จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 418 ตระกูลจังพ่ายแพ้
บทที่ 418 ตระกูลจังพ่ายแพ้
บรรพบุรุษตระกูลจังโกรธแค้นจนหน้าเขียว มันมีชีวิตอยู่มาหลายร้อยปี ไม่เคยถูกคู่ต่อสู้ไล่ทุบตีเหมือนสุนัขจนตรอกแบบนี้มาก่อน
ใบหน้าของชายชราบิดเบี้ยว เส้นผมปลิวไสวในขณะที่หมุนตัวหลบหลีกค้อนในมือฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นมีความเร็วยอดเยี่ยมมากเกินไป ไม่ว่าหลบหนีอย่างไรก็หลบหนีไม่ทัน บรรพบุรุษตระกูลจังถูกค้อนตีระฆังฟาดกระเด็นไปครั้งแล้วครั้งเล่า ระฆังทองคำหมองแสงลงมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าพร้อมที่จะดับวูบลงไปได้ตลอดเวลา
ภาพที่เห็นนี้ทำให้บรรดาคนตระกูลจังมือเย็นเท้าเย็น แม้แต่บรรพบุรุษของพวกมันก็ยังสู้จอมมารฉู่ชวิ๋นไม่ได้เลยสักนิด
“หัวหน้าตระกูลจัง เตรียมตัวรับมือ!” หยานกุยล๋ายคำรามเสียงดังลั่น
จังหยวนจื่อใบหน้าเครียดคล้ำ มันสู้มาจนถึงที่สุดแล้ว เหลือเพียงอย่างเดียวคือต้องยอมรับความพ่ายแพ้
“ไม่จริง…”
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น จินเฉิงถูกลูกธนูจากหลงอี้ยิงเข้าใส่จนร่างกายขาดครึ่งท่อนตายอนาถ
จินเว่ยส่งเสียงร้องโหยหวนตามมา แต่ไม่นานมันก็ถูกหลงเอ้อร์กับปี๋เค่อหยุนสังหารสิ้นใจไป
ความตายของคิงคองยักษ์ผู้อาวุโสจากสำนักวัชระทั้งสองตัว ทำให้จังหยวนจื่อเย็นเยียบไปทั่วกาย ถ้าปราศจากกองกำลังเสริมเหล่านี้แล้ว ตระกูลจังก็ไม่มีทางสู้ตระกูลหยางได้เลย
“หยานกุยล๋าย แกมันได้ใจมากเกินไปแล้ว”
จังหยวนจื่อดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำ พลังลมปราณพวยพุ่งออกมาจากร่างกายอย่างบ้าคลั่ง แล้วหัวหน้าตระกูลจังก็โถมตัวเข้าใส่หยานกุยล๋ายอย่างไม่คิดอะไรชีวิต
หยานกุยล๋ายไม่ได้หลบหนี แต่ยืนโคจรพลังรอรับการโจมตีด้วยความเยือกเย็น
เปรี้ยง!
พื้นดินถล่ม คลื่นแรงระเบิดแผ่ไปรอบบริเวณ แผ่นดินยุบตัวลงไปหลายฟุต
วูบ!
แต่ในจังหวะที่หมอกควันและฝุ่นผงฟุ้งตลบขึ้นมานั้นเอง จังหยวนจื่อก็หมุนตัวแล้วกระโดดหนีไปด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด
เมื่อหมอกควันและฝุ่นผงเริ่มจางลงแล้ว หยานกุยล๋ายถึงได้รู้ตัวว่าจังหยวนจื่ออาศัยจังหวะเมื่อสักครู่นี้หลบหนีไปเพียงลำพัง ทั้งที่ยังคงมีบริวารตระกูลจังหลงเหลืออยู่ที่นี่อีกเป็นจำนวนมาก
โชคดีที่หลงอี้มองเหตุการณ์อยู่ตลอด มันจึงน้าวธนูแล้วยิงลูกศรออกไป
ฟ้าว!
ลูกศรสีขาวพุ่งวาบเป็นเส้นโค้ง เป็นประกายโดดเด่นบนท้องฟ้ายามราตรี โดยที่มีเป้าหมายเป็นร่างกายของจังหยวนจื่อ
จังหยวนจื่อคำรามด้วยความเดือดดาล ยกมือขึ้นซัดพลังลมปราณใส่ลูกศร แรงระเบิดจากการปะทะกันของพลังทำให้ตัวมันต้องเซถอยไปหลายก้าว
หลงอี้ หลงเอ้อร์ และปี๋เค่อหยุน กระจายกำลังกันล้อมกรอบจังหยวนจื่อเอาไว้
“หัวหน้าตระกูลจัง คิดจะหนีไปไหน? ขออนุญาตพวกเราแล้วหรือยัง?” หยานกุยล๋ายหัวเราะเยาะ
จังหยวนจื่อสีหน้าเศร้าสลด ดวงตาเป็นประกายดุร้าย พลันกระโจนเข้าใส่หลงเอ้อร์ เพราะมีแต่หลงเอ้อร์เท่านั้นที่อยู่ในระดับจักรพรรดิขั้นที่ 8
หลงเอ้อร์ยกธนูขึ้น แล้วยิงลูกศรทันที
เปรี้ยง!
ลูกศรของหลงเอ้อร์ถูกพลังลมปราณจากฝ่ามือของจังหยวนจื่อซัดใส่โดยตรง ลูกธนูกระเด็นไป แล้วในจังหวะนั้นเอง จังหยวนจื่อก็ซัดพลังจากมืออีกข้างหมายเล่นงานหลงเอ้อร์
“หลงเอ้อร์ หลบ!” หลงอี้ตะโกน
หลงเอ้อร์ไม่ใช่ตัวโง่งม มันย่อมทราบดีว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจังหยวนจื่อ
จังหยวนจื่อไม่ได้ตามติดหลงเอ้อร์ที่กระโดดหลบหลีกไปด้านข้าง ด้วยอาศัยช่องว่างของการขาดหายไปในตำแหน่งของหลงเอ้อร์ แหวกกลุ่มคนหลบหนีออกไปอย่างง่ายดาย
จังหยวนจื่อทำได้สำเร็จ เพียงพริบตาเดียวก็หลบหนีมาได้ไกลโขแล้ว
หลงอี้น้าวธนูยิงลูกศรไล่หลังไป แต่น่าเสียดายที่จังหยวนจื่อหนีไปไกลเกินไป
“พวกเราไล่ตาม จะปล่อยให้มันหนีรอดไปไม่ได้เด็ดขาด” หยานกุยล๋ายออกคำสั่งแล้วกระโดดติดตามไป
“หลงเอ้อร์ เอ็งอยู่ที่นี่ เดี๋ยวข้าไปเอง” หลงอี้พูดก่อนที่จะไล่ตามจังหยวนจื่อไปด้วยคน
หยานกุยล๋ายกับหลงอี้รับหน้าที่ไล่ตามจังหยวนจื่อ เมื่อบุรุษต่างวัยร่วมมือกัน จังหยวนจื่อย่อมไม่มีทางชนะเด็ดขาด
ปี๋เค่อหยุนกับหลงเอ้อร์เริ่มต้นกวาดล้างบริวารตระกูลจังที่ยังเหลืออยู่ทันที
จังหยวนจื่อหลบหนีเอาตัวรอดหน้าตาเฉย ผู้อาวุโสและลูกศิษย์ของตระกูลจังตื่นตระหนก ไม่มีกะจิตกะใจจะต่อสู้อีกต่อไป ยิ่งปี๋เค่อหยุนกับหลงเอ้อร์ลงมือด้วยตัวเอง สถานการณ์จึงกลายเป็นการไล่ฆ่าแต่เพียงฝ่ายเดียว
เลือดสาดกระจาย มีแต่ศพคนอยู่ทุกหนทุกแห่ง
เปรี้ยง!
เป็นอีกครั้งที่บรรพบุรุษตระกูลจังถูกค้อนในมือของฉู่ชวิ๋นฟาดใส่ไม่บันยะบันยัง ระฆังทองคำหม่นแสงลงมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับม่านพลังที่คอยกำบังร่างกายของชายชรา
เมื่อรับรู้ว่าม่านพลังทองคำกำลังจะแตกสลายแล้ว บรรพบุรุษตระกูลจังก็เหมือนจะเสียสติไปทันที มันโยนระฆังทองคำทิ้งไปข้างทาง ก่อนจะอัญเชิญดาบสีดำเล่มหนึ่งมาถือไว้ในมือ นี่คืออาวุธลึกลับขั้นสูงสุดเมื่อโคจรพลังลมปราณใส่ตัวดาบแล้ว แสงสีดำก็พุ่งออกมาจากใบดาบเป็นประกายเยือกเย็นยิ่งนัก
“ลงนรกไปซะ!”
บรรพบุรุษตระกูลจังคำราม ตวัดดาบยาวเข้าใส่ฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นสะบัดค้อนตีระฆังในมือด้านรับดาบยาวเอาไว้ก่อนเงยหน้าขึ้นมอง สิ่งที่พบก็คือบรรพบุรุษตระกูลจังอาศัยจังหวะนี้กระโดดหลบหนีไปไกลหลายร้อยเมตรแล้ว
“ไอ้แก่นี่เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว”
ฉู่ชวิ๋นถอนหายใจให้กับลูกไม้ของชายชรา บรรพบุรุษตระกูลจังรู้ดีว่าควรจะหลบหนีอย่างไร ถึงขั้นยอมทิ้งอาวุธลึกลับได้อย่างง่ายดาย เพื่อเปิดช่องให้ตนเองหลบหนี
“ตาแก่หัวเหม็น จะหนีไปไหน?”
ฉู่ชวิ๋นดีดกายไล่ตามบรรพบุรุษตระกูลจังไปติดๆ ถ้าชายชราคนนี้สามารถหลบหนีไปได้ ปัญหาอีกมากมายก็จะตามมาไม่จบไม่สิ้น
จังหยวนจื่อหลบหนีเอาตัวรอด บรรพบุรุษตระกูลจังก็หลบหนีเอาตัวรอดเช่นกัน ผู้อาวุโสของตระกูลจังรู้สึกอับอายยิ่งนัก พวกมันจึงถูกคนของตระกูลหยานฆ่าตายง่ายดายเหมือนหั่นผักผ่าแตงโม
โดยเฉพาะปี๋เค่อหยุน ตระกูลจังเกือบจะทำลายหอกระจกนิรันดร์ของนางจึงทำให้นางลงมือด้วยความดุร้ายเป็นพิเศษ นางสังหารผู้อาวุโสตระกูลจังไปได้ 7 ถึง 8 คนแล้ว
อีกด้านหนึ่ง หลงอี้กับหยานกุยล๋ายไล่ตามจังหยวนจื่ออย่างไม่ลดละ
จังหยวนจื่อเลือกหลบหนีเอาตัวรอดเพียงลำพัง สิ่งสำคัญคือมันต้องช่วยตัวเองให้รอดพ้นอันตรายเสียก่อน
หยานกุยล๋ายจ้องมองไปยังผืนป่าหนาทึบในภูเขาที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตร พลันสีหน้าของเขาก็เคร่งเครียดขึ้นขณะหันไปบอกกับหลงอี้ว่า “นายจะปล่อยให้มันหนีเข้าป่าไม่ได้เด็ดขาด”
หลงอี้รู้ดีเช่นกันว่าถ้าจังหยวนจื่อหลบหนีเข้าป่าได้สำเร็จ คงเป็นเรื่องยากที่จะหาตัวพบ
หลงอี้ยิงลูกธนูใส่ด้านหลังของจังหยวนจื่อ
จังหยวนจื่อได้ยินเสียงการพูดคุยของฝ่ายตรงข้าม ก็รีบโคจรพลังขึ้นมาห่อหุ้มร่างกายเอาไว้เก้าชั้น แต่ก็ไม่ได้หลบเลี่ยง
เปรี้ยง!
ลูกธนูพุ่งเข้ามาใส่แผ่นหลังของจังหยวนจื่อ มันมีม่านพลังลมปราณเก้าชั้นคอยคุ้มกันร่างกายเอาไว้อยู่แล้ว ดังนั้นแทนที่จังหยวนจื่อจะได้รับบาดเจ็บ แรงกระแทกกลับเป็นแรงส่งดันร่างของมันให้พุ่งลอยออกไปอีกหนึ่งกิโลเมตร เพิ่มระยะห่างระหว่างตัวมันเองกับพวกของหยานกุยล๋ายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“บัดซบ ไอ้แก่นั่นมันใช้ลูกศรของนายเป็นแรงส่งแล้ว” หยานกุยล๋ายคำรามด้วยความเดือดดาล
บุรุษทั้งสามคนนี้มีความเร็วไล่เลี่ยกัน ระยะห่างที่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งกิโลเมตร ทำให้ยากจะไล่ตามได้ทันแล้ว
ริมฝีปากของจังหยวนจื่อกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ เท้าของมันสัมผัสพื้นแต่ละครั้ง ก็ดีดพื้นส่งตัวเองไปข้างหน้าอีกหลายร้อยเมตร
“หยานกุยล๋าย ขอบใจนะที่มาส่งฉัน! ฉันจะจดจำเหตุการณ์วันนี้ตลอดไป แล้วฉันจะกลับมาตอบแทนแกอย่างสาสมแน่นอน” จังหยวนจื่อตะโกนกลับมาเสียงดัง
หยานกุยล๋ายใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น รู้ดีว่าหมาป่าทั้งฝูงยังไม่น่ากลัวเท่าหมาป่าเดียวดายที่กำลังบาดเจ็บ
เมื่อการต่อสู้ครั้งนี้จบลง ตระกูลจังก็จะล่มสลาย จังหยวนจื่อคงตกอยู่ในสภาวะคุ้มคลั่ง และมีชีวิตอยู่เพียงเพื่อแก้แค้นตระกูลหยาน คงมีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าจะมีผู้ใดสามารถหยุดยั้งมันได้บ้าง?
เมื่อเห็นว่าจังหยวนจื่อกำลังมุ่งหน้าตรงไปที่ผืนป่า หยานกุยล๋ายก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมา
“รีบกลับไปเถอะ หยานกุยล๋าย ไปบอกคนของตระกูลแกให้รีบไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ ไม่งั้นฉันจะกลับมาฆ่าพวกมันทีละคน” จังหยวนจื่อส่งเสียงคำรามอย่างเสียสติ
แต่ในวินาทีนั้นเอง เงาร่างสองสายก็ปรากฏกายออกมาจากชายป่าเบื้องหน้าจังหยวนจื่อพอดี
คนสองคนนั้นเป็นชายหนุ่มหญิงสาว ชายหนุ่มสะพายดาบยาว หน้าตาหล่อเหลา
ส่วนหญิงสาวมีความงดงามหาตัวจับยาก เธอสวมใส่ชุดสีขาว ดูงดงามราวกับเป็นนางฟ้านางสวรรค์
ชายหญิงคู่นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากหยานหวูซวงกับจิงหงนั่นเอง
หยานหวูซวงได้รับข่าวว่าหอกระจกนิรันดร์ถูกโจมตี ก็ห่วงเหยาไป๋เยวี่ยจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ จึงพาจิงหงเดินทางผ่านผืนป่ามาตลอดคืนโดยไม่หยุดพัก
“หยานเอ๋อร์” เลือดในกายของหยานกุยล๋ายเย็นเฉียบ ถ้าหยานหวูซวงตกไปอยู่ในกำมือของจังหยวนจื่อเมื่อไหร่ สถานการณ์ของการต่อสู้ครั้งนี้ก็จะพลิกกลับตาลปัตรทันที
จังหยวนจื่อตอนแรกตกใจที่อยู่ดีๆ จิงหงกับหยานหวูซวงก็ปรากฏตัวออกมา แต่เมื่อเห็นชัดเจนว่าเป็นผู้ใด ชายชราก็อดระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความแปลกใจไม่ได้ สวรรค์ส่งคุณชายตระกูลหยานมาให้มันถึงที่เลยหรือนี่?
จังหยวนจื่อหันหน้ากลับไปมองหยานกุยล๋ายที่ไล่ตามมา รอยยิ้มเหยียดหยันปรากฏบนใบหน้า ก่อนที่จะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “หยานกุยล๋าย เตรียมตัวคุกเข่าอ้อนวอนฉันได้เลย แม้แต่สวรรค์ก็เข้าข้างฉันแล้ว ฮ่าฮ่า…”
“ท่านพ่อ!” หยานหวูซวงร้องทักเมื่อเห็นหยานกุยล๋าย
“หยานเอ๋อร์ รีบหนีไป” น้ำเสียงของหยานกุยล๋ายเปลี่ยนไปแล้ว เพราะว่ามันเจือปนด้วยความหวาดกลัวอยู่หลายส่วน
“จะหนีไปไหน?” จังหยวนจื่อหัวเราะด้วยความชอบใจ หันขวับกลับมาแล้วกระโดดเข้าหาหยานหวูซวง
“จังหยวนจื่อ กล้าดียังไง” หยานกุยล๋ายตัวสั่น ตระกูลจังล่มสลายแล้ว ในขณะนี้จังหยวนจื่ออันตรายยิ่งกว่าหมาบ้า หากหยานหวูซวงตกไปอยู่ในกำมือของจังหยวนจื่อ จะรอดชีวิตได้หรือไม่ก็ไม่มีใครรู้
“ฮ่าฮ่า….” จังหยวนจื่อตอบรับคำพูดของหยานกุยล๋ายด้วยการหัวเราะโดยไม่มีเหตุผล
“หยานเอ๋อร์ รีบหนีไป…” หยานกุยล๋ายตื่นตระหนกจนมือเย็นเท้าเย็นไปหมดแล้ว
แต่หยานหวูซวงกลับมีสีหน้าผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง กวาดตามองสภาพของจังหยวนจื่อตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วกล่าวว่า “ตอนแรกนึกว่าใคร ที่แท้ก็ลุงจางนี่เอง ไม่สบายเหรอครับ หัวเราะเสียงดังเชียว เดี๋ยวพวกหมาป่ามันก็ออกมางับหัวเอาหรอก”
จังหยวนจื่อฉีกยิ้มกว้าง เจ้าเด็กคนนี้มันโง่เง่าเสียจริง กำลังจะตายอยู่รอมร่อยังไม่รู้ตัวอีก พลัน จังหยวนจื่อก็ตวัดมือไปที่ลำคอของหยานหวูซวงทันที
ควับ! ควับ!
ทันใดนั้น แส้สีขาวสองเส้นก็สะบัดเข้าหาจังหยวนจื่อด้วยความรุนแรง
รอยยิ้มบนใบหน้าของจังหยวนจื่อหายวับไปทันที แส้สองเส้นนี้ทำให้มันเย็นเฉียบไปทั่วร่างกาย
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
สายแส้ฟาดเข้าใส่มือของมัน เลือดเป็นสายสาดกระจาย แขนชาดิก ริมฝีปากบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุด
ในจังหวะเดียวกันนี้ แส้อีกเส้นหนึ่งก็สะบัดฟาดใส่หน้าอกของมันเต็มแรง ส่งผลให้จังหยวนจื่อล้มกลิ้งไปหลายตลบ กระอักเลือดออกมาจากปากคำใหญ่ พื้นดินบริเวณที่มันล้มลงไปเกิดรอยแตกร้าวเป็นวงกว้าง
หยานกุยล๋ายกับหลงอี้รีบรุดเข้ามาจะช่วยเหลือหยานหวูซวง แต่เมื่อได้เห็นว่าคนที่ลงไปนอนกองอยู่บนพื้นคือผู้ใด ทั้งสองคนก็ต้องตกตะลึงหยุดยืนอยู่กับที่ และจ้องมองจิงหงด้วยความไม่อยากเชื่อ
“นี่มัน…”
หยานกุยล๋ายกับหลงอี้ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี
หยานกุยล๋ายรู้เพียงแค่ว่าหญิงสาวคนนี้มีนามว่าจิงหง แต่ไม่รู้เลยว่าเธอจะมีฝีมือน่ากลัวขนาดนี้
หลงอี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจิงหงเป็นใคร
“ท่านพ่อ” หยานหวูซวงวิ่งเข้าไปหาบิดา “เยวี่ยเอ๋อร์ปลอดภัยดีหรือเปล่าครับ?”
หยานกุยล๋ายหน้ากระตุกไปเล็กน้อย “ไอ้ลูกคนนี้ เจอหน้าพ่อแทนที่จะเป็นห่วงพ่อ กลับถามถึงแต่แฟนของตัวเอง นี่เจ้ายังเป็นลูกพ่ออยู่อีกหรือเปล่า?”
หยานหวูซวงยกมือเกาหัวแกรกๆ พูดด้วยความเขินอายว่า “ก็พ่อยืนอยู่ตรงหน้าผมแบบนี้ เห็น ๆ กันอยู่ว่าพ่อไม่เป็นไร”
“เดี๋ยวผมแนะนำให้รู้จักนะ” หยานหวูซวงหันหน้าไปมองจิงหงที่เดินตามมาสมทบแล้วกล่าวว่า “นี่คือแม่นางจิงหง เป็นคนรักของพี่ฉู่ชวิ๋น”
จิงหงคุ้นเคยกับวาจาไม่มีที่มาที่ไปของหยานหวูซวงดีแล้ว เธอกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า “จิงหงขอคารวะนายท่านหยาน”
หยานกุยล๋ายจะวางตัวอย่างไรดี? ไม่ต้องพูดถึงว่าระดับพลังของจิงหงสูงมากกว่าเขา แถมยังเป็นคนรักของจอมมารฉู่ชวิ๋น หยานกุยล๋ายทำได้แต่เพียงยิ้มฝืดและตอบกลับไปว่า “แม่นางจิงหงไม่ต้องคารวะฉันหรอก เพียงช่วยชีวิตลูกชายฉันเอาไว้ เท่านี้ก็ขอบคุณมากแล้ว”
จิงหงกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็เห็นหลงอี้เดินพรวดพราดออกมาโค้งคำนับให้ตนเอง
“หลงอี้คำนับนายหญิง!”
“เจ้าเป็นใครกัน?” จิงหงแปลกใจไม่น้อย เธอไม่เคยรู้จักหลงอี้ แต่กลับรู้สึกได้ว่าหลงอี้ให้ความเคารพต่อเธอเป็นอย่างสูง
“ผู้น้อยคือหลงอี้ หัวหน้ากลุ่มหน่วยรบมังกรเงิน”
จิงหงยิ่งงงหนักมากกว่าเก่า หน่วยรบมังกรเงินคืออะไร? เธอยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
หยานกุยล๋ายกลอกตามองบน พูดว่า “นายนี่มันพูดอะไรไม่มีต้นไม่มีปลาย ทำไมไม่บอกไปล่ะว่านายเป็นบริวารของฉู่ชวิ๋น”
หลงอี้พูดต่อทันที “ใช่แล้วครับ ผู้น้อยเป็นสมาชิกของหน่วยรบมังกรเงิน ภายใต้การบังคับบัญชาของนายท่านฉู่ชวิ๋น”
“หน่วยรบมังกรเงิน นี่มันชื่อสำนักของพวกฝ่ายมารหรือเปล่าเนี่ย?” หยานหวูซวงพึมพำออกมา
หลงอี้หันไปมองหน้าคุณชายหนุ่ม ดวงตาเป็นประกายดุร้าย พลังลมปราณพุ่งออกมาจากร่างกายอย่างรุนแรง
หยานหวูซวงรีบโบกไม้โบกมือด้วยความตกใจ พร้อมกับอธิบายเป็นพัลวันว่า “พี่ชายอย่าเข้าใจฉันผิด ฉันเป็นน้องชายของพี่ฉู่ชวิ๋น เมื่อสักครู่นี้เพียงแค่ล้อเล่น ไม่ได้เจตนากล่าวดูถูกแต่อย่างใด”
“คุณชายหยานอาจจะเป็นเพื่อนกับนายท่านก็จริง แต่ถ้าอยู่ตรงหน้าฉัน แล้วหากคุณชายพูดดูหมิ่นหน่วยรบมังกรเงินอีก อย่าหาว่าลูกศรของฉันไม่เตือนก็แล้วกัน” หลงอี้พูดด้วยถ้อยคำที่เฉียบคมไม่ต่างไปจากหัวธนูของมันเลยทีเดียว