จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 419 จัดการมันเลย
จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)
บทที่ 419 จัดการมันเลย
หยานหวูซวงชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจกับคำพูดของหลงอี้
“จอมมารฉู่ชวิ๋นก็ไม่ใช่ตัวดีอะไรสักหน่อย หมอนั่นนอกจากชอบลักพาตัวคนกับลอบวางเพลิงแล้ว ยังถนัดเรื่องการขโมยของผู้อื่นอีก แบบนี้จะให้ฉันสรรเสริญมันหรือไง?”
แววตาของหลงอี้เป็นประกายดุร้ายมากยิ่งขึ้น น้าวธนูในมือพร้อมยิง
หยานกุยล๋ายหัวใจกระตุกวูบด้วยความตกตะลึง
ชายชราไม่อยากเชื่อเลยว่าหลงอี้จะกล้าทำเช่นนี้
หลงอี้กับหยานหวูซวงเดินหน้าเข้าหากัน อยู่ในระยะที่หลบเลี่ยงไม่พ้นแล้ว
ฟ้าว!
ลูกศรถูกยิงออกไป เฉียดผ่านแก้มของหยานหวูซวงไปเพียงนิดเดียว
หยานหวูซวงเย็นเฉียบไปทั่วกาย รู้สึกเจ็บแปลบบริเวณข้างแก้มจากแรงเสียดสีของลูกศรที่พุ่งผ่าน เส้นผมกระจุกหนึ่งของเขาขาดร่วงลงไปบนพื้นจากคมของลูกธนู
ฟู่!
เลือดสาดกระจาย เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น
จิงหงหันหน้ามองไปทางต้นเสียง จังหยวนจื่อล้มลงไปกับพื้น บนหน้าอกปรากฏรูโหว่ที่มีเลือดไหลทะลักออกมา
ดูเหมือนว่าจังหยวนจื่อคิดจะใช้จังหวะชุลมุนหลบหนีไป แต่ก็ถูกหลงอี้ยิงสกัดเอาไว้ก่อน
หลงอี้ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย มันดึงลูกศรดอกใหม่ออกมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“แก…” หยานหวูซวงท้องไส้ปั่นป่วน ถึงแม้จะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าหลงอี้ไม่ได้เล็งลูกศรใส่เขา แต่นี่ก็ถือเป็นคำเตือน ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ายคงไม่ตั้งใจตัดเส้นผมของเขาออกไปกระจุกหนึ่งหรอก คุณชายหนุ่มยกมือชี้หน้าหลงอี้ด้วยความเดือดดาล “รอให้ฉันได้เจอหน้าพี่ฉู่ชวิ๋นก่อนเถอะ ฉันจะฟ้องเขาให้หมดเลย”
หลงอี้ยังคงมีสีหน้าเย็นชา แล้วมันก็หันไปพูดกับจิงหงว่า “นายหญิง ฉันจะพานายหญิงกลับไปหานายท่าน”
จิงหงพยักหน้าแล้วให้อีกฝ่ายนำทางไป
หยานกุยล๋ายชำเลืองมองร่างไร้วิญญาณของจังหยวนจื่อ พวกเขาทั้งสองคนเป็นคู่อริกันมานับร้อยปี เมื่อเห็นจังหยวนจื่อต้องมาตกตายอยู่ในสภาพเช่นนี้ หยานกุยล๋ายก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้
“เดี๋ยวก่อนครับนายหญิง”
ทันใดนั้น หลงอี้เดินอ้อมกลับมาที่ศพของจังหยวนจื่อ แล้วถอดแหวนมิติออกมาจากนิ้วมือของหัวหน้าตระกูลจัง ฉู่ชวิ๋นสอนพวกมันอยู่เสมอว่าอย่าปล่อยให้เสียของเด็ดขาด แหวนมิติเหล่านี้ช่วยการันตีได้ว่าจะทำให้พวกมันเลื่อนระดับพลังได้ง่ายขึ้น
หยานกุยล๋ายอ้าปากค้างแต่พูดอะไรไม่ออก ทำไมเขาถึงไม่ทันได้คิดบ้างนะ? นั่นคือแหวนมิติของจังหยวนจื่อ ข้างในต้องมีแต่ของดีๆ อยู่แน่นอน
“น้องหลง จังหยวนจื่อเป็นพวกเราช่วยกันฆ่ามันตาย นายจะเอาแหวนไปคนเดียวไม่ได้!” หยานกุยล๋ายพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง
“กลับไปตกลงกับนายท่านเองก็แล้วกัน!” หลงอี้พูดจบ ก็เดินกลับไปหาจิงหง และพาหญิงสาวเดินทางไปหาฉู่ชวิ๋น
จะให้ไปตกลงกับฉู่ชวิ๋นอย่างนั้นหรือ? นั่นไม่เท่ากับการแย่งเนื้อคืนมาจากปากเสือหรืออย่างไร?
ทั้งสี่คนเดินทางกลับมาที่หอกระจกนิรันดร์ การต่อสู้ยุติลงแล้ว บริวารตระกูลจังตายเรียบ กลิ่นคาวเลือดที่ลอยในอากาศชวนคลื่นไส้ทำให้ผู้คนหน้านิ่วคิ้วขมวด
ลูกศิษย์ของหอกระจกนิรันดร์และบริวารของตระกูลหยานกำลังช่วยกันเก็บกวาดที่เกิดเหตุ
เมื่อทุกคนพบเห็นจิงหง ก็อดไม่ได้ต้องหยุดชะงักหันมาจ้องมองให้กับรูปร่างหน้าตาที่สวยงามราวนางฟ้านางสวรรค์ของจิงหง
เดิมทีลูกศิษย์ของหอกระจกนิรันดร์เป็นหญิงสาวหน้าตางดงาม โดยเฉพาะปี๋เค่อหยุนและเหยาไป๋เยวี่ย แต่ความสวยงามของจิงหงยังเหนือล้ำกว่าพวกเธออีกหลายเท่า
ปี๋เค่อหยุนขยับออกมาข้างหน้า เมินเฉยต่อหยานกุยล๋าย สายตาของเธอเหมือนกับว่ามองเห็นแต่พวกของหลงอี้เท่านั้น “สหายทุกท่าน จังหยวนจื่อเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ตายแล้ว!” หลงอี้ตอบ
ดวงตาของหยานหวูซวงจ้องมองไปที่เหยาไป๋เยวี่ยซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง เธอกำลังหันหน้ามองไปทางอื่น สีหน้าเคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่ง ไม่ได้สนใจเหตุการณ์รอบตัว
ปี๋เค่อหยุนพ่นลมทางจมูกออกมาด้วยความสะใจ ทำให้ทุกคนสะดุ้งโหยง
“หยานหวูซวงคำนับเจ้าสำนักปี๋” หยานหวูซวงรีบประสานมือทำความเคารพทันที
ปี๋เค่อหยุนหันมามองหน้าหยานหวูซวงด้วยสายตาตำหนิ ก่อนจะเบะปากใส่ แล้วไม่สนใจเขาอีก
“ผู้หญิงก็เป็นเสียแบบนี้ เอาใจยากเหลือเกิน” หยานกุยล๋ายรำพึงออกมาเบา ๆ
ปี๋เค่อหยุนหันขวับมองหน้าเขาด้วยสายตาเย็นชา
“มองอะไรไม่ทราบ? ถ้าไม่ใช่พวกเรามาช่วยเอาไว้ ป่านนี้หอกระจกนิรันดร์ได้ล่มสลายไปแล้ว คำว่าขอบคุณสักคำน่ะมีไหม นอกจากไม่มีแล้ว ยังมาทำตัวอวดดีอีกงั้นเหรอ”
ปี๋เค่อหยุนจ้องมองชายชราด้วยความโกรธแค้น พูดว่า “หยานกุยล๋าย อย่าเอาความดีเข้าตัวแต่เพียงฝ่ายเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีจอมมารฉู่ชวิ๋นมาช่วยเอาไว้ อย่าว่าแต่หอกระจกนิรันดร์ของข้าจะล่มสลาย แม้แต่ตระกูลหยานของท่านก็คงหนีชะตากรรมไม่พ้นเช่นกัน”
“แล้วคุณคิดว่าทำไมจอมมารถึงมาช่วยพวกเราล่ะ? ที่เขาทำไปทั้งหมดก็เพราะเห็นแก่หน้าของหยานเอ๋อร์ทั้งนั้น ไม่งั้นแล้ว เขาจะมาช่วยพวกคุณทำไม เพียงแค่คุณคนเดียว สามารถร้องขอให้จอมมารฉู่ชวิ๋นออกหน้าช่วยเหลือได้หรือไง”
“หยานกุยล๋าย เจ้ารนหาที่ตายแล้ว” ปี๋เค่อหยุนเดือดดาลสุดขีด พลังลมปราณพวยพุ่งออกมาจากร่าง ยกมือขึ้นเตรียมยิงพลังตลอดเวลา
“จะทำอะไร? เก่งจริงก็เข้ามา” หยานกุยล๋ายก็พับแขนเสื้อขึ้น เตรียมตัวต่อสู้เช่นกัน
“อาจารย์เจ้าคะ ใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ” เหยาไป๋เยวี่ยเพิ่งจะเห็นเหตุการณ์ก็รีบวิ่งเข้ามาห้ามปี๋เค่อหยุนทันที
“พ่อ ใจเย็นก่อน” หยานหวูซวงรีบเข้ามาดึงมือของผู้เป็นบิดา ก่อนที่จะหันไปพยักหน้าให้ปี๋เค่อหยุนกับเหยาไป๋เยวี่ย
ปี๋เค่อหยุนพ่นลมผ่านจมูกอย่างดูถูก
หยานกุยล๋ายส่งเสียงคำรามในลำคอ
จิงหงรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหยานหวูซวงกับเหยาไป๋เยวี่ย แต่เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ การที่ชายหนุ่มหญิงสาวคู่นี้จะได้ครองรักกัน เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว
เธอหันไปมองศพของคิงคองยักษ์ทั้งสองตัวจากสำนักวัชระ หลังจากนั้นก็ยกมือขึ้นสะบัดแส้วิญญาณออกไปสองเส้นตัดศีรษะของพวกมันทิ้งไป เรียบร้อยดีแล้วจิงหงก็ยื่นมือออกมาข้างหน้า แล้วแก่นวิญญาณของมนุษย์คิงคองก็ลอยเข้ามาอยู่ในมือของเธอ
ทุกคนรู้สึกได้ถึงพลังและความสว่างไสวของแก่นวิญญาณสัตว์ร้าย รับทราบได้โดยทันทีว่านี่ต้องเป็นของดีอย่างแน่นอน
ปี๋เค่อหยุนขมวดคิ้ว ถึงแม้ว่านางจะไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา ซ้ำมีอายุหลายร้อยปี แต่อย่างไรนางก็ยังคงเป็นผู้หญิง ย่อมรู้สึกไม่พอใจเมื่อได้พบเจอกับหญิงสาวที่งดงามกว่าตนเอง แถมทำตัวไม่พูดไม่จาไร้มารยาทมาก
แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากถามอะไร หยานหวูซวงก็ชิงตอบมาเสียก่อนว่า
“เจ้าสำนักปี๋ นี่คือคนรักของจอมมารฉู่ชวิ๋น”
คำที่ปี๋เค่อหยุนกำลังจะพูดออกมากระจุกอยู่ในลำคอ นางอาจจะสามารถหัวเราะเยาะเย้ยหยันหยานกุยล๋ายได้ แต่นางไม่มีทางกล้าดูหมิ่นจอมมารฉู่ชวิ๋น
“ข้าไม่ได้ถามเจ้า!” ปี๋เค่อหยุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ถึงแม้หยานหวูซวงจะโล่งใจที่สามารถเคลียร์ข้อสงสัยป้องกันการเข้าใจผิดไปได้แล้วส่วนหนึ่ง แต่เขาก็ยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเจ้าหอกระจกนิรันดร์ ทำได้แต่เพียงแอบช้อนสายตาขึ้นมามองเท่านั้น
เหยาไป๋เยวี่ยพลันยิ้มแย้มให้หยานหวูซวง มันเป็นรอยยิ้มเพื่อขอบคุณที่พวกเขามาช่วยปี๋เค่อหยุน และมันก็เป็นรอยยิ้มอ้อนวอนไม่ให้เขาใส่ใจความเกรี้ยวกราดของปี๋เค่อหยุนด้วยเช่นกัน
“แม่นางท่านนี้เป็นคนรักของนายท่านหรือ? หน้าตาสวยงามจังเลยนะ” หลงเอ้อร์เอนตัวเข้ามากระซิบกระซาบกับหลงอี้
“เงียบเถอะน่า” หลงอี้ว่า
คนรักของนายท่านฉู่ชวิ๋นไม่ใช่สิ่งที่พวกมันจะมาพูดคุยกันได้
“หลงอี้ ฉู่ชวิ๋นหายไปนานแล้วหรือยัง?” จิงหงถามหลังจากที่เก็บแก่นวิญญาณเรียบร้อยแล้ว
“ประมาณครึ่งชั่วโมงได้แล้วครับ” หลงเอ้อร์เป็นคนตอบ เนื่องจากหลงอี้ออกติดตามจังหยวนจื่อไปพร้อมกับหยานกุยล๋าย จึงไม่ทราบว่าฉู่ชวิ๋นหายตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่
หลังจากที่จิงหงนิ่งคิดอะไรอยู่เล็กน้อย เธอก็หันมาพูดกับหยานกุยล๋ายว่า “นายท่านหยาน ช่วยส่งคนที่รู้จักเส้นทางไปบ้านตระกูลจังมานำทางพวกเราหน่อยได้หรือไม่”
หยานกุยล๋ายพยักหน้า เรียกลูกศิษย์มากระซิบกระซาบที่ข้างหูอยู่ครู่หนึ่ง ก็สั่งให้มันผู้นั้นรับหน้าที่นำทางจิงหงไปยังบ้านตระกูลจัง
หยานหวูซวงมีสีหน้าแปลกพิกล คล้ายกับว่าอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกหยานกุยล๋ายยกมือห้ามเอาไว้
จนกระทั่งพวกของจิงหงลับสายตาไปแล้ว หยานหวูซวงถึงได้พูดออกมาว่า “ท่านพ่อกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย? นั่นมันเส้นทางกลับบ้านตะกูลหยานของพวกเราไม่ใช่เหรอ”
หยานกุยล๋ายใบหน้ากระตุก ยกมือตบหัวบุตรชายป๊าบใหญ่ ลดเสียงลงเป็นกระซิบตอนที่ตอบว่า “เจ้าเด็กโง่ ตระกูลจังมีอายุยืนยาวนับพันปี จำนวนของวิเศษที่พวกมันมีในครอบครอง ต้องมากมายมหาศาลไม่แพ้ตระกูลหยานของพวกเราแน่นอน”
หยานหวูซวงหรี่ตาลง ถามว่า “พ่อกลัวว่าจิงหงจะไปขโมยของในห้องเก็บสมบัติของตระกูลจังใช่ไหม?”
“เจ้าคิดว่าไงล่ะ?” หยานกุยล๋ายพูดด้วยน้ำเสียงสะใจ “เห็นที่ลูกน้องของฉู่ชวิ๋นมันเอาแหวนมิติของจังหยวนจื่อไปหน้าตาเฉยนั่นไหม พวกเราไปกวาดของในห้องเก็บสมบัติของตระกูลจังบ้าง ก็เรียกว่าสมเหตุสมผลดีแล้ว”
หยานหวูซวงมองหน้าบิดาด้วยความเหลือเชื่อ “ท่านพ่อยิ่งแก่ยิ่งชั่วร้ายนะเนี่ย”
หยานกุยล๋ายอดไม่ได้ต้องทำหน้าดุ “เจ้ากล้าพูดกับพ่อแบบนี้ได้ยังไง? คิดว่าการดูแลครอบครัวมันง่ายนักหรือ? อีกอย่าง พ่อได้เรียนรู้มาจากจอมมารฉู่ชวิ๋น ก่อนหน้านี้พ่อสู้กับมัน แล้วแหวนมิติของพ่อก็หายไป พ่อสงสัยว่ามันต้องเป็นคนขโมยไปนั่นแหละ”
“ไอ้หมอนี่กล้าทุบตีพ่อได้ยังไง เดี๋ยวผมจะไปคุยกับเขาเอง” หยานหวูซวงพูดออกมาด้วยความโกรธแค้น
หยานกุยล๋ายมีสีหน้าไม่พอใจ ดวงตาโปนโต “พ่อพูดตอนไหนว่าโดนมันทุบตี?”
“ท่านพ่อ รอบตาพ่อยังเขียวปัดอยู่เลยนะ ผมรู้จักฉู่ชวิ๋นดี หมอนี่มันกล้าทำได้ทุกอย่างแหละ ต่อให้ตะขอเหล็กขึ้นสนิมตกไปอยู่ในมือมันสักชิ้น มันก็ยังต้องเอาเหล็กไปหลอมทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด เรียกได้ว่าถ้าเป็นไก่ก็คงถูกถอนขนไม่เหลือสักเส้น แล้วพ่อไปต่อสู้กับมัน คิดว่าจะสู้ได้หรือไงครับ? ผมมั่นใจว่าฉู่ชวิ๋นนั่นแหละขโมยแหวนของพ่อไปแน่นอน”
“ไอ้เด็กคนนี้ เจ้าพูดอะไรออกมาเนี่ย? จะบอกว่าพ่อรนหาที่เองหรือไง?” หยานกุยล๋ายรู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนักที่แม้แต่บุตรชายก็ยังไม่เข้าข้างตัวเอง
“ท่านพ่อ เรารีบไปที่บ้านตระกูลจัง เก็บทุกอย่างไม่ให้เหลือก่อนที่ฉู่ชวิ๋นจะไปถึงกันเถอะ”
“แล้วจะรออะไรอยู่อีก ไปกันเลยดีกว่า!”
คู่พ่อลูกที่เมื่อกี้ยังโต้เถียงกันอยู่ ขณะนี้กลับเห็นดีเห็นงามเป็นน้ำหนึ่งเดียวกัน ดีใจที่สามารถหลอกพวกของจิงหงให้กลับไปที่บ้านตระกูลหยานได้สำเร็จ ส่วนพวกของตนเองก็เตรียมตัวออกเดินทางมุ่งหน้าไปที่บ้านตระกูลจัง
“เจ้าสำนักปี๋ เหยาไป๋เยวี่ย ขอตัวก่อนนะครับ!” หยานหวูซวงพูด เมื่อเห็นว่าเหยาไป๋เยวี่ยยังคงปลอดภัยดี เขาก็สบายใจ
สิ่งสำคัญก็คือเรื่องราวของเขากับเหยาไป๋เยวี่ยไม่สามารถลงเอยกันได้ในเร็ววัน ทุกอย่างต้องใช้เวลาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ปี๋เค่อหยุนทำเป็นไม่ได้ยิน นางอยากให้พวกคนตระกูลหยานกลับไปเร็วๆ อยู่แล้ว
เหยาไป๋เยวี่ยส่งยิ้มหวานให้หยานหวูซวงอีกครั้ง การที่หยานหวูซวงรีบร้อนเดินทางมาที่นี่โดยไม่หยุดพัก ทำให้หญิงสาวมีความสุขมาก
อันที่จริงแล้ว บางครั้งผู้หญิงก็ไม่ต้องการอื่นใด นอกจากความห่วงใยเช่นนี้เอง
“เยวี่ยเอ๋อร์” ปี๋เค่อหยุนเสียงเข้ม
เหยาไป๋เยวี่ยสะดุ้งโหยงเหมือนเด็กที่โดนจับได้ว่าทำผิด เธอรีบก้มหน้าก้มตา เลิกจ้องมองไปที่หยานหวูซวงทันที
“พวกหัวโบราณ” หยานกุยล๋าย อดพูดออกมาไม่ได้
คนของตระกูลหยานรีบเดินทางไปที่บ้านตระกูลจังด้วยความรวดเร็ว
“ทุกคนฟังฉันให้ดี ตอนนี้เป็นช่วงเวลากอบโกย เมื่อไปถึงบ้านตระกูลจังแล้ว อะไรที่เอามาได้ก็เอามาให้หมด อะไรที่เอามาไม่ได้ก็ทำลายทิ้งไปซะ” หยานกุยล๋ายตะโกนออกคำสั่ง
บรรดาคนของตระกูลหยานพร้อมใจกันรับคำด้วยความมุ่งมั่น
……
……
ผ่านไปหลายชั่วโมง กลุ่มคนตระกูลหยานก็มาถึงบ้านตระกูลจัง สิ่งที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าของพวกเขาคือคฤหาสน์หลังใหญ่ มีศาลานั่งเล่นอยู่ด้านข้าง หยานกุยล๋ายมีสีหน้าตื่นเต้นมากกว่าใคร
แต่ในขณะที่เตรียมตัวกำลังจะเข้าไปนั้นเอง ฉู่ชวิ๋นกลับเดินออกมาจากประตูบ้านตระกูลจังเสียอย่างนั้น
ทั้งสองฝ่ายต่างหยุดชะงักอยู่กับที่
“น้องฉู่ชวิ๋น มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันเนี่ย?” หยานกุยล๋ายอุทานออกมาด้วยความตกใจ และแอบคิดไม่ได้ว่าหรือของที่อยู่ในห้องเก็บสมบัติจะเสร็จฉู่ชวิ๋นหมดแล้ว?
ฉู่ชวิ๋นตอบกลับมาด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า “ผมไล่ตามบรรพบุรุษตระกูลจังมาจนถึงที่นี่เนี่ยแหละ”
“แล้วผลการต่อสู้เป็นยังไงบ้าง?” หยานกุยล๋ายถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล หากบรรพบุรุษตระกูลจังหนีไปได้ ก็ถือว่าเป็นหายนะใหญ่หลวงแล้ว
“เรียบร้อย ผมฆ่าทิ้งไปแล้ว” ฉู่ชวิ๋นหันมามองหน้าหยานหวูซวงด้วยความสงสัย “นายกลับมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“มาถึงเมื่อกี้เอง” หยานหวูซวงตอบด้วยความอึดอัดเล็กน้อย กลัวว่าฉู่ชวิ๋นจะสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล แต่ตอนนี้ทุกคนกำลังตื่นเต้นกับชัยชนะที่ได้รับ จนไม่สนใจเรื่องอื่นอีกแล้ว
“แล้ว จิงหงอยู่ที่ไหน?” ฉู่ชวิ๋นถาม
“แม่นางจิงหงเดินทางมาไกล ฉันเลยให้คนพาเธอกลับไปพักผ่อนที่บ้านตระกูลหยานแล้ว” หยานกุยล๋ายตอบ หลังจากมองหน้าฉู่ชวิ๋น ก็พูดออกมาอีกว่า “น้องฉู่ชวิ๋น หลังจากฆ่าบรรพบุรุษตระกูลจังได้แล้ว คุณพบอย่างอื่นอีกบ้างหรือไม่?”
ฉู่ชวิ๋นส่ายหน้า “ตาแก่นั่นแข็งแกร่งมากเกินไป กว่าผมจะจัดการมันได้ก็เล่นเอาเหนื่อย ไม่เหลือเรี่ยวแรงไปหาอะไรอีกแล้ว ว่าแต่นี่คุณกำลังถามถึงจังเฟิงหลิงอยู่ใช่ไหม?”
หยานกุยล๋ายหัวใจพองโตด้วยความลิงโลด ดูเหมือนว่าฉู่ชวิ๋นยังไม่มีเวลาได้ค้นหาห้องเก็บสมบัติ ดังนั้น ของวิเศษในบ้านตระกูลจังจึงยังคงไม่หายไปไหน
“น้องฉู่ชวิ๋น คุณรีบกลับไปพักผ่อนดีกว่า จังเฟิงหลิงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเรา รับรองมันหนีไม่รอดแน่”
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าเล็กน้อย
หยานกุยล๋ายเดินผ่านประตูบ้านตระกูลจังเข้าไปด้วยความคึกคัก ในขณะที่แบ่งลูกศิษย์สองสามคนนำทางฉู่ชวิ๋นกลับไปยังบ้านตระกูลหยาน