จำนนรักชายาตัวร้าย - ตอนที่ 117-1 ต้องการถูกทรมาน ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง
จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 117-1 ต้องการถูกทรมาน ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง
“เปล่า”
ซย่าโหวฉิงเทียนเว้นช่วงไปครู่หนึ่ง
“เพียงแค่สั่งสอนพวกเขาเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น”
สั่งสอน…
อวี้เฟยเยียนได้แต่ยิ้มฝืนๆ ออกมา
เดินทางไปถึงแคว้นเสวี่ย ใช้พลังบดอัดพระราชวังของพวกเขาจนราบเป็นผืนเดียวกันกับแผ่นดิน ทั้งยังตัดยอดภูเขาต่อหน้าธารกำนัล ทำเอาฮ่องเต้แห่งแคว้นเสวี่ยตกพระทัยจนขี้หดตดหาย เหล่าประชาชนต่างก็คุกเข่าลงเรียกขานเขาว่า ‘เทพสวรรค์’ นี่หรือที่เรียกว่า สั่งสอนเล็กน้อย
แต่ทว่า หลังจากที่ซย่าโหวฉิงเทียนแสดงแสนยานุภาพไป คิดว่าการคุกคามจากแคว้นเสวี่ยคงจะน้อยลงไปสักกระยะหนึ่งเลยทีเดียว
‘ไม่อ่อนน้อมถ่อมตนบ้างก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว!’
ต้าโจวแข็งแกร่งเกินไป แล้วพวกเขายังคิดที่จะเอาไข่ไก่มากระเทาะกิน รนหาที่ตายอยู่อีกหรืออย่างไร
ซย่าโหวจวินอวี่พอจะเข้าใจแล้วว่าอวี้เฟยเยียนหัวเราะแหงๆ เพราะเหตุใด
แม้ว่าท่าทางที่ซย่าโหวฉิงเทียนในขณะที่พูดแลดูจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่คิดว่าแคว้นเสวี่ยคงจะขาดทุนยับทีเดียว
สมกับที่เป็นลูกชายบังเกิดเกล้าของข้า!
ช่วยเหลือพ่อบังเกิดเกล้าถึงเพียงนี้!
ถูกใจ!
ก่อนหน้านี้ซย่าโหวจวินอวี่ยังขุ่นเคืองซย่าโหวฉิงเทียนอยู่ไม่น้อยที่เขาหายตัวไปโดยไม่บอกกล่าวอะไรสักคำ
เห็นทีว่าตอนนี้ คงจะเป็นเขาเองต่างหากที่เป็นฝ่ายใส่ร้ายซย่าโหวฉิงเทียน!
เดินทางไปกลับแคว้นเสวี่ยภายในระยะเวลาอันสั้น ลำบากพวกเขาจริงๆ เชียว!
“ทำได้ไม่เลว!”
ฮ่องเต้ตบที่บ่าของซย่าโหวฉิงเทียน
“พวกเจ้ารีบมาดูกันเร็ว ยังมีอะไรต้องตระเตรียมสำหรับงานแต่งงานอีกไหม! ชั่วชีวิตจัดได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น จะให้ข้ามาคิดแทนพวกเจ้ามิได้!”
สำหรับเรื่องงานแต่งงาน อวี้เฟยเยียนคิดว่าในเมื่อนางเข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม
ถึงแม้ว่านางจะเฝ้ารอชุดแต่งงานที่แสนโรแมนติกก็ตาม แต่ที่นี่คือต้าโจว จึงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำไม่ได้
แต่ว่า สวมชุดแต่งงานสีแดงตามขนบธรรมเนียมประเพณีแต่งงานดั้งเดิม ก็ไม่เลวเช่นกัน!
เทียบกับอวี้เฟยเยียนที่ว่านอนสอนง่ายแล้ว กลับเป็นซย่าโหวฉิงเทียนเอาใจยากกว่านางเป็นไหนๆ
เขาจะแต่งงานกับแมวน้อย แน่นอนว่าจะต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับนาง
ดังนั้นต่อหน้าเจ้ากรมพิธีการ ซย่าโหวฉิงเทียนถึงกับหาเรื่องเจ้ากรมพิธีการให้ต้องปวดหัวหลายต่อหลายครั้งโดยไม่มีเกรงใจแม้แต่น้อย เล่นเอาเจ้ากรมพิธีการลนลานปาดเหงื่อที่ศีรษะไปหลายกระบุง
“ส่วนเรื่องเงิน ข้าจะรับผิดชอบเอง!”
ซย่าโหวฉิงเทียนผายมือหนึ่งครั้ง
“ข้ามีเงินซะอย่าง! เจ้าช่วยข้าใช้เต็มที่ ไม่ต้องอดออมให้ข้านะ!”
อาศัยจังหวะที่ซย่าโหวฉิงเทียนกำลังปรึกษาหารือรายละเอียดเรื่องงานแต่งงานกับเจ้ากรมพิธีการ ซย่าโหวจวินอวี่ก็แอบเรียกอวี้เฟยเยียนไปอีกด้าน
“เฟยเยียนลูก…”
ซย่าโหวจวินอวี่ครุ่นคิดอยู่นาน มีคำพูดบางอย่างที่เขาในฐานะที่เป็นพ่อตา หากเอ่ยปากกับลูกสะใภ้ออกไป มันจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก
แต่ว่า เขาร้อนใจนี่นา!
ฮ่องเต้ทรงแทบอยากจะให้ลูกชายโถมเข้าใส่ลูกสะใภ้ ผลิตเจ้าซาลาเปาน้อยให้เร็วๆ ผลิตซาลาเปาน้อย!
แต่ซย่าโหวฉิงเทียนก็บ้าอุดมการณ์เกินไป จะต้องรอให้อวี้เฟยเยียนสำเร็จถึงขั้นจอมปราชญ์อาวุโสท่าเดียว
มีสาวงามพราวเสน่ห์เช่นนี้อยู่ข้างกาย ยังสามารถรักษาท่าทีให้สงบเสงี่ยมอยู่ได้ ฮ่องเต้จึงทรงเป็นกังวลว่าซย่าโหวฉิงเทียนมีปมอะไรใจอยู่หรือใช่หรือไม่…
หัวใจของซย่าโหวจวินอวี่ทนรับกับการกระทบกระเทือนเช่นนี้ไม่ไหวจริงๆ
ดังนั้น ฮ่องเต้จึงทรงตัดสินพระทัยมอบงานนี้ให้เป็นหน้าที่ของอวี้เฟยเยียน!
ให้นางงัดการ ‘ยั่วยวน’ ออกมาใช้
มิเช่นนั้น อาศัยลูกชายจอมทึ่มของเขาอย่างซย่าโหวฉิงเทียน ซย่าโหวจวินอวี่ถึงกับนึกสงสัยยิ่งนักว่าเมื่อถึงเวลาร่วมหอ เขาอาจจะเข้าผิดห้องด้วยซ้ำ
“ฝ่าบาท ทรงมีอะไรจะรับสั่งหรือเพคะ”
เห็นซย่าโหวจวินอวี่ทำท่าราวกับจะกล่าวอะไรออกมาแล้วก็เงียบลงไป พระพักตร์อ้วนกลมของฮ่องเต้แลดูทรมานราวกับอั้นอุจจาระก็ไม่ปาน อวี้เฟยเยียนจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“หรือว่า พระองค์ทรงประชวรตรงไหนเพคะ”
“เปล่าๆ!”
ซย่าโหวจวินอวี่รีบโบกไม้โบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ
“ข้าเพียงแค่อยากจะถามว่า พวกเจ้าตั้งใจจะมีลูกกันเมื่อไหร่!”
ประโยคนี้ ฮ่องเต้กระดากปากอยู่ไม่น้อยที่ต้องเอ่ยออกไป
‘ยังมิทันจะแต่งงาน ก็ซักถามเรื่องนี้เสียแล้ว ออกจะรีบร้อนไปหน่อยกระมัง’
‘ลูกสะใภ้จะคิดมากไหมนะ’
“ปล่อยให้เป็นตามธรรมชาติเพคะ! เมื่อมีวาสนา ลูกก็จะมาเอง!”
อวี้เฟยเยียนแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสีพระพักตร์ลำบากใจของฮ่องเต้ แล้วกล่าวตอบเรียบๆ
“ให้เป็นไปตามธรรมชาติ…”
คำตอบนี้ทำให้ซย่าโหวจวินอวี่ไม่พึงพอใจเป็นอย่างมาก!
ซย่าโหวฉิงเทียนอายุอานามก็ไม่น้อยแล้ว พวกเขายังไม่รีบเร่งผลิตลูกอีก จะใจเย็นเกินไปหน่อยกระมัง
ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับคนทั้งสองเท่านั้น!
ถึงแม้ว่าฮ่องเต้จะทรงไม่พอพระทัยกับคำตอบ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา
ข้าจะต้องเป็นพ่อสามีที่เปี่ยมด้วยเมตตา…
พ่อสามีที่เปี่ยมด้วยเมตตา…
ซย่าโหวจวินอวี่แอบพร่ำบอกตัวเองอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเวลาผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงสงบใจลงได้
“เฟยเยียน ฉิงเทียนเจ้าลูกคนนี้ออกจะดื้อดึงไปบ้าง เรื่องบางเรื่องต้องขอให้เจ้าอภัยให้มาก”
กล่าวถึงตรงนี้ ซย่าโหวจวินอวี่จึงมอบกล่องใบหนึ่งใส่มืออวี้เฟยเยียน
“เจ้ารับสิ่งนี้ไว้นะ กลับไปแล้วค่อยเปิดดู!”
“นี่คืออะไร”
ซย่าโหวฉิงเทียนเดินเข้ามาทันเห็นฉากเมื่อครู่พอดี เขาคิดที่จะเปิดดู แต่ถูกฮ่องเต้ห้ามเอาไว้เสียก่อน
“กลับไปปิดประตูลงกลอน พวกเจ้าสองคนค่อยเปิดมันดูสองต่อสอง!”
“มันคืออะไรกันแน่ เหตุใดถึงทำราวกับมีลับลมคมใน”
ยิ่งซย่าโหวจวินอวี่มีท่าทีปิดบัง ซย่าโหวฉิงเทียนก็ยิ่งรู้สึกมีลับลมคมใน
และแล้วอ๋องท่านนี้ก็ฉวยกล่องใบน้อยในมืออวี้เฟยเยียนไปเปิดออกดูทันที
“เสด็จพี่ นี่คือของขวัญแต่งงานที่ท่านมอบให้เราสองคนหรือ”
ซย่าโหวฉิงเทียนหยิบตุ๊กตาไม้แกะสลักสองตัวขึ้นมา มองซ้ายทีขวาทีจึงได้พบว่า เจ้าตุ๊กตาไม้แกะสลักสองตัวนี้ไม่เพียงแต่ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า เรือนร่างของมันยังกอดก่ายกันเอาไว้ด้วยกัน
อีกทั้งเมื่อเขย่าเจ้าตุ๊กตาผู้ชายสองสามครั้ง เจ้าตุ๊กตาผู้หญิงก็จะขยับตามทันที
สิ่งมหัศจรรย์ใหม่จริงๆ ด้วย
“ชู่…”
อวี้เฟยเยียนมองเพียงแวบเดียวก็รู้ทันทีว่ามันคืออะไร ฉับพลันใบหน้าของนางก็ร้อนผ่าว
ดูจากของที่ว่าที่พ่อสามียัดใส่มือลูกสะใภ้แล้ว นี่พระองค์เป็นห่วงลูกชายขนาดไหนกันเนี่ย…
ซย่าโหวจวินอวี่เองก็ใบแดงแดงก่ำ ชั่วชีวิตตั้งแต่เขาเกิดมาไม่เคยรู้สึกขายหน้าเท่านี้มาก่อนเลย
เพราะความร้อนใจในเรื่องการร่วมหอของคนทั้งสอง ฮ่องเต้จึงทรงสั่งทำตุ๊กตาไม้แกะสลักเป็นรูปคนสองคนชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่ขยับเขยื้อนได้ จึงสามารถเลียนแบบท่าทางในการร่วมหอ เพื่อเป็นตัวอย่างทดลองท่าทางให้กับพวกเขา
ดังนั้นถึงได้บอกอย่างไรเล่าว่าเป็นพ่อคนนี่มันช่างลำบากยิ่งนัก!
เป็นห่วงเป็นกังวลในเรื่องความสุขของลูกชายลูกสะใภ้ถึงเพียงนี้ ถึงขนาดที่ว่าเกียรติยศความเกรียงไกรในความเป็นฮ่องเต้แห่งต้าโจวถึงก็ไม่มีเหลือ!
ครุ่นคิดหาวิถีทางต่างๆ!
“รีบไสหัวไป!”
เห็นซย่าโหวฉิงเทียนตั้งหน้าตั้งตาตุ๊กตาไม้สลักน้อยสองตัวด้วยนั้นท่าทีเป็นการเป็นงาน ซย่าโหวจวินอวี่ถึงกลับโมโหโกรธา
ไอ้ลูกเวร หน้าพ่อของเจ้าไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหนอยู่แล้ว!
เจ้ากรมพิธีการที่มองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างก็ถึงกับอึ้งกิมกี่
‘ฝ่าบาท ความเกรียงไกรของพระองค์เล่าพ่ะย่ะค่ะ’
“ไปก็ไป! เสด็จพี่ เจ้านี่ไม่เลวทีเดียว ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนมือถือตุ๊กตาไม้แกะสลักยกขึ้นขณะที่หันมาโบกไม้โบกมือให้กับซย่าโหวจวินอวี่ไปด้วย ในตอนนั้นเองใครจะคาดคิดว่าตุ๊กตาผู้หญิงกลับร่วงหล่นลงบนพื้น
“มือไม้อ่อนไปหน่อย ไม่ได้จับไว้ให้มั่น!”
ซย่าโหวฉิงเทียนเก็บมันขึ้นมาแล้วนำมาถือรวมกับอีกตัว
คราวนี้พระพักตร์ของฮ่องเต้แตกยับไม่มีเหลือ
ภาพลักษณ์อันสูงส่งดีงามของพระองค์ในใจของลูกสะใภ้ย่อยยับลงอย่างหมดสิ้นด้วยน้ำมือลูกชายของพระองค์เอง!
“ไสหัวไป…”
ซย่าโหวจวินอวี่ไม่พูดเปล่ายังปาพู่กันไล่หลังซย่าโหวฉิงเทียนอีกด้วย