จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 80 ห้ามเมตตา ห้ามสงสาร!![รีไรท์]
บทที่ 80 ห้ามเมตตา ห้ามสงสาร!![รีไรท์]
ชายชราผอมแห้งมีอาการคล้ายหมาป่าหิวโซ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย ฮวาชิงหวู่เป็นเหมือนลูกแกะที่กำลังจะถูกกลืนกิน ไม่อาจขัดขืนเธอรู้สึกสิ้นหวัง
เธอหันไปมองดูด้านหลังประตูหิน ดวงตาเต็มไปด้วยความโหยหา เธอไม่อาจยอมรับความอัปยศแบบนี้ได้ อารมณ์เธอซับซ้อนปนเปกันไปหมด
เธอเลยเตรียมกัดลิ้นฆ่าตัวตาย รักษาความบริสุทธิ์เอาไว้
“ลาก่อน! ฉู่ชวิ๋น” เธอพูดเบา ๆ ตัวเองเท่านั้นที่จะได้ยิน แต่ดวงตาของเธอมุ่งมั่นกัดลิ้นจนเลือดออก
“ผู้อาวุโสสามถอย!” ในช่วงเวลาวิกฤติ เป่ยชงก็ตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว
คลื่นลมปราณสีขาวพุ่งตัดผ่านอากาศจนระเบิด มันรวดเร็วเกินกว่าจะมองเห็นด้วยตาเปล่าทัน มันทะลวงผ่านร่างของชายชราร่างผอมแห้งอย่างโหดเหี้ยม
ฉับ! ร่างขาดเป็นสองท่อนแล้วใบไม้สีเหลืองปลิวว่อน
ดวงตาของชายชราร่างผอมแห้งดวงตาเบิกโพลง ใบหน้ายังคงความหื่นกระหายแต่ เลือดไหลท่วมพื้นดิน เขายื่นมือไปในทิศทางของเป่ยชง แต่ก็ตายหมดเสียก่อนที่จะได้พูดอะไร ตายโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองตายยังไง!
ฮวาชิงหวู่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ไม่ใช่เพราะตกใจ แต่เพราะความเจ็บปวดที่กัดลิ้นลงไปอย่างแรง
แน่นอนว่าเธอไม่กัดลิ้นตัวเองอีกต่อไป เพราะเธอรู้ว่าวิกฤตสิ้นสุดลงแล้ว ไม่มีใครสามารถทำร้ายเธอได้อีกต่อไป เธอมองอีกฝ่ายที่เดินออกมาอย่างคับข้องใจที่ทำไมช้าขนาดนี้
ชายหนุ่มเดินออกมาจากถ้ำด้วยท่าทางเย็นชา เป่ยชงและชายชราร่างอ้วนรู้สึกประหลาดใจมากกว่าตกใจ เมื่อเห็นชายหนุ่มเต็ม ๆ ตา
พวกเขาแปลกใจที่มีคนอยู่ในถ้ำยังเด็กมาก
จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์? เมื่อคิดถึงคลื่นลมปราณที่ฆ่าชายชราผอมแห้ง แล้วชายชราสองคนก็คิดถึงคำ ๆ นี้ออกมาพร้อมกัน
แต่มันไม่น่าเป็นไปได้ จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ จะหนุ่มขนาดนี้ได้ยังไง? เขาต้องฆ่าชายชราร่างผอมแห้งด้วยวิชาหรืออะไรบางอย่าง ต้องอธิบายแบบนี้เท่านั้นพวกเขาถึงจะสงบจิตใจลงได้
“แก…” เป่ยชงจะเอ่ยออกมาแต่…ฉู่ชวิ๋นก็จ้องมองเขาอย่างนิ่งเฉย
เป่ยชงอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว จนเขาไม่กล้าพูดอะไรออกมา เป่ยชงหวาดกลัวแววตาของเด็กหนุ่ม แค่มองก็ทำให้เขาเลือดแข็งตัวราวกับตกอยู่ในนรก
ฉู่ชวิ๋นเดินไปหาฮวาชิงหวู่ แล้ววางมือบนหน้าท้องของเธออย่างนุ่มนวล กระแสลมปราณที่อ่อนนุ่มไหลเข้าไปภายในร่างกายของฮวาชิงหวู่
ฮวาชิงหวู่เป็นผู้ฝึกตนเป็นเซียน เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าฉู่ชวิ๋นควบคุมพลังลมปราณได้ดีจนน่ากลัว
ผ่านไปครู่หนึ่งใบหน้าที่ซีดขาวของฮวาชิงหวู่ก็กลับมางดงามอีกครั้ง
ฉู่ชวิ๋นเอื้อมมือไปเช็ดเลือดที่มุมปากของเธอ ฮวาชิงหวู่ตกใจจนเขินอาย ฉู่ชวิ๋นมองฮวาชิงหวู่อยู่นานก่อนที่จะจูบริมฝีปากอันนุ่มและชุ่มชื้นของเธอ
“เขาจูบฉัน!” ฮวาชิงหวู่รู้สึกดีใจจนน้ำตาไหลอาบแก้ม เธอพยายามอดทน และรอให้ฉู่ชวิ๋นยอมรับเธออย่างช้า ๆ ตอนนี้เหมือนว่าฉู่ชวิ๋นจะยอมรับเธอแล้วจริงๆ
2-3 นาทีต่อมา ฉู่ชวิ๋นก็เช็ดน้ำตาเบา ๆ บนใบหน้าของเธอ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปฮวาชิงหวู่จะเป็นผู้หญิงของฉู่ชวิ๋น ฮวาชิงหวู่ปกติกล้าเล่นหัวฉู่ชวิ๋น แต่ตอนนี้เธอได้แต่ก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย หน้าเธอแดงก่ำจนไม่รู้ตัวเลยว่าลิ้นของเธอหายดีแล้ว
ฮวาชิงหวู่รู้สึกหงุดหงิดมาก เพราะตอนที่ฉู่ชวิ๋นจูบเธอ เขายังช่วยรักษาลิ้นของเธอให้ด้วย ถึงแม้ฉู่ชวิ๋นจะอ่อนเรื่องความรู้สึกแต่ก็ยังรู้ว่าฮวาชิงหวู่กำลังโกรธเขาอยู่ การคาดเดาจิตใจของผู้หญิงยากยิ่งกว่าฝึกเป็นเซียน เขารู้สึกได้ว่าอารมณ์ของฮวาชิงหวู่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
ฉู่ชวิ๋นยืนขึ้นและจ้องมองคนสองที่อยู่ต่อหน้าเขา
เป่ยชงและชายชราร่างอ้วนมองฉู่ชวิ๋นอย่างระมัดระวัง แต่แววตาพวกเขาสั่นไหว เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังร้อนรน พวกเขาไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณของฉู่ชวิ๋น แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะประมาท เพราะยัยหนูนั้นเองก็ไม่มีเช่นกัน แต่กลับหลบการโจมตีได้อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ
“สำนักความหวังใหม่!” ฉู่ชวิ๋นพูดเหมือนพึมพำกับตนเอง ตอนดูดซับพลัง เขารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก
“ข้าน้อยเป่ยชง ผู้อาวุโสที่สองของสำนักความหวังใหม่”
“ฉันรู้แล้ว” ฉู่ชวิ๋นตัดบทและพูดอย่างเฉยเมย
เป่ยชงรู้สึกอึดอัด เขาคือผู้อาวุโสลำดับที่สองของสำนักความหวังใหม่ ไม่มีใครเคยแทรกระหว่างที่เขากำลังพูดมาก่อน
แต่คลื่นลมปราณสีขาวที่ฆ่าผู้อาวุโสสามตาย ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว ก่อนที่เขาจะรู้ชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร เขาต้องลดท่าทีของตัวเองลง
“สหาย สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ล้วนเป็นความเข้าใจผิด … “
“พวกแกต้องการสิ่งนี้สินะ?” คำพูดของเขาถูกขัดจังหวะโดยฉู่ชวิ๋นอีกครั้ง
ฉู่ชวิ๋นแบมือแล้วผลอัคคีก็เปล่งแสงสีแดงสลัวราวกับดวงอาทิตย์ ดวงตาเป่ยชงและของชายชราร่างอ้วนเปล่งประกายเจิดจ้าพร้อมกันดูเหมือนว่าจะมีผลไม้วิญญาณในถ้ำนี้จริง ๆ
ฉู่ชวิ๋นเก็บผลอัคคี แววตาของเขาเต็มไปด้วยความลึกลับ
“การที่พวกแกอยากได้ผลอัคคีนี้ ฉันไม่มีปัญหาอะไร พวกแกอยากฆ่าคนแล้วขโมยของ ฉันก็ไม่ว่าอะไรถ้าพวกแกมีปัญญาทำได้ แต่พวกแกไม่ควรคิดที่จะหยามเกียรติเธอแบบนี้!”
“สหาย มันเป็นเพียงความเข้าใจผิด พวกเรายอมขอโทษผู้หญิงคนนี้…”
“ไม่จำเป็น!” คำพูดของเขาถูกขัดจังหวะโดยฉู่ชวิ๋นเป็นครั้งที่สาม
“คำขอโทษฉันไม่ต้องการ ทิ้งชีวิตไว้ก็พอแล้ว!” สิ้นเสียงของฉู่ชวิ๋น ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“สหาย ถึงแม้ฉันจะไม่รู้เธอใช้วิธีอะไรฆ่าผู้อาวุโสสาม และไม่พูดถึงเรื่องนี้? แต่คิดจริง ๆ เหรอว่าเธอคนเดียวจะสามารถฆ่าพวกเราสองคนได้ และถึงแม้จะฆ่าได้ แต่เธอจะรับความโกรธแค้นของสำนักพวกเราไหวเหรอ!”
เป่ยชงโพล่งออกมา น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม
“การจะฆ่าพวกแกสองคนได้หรือไม่นั้นมันเป็นเรื่องของฉัน จะรับความโกรธแค้นจากสำนักความหวังใหม่ได้หรือไหมมันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกแก พวกแกพูดมากเกินไปแล้ว เอาเวลาไปคิดดีกว่าจะตายสภาพไหน!”
ทันใดนั้นใบหน้าของชายชราสองคนก็น่าเกลียดยิ่ง พวกเขาไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายรู้สึกสั่นไหวกับสำนักความหวังใหม่ได้เลย อีกฝ่ายไม่เปลี่ยนใจดูเหมือนว่าชื่อของสำนักความหวังใหม่คงจะช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้
“สามหาว” เป่ยชง พยายามคิดหลีกเลี่ยงการต่อสู้เขาคิดว่าหนุ่มตรงหน้าพูดเกินจริงไปหรือว่ามันมั่นใจจริง ๆ ว่าสามารถฆ่าพวกเขาได้แต่ชายชราร่างอ้วนอารมณ์ร้อน เหมือนดื่มเครื่องดื่มรสแสบร้อนเข้าไป ตะโกนออกมาก่อนเขาจะคิดออก
“ไอ้หนู อย่ามาพล่ามไร้สาระ มันขู่พวกเราไม่ได้หรอก รอฉันจัดการกับแกก่อนเถอะ ฉันจะข่มขืนผู้หญิงของแกต่อหน้าต่อตาแกแล้วสุดท้ายฉันจะทำให้พวกแกเป็นคู่เป็ดแมนดาริน*ที่ขมขื่น…”
(เป็ดแมนดาริน เป็นนกที่จับคู่เพียงตัวเดียวตลอดชีวิต ดังนั้นจึงเป็นสัญลักษณ์ของความรักแท้ จนปรากฏเป็นนิทานพื้นบ้านเรื่องต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก)
“ตู้ม!” เมื่อพูดจบลงชายชราร่างอ้วนก็กระทืบเท้าจนพื้นดินสั่นสะเทือน
ชายชราร่างอ้วน โครจลมปราณทั่วร่างกาย ดูท่าทางน่ากลัวมาก ฉู่ชวิ๋นมองชายชราด้วยสายตาเย็นชา เขายกมือขึ้นแล้วลมปราณสีขาวก็ปรากฏรอบมือของเขา
“เส้นไหมวิญญาณ – จับตัว” ฉู่ชวิ๋นพูดเบาๆ
ลมปราณสีขาวกลายเป็นเส้นไหม 5 เส้น เส้นไหมสีขาวทั้งห้านี้เกิดจากการรวมตัวกันของลมปราณบริสุทธิ์
เส้นไหมสีขาวแหวกว่าย เหมือนงูกลางอากาศพุ่งตรงเข้าไปหาชายชราร่างอ้วน
ความเร็วของเส้นไหมรวดเร็วมากจนชายชราไม่อาจตอบโต้ เส้นไหมสีขาวทั้ง 5 พันรอบคอ มือและเท้าของชายชรา
ชายชราถูกผูกเอาไว้กลางอากาศด้วยเส้นสีขาว 5 เส้น
เส้นสีขาว 5 เส้นเชื่อมต่อกับนิ้วทั้ง 5 ของฉู่ชวิ๋นและมัดชายชราเอาไว้ราวกับฉู่ชวิ๋นกำลังเล่นว่าว ชายชราดิ้นรนอย่างหนักเขาพยายามโคจรลมปราณภายในร่างกายและต้องการจะทำลายเส้นไหมสีขาวเหล่านี้
แต่ชายชราร่างอ้วนก็ไม่อาจทำอะไรเส้นไหมสีขาวทั้ง 5 ได้เลยแม้แต่น้อย เป่ยชง ได้แต่มองดูด้วยความหวาดกลัว
“เส้นไหมวิญญาณ – ตัด!” หลังจากสิ้นคำว่า ตัด ฉู่ชวิ๋นก็กำหมัดแน่น
ฉับ! จู่ ๆ ศีรษะ แขนและขาของชายชราก็แยกออกจากร่างเป็น 6 ส่วน แบ่งเป็น หัว แขนขวา แขนซ้าย ขาขวา ขาซ้าย และ ลำตัว
เลือดสาดกระจายจนเจิ่งนองพื้นดินไปหลายเมตร ชายชราร่างอ้วนไม่ทันได้ส่งเสียง ร่างก็ถูกแบ่งออกเป็น 6 ส่วน
กลิ่นเลือดเข้มข้นเริ่มลอยไปตามสายลม
เป่ยชง หวาดผวาจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง ทุกคนตายกันหมดและความหนาวเย็นก็เริ่มคืบคลานเข้ามาใต้ฝ่าเท้า ฮวาชิงหวู่หน้าซีดเผือดไปชั่วขณะดวงตาไม่กล้าเหลือบมองฉากอันน่าสยดสยองอีกต่อไป
เส้นไหมวิญญาณ เป็นทักษะที่ฉู่ชวิ๋นคิดขึ้นมาเอง มันจะค่อย ๆ เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นตามวรยุทธ์ของเขา หากกลับเป็นจักรพรรดิเซียนได้เมื่อไหร่ เขาสามารถสร้างเส้นไหมวิญญาณได้พร้อมกันนับหมื่น ๆ แสน ๆ เส้นซึ่งจะสามารถรัดคอผู้คนทั้งเมืองให้ตายตกกลายเป็นละอองเลือดเพียงดีดนิ้ว แบบไม่ต้องถล่มระเบิดเมือง แต่ฆ่าเฉพาะคนที่อยากฆ่า!
“ท่าน…ท่านผู้แกร่งกล้า…ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย…” เป่ยชงกัดฟันแน่น ขาของเขาอ่อนแรงจนต้องคุกเข่า
ร่างกายของเขาสั่นเทา เขาหวาดกลัวจริง ๆ เขาเป็นผู้อาวุโสของสำนักความหวังใหม่ เขามีความรู้ความสามารถเช่นกัน แต่เขาไม่เคยเห็นวิธีการฆ่าคนที่น่าสยองขวัญแบบนี้ เขารู้สึกถึงตับและน้ำดีของตนที่สั่นสะเทือน เขาไม่เคยหวาดกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อน
เขาไม่กล้ามอง เขาไม่กล้าที่จะต่อต้าน ในเวลานี้เขาลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็น นักสู้พลังชีพจรระดับ 6 และเป็นผู้อาวุโสลำดับที่สองของสำนักความหวังใหม่
หากมียาแก้ความเสียใจในโลกนี้เขาจะไปซื้อมันมากินสัก 5 ลังแทนข้าว
“แกไม่สมควรจะร้องขอความเมตตา” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างเย็นชาและไร้หัวใจ
ในขณะนี้ จิตใต้สำนึกของเขา จักรพรรดิเซียนฉู่ ตัดสินใจแล้วว่าต้องฆ่า! เป่ยชงคุกเข่าทรุดตัวลงไป ดวงตาของเขาหมองคล้ำ ทึ่มทื่อราวกับว่าเขาสูญเสียอารมณ์ความรู้สึกไปแล้ว
“ฉู่ชวิ๋น…”
ฮวาชิงหวู่ร้องไห้อย่างอ่อนแรง เธอพบว่าฉู่ชวิ๋นผิดปกติ
ฉู่ชวิ๋นหันกลับมามองเธอแล้วพูด “ห้ามเมตตา ห้ามสงสาร!”
ฮวาชิงหวู่ตกใจจนปากสั่น เธอมองฉู่ชวิ๋นอย่างน่าสงสาร เธอดูเหมือนลูกแมวที่ถูกทิ้งไว้โดยเจ้าของ พอเห็นแบบนี้แววตาของฉู่ชวิ๋นเริ่มอ่อนโยน
เขารู้ว่าน้ำเสียงของเขาแข็งกระด้างไปหน่อย แต่เขาโกรธจริง ๆ หากเขาตื่นช้ากว่านี้อาจเกิดผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงและเขาจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
“ฉันจะฆ่าแค่คนที่สมควรฆ่า!” น้ำเสียงของฉู่ชวิ๋นอ่อนโยนลงมาก
เขาจะเป็นคนตัดสินใจเองว่าใครควรฆ่าและไม่ควรถูกฆ่า
พรึบ! ในสถานการณ์ฉับพลัน เป่ยชงก็ลุกขึ้นมาจากพื้น วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดไปไม่นานก็หนีไปไกล
ฮวาชิงหวู่ปิดปากด้วยความประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าเป่ยชงจะฉลาดแกมโกง เขาทำท่ายอมรับชีวิตกับชะตากรรม แต่จริง ๆ แล้วกำลังรอโอกาสที่จะหลบหนี
ฉู่ชวิ๋นมองเป่ยชง ผู้ซึ่งกำลังวิ่งหนีด้วยความรวดเร็ว ใบหน้าของเขาบึ้งตึง ก่อนหน้านี้เขาใช้พลังจิตวิญญาณมองออกมาก็รู้ว่าเป่ยชงเป็นคนเจ้าเล่ห์
ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น
“ไม่ได้อยู่ขั้นสร้างรากฐานลมปราณนานแล้วแฮะ” ฉู่ชวิ๋นพูดเบา ๆ
ด้วยพลังของผลอัคคี ทำให้เขาสามารถทะลวงสู่ขั้นสร้างรากฐานลมปราณได้สำเร็จ ขั้นสร้างรากฐานลมปราณนับว่าเป็นก้าวแรกแห่งการฝึกตนที่แท้จริงตอนนี้เขาสามารถใช้ทักษะยุทธ์ระดับต่ำได้แล้ว
ฉู่ชวิ๋นยกนิ้วขึ้นและรวบรวมพลังลมปราณไว้ที่ปลายนิ้วของเขา พายุหมุนปรากฏรอบตัว เสื้อผ้าของเขาปลิวไปตามสายลม
“ตาย!” คลื่นลมปราณสีขาวพุ่งไปตามทิศทางที่นิ้วของฉู่ชวิ๋นชี้ไป
“ตู้ม!” เป่ยชง ผู้หลบหนีด้วยความรวดเร็วร่างระเบิดกลางอากาศกลายเป็นละอองเลือด
ฉู่ชวิ๋นลดมือลงและดวงตาของเขาเปล่งประกายราวกับเด็กได้ของเล่นใหม่ เขารู้สึกดีใจที่ทะลวงสู่ขั้นสร้างรากฐานลมปราณได้สำเร็จเร็วกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก