จักรพรรดิเซียนหวนคืน - บทที่ 86 ปีศาจ![รีไรท์]
บทที่ 86 ปีศาจ![รีไรท์]
หน้าผากของจอมยุทธ์ไร้นาม
ผู้ที่มีพลังระดับสูงนั้นกลายเป็นสีเขียวคล้ำ และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโหดร้าย เขาตัดสินใจที่จะรอจนกว่าค่ายกลจะพังลง เขาจะต้องตัดเส้นเอ็นของเฉินฮั่นหลงและต้มให้เดือดจนกลายเป็นน้ำมันตะเกียง
เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับเฉินฮั่นหลงที่สบประมาทเขาอีกต่อไป แต่มุ่งเน้นไปที่การเริ่มต้นที่จะทำลายค่ายกลให้แตก
เสียงที่เย้ยหยันของเฉินฮั่นหลงนั้นเล็กลงเรื่อย ๆ เขาค่อนข้างกลัวเล็กน้อย และการแสดงออกของจอมยุทธ์ไร้นามนั้นน่ากลัวจนทำให้เขาเสียวสันหลังวาบ
ทุกคนจ้องมองที่จอมยุทธ์ไร้นามเพื่อดูว่าเขาจะทำให้ค่ายกลแตกและบุกเข้ามาได้อย่างไร บนโลกใบนี้มีค่ายกลอยู่น้อยนิดที่สามารถพบเจอได้
เบื้องหน้าจอมยุทธ์ไร้นามมีพู่กันอยู่ 1 ด้าม เขาพึมพำอะไรสักอย่างอยู่ที่มุมปาก เขาถือพู่กันด้วยมือเดียว ในมืออีกข้างหนึ่งถือเหรียญทองแดงจำนวน 3 เหรียญ
“ไป!”
มีของเหลวปริมาณหนึ่งที่ถูกดึงออกมาจากละออง และทิ้งเป็นรูขนาดกำปั้นอยู่บนพื้น จอมยุทธ์ไร้นามก้มตัวลง เหรียญทองแดงบินออกมาและตกลงไปในหลุม
หึ่ง ๆ!
ค่ายกลส่งเสียงดังมาก มันส่งเสียงพึมพำและสั่นไหว แสงสว่างที่อยู่ตรงปากทางเข้านั้นไหลออกมาอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับบอลลูนโปร่งใส ซึ่งดูเหมือนใกล้จะระเบิดเต็มที
สีหน้าของเฉินฮั่นหลงเปลี่ยนไปทันที คนคนนี้สามารถทำลายค่ายกลฉู่ชวิ๋นได้เหรอ? เมื่อมองดูค่ายกลที่สั่นสะเทือนอยู่ตลอดเวลา หัวใจของเขาจะห้ามไม่ให้สั่นไหวได้เหรอ?
“ค่ายกลกำลังจะพัง” โม่ซิงเหอเหล่ตาของเขามองดู ถ้าค่ายกลหายไปพวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายทันที ที่พึ่งสุดท้ายกำลังจะหายไป! ความหวาดกลัวปนอยู่ในลมหายใจของโม่ซิงเหอ เขาสัญญากับฉู่ชวิ๋นแล้วว่าจะปกป้องคนเหล่านี้ ตอนนี้ถึงเวลาต่อสู้เพื่อชีวิตของตัวเองแล้ว
“พวกเขากำลังจะฆ่าพวกคุณแล้วน่ะ ถ้าคุณไม่ให้สูตรน้ำยาเทวะกับฉัน” ไอ้อ้วนจ้องไปที่เฉินฮั่นหลงด้วยความชิงชัง เพื่อเงินแม้แต่ชีวิตของคนอื่นเขาก็ลากมาฝังด้วย
เฉินฮั่นหลงโมโหและพูดว่า “ฉันบอกแล้วว่า ฉัน ไม่ มี สูตร!”
ดวงตาของไอ้อ้วนนั้นไม่ใหญ่มาก ในเวลานี้เขาหรี่ตาให้เล็กลงและถามว่า “คุณมีไม่มีสูตรจริง ๆ เหรอ?”
“ปัดโถ่ ถ้ามีก็ให้ไปตั้งนานแล้ว แกคิดว่าฉันรักเงินมากกว่าชีวิตหรือไง?” เฉินฮั่นหลงอธิบายหลายครั้งจนแทบจะบ้าไปแล้ว
ไอ้อ้วนตกตะลึง แต่เขาเชื่อเฉินฮั่นหลง
ตู้ม!
ห้องใต้ดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่แสงสว่างของค่ายกลกลับไหลออกมาเร็วขึ้น จอมยุทธ์ไร้นามดูงงงวย ตามความเป็นจริงแล้วค่ายกลนี้ควรจะแตกแล้วหรือเปล่า?
“ค่ายกลนี้อ่อนแรงแล้ว ถ้าพวกคุณสามคนโจมตีพร้อมกันมันต้องพังแน่”
จอมยุทธ์ไร้นามบอกลีโอ ไพซ์ซิสและซาจิทแทเรียส ทั้งสามพยักหน้า ในร่างกายของพวกเขามีลมปราณที่แข็งแกร่งและน่ากลัว ลีโอยกกำปั้นใหญ่ของเขาขึ้นมา ประสานลมปราณเข้ากับกำปั้น และปล่อยหมัดไปที่ค่ายกล
ไพซ์ซิสกวัดแกว่งมือไปตามแรงลม เหยียบเท้าลงบนพื้น กระเบื้องที่พื้นถูกเหยียบย่ำจนกลายเป็นใยแมงมุม มันกระโดดขึ้นมาด้วยพลังที่น่ากลัว
ซาจิทแทเรียสถอดสิ่งของที่อยู่ด้านหลัง และเปิดมันออกมา มันเป็นธนูเรียบง่ายกับลูกศรที่มีคมทั้งสามแฉก ทำจากเหล็กกลั่นชั้นดี คันธนูโบราณโค้งลงและสายคันธนูถูกดึงออกมาดูราวกับพระจันทร์เสี้ยว
“ไป!”
ลูกศรเปรียบเสมือนหนามแหลมคม รวดเร็วราวกับสายฟ้า มีเสียงระเบิดปะทุขึ้นมา ลีโอและไพซ์ซิส ไม่รอช้าเข้าโจมตีที่ค่ายกลในทีเดียว
ตู้ม!
ค่ายกลป้องกันตัวเองจากสิ่งกีดขวางที่โผล่ออกมา แสงสว่างอันเจิดจ้าระยิบระยับก็เปล่งประกายออกมาทันที
ลีโอและไพซ์ซิสถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาสูญเสียพลังในการโจมตีค่ายกลเป็นอย่างมาก และสามารถรับรู้ได้ว่าแรงสะท้อนกลับนั้นแข็งแกร่งเพียงใด
ลูกศรที่ยิงออกไปนั้นไม่สามารถทะลุค่ายกลได้ หลังจากการปะทะกับกำแพงของค่ายกลแล้ว มันจะไม่สูญเสียสมดุลของลูกศร ครึ่งหนึ่งทะลวงผ่านค่ายกลเข้าไป ช่างดูน่ากลัวมาก!
ลูกศรนี้ไม่ได้เจาะผ่านค่ายกลไปอย่างสมบูรณ์ แต่ถูกเจาะทะลุเข้ามาเพียงแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น อีกส่วนหนึ่งถูกดักได้โดยค่ายกลและติดอยู่ในสิ่งกีดขวาง ค่ายกลทำงานด้วยความเร็วสูง มันซ่อมแซมตัวเองอย่างรวดเร็วแต่ส่วนที่ลูกศรขวางอยู่นั้นมันไม่อาจซ่อมได้
เฉินฮั่นหลงและคนอื่น ๆ ต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด ในขณะนี้ค่ายกลเปรียบเสมือนแก้วที่มีรูเล็ก ๆ รอยแตกกระจัดกระจายและพร้อมที่จะแตกออกได้ทุกเมื่อ
จอมยุทธ์ไร้นามมองดูเฉินฮั่นหลงและเผยให้เห็นฟันขาวของเขาที่ยื่นออกมา เฉินฮั่นหลงรู้สึกเหมือนกำลังถูกงูพิษจับจ้องจนรู้สึกอึดอัด
จอมยุทธ์ไร้นามกระแอมหนึ่งที ในมือของเขามีลวดอยู่ แต่ละเส้นมีลักษณะเหมือนเหล็กกล้าและมีแสงสีขาว มันพุ่งไปทางค่ายกล
ตู้ม!
ลวดนั้นเหมือนแส้เหล็กพุ่งเข้าชนกลางค่ายกลอย่างหนักจนเกิดเสียงดังสนั่น มันทำให้จิตใจของทุกคนสั่นไหว เฉินฮั่นหลงรู้สึกตื่นตระหนกยิ่งขึ้น ใบหน้าของเขาขาวซีด
ทุกคนยังคงยืนหยัดด้วยศักดิ์ศรีของตน แต่ยังมีร่องรอยของความประหลาดใจบนใบหน้า แต่เดิมค่ายกลไม่ได้แตกร้าว แต่ยังคงมีรูที่ถูกลูกธนูยิงใส่อยู่ จอมยุทธ์ไร้นามยังคงล้มเหลวในการตีค่ายกลให้แตก
จอมยุทธ์ไร้นามตกตะลึงเช่นกัน ในความคิดของเขา ค่ายกลน่าถูกทำลายหลังจากแรงระเบิด แต่ว่าผลลัพธ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น เฉินฮั่นหลงยิ้มกว้าง เขารู้ว่าค่ายกลที่ฉู่ชวิ๋นเป็นคนสร้างขึ้นจะถูกตีแตกง่ายๆ ได้อย่างไร
“ไอ้เฒ่า เข้ามาตัดเอ็นถลกหนังฉันสิ!”
เฉินฮั่นหลงยืนเท้าสะเอว ใบหน้าล้อเลียนแสร้งหวาดกลัวอย่างที่เคยทำมาก่อน
“โถ่ คิดว่าแกจะเก่งจริงๆ เสียอีก ที่แท้ก็ไอ้ขี้โม้นี่หว่า โม้จนสะท้านฟ้าสะท้านดิน เสียดาย ก็แค่ฟ้าผ่าเบาๆ”
สายตาดุร้ายของจอมยุทธ์ไร้นามนั้นจ้องมาที่เฉินฮั่นหลงอย่างเย็นชา
เฉินฮั่นหลงจ้องตอบ ด้วยหัวใจที่สดชื่นพร้อมรอยยิ้ม
“มองอะไร? ถ้าแกอยากจะฆ่าฉัน ก็เข้ามาสิ อย่ามัวแต่จ้องอยู่”
มุมปากของจอมยุทธ์ไร้นามกระตุก เขาโกรธจริง ๆ แล้ว ค่ายกลไม่ได้ถูกทำลาย โม่ซิงเหอและคนอื่น ๆ โล่งใจและดูผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
หากไม่ได้รับการปกป้องจากค่ายกลก็ไม่สามารถจินตนาการถึงชะตากรรมของพวกเขาได้เลย เฉินฮั่นหลงตะโกนจากด้านล่าง เสียงนั้นทำให้เคราของจอมยุทธ์ไร้นามกระตุกเป็นพัก ๆ
โม่ซิงเหอและคนอื่น ๆ ก็เพลิดเพลินกับการดูเช่นกัน ยังไงซะตอนนี้ก็ไม่มีอันตรายใด ๆ ในขณะนี้จอมยุทธ์ไร้นามจ้องมองเฉินฮั่นหลงอย่างเย็นชาก่อนจะหันหลังเดินกลับไป
“รีบไสหัวไปเลยนะ! ไอ้ขี้โม้” ซุนหยิงกล่าว ใบหน้าไร้ความสุขของไอ้อ้วนเหี่ยวย่นเป็นขนมปัง
“พวกคุณช่างไม่รู้จักจอมยุทธ์ไร้นามเอาซะเลย”
“นายหมายความว่าไง?” เฉินฮั่นหลงหันกลับไปถาม
“เท่าที่ฉันรู้ จอมยุทธ์ไร้นามเป็นคนที่มีจิตใจคับแคบ เขาไม่มีทางจากไปง่าย ๆ ถ้าไม่ได้แก้แค้น ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ ๆ” ไอ้อ้วนพูดด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
เฉินฮั่นหลงไม่สนใจอะไรและพูดยิ้ม ๆ “นี่ไอ้อ้วน ฉันว่านายเองก็เป็นขั้นนักสู้พลังชีพจรระดับ 8 แต่ทำไมความกล้าหาญของแกถึงน้อยกว่าเจ้าหนูนักล่ะ ถึงจะมีอะไรแอบแฝง แต่ถ้าไม่สามารถทำลายค่ายกลได้ มันก็ไร้ประโยชน์”
“อีกไม่นานแกคงจะตายเพราะปากแบบนี้แหละ” ปีศาจหนูยืนขึ้นพูดด้วยเสียงเย็นชา
เฉินฮั่นหลงเงยหน้าขึ้น ตะโกนว่า “ปีศาจหนู แกไม่ต้องมาปากดี เมื่อกี้ไอ้พวกนั้นมาแกยังหนีไปหลบอยู่เลย ถ้าไม่ขี้ขลาดตาขาวจะให้เรียกว่าอะไร?”
“คนที่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างดีคือคนฉลาด” หนูพูดอย่างสงบนิ่ง
“ถุย!”
เฉินฮั่นหลงถ่มน้ำลายลงตรงหน้า
“ในที่สุดฉันก็เข้าใจ พวกแกที่ใช้ธงชาติบังหน้าช่างไร้ยางอายจริง ๆ พอเห็นอะไรที่อยากได้ก็จะเอาให้ได้ ถ้าไม่ได้ก็จะแย่ง แย่งไม่ได้ก็ใช้กำลัง อันธพาลกว่าคนที่เป็นอันธพาลอย่างฉันอีกน่ะ”
หนูกระแอมแล้วปิดตาลงเพื่อไม่ให้ตนเองเสียอารมณ์ ในเวลานี้ จอมยุทธ์ไร้นามและลีโอกลับมาแล้ว
“ไอ้เฒ่า นี่แกจะทำอะไรอีก?” เฉินฮั่นหลงเหยียบบันไดหินใกล้กับทางเข้าถ้ำ และสามารถมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น
“ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง มอบสูตรน้ำยาเทวะมา” จอมยุทธ์ไร้นามกล่าวอย่างเย็นชา
เฉินฮั่นหลงดูถูกและเย้ยหยัน “ไอ้เฒ่า แกยังมียางอายอยู่ไหม? แน่จริงก็เข้ามาเอาด้วยตัวเองสิ”
จอมยุทธ์ไร้นามมองดูที่เฉินฮั่นหลงด้วยความเห็นอกเห็นใจและพูดอย่างเย็นชา “นี่คือสิ่งที่แกเลือกเอง อย่ามาโทษฉันแล้วกัน”
พูดจบเขาก็โบกมือ “เอามา”
ซาจิทแทเรียสเดินเข้ามาอย่างช้าๆ พร้อมถุงใหญ่ในมือ เมื่อเข้ามาใกล้เขาก็โยนมันลงบนพื้น เสียงอู้อี้ดังออกมาจากกระสอบ! ทุกคนอยากรู้อยากเห็นกับมีสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในกระสอบ
จอมยุทธ์ไร้นามเดินไปดู เขายิ้มเยาะเย้ยใส่เฉินฮั่นหลง พร้อมเปิดปากถุง เมื่อกระสอบถูกเปิดออก ใบหน้าซีดเซียวและความหวาดกลัวก็ปรากฏขึ้น
“ไอ้เฒ่า! ไอ้เดรัจฉาน!”
นัยน์ตาของเฉินฮั่นหลงราวกับกำลังจะหลุดออกมา ใบหน้าของเขาโกรธจัดและคำรามอย่างบ้าคลั่ง เพราะไม่ใช่ใครอื่น คนในกระสอบก็คือไป๋จิ้ง
ตั้งแต่ไป๋จิ้งช่วยชีวิตเขาในครั้งนั้น ความรู้สึกผูกพันของพวกเขาก็ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เฉินฮั่นหลงมีใจที่อยากลงหลักปักฐานกับเธอ และเขาวางแผนที่จะสร้างบ้านให้ไป๋จิ้ง
“ไอ้เดรัจฉาน มีอะไรก็มาลงที่ฉัน ทำร้ายผู้หญิงมันเก่งตรงไหน?”
เฉินฮั่นหลงแทบบ้า เขาหยิบป้ายหยกออกมาแล้วก็วิ่งออกไป
โม่ซิงเหอคว้าป้ายหยกไว้อย่างรวดเร็วและพูดว่า “ใจเย็น ๆ ก่อน ถึงออกไปก็ช่วยเธอไม่ได้หรอก แถมตัวนายเองก็จะพลอยเจ็บไปด้วย”
“ปล่อยฉัน ฉันจะไปช่วยเธอ” ดวงตาของเฉินฮั่นหลงเป็นสีแดงก่ำและหน้าผากของเขากลายเป็นสีเขียว ซึ่งน่ากลัวมาก เมื่อไป๋จิ้งเห็นเฉินฮั่นหลง เธอก็เริ่มขัดขืน น้ำตาไหลริน เธอไม่เคยเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
“ให้ฉันไป!!” เฉินฮั่นหลงคำรามใส่โม่ซิงเหออย่างบ้าคลั่ง ป้ายหยกนี้เป็นกุญแจเดียวที่จะปลดค่ายกลได้
“เฉินฮั่นหลง นายอย่าลืมนะว่าถ้าค่ายกลถูกเปิดออก คนที่อยู่ในนี้ก็จะพลอยเดือดร้อนกันไปด้วย”
ไอ้อ้วนลดเสียงลง เขาและจอมยุทธ์ไร้นามต่างก็เป็นคนของประเทศด้วยกันทั้งนั้น แม้ว่าพวกเขาจะอยู่กันคนละกลุ่ม แต่ก็ไม่สามารถฉีกหน้ากันได้
ในขณะที่ดวงตาของเฉินฮั่นหลงแดงก่ำและเจ็บปวด ทุกคนที่นี่ก็เช่นกัน เช่นเดียวกับซุนหยิงที่ยังคงมีชีวิตอยู่แต่พี่ชายได้ตายจากไปแล้ว
“เฉินฮั่นหลง ยังไม่รีบไสหัวออกมาอีกงั้นเรอะ? ไม่อย่างงั้น…” จอมยุทธ์ไร้นามฉีกยิ้มกว้าง
“แควก!”
ไป๋จิ้งสวมชุดเดรสและเสื้อเชิ้ตสีขาว เธอถูกจอมยุทธ์ไร้นามฉีกชุดขาด เผยให้เห็นชุดชั้นในสีขาวและก้อนเนื้อสีขาวขนาดใหญ่ภายใน
“ไอ้สารเลว! ฉันจะฆ่าแก!”
เฉินฮั่นหลงคำรามอย่างดุเดือด เขาโกรธมากจนกระอักเลือดออกมา ไป๋จิ้งน้ำตาไหลลงอาบแก้ม มือและเท้าถูกผูกไว้ ปากถูกปิดด้วยเทปกาวเหนียวจนไม่สามารถดิ้นหลุดไปได้
“ถ้ายังไม่ออกมาอีก ฉันจะปล่อยให้เจ้าพวกนี้สนุกกับเรือนร่างงามๆ ของเธอ” จอมยุทธ์ไร้นามเผยรอยยิ้มชั่วร้าย มือสาก ๆ ลูบลงไปบนขาขาวนุ่มของไป๋จิ้ง มันเลื่อนมือขึ้นไปจนหยุดที่ขอบกระโปรงของเธอ หมายจะฉีกมันออกมา
ลีโอ ไพซ์ซิส และซาจิทแทเรียส ทั้งสามดวงตาร้อนผ่าวจ้องมองที่ผิวเปลือยเปล่า
“จอมยุทธ์ไร้นาม นี่มันเกินไปหรือเปล่า?”
“จอมยุทธ์ไร้นาม คำสั่งที่เราได้รับคือการมาเอาสูตรน้ำยาเทวะ นี่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”
ไอ้อ้วนและหนูมองอย่างไม่อาจทนได้อีกต่อไป
จอมยุทธ์ไร้นามเหลือบมองไปที่ทั้งคู่และยิ้มให้พวกเขา ก่อนจะเอ่ยขึ้น “บางครั้งผู้หญิงและมนุษย์ก็ต้องใช้วิธีการพิเศษ อย่าลืมว่าเราทำงานรับใช้ประเทศ และทุกสิ่งก็ต้องมีการเสียสละไม่ใช่หรือ? เรียนรู้ได้เพียงนิดหน่อย ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงเป็นได้แค่นี้”
“แต่เฉินฮั่นหลงไม่มีสูตรของน้ำยาเทวะ” ไอ้อ้วนพูด
จอมยุทธ์ไร้นามส่ายหัวอย่างดูถูกเหยียดหยาม “คิดจะหลอกฉันเรอะ? แกยังอ่อนนัก”
ไอ้อ้วนถอนหายใจ เขารู้ดีว่าไม่มีใครเชื่อ
“เฉินฮั่นหลง ออกมา!”
จอมยุทธ์ไร้นามพยายามฉีกชุดของไป๋จิ้งให้ขาด เฉินฮั่นหลงเลือดขึ้นหน้าอีกครั้ง ใบหน้าของเขายุ่งเหยิงและเจ็บปวด
หากเลือกที่จะช่วยชีวิตผู้หญิงคนนั้น ก็เท่ากับต้องสละชีวิตของซุนหยิง เจิ้งก่วงอี้และคนอื่น ๆ ในทางตรงกันข้ามถ้าไม่ออกไป ผู้หญิงคนนั้นก็จะถูกตราหน้าไปตลอดชีวิต
นี่คือตัวเลือกที่ยากที่สุด
“พี่หลงออกไปสู้กับพวกเขาเถอะ”
“ใช่ ถ้าต่อสู้อย่างสุดกำลัง ถึงจะตายไป นายท่านก็จะมาล้างแค้นเราอย่างแน่นอน” ซุนหยิงและไท้ถานร้องตะโกนออกมา