายเช่นนี้จะให้นิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร?
“มีพลังถึงขั้นจักรพรรดิระดับ 8 แต่ไม่คิดเลยว่าจิตใจจะสกปรกยิ่งกว่าพวกสัตว์ประหลาดเสียอีก”
ใครจะคิดเลยว่าผู้อาวุโสจากตระกูลจังกลับไม่รู้สึกโกรธแค้นต่อคำพูดเหล่านี้ มันหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ “ฉันได้ยินมาเสมอว่าหอกระจกนิรันดร์มีแต่หญิงงามทุกชนชั้น ไม่คิดเลยว่าจะมีหญิงที่พอจะมีอายุแบบเธออยู่ด้วย เดี๋ยวฉันจะทำให้เธอได้รู้รสชาติความสุขของการเกิดมาเป็นผู้หญิงเอง เธอควรจะขอบคุณฉันนะ ถ้าไม่ยอมดี ๆ ฉันคงต้องใช้กำลังเสียแล้ว”
“สัตว์นรก” ผู้อาวุโสจากหอกระจกนิรันดร์คำรามด้วยความเดือดดาล ในดวงตาลุกโชนด้วยเปลวไฟแห่งความแค้น
“ฉันจะบอกให้นะอีแก่ กลับไปบอกให้ปี๋เค่อหยุนพาลูกศิษย์ทุกคนของหอกระจกนิรันดร์ออกมามอบตัวซะ แกเห็นคนของตระกูลจังที่อยู่ข้างหลังฉันไหม? พวกมันไม่ได้หลับนอนกับสตรีมานานแล้ว ถ้าฉันสั่งให้พวกมันบุกโจมตี แกกับลูกศิษย์สวย ๆ พวกนั้น คงต้องพบเจอชะตากรรมที่ทนทุกข์ทรมานแล้ว” จังเฟิงหลิงระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชั่วร้าย
“สารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า” ผู้อาวุโสของหอกระจกนิรันดร์เดือดดาลสุดขีด ยกมือขึ้นยิงพลังลมปราณสีขาวพุ่งเข้าใส่จังเฟิงหลิงอีกครั้ง
เปรี้ยง!
ผู้อาวุโสจากตระกูลจังอีกคนหนึ่งยิงพลังเข้าสกัดกั้น หลังจากนั้นก็กระโดดพุ่งเข้าไปหาผู้อาวุโสของหอกระจกนิรันดร์
“คนสวย ถ้าเธออยากเล่นสนุก เดี๋ยวฉันจะเป็นคู่ซ้อมให้เธอเอง”
ทันใดนั้น ผู้อาวุโสจากตระกูลจังคนต่อมาก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น “ฉันก็ชอบแม่คนนี้เหมือนกัน ขอฉันร่วมวงด้วยคนได้ไหมสหาย?”
ผู้อาวุโสคนแรกตอบกลับมาเสียงดังว่า “ไม่มีปัญหา วันนี้พวกเราจะสลับคู่คนละชั่วโมงก็แล้วกัน”
“ฮ่าฮ่า…ประเสริฐมาก การแบ่งปันมันดีแบบนี้นี่เอง เรามาสร้างความบันเทิงกับแม่นางคนนี้กันเถอะ” แล้วผู้อาวุโสทั้งสองคนก็ลงมือโจมตีพร้อมกัน
ผู้อาวุโสหญิงของหอกระจกนิรันดร์สามารถต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามตัวต่อตัวได้อย่างไม่มีปัญหา แต่เมื่อตกอยู่ในสภาพสองรุมหนึ่งก็ยากที่นางจะรับมือได้ ในขณะนี้ ชายชราทั้งสองคนได้ลอยตัวขึ้นมายิงพลังใส่นางจนพลัดตกจากกำแพงแล้ว
“คนสวย ไม่ต้องกลัวนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะข่มขู่ เอาเป็นว่าเดี๋ยวพวกฉันจะหาเตียงที่อบอุ่นที่สุดไว้รองรับแผ่นหลังของเธอเอง” สองผู้อาวุโสจากตระกูลจังไม่กล้าไล่ตามเข้ามา จึงทำได้เพียงส่งเสียงตะโกนโหวกเหวกอยู่ด้านนอกเท่านั้น
ผู้อาวุโสหญิงของหอกระจกนิรันดร์ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เมื่อได้ยินถ้อยคำหยาบคายที่ดังมาเข้าหูแล้ว นางก็ต้องกระอักเลือดออกมาด้วยความเจ็บแค้นใจ
ลูกศิษย์ของหอกระจกนิรันดร์รีบเข้ามาประคองนาง กลับเข้าสู่ห้องโถงใหญ่เพื่อไปเข้าพบปี๋เค่อหยุน
“เป็นอย่างไรบ้าง?” ปี๋เค่อหยุนรีบนำสมุนไพรออกมาให้ผู้อาวุโสทานเพื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บ
ผู้อาวุโสหญิงส่ายศีรษะ “ข้าไม่เป็นไร ท่านเจ้าสำนัก แต่พวกคนตระกูลจังมันน่าขยะแขยงเกินไปแล้ว”
ดวงตาของปี๋เค่อหยุนเป็นประกายเศร้าสลด
ลูกศิษย์ของหอกระจกนิรันดร์ทุกคนยืนเรียงแถวรอรับคำสั่ง
ปี๋เค่อหยุนเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความเป็นกังวลเล็กน้อย ตระกูลจังเตรียมตัวมาอย่างดี ศึกคราวนี้รับมือไม่ง่าย
“เยวี่ยเอ๋อร์”
เหยาไป๋เยวี่ยในชุดขาวยืนโดดเด่นเป็นสง่า ขยับเท้าก้าวออกมาข้างหน้า ประสานมือทำความเคารพ
“ท่านเจ้าสำนัก มีอะไรจะสั่งผู้น้อยหรือเจ้าคะ?”
ปี๋เค่อหยุนมองหน้าศิษย์เอกของตนเอง แววตาของนางก็อ่อนโยนลง หอกระจกนิรันดร์จะมีเจ้าสำนักได้เพียงแค่ครั้งละคนเท่านั้น และคนผู้นั้นจะต้องมีความโดดเด่นเหนือใคร ซึ่งเหยาไป๋เยวี่ยถูกวางตัวเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าสำนักคนต่อไป
“เยวี่ยเอ๋อร์ ศึกคราวนี้พวกข้าคงต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เจ้าจงรีบพาลูกศิษย์คนที่เหลือใช้เส้นทางลับหนีออกไปเถิด” ปี๋เค่อหยุนออกคำสั่ง
เหยาไป๋เยวี่ยมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนกัดริมฝีปาก และพูดว่า “ท่านเจ้าสำนัก ผู้น้อยไม่ไป”
ปี๋เค่อหยุนตอบกลับมาด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เยวี่ยเอ๋อร์ นี่ไม่ใช่เวลามาทำตัวดื้อดึง”
“ท่านเจ้าสำนักเจ้าคะ หอกระจกนิรันดร์กำลังมีปัญหา ในฐานะคนของสำนัก จะให้ผู้น้อยหลบหนีโดยไม่ต่อสู้ได้อย่างไร?” เหยาไป๋เยวี่ยกล่าว
“เยวี่ยเอ๋อร์ คราวนี้พวกตระกูลจังมันเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ซ้ำยังมีพวกสำนักวัชระคอยหนุนหลัง ข้าเกรงว่าคงไม่อาจรับมือได้ พวกเราไม่สามารถสู้กับพวกมันได้เลย เจ้ากับคนที่เหลือเก็บแรงไว้แล้วรีบหลบหนีไปดีกว่า” ปี๋เค่อหยุนพยายามเกลี้ยกล่อม
“แล้วท่านเจ้าสำนักล่ะเจ้าคะ? ไหนจะผู้อาวุโสทุกคนที่ยังอยู่ที่นี่อีกเล่า?” เหยาไป๋เยวี่ยเป็นคนฉลาดเฉลียว ย่อมเข้าใจดีว่าปี๋เค่อหยุนตั้งใจจะทำอะไร
“เยวี่ยเอ๋อร์ หากพวกเราเป็นฝ่ายชนะ เดี๋ยวข้าจะติดต่อไปหาเจ้าเอง”
“แต่ถ้าพวกท่านแพ้ล่ะ?” เหยาไป๋เยวี่ยเข้าใจเรื่องการต่อสู้ในครั้งนี้เป็นอย่างดี สำนักของเธอแทบไม่มีโอกาสชนะเลยด้วยซ้ำ
เปรี้ยง!
จังหวะนั้น เกิดเสียงดังขึ้นที่ด้านนอก แล้วประตูหน้าหอกระจกนิรันดร์ก็พังถล่มลงมา
ปี๋เค่อหยุนและกลุ่มผู้อาวุโสมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปทันที
“เยวี่ยเอ๋อร์ รีบพาลูกศิษย์คนที่เหลือหนีไปเดี๋ยวนี้ก่อนที่มันจะสายเกินไป” ปี๋เค่อหยุนพูดด้วยความร้อนรน
“ท่านเจ้าสำนักเจ้าคะ ท่านเลี้ยงดูผู้น้อยมาตั้งแต่เด็ก ซ้ำยังถ่ายทอดความรู้และพลังฝีมือให้หมดทุกอย่าง ยามนี้หอกระจกนิรันดร์พบเจอปัญหา ผู้น้อยจะสามารถละทิ้งท่านและหลบหนีไปได้อย่างไร ท่านเจ้าสำนักกับผู้อาวุโสหนีไปเถอะเจ้าค่ะ ผู้น้อยจะไม่หนี ผู้น้อยจะอยู่และขอตายไปพร้อมกับหอกระจกนิรันดร์แห่งนี้เอง”
หลังจากกล่าวจบแล้ว เหยาไป๋เยวี่ยก็วิ่งออกจากห้องโถงใหญ่ พุ่งออกไปที่ประตูหน้าสำนักทันที
“เยวี่ยเอ๋อร์!!” ปี๋เค่อหยุนตะโกนด้วยความร้อนใจ แต่ร่างของเหยาไป๋เยวี่ยหายลับไปแล้ว
“ผู้อาวุโสไป๋ รีบพาลูกศิษย์หนีไปตามทางลับเร็วเข้า” ปี๋เค่อหยุนหันหน้ามามองผู้อาวุโสที่บาดเจ็บ
ผู้อาวุโสไป๋มีนามเต็มว่าไป๋ม่านหรู นางรีบปฏิเสธทันทีว่า “ท่านเจ้าสำนัก อาการบาดเจ็บของข้าไม่เป็นไรแล้ว ข้ายังสามารถต่อสู้ได้อยู่ ได้โปรดเลือกผู้อาวุโสคนอื่นเถิด โปรดให้อภัยข้าในครั้งนี้ด้วย ข้าก็จะขอตกตายไปพร้อมกับหอกระจกนิรันดร์เช่นกัน”
ปี๋เค่อหยุนชำเลืองมองผู้อาวุโสคนอื่น ๆ กำลังคัดเลือกว่าใครควรเป็นผู้นำลูกศิษย์หลบหนีไปมากที่สุด
“ท่านเจ้าสำนัก ข้าก็จะขอตายไปพร้อมกับหอกระจกนิรันดร์ ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“ท่านเจ้าสำนัก หากข้าหลบหนีไปแล้วข้าจะอยู่ในโลกกว้างที่แสนโกลาหลเช่นนี้ได้อย่างไร? ข้าขอยอมตายอยู่ที่นี่เสียยังจะดีกว่า”
“ท่านเจ้าสำนัก พวกเราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น หอกระจกนิรันดร์เป็นบ้านของพวกเรา เราจะสู้เพื่อปกป้องบ้านของเราต่อให้ต้องตายพวกเราก็ไม่เสียใจ”
ผู้อาวุโสของหอกระจกนิรันดร์ทุกคน ไม่มีใครยอมหลบหนีเลยทั้งสิ้น
ปี๋เค่อหยุนได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้ว หัวใจของนางพองโต คนเราจะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของกันและกันก็ในยามที่เผชิญหน้ากับวิกฤต ในยามนี้หอกระจกนิรันดร์พบเจอความยากลำบาก แต่ทุกคนก็ยังเลือกที่จะยืนเคียงข้างนาง ทำให้จิตใจของปี๋เค่อหยุนกลับมาฮึกเหิมอีกครั้ง
“ตกลง วันนี้เราจะสู้ด้วยกัน ถ้าต้องตาย เราก็จะตายด้วยกันเพื่อปกป้องหอกระจกนิรันดร์”
ปี๋เค่อหยุนนำกลุ่มผู้อาวุโสเดินออกมาที่ประตูหน้าสำนัก
ในขณะนี้ เหยาไป๋เยวี่ยกำลังยืนเผชิญหน้ากับพวกของจังเฟิงหลิง
“เหยาไป๋เยวี่ย ถ้าเธอยอมประกาศให้ทั้งโลกรู้ว่าเธอจะแต่งงานกับฉัน ฉันก็อาจจะปล่อยลูกศิษย์คนอื่น ๆ ของหอกระจกนิรันดร์ไปก็ได้” จังเฟิงหลิงพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง
“สามหาว! พวกเราไม่มีวันแต่งงานกับแก ไอ้สัตว์นรก” ลูกศิษย์หญิงคนหนึ่งของหอกระจกนิรันดร์ตวาดลั่น
จังเฟิงหลิงหันหน้าไปมองนางผู้นั้น “นังบ้า ฉันจะไม่ได้แต่งงานกับแก แต่แกไม่กลัวหรือว่าลูกน้องของฉันยังพร้อมที่จะเล่นสนุกกับแกอยู่อีกนะ?”
“ตั้งแต่ที่โลกนี้เกิดความเปลี่ยนแปลง สัตว์หลายชนิดก็เปลี่ยนร่างกลายเป็นคน แล้วทำไมเราจะต้องกลัวสัตว์เดรัจฉานอย่างพวกแกด้วย” ลูกศิษย์ผู้นี้มีวาจาที่เฉียบคมเป็นอย่างยิ่ง
“ปากดีเหลือเกินนะ ไม่รู้ว่าเวลาที่ขึ้นเตียง เสียงครางของเธอจะเร้าใจกว่าผู้หญิงคนอื่นหรือเปล่า?” ลูกศิษย์ของตระกูลจังคนหนึ่งตะโกนกลับมาด้วยความเหยียดหยาม
ลูกศิษย์หญิงผู้นั้นสวนกลับไปด้วยความเดือดดาล “เดรัจฉานก็คือเดรัจฉาน พวกแกพูดได้ก็ไร้ประโยชน์ ในเมื่อพ่นออกมาแต่วาจาหยาบคายทั้งนั้น ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าตระกูลจังจะเลี้ยงพวกแกไว้ทำไมอีก?”
“อีนังนี่…” คนของตระกูลจังหน้าแดงด้วยความโกรธแค้น
จังเฟิงหลิงโบกมือยุติการโต้แย้ง แล้วจึงหันมามองหน้าเหยาไป๋เยวี่ยก่อนพูด “เหยาไป๋เยวี่ย เธอก็รู้ว่าการพูดจายั่วยุเช่นนี้ไม่ทำให้เกิดผลดีขึ้นมาเลย แต่ฉันจะไม่ถือสาหาความเธอก็แล้วกัน มาตกลงกันดีกว่าในอนาคตฉันจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลจัง ส่วนเธอก็ได้ขึ้นเป็นเจ้าหอกระจกนิรันดร์ ขอเพียงแค่เธอพยักหน้ารับคำขอแต่งงานของฉัน ฉันก็จะสั่งให้ทุกคนถอนกำลังกลับไปทันที ทุกอย่างจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง เธอว่ายังไงล่ะ?”
“จังเฟิงหลิง ทำไมต้องเสแสร้งแกล้งโง่ด้วย? จุดประสงค์ที่นายทำแบบนี้ คิดหรือว่าฉันจะไม่เข้าใจ” เหยาไป๋เยวี่ยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ฮ่าฮ่า…” จังเฟิงหลิงระเบิดเสียงหัวเราะและกล่าวต่อว่า “นางฟ้าเหยาไป๋เยวี่ยช่างฉลาดจริง ๆ ถูกต้องแล้ว ที่ฉันทำแบบนี้ก็เพื่อหยามหน้าไอ้บ้าหยานหวูซวง!”
“แล้วทำไมต้องมาหาเรื่องพวกฉันด้วย?” ใบหน้าที่สวยงามของเหยาไป๋เยวี่ยเต็มไปด้วยความเย็นชา
“เธอเพิ่งจะหาว่าฉันแกล้งโง่ แต่ดูเหมือนว่านางฟ้าเหยาไป๋เยวี่ยจะมีความสามารถในการแกล้งโง่ยิ่งกว่าฉันเสียอีก” จังเฟิงหลิงจ้องมองด้วยแววตาร้อนแรง “ทุกคนรู้ดีว่าหยานหวูซวงมันรักเธอ ไม่ว่าเป็นสิ่งของหรือผู้คนที่หยานหวูซวงรักและห่วงใย ฉันจะต้องทำลายให้หมดสิ้น รวมถึงผู้หญิงที่มันรักและตระกูลหยานของมันด้วย!”
“จังเฟิงหลิง แกมันจิตใจต่ำช้าแบบนี้นี่เอง มิน่าเล่าถึงได้พ่ายแพ้ให้แก่คุณชายหยานครั้งแล้วครั้งเล่า”
คำพูดของเหยาไป๋เยวี่ยทำให้จังเฟิงหลิงมีสีหน้าเหมือนแมวที่ถูกผู้คนเหยียบหาง แววตาของมันเต็มไปด้วยประกายอำมหิตมากขึ้นกว่าเดิม
“หยานหวูซวงมันเป็นตัวอะไร? ฉันจะแต่งงานกับเธอและทำลายตระกูลหยานให้ได้ มันละมีปัญญามาทำอะไรฉันได้?”
“คุณชายหยานอาจจะทำอะไรแกไม่ได้ก็จริง แต่ยังมีคนอีกคนหนึ่ง แกไม่กลัวเขาบ้างหรือไง?” น้ำเสียงของเหยาไป๋เยวี่ยแข็งกระด้างขึ้นเล็กน้อย
บัดนี้ ทุกคนล้วนทราบดีว่าหยานหวูซวงเป็นน้องชายร่วมสาบานของจอมมารฉู่ชวิ๋น บางทีชื่อของหยานหวูซวงอาจจะยังไม่น่ากลัวมากพอ แต่ถ้าเพิ่มชื่อของจอมมารฉู่ชวิ๋นเข้าไปด้วย ไม่ว่าเป็นผู้ใดก็ต้องลองคิดทบทวนการลงมือดูให้ดี
จังเฟิงหลิงสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย มันเคยส่งคนแฝงตัวเข้าไปในวังมังกรเพลิงและเกือบจะวางยาพิษฆ่าหยานหวูซวงได้สำเร็จ แต่สุดท้ายกลับเป็นการยั่วยุจอมมารฉู่ชวิ๋น ทำให้คนที่มันส่งไปถูกฆ่าตายหมดสิ้น
“จังเฟิงหลิง ตระกูลจังของแกกับประตูวิญญาณสลายใครแข็งแกร่งกว่ากัน?” เหยาไป๋เยวี่ยกระซิบออกมา
สีหน้าของจังเฟิงหลิงเปลี่ยนไปอีกครั้ง เรื่องที่ว่าฉู่ชวิ๋นกวาดล้างประตูวิญญาณสลายเป็นข่าวโด่งดังมากในยุทธภพตลอดสองวันที่ผ่านมา
เมื่อเทียบกับประตูวิญญาณสลายแล้ว ตระกูลจังก็เปรียบเป็นเพียงแค่เม็ดทรายเท่านั้น จอมมารฉู่ชวิ๋นสามารถถล่มประตูวิญญาณสลายได้อย่างไม่มีปัญหา ก็ย่อมสามารถกวาดล้างตระกูลจังได้อยู่แล้ว
“ฮ่าฮ่า…” ทันใดนั้น จังเฟิงหลิงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่จะจ้องมองเหยาไป๋เยวี่ยด้วยสายตาเย้ยหยัน “เหยาไป๋เยวี่ย ทักษะการใช้วาจาของเธอไม่เลวเหมือนกันนะ แต่เธอคงลืมไปแล้วว่าตระกูลจังของฉันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะพวกเราเป็นพันธมิตรกับเผ่าพันธุ์มนุษย์คิงคองแล้ว”
แววตาของเหยาไป๋เยวี่ยทอประกายขบขันขึ้นเล็กน้อย “แล้วยังไง มนุษย์คิงคองกับมนุษย์ปักษา ใครแข็งแกร่งมากกว่ากัน?”
จังเฟิงหลิงตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว สำนักวัชระไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าสำนักเทวามรณะเลยแม้แต่น้อยและไม่นานมานี้ มนุษย์ปักษาได้พ่ายแพ้ให้แก่จอมมารฉู่ชวิ๋นอย่างหมดท่า