CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 434 แผ่นยันต์เทวะ

  1. Home
  2. จักรพรรดิเซียนหวนคืน
  3. บทที่ 434 แผ่นยันต์เทวะ
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

บทที่ 434 แผ่นยันต์เทวะ

ครืน!

พื้นดินสั่นสะเทือน มวลอากาศปั่นป่วน ก้อนหินใหญ่ที่อยู่รอบบริเวณแตกกระจายเป็นผุยผง

ฉู่ชวิ๋นกับหวูเค่อจิน ปะทะกันไม่ต่ำกว่าร้อยกระบวนท่าภายในชั่วพริบตา

หวูเค่อจินแววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ก่อนหน้านี้มันได้ประกาศเอาไว้ว่า เพียงแค่กระดิกนิ้วก็สามารถสังหารฉู่ชวิ๋นได้แล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้…กลับทำให้มันรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างยิ่ง

หวูเค่อจินถลึงตาจ้องมองฉู่ชวิ๋น กำมือเป็นหมัด

ผลั่ก!

มวลอากาศปั่นป่วน พลังลมปราณพุ่งทะยานออกไป

“32 กระบวนท่าสลายวิญญาณ”

ขวานยักษ์ด้ามหนึ่งปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ พร้อมด้วยลำแสงสีขาวสว่างจ้า ที่มาพร้อมกับแรงกดดันจำนวนมหาศาล

“ฉู่ชวิ๋น แกจะต้องตายด้วยวิชาเซียน เหมือนที่แกเคยฆ่าคนอื่นเอาไว้” หวูเค่อจินพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

วิชาของพวกเทพเซียน?

ฉู่ชวิ๋นยิ้มมุมปาก เงยหน้ามองขวานยักษ์ที่กำลังร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า

ชายหนุ่มร่ายวิชาด้วยพลังจิต

ครืน!

พื้นดินสั่นสะเทือน สายลมพัดกรรโชก พลังลมปราณจำแลงพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของฉู่ชวิ๋น

พลังลมปราณจำแลง – 36 กระบวนท่า

การใช้พลังลมปราณจำแลงมีอยู่ด้วยกันหลายกระบวนท่า ปกติฉู่ชวิ๋นใช้อยู่เพียงไม่กี่ท่าเพราะมันยุ่งยากเกินไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะใช้ท่าอื่นไม่ได้

พลังลมปราณสีม่วงในรูปลักษณ์ของกรงจักรหมุนควงสว่านพุ่งออกไปจากกำปั้นของเขา

ฉู่ชวิ๋นสั่งงานด้วยพลังจิตอีกครั้ง

กรงจักรของเขาพุ่งเข้าไปปะทะกับขวานยักษ์ที่กำลังร่วงลงมา

เมื่อพลังลมปราณของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน จึงเกิดเป็นแรงระเบิดขนาดใหญ่ ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน ก้อนเมฆบนท้องฟ้ากระจัดกระจาย

คลื่นความร้อนแผ่กระจายเหมือนมีดวงอาทิตย์ขนาดเล็กกำลังร่วงหล่น จุดศูนย์กลางของคลื่นความร้อนนั้นอัดแน่นไปด้วยพลังลมปราณจำนวนมหาศาล

นี่เป็นเพียงแค่กระบวนท่าแรกจาก 32 กระบวนท่าสลายวิญญาณเท่านั้น

ครืน!

ขวานยักษ์ด้ามเมื่อสักครู่นี้ระเบิดไปแล้ว แต่ก็มีขวานยักษ์ด้ามใหม่ปรากฏขึ้นมาอีก

เปรี้ยง!

พลังลมปราณสีแดงพุ่งโค้งเป็นสายบนท้องฟ้าเหมือนดาวตก เป็นประกายสว่างไสวสวยงามตระการตา

พื้นดินสั่นสะเทือนอีกครั้ง กรงจักรของฉู่ชวิ๋นปะทะเข้ากับขวานยักษ์ของหวูเค่อจินอีกรอบ แรงระเบิดทำให้เกิดเป็นก้อนเมฆรูปเห็ดปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

ตู้ม…!

ฉู่ชวิ๋นยังคงสามารถสลายขวานยักษ์บนอากาศได้อย่างไม่มีปัญหา ถึงแม้ว่าภูเขาจะสั่นสะเทือนไปทั้งลูก และก้อนหินใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนจะแหลกสลายลงไปแล้วก็ตาม

หลังจากนั้น ฉู่ชวิ๋นก็ซัดพลังลมปราณสลายขวานยักษ์ติดต่อกันไปอีก 30 ด้าม ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้แต่ยืนอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

หวูเค่อจินมีเหงื่อไหลเต็มใบหน้า ฉู่ชวิ๋นมีฝีมือแข็งแกร่งเกินกว่าที่มันคิดเอาไว้มาก

เปรี้ยง! เปรี้ยง!

เกิดการระเบิดสองครั้งติดๆ กันบนท้องฟ้า ก้อนเมฆรูปเห็ดปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศแล้วการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายก็ยุติลงเป็นการชั่วคราว

“คนของแดนสวรรค์ทำไมถึงได้มีฝีมือกระจอกอย่างนี้ล่ะ”

ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ไวเท่าความคิด ฉู่ชวิ๋นยกมือชี้หน้าหวูเค่อจิน ซึ่งอยู่ในสภาพที่เหงื่อไหลท่วมกาย ไม่สามารถหลบหนีได้อย่างกะทันหัน

พลังลมปราณสี่สายพุ่งออกมาจากมือของฉู่ชวิ๋น ตรงเข้าไปหาหวูเค่อจินด้วยความรุนแรง

หวูเค่อจินแผดเสียงคำรามลั่น

พลังลมปราณทั้งสี่สายถาโถมเข้าใส่หวูเค่อจินอย่างต่อเนื่อง แรงระเบิดของมันไม่ต่างไปจากระเบิดนิวเคลียร์ขนาดเล็ก ซึ่งทำให้หวูเค่อจินถูกหมอกควันกลืนหายไปหมดแล้ว

ภาพที่เห็นช่างน่ากลัวเหลือเกิน กลุ่มสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ถึงกับตัวสั่นเทาแล้ว

แต่ฝ่ายจอมยุทธ์อดส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความสะใจไม่ได้

“ไหนบอกว่าตัวเองเป็นทายาทของเทพเซียนไง? เจอจอมมารฉู่ชวิ๋นเข้าหน่อย ถึงกับไปไม่เป็นเลยเรอะ”

ดวงตาของฉู่ชวิ๋นยังคงเฉยชา แต่สีหน้าของเขาปรากฏความไม่สบายใจเท่าไหร่นัก

ผ่านไป 5 ถึง 6 นาทีให้หลัง หมอกควันก็เริ่มจางลงแล้ว

เสียงโห่ร้องด้วยความสะใจของบรรดาจอมยุทธ์ชะงักขาดหายไปกลางคัน กลายเป็นฝ่ายของสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ที่ส่งเสียงออกมาด้วยความดีใจบ้าง

หวูเค่อจินยังปลอดภัยดี ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ในหลุมลึกที่มีเส้นรอบวงประมาณ 100 เมตร หวูเค่อจินมีม่านพลังสีขาวห้อมล้อมรอบกาย คอยป้องกันการโจมตีจากทุกสิ่งทุกอย่าง

ฉู่ชวิ๋นจ้องมองด้วยความเยือกเย็น ดูเหมือนว่านี่จะเป็นสิ่งที่ไม่ได้เหนือความคาดหมายของเขาสักเท่าไหร่

หวูเค่อจินยืนอยู่ในหลุมลึก เงยหน้ามองฉู่ชวิ๋นด้วยสายตาเย็นชา แต่ทั่วกายแผ่รังสีอำมหิตออกมาแล้ว

“แข็งแกร่งไม่เบานี่” หวูเค่อจินว่า

ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอ “ฉันก็เลยจะเป็นคนฆ่าแกไงล่ะ”

หวูเค่อจินแค่นยิ้มออกมา แล้วพูดว่า “จอมมารฉู่ชวิ๋น ฉันแค่บอกว่าแกแข็งแกร่งไม่เบา แต่ไม่ได้หมายความว่าแกจะรอดชีวิตไปได้สักหน่อย”

“แกไม่ใช่คนแรกที่พูดแบบนี้กับฉัน แต่รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนพวกนั้น?” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะด้วยความเหยียดหยามเล็กน้อย

ทุกครั้งที่ชายหนุ่มต่อสู้กับใครสักคน จะต้องมีคนพูดประโยคนี้ออกมาเสมอและคนพวกนั้นก็ตายหมดแล้ว!

“หลายล้านปีก่อน แดนสวรรค์ปกครองโลกมนุษย์ มนุษย์อย่างแกเป็นเพียงทาสรับใช้ของเราเท่านั้น ผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่หมื่นปี พวกแกกลับลืมเลือนความน่ากลัวของพวกเราเทพเซียนไปเสียแล้ว ถึงกับกล้ายึดครองโลกใบนี้และสถาปนาตัวเองเป็นราชาตามใจชอบ นี่คือความผิดที่พวกเราคนจากแดนสวรรค์อภัยให้ไม่ได้เด็ดขาด” หวูเค่อจินพูดยาวเหยียดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“ความผิด?” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะ เถียงกลับว่า “มนุษย์ปกครองโลกใบนี้มาตั้งแต่เมื่อหลายหมื่นปีก่อนแล้ว อันนี้สมมุติว่าถ้าไม่ใช่หลายล้านปีก่อนน่ะนะ เทพเซียนอย่างพวกแกพอโลกใบนี้ย่ำแย่หน่อย ก็หนีหายกันไปหมด ในเมื่อพวกแกหนีไปจากที่นี่ แล้วจะกลับมาทำไมอีก”

“ทำไมจะกลับมาไม่ได้? หรือว่าแกเกรงกลัวความยิ่งใหญ่ของพวกเรา?” หวูเค่อจินหัวเราะในลำคอ เจตนาดูหมิ่นซึ่งหน้า

“ไม่ใช่!” ฉู่ชวิ๋นส่ายหน้า แววตาเย็นชา พูดว่า “ฉันขอเตือนพวกแกไว้ตรงนี้เลยว่า ห้ามเหยียบเท้ากลับมาที่โลกใบนี้อีกเด็ดขาด ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันทำกับคนของแดนสวรรค์รุนแรงเกินไปก็แล้วกัน”

“สามหาวนัก!” สีหน้าของหวูเค่อจินแปรเปลี่ยนไปในพริบตา

ฉู่ชวิ๋นยังคงยิ้มอย่างเย็นชา กล่าวว่า “สรุปแบบให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ถ้าพวกเทพเซียนกลับมาที่โลกมนุษย์อีกเมื่อไหร่ ฉันจะฆ่าพวกมันทิ้งให้หมด”

“ดูเหมือนว่าพวกแกลืมไปหมดแล้วสินะ ว่าควรแสดงความเคารพต่อเทพเซียนอย่างไรบ้าง” หวูเค่อจินพูดด้วยน้ำเสียงเสียใจ “เมื่อเป็นแบบนี้ หากพวกเราเทพเซียนกลับมาที่นี่เต็มรูปแบบเมื่อไหร่ สงสัยฉันคงต้องเปลี่ยนกลุ่มทาสรับใช้ใหม่เสียแล้ว”

“หวูเค่อจิน จำคำพูดของฉันเอาไว้ให้ดี” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เต็มไปด้วยความดุดันหนักแน่น “ถ้าพวกเทพเซียนกลับมาที่โลกมนุษย์อีกล่ะก็ ฉันจะฆ่าพวกมันอย่างไม่ปรานีและจะไม่มีใครกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นเทพเจ้าอีกต่อไป”

“แก…” ดวงตาของหวูเค่อจินเป็นประกายเย็นเยียบ “ฉู่ชวิ๋น แกโอหังเกินไปแล้ว คิดหรือว่าจะดูหมิ่นแดนสวรรค์ได้ตามอำเภอใจ”

“ฉันดูหมิ่นตรงไหนไม่ทราบ?” ฉู่ชวิ๋นตอบกลับด้วยน้ำเสียงภาคภูมิ “ในเมื่อพวกเทพตัดสินใจที่จะทิ้งโลกมนุษย์ไปแล้ว ก็ห้ามกลับมาที่โลกมนุษย์อีกเด็ดขาด ถึงแม้จะเป็นทายาทของพวกมันก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ฉันจะเริ่มคิดบัญชีกับแกก่อนเป็นคนแรก…”

หวูเค่อจินใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น ตัวมันเองเป็นทายาทของเทพเซียน มีฝีมือสูงส่งตั้งแต่เกิด เมื่อตื่นมาจากการจำศีลก็สามารถเอาชนะสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ทุกสำนักได้อย่างง่ายดาย หวูเค่อจินมั่นออกมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ว่าไม่มีใครสามารถต่อกรกับมันได้เด็ดขาด

แต่ฉู่ชวิ๋นมีฝีมือแข็งแกร่งเหลือเกิน ซ้ำยังบอกว่าโลกนี้เป็นของมนุษย์ เข่นฆ่าบรรดาสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ด้วยความโหดร้ายอำมหิต มีพลังสะเทือนฟ้าสะท้านดิน

ในฐานะที่หวูเค่อจินเป็นทายาทของเทพเซียน จึงเชื่อมั่นว่าตนเองมีหน้าที่ในการครองโลกใบนี้แทนบรรพบุรุษ เพื่อรอคอยให้คนของแดนสวรรค์กลับมาที่โลกมนุษย์อีกครั้ง

ด้วยเหตุนี้ หวูเค่อจินจึงรวบรวมกำลังพลเป็นสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ที่มีความบาดหมางต่อฉู่ชวิ๋นเป็นทุนเดิม มันตั้งใจจะประกาศให้คนทั้งโลกรู้ ว่าโลกใบนี้เป็นของเทพเซียน หวูเค่อจินตั้งใจที่จะสังหารฉู่ชวิ๋นในรูปแบบที่โหดร้ายที่สุด รุนแรงที่สุด และทำให้คนทั้งโลกต้องหวาดกลัวมากที่สุด

ทว่า เหตุการณ์ดำเนินมาถึงตอนนี้ หวูเค่อจินรู้สึกไม่อยากจะมองหน้าใครอีกแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก หลายคนคงได้เห็นแล้วว่ามันระดมสู้กับฉู่ชวิ๋น แต่ก็ยังไม่อาจทำอะไรฝ่ายตรงข้ามได้เลยสักนิด ขณะนี้ หวูเค่อจินจึงไม่รู้ว่าตัวเองควรจะโกรธแค้นหรืออับอายมากกว่ากัน

แต่ที่เลวร้ายที่สุดก็คือ ฉู่ชวิ๋นอาศัยจังหวะนี้ประกาศให้คนทั้งโลกรู้ ว่าถ้าเทพเซียนกลับมาที่โลกมนุษย์อีกเมื่อไหร่ก็จะถูกฆ่าทิ้งทันทีและจะไม่มีผู้ใดกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นเทพเซียนอีกเด็ดขาด

นี่คือการหักหน้าหวูเค่อจินอย่างร้ายกาจ

หวูเค่อจินมีสภาพเป็นเหมือนตัวตลกตัวหนึ่งไปแล้ว เพราะฉะนั้น มันจึงหวาดกลัวว่าภาพลักษณ์ของเทพเซียนจะพลอยเสียหายไปด้วย

หลังจากนี้ มีแต่การฆ่าจอมมารฉู่ชวิ๋นให้สำเร็จเท่านั้น ถึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงมุมมองของทุกคนและรักษาไว้ซึ่งชื่อเสียงของแดนสวรรค์ได้ดังเดิม

“ฉู่ชวิ๋น ถ้าตอนนี้แกอยู่ที่แดนสวรรค์ แกคงถูกลงโทษขั้นรุนแรงไปแล้ว” หวูเค่อจินกระซิบออกมาเสียงแผ่วเบา

พูดจบ ก็ล้วงแผ่นยันต์สีทองออกมาจากอกเสื้อ แล้วแผ่นยันต์สีทองแผ่นนั้นก็ลอยตัวขึ้น เปล่งประกายสว่างไสวที่เบื้องหน้า

แรงกดดันมหาศาลแผ่กระจายไปรอบบริเวณทันที เหมือนกับว่ามีน้ำหนักที่มองไม่เห็นกำลังกดทับลงมาเหนือศีรษะของทุกคน

บรรดาสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ไม่สามารถต้านทานแรงกดดันนี้ได้ พวกมันทุกตัวพร้อมใจกันคุกเข่าลงบนพื้นดินทันที

ฝ่ายจอมยุทธ์ที่ยืนดูเหตุการณ์ก็หายใจติดขัด รู้สึกเหมือนมีก้อนหินน้ำหนักหลายล้านตันกำลังกดทับอยู่บนหัว เลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก จำเป็นต้องงอเข่าลงเช่นกัน

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ…!

เหล่าคนที่มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับแรกเริ่ม ไม่อาจทนทานแรงกดดันนี้ได้ เลย พวกเขาคุกเข่าลงอย่างแรงจนพื้นดินบริเวณใต้หัวเข่าแตกร้าว

ส่วนใครที่มีระดับพลังสูงกว่านั้น ก็พยายามฝืนตัวเต็มที่ สองขาสั่นระริก ใบหน้าแดงก่ำ

ตุบ ตุบ… แต่สุดท้าย จอมยุทธ์ที่มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับสูงเหล่านั้น ก็ต้องคุกเข่าลงมา

คนดูที่รับชมการถ่ายทอดสดอยู่ทางบ้านไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาเห็นแต่เพียงว่าผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพร้อมใจกันคุกเข่าลงทีละคน ทีละคน

“มนุษย์ผู้ต่ำต้อย ต้องคุกเข่าให้แก่เทพเซียนผู้สูงส่งเสมอ”

หวูเค่อจินพูดเสียงดังกังวาน ก่อนที่จะร่ายคาถาบางอย่าง แล้วท้องฟ้าก็ส่งเสียงร้องครืนครัน

ฉู่ชวิ๋นย่อมพบเจอกับแรงกดดันนั้นเช่นกัน พื้นดินใต้เท้าของเขาเป็นรอยแตกร้าว ขาของเขางอลง แต่ชายหนุ่มก็พยายามฝืนเอาไว้เต็มที่

“ไอ้พวกเทพเซียนบ้าอำนาจเอ๊ย!” ฉู่ชวิ๋นคำรามเสียงดังสนั่น

ฉู่ชวิ๋นก็เคยมีพลังระดับเทพเซียนเหมือนกัน เขาจะยอมคุกเข่าได้อย่างไร? แรงกดดันนี้สามารถใช้กับผู้ที่ฝึกวิชาสายเซียนได้ด้วยอย่างนั้นหรือ?

“หวูเค่อจิน แกดูถูกฉันมากเกินไปแล้ว” ฉู่ชวิ๋นร้องคำราม พยายามเรียกคืนความรู้สึกในการเป็นผู้ใช้วิชาระดับเทพเซียนกลับคืนมา ทว่าเขาก็ล้มเหลว ถึงอย่างนั้น ความเป็นเทพเซียนก็ยังหลงเหลืออยู่ในตัวเขาพอสมควร

นี่คือสิ่งที่เรียกว่าพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ในร่างวิญญาณ ไม่สามารถฝ่าฝืนกฎสวรรค์ได้เด็ดขาด

“คิดว่าฉันจะต้องคุกเข่าให้แกด้วยหรือไง?” ฉู่ชวิ๋นเงยหน้าขึ้น เสียงของเขากังวานไปทั่วแผ่นฟ้า ทำให้มวลอากาศปั่นป่วนไปทันที

กลิ่นอายของความเป็นเทพเซียนที่ฝังอยู่ในวิญญาณของฉู่ชวิ๋นระเบิดตัวไปทั่วบริเวณ ขจัดแรงกดดันมหาศาลที่บังคับให้ทุกคนต้องคุกเข่าสลายหายไป

บรรดาจอมยุทธ์รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาปิดกั้นแรงกดดันเหล่านั้น ทำให้พวกเขาสามารถกลับมาลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง

ทุกสายตาหันไปจ้องมองฉู่ชวิ๋น นี่คือสิ่งที่มีแต่เพียงจอมมารฉู่ชวิ๋นเท่านั้นถึงจะทำได้ ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงอดตกตะลึงไม่ได้แล้ว

“จอมมารฉู่ชวิ๋น แกกล้าต่อต้านกฎเกณฑ์สวรรค์หรืออย่างไร? ทำไมถึงไม่คุกเข่า” หวูเค่อจินคำรามด้วยความไม่พอใจ

แล้วลำแสงที่เป็นประกายสวยงามราวกับทางช้างเผือก ก็พุ่งวาบผ่านอากาศตรงเข้าใส่ฉู่ชวิ๋น

ตู้ม!

พื้นดินใต้เท้าฉู่ชวิ๋นระเบิดตัว แสดงให้เห็นถึงแรงกดดันที่เขาต้องต้านทานเอาไว้

ฉู่ชวิ๋นมีสีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง ยกมือข้างหนึ่งขึ้นหมุนวนในอากาศ พร้อมกับส่งเสียงคำรามออกมา

“จงสลายหายไปซะ!”

เสียงคำรามของฉู่ชวิ๋นดังกังวานทั่วแผ่นฟ้า มวลอากาศปั่นป่วนส่งเสียงดังครืนครัน

วูบ!

แล้วลำแสงสีทองที่เป็นประกายเจิดจ้าจากแผ่นยันต์เบื้องหน้าหวูเค่อจินก็ดับวูบลง

หวูเค่อจินมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปทันที ความตื่นตระหนกปรากฏให้เห็นเด่นชัด วิชาที่มันใช้เป็นสิ่งที่มีแต่เทพเซียนเท่านั้นถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น นี่คือแผ่นยันต์เทวะ ไม่มีมนุษย์หรือเผ่าพันธุ์ไหนสามารถต่อต้านได้

แต่จอมมารฉู่ชวิ๋นสามารถทำได้อย่างไร? นอกจากจะไม่คุกเข่าลงตามแรงกดดันแล้ว ซ้ำยังสามารถสลายลำแสงทองคำได้อีกด้วยนี่เป็นสิ่งที่หวูเค่อจินหาคำอธิบายไม่ได้เลยจริงๆ

“หวูเค่อจิน นั่นมันก็แค่กระดาษแผ่นเดียว คิดว่าจะทำอะไรฉันได้หรือไง”

ฟู่!

ฉู่ชวิ๋นพูดจบ แผ่นยันต์สีทองแผ่นนั้นก็เกิดเปลวไฟลุกไหม้พรึบพรั่บ

หวูเค่อจินจ้องมองด้วยความตื่นตระหนก นี่คือแผ่นยันต์เทวะที่ตกทอดมาจากเทพเซียนรุ่นก่อนหน้า สมควรมีพลังมหาศาลที่แม้แต่จอมมารฉู่ชวิ๋นก็ต่อต้านไม่ได้สิ

“ฉู่ชวิ๋น แกมันกำแหงเกินไปแล้ว” หวูเค่อจินตะเบ็งเสียงด้วยความเดือดดาล

“กำแหงอะไร? นี่มันก็แค่แผ่นยันต์แผ่นหนึ่ง ต่อให้มีเทพเซียนอย่างพวกแกเต็มท้องฟ้า คิดหรือว่าฉันจะยอมคุกเข่าให้?” ฉู่ชวิ๋นเงยหน้าส่งเสียงคำรามกึกก้อง

ฟู่!

เปลวไฟที่เผาผลาญอยู่บนแผ่นยันต์เทวะทวีความรุนแรงมากขึ้น

กลุ่มจอมยุทธ์ส่งเสียงตะโกนเชียร์ด้วยความคึกคัก มีแต่ผู้อาวุโสมากฝีมือเท่านั้นถึงจะรู้ว่าแผ่นยันต์นี้น่ากลัวขนาดไหน

แต่สิ่งที่น่ามหัศจรรย์ก็คือ ทุกครั้งที่ฉู่ชวิ๋นส่งเสียงคำราม เปลวไฟบนแผ่นยันต์ก็จะทวีความร้อนแรงมากขึ้น

หวูเค่อจินมีใบหน้าบิดเบี้ยวแทบดูไม่ได้ ดวงตาเป็นประกายดุร้ายน่าหวาดกลัว

“แกตั้งใจจะทำอะไรกันแน่? ต่อให้เทพเซียนขั้นนิรันดร์ลงมาที่นี่ก็ต้องเป็นพวกมันที่คุกเข่าต่อหน้าฉันคนนี้!” ฉู่ชวิ๋นตะโกนออกมาอย่างไม่เกรงกลัว

ฟู่!

เปลวไฟลามเลียไปทั่วแผ่นยันต์เทวะ

“หวูเค่อจิน แกมีค่าเป็นเพียงแค่ลูกหมาข้างถนน อย่าคิดเพ้อฝันว่ามีเศษกระดาษแค่แผ่นเดียวฉันก็ต้องคุกเข่าให้แกจะบอกให้นะ แผ่นยันต์ของแกมันไร้ค่า กระดาษเช็ดก้นของฉันยังทำลายทิ้งยากกว่านี้เลย น่าตลกสิ้นดี”

ฟู่!

เปลวไฟปะทุตัวขึ้นอีกครั้ง เพิ่มความร้อนแรงบนแผ่นยันต์

บัดนี้ แผ่นยันต์เทวะที่เคยได้รับการขนานนามว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และมีพลานุภาพน่ากลัวไม่เป็นรองใคร กลับถูกเปรียบเปรยไม่ต่างไปจากกระดาษเช็ดก้นแผ่นหนึ่ง

หวูเค่อจินมีแววตาโกรธแค้น ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก

“ฉู่ชวิ๋น แกดูถูกแดนสวรรค์อย่างไม่อาจให้อภัย ความผิดของแกคือความตายสถานเดียว”

หวูเค่อจินยกมือขึ้นกัดปลายนิ้ว ก่อนจะใช้เลือดเขียนตัวอักษรบนแผ่นยันต์ที่กำลังลุกเป็นไฟ

นี่คือการรวบรวมพลังจากสวรรค์ มีเป้าหมายอยู่ที่การสังหารฉู่ชวิ๋น

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 434 แผ่นยันต์เทวะ"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์