จำนนรักชายาตัวร้าย - ตอนที่ 121-2 ข้าวใหม่ปลามัน ตัวติดกันราวกับตังเม
จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 121-2 ข้าวใหม่ปลามัน ตัวติดกันราวกับตังเม
อีกอย่าง ชายหนุ่มที่เพิ่งแต่งงานจะหิวกระหายสักหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ลูกชายของเขาสามารถทำให้ปรมาจารย์ลงจากเตียงไม่ไหวได้ คงต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากทีเดียว แต่ว่าบางสิ่งที่พัฒนาไปในทางที่ดีจนถึงขีดสุดย่อมต้องมีพลิกผัน มีบางเรื่องที่เขาในฐานะที่เป็นพ่อต้องดูแลและระมัดระวังเสียหน่อย…
ซึ่งซย่าโหวจวินอวี่เป็นผู้ที่แยกแยกการลงโทษและการให้รางวัลอย่างยุติธรรมชัดเจนเสมอ ในเมื่อทั้งสองขยันขันแข็งที่จะร่วมกันผลิตเจ้าซาลาเปาน้อยเช่นนี้ เขาในฐานะที่เป็นพ่อจึงจะต้องแสดงออกให้ชัดเจน
ดังนั้นในตอนที่อวี้เฟยเยียนได้รับราชโองการนั้น จึงมีสีหน้าที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
เพราะนอกจากเพชรนิลจินดาเครื่องประดับ ผ้าไหมแพรพรรณทั้งหลายแหล่แล้ว ส่วนท้ายยังมียาสมุนไพรบำรุงเลือดลมและบำรุงกำลังวังชาบำรุงไตของท่านชายอีกด้วย
นี่มันเรื่องอะไรกัน? นางยังเห็นว่ามีแซ่ลายเสืออีกกว่าสิบอันอีกด้วย!
สมุนไพรบำรุงเลือดลม นางยังพอรับได้ เพราะของพวกนี้ดีต่อสุขภาพของผู้หญิง
เพราะเมื่อคืนวานนี้นางก็เสียเลือดไปมากทีเดียว!
แต่สมุนไพรบำรุงกำลังวังชาและธาตุหยางทั้งหลายของท่านชายบวกกับแซ่ลายเสือ มันออกจะแลดูน่าขบขันไปสักหน่อยกระมัง?
ซย่าโหวฉิงเทียนพละกำลังขนาดไหน นางได้พิสูจน์และเป็นที่ประจักษ์ด้วยร่างกายของตนเองแล้ว เขาแข็งแกร่งไม่มีปัญหาอะไรเลยสักนิด ทั้งยังเกินกว่ามาตรฐานไปมากอีกด้วยซ้ำ
‘หรือว่าฮ่องเต้ทรงคิดว่าเรือนไหมที่อ่อนนุ่มของนางจะทำให้ช้างสารของเขาเหน็ดเหนื่อยแทบเป็นแทบตายได้?’
‘ดังนั้น จึงต้องส่งยาสมุนไพรมาบำรุงกำลังให้กับเขา?’
เมื่อซย่าโหวฉิงเทียนสังเกตเห็นว่าสีหน้าของอวี้เฟยเยียนผิดแปลกออกไป จึงยื่นหน้าเข้ามาดู ฉับพลันสีหน้าของเขาก็ดุดันขึ้นทันที
เขายังหนุ่มแน่นกำยำพละกำลังดั่งช้างศึก นี่ฮ่อเงต้จะทรงกังไปก่อนล่วงหน้าไปไกลเกินไปแล้ว
“ของพวกนี้ข้าไม่เอา!”
ซย่าโหวฉิงเทียนไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
ความแข็งแรงของชายชาตรีถูกเคลือบแคลงสงสัย ทำให้เขาทั้งโกรธทั้งอึดอัด
ซึ่งซย่าโหวจวินอวี่ก็ทายเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะต้องพูดเป็นเช่นนี้ ดังนั้นจึงได้มีพระบัญชามาพร้อมกันด้วยว่า
“ท่านอ๋อง ฝ่าบาททรงตรัสว่าผู้ใหญ่ใหของ ผู้น้อยมิควรปฏิเสธ ขอท่านอ๋องอย่าทำให้ผู้น้อยลำบากใจเลย!”
เซี่ยงจิ้นเอ่ยไป ตาก็คอยจับสังเกตสีหน้าของทั้งสองคนไปด้วย
ซย่าโหวฉิงเทียนหน้าตาอิ่มเอมสดใส ท่าทางสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ส่วนอวี้เฟยเยียนที่อยู่เคียงข้างก็งามสะพรั่งมีน้ำมีนวลแลดูเป็นหญิงสาวมากกว่าเด็กสาว เมื่อคนทั้งสองสบสายตากัน แววตาหวานเชื่อมนัยน์ตาสื่อความหมายลึกซึ้ง แม้กระทั่งคนข้างๆยังมองเห็นได้อย่างชัดเจน
เห็นทีว่า คนทั้งสองจะเป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์แล้วเป็นแน่!
เรื่องนี้จะต้องทูลรายงานฝ่าบาทไปตามความจริง!
ในวันนี้เซี่ยงจิ้นมาพร้อมกับภาระหน้าที่จากซย่าโหวจวินอวี่ จึงต้องมั่นว่าภารกิจที่ฮ่องเต้ทรงมอบหมายให้ตนเองได้ทำสำเร็จลุล่วง!
“ข้าให้เจ้าเป็นรางวัล!”
ซย่าโหวฉิงเทียนชี้ไปที่แซ่ลายเสือและเหล่าของำบำรุงต่างๆบนราชโองการพร้อมกับเอ่ยขึ้น
“ท่านอ๋อง ไว้ชีวิตบ่าวด้วยเถอะ! ต่อให้บ่าวกินมันมากมายเท่าไรก็ไม่มีประโยชน์ พ่ะย่ะค่ะ!”
เซี่ยงจิ้นแทบจะคุกเข่าอ้อนวอนท่านอ๋องสุดแปลกแหวกแนวคนนี้เลยด้วยซ้ำ
เขาไม่มีอาวุธประจำกายแล้ว!
ต่อให้เป็นแซ่มังกรก็ไม่สามารถชดเชยสิ่งที่เขาสูญเสียไปได้หรอก!
“รับเอาไว้เถอะ!”
สุดท้ายเป็นอวี้เฟยเยียนที่เอ่ยปากช่วยเซี่ยงจิ้นให้หลุดพ้นจากสถานการณ์ยากลำบากนี้ไปได้
แต่อวี้เฟยเยียนก็รู้สึกว่าฮ่องเต้ทรงกังวลพระทัยมากเกินไป ทรงทำราวกับว่าขอเพียงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับซย่าโหวฉิงเทียน แม้เพียงน้อยนิด พระองค์ก็จะต้องทรงคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่เสมอ นับเป็นเรื่องที่แม้แต่พ่อลูกกันแท้ๆยังยากที่จะทำให้กันได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับซย่าโหวฉิงเทียนกับฮ่องเต้ที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใดๆกันเลย
“ฝ่าบาทเพียงแต่ทรงพระทัยดีเท่านั้น! พวกเราก็รับเอาไว้เถอะ! อีกอย่าง ข้าสามารถใช้มันมาปรุงเป็นยาเอาไว้ขายได้นะ!”
เมื่ออวี้เฟยเยียนเอ่ยปาก ซย่าโหวฉิงเทียนจึงจำใจต้องยอมพยักหน้ารับปาก
เซี่ยงจิ้นจ้องมองไปที่อวี้เฟยเยียนน้ำตาอาบแก้มด้วยความซาบซึ้ง ใต้เท้าอวี้ผู้เป็นนางฟ้ามาจุติโดยแท้ จิตใจถึงได้ดีงามเช่นนี้!
เพียงประโยคเดียวก็สามารถสยบอ๋องผู้เ**้ยมโหดลงได้
ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีสิ่งมาหักล้างกันจริงๆด้วย!
เมื่อเซี่ยงจิ้นกลับถึงวัง ก็รีบมาทูลรายงานเรื่องราวของซย่าโหวให้ซย่าโหวจวินอวี่ได้ฟังอย่างละเอียด ทำเอาฮ่องเต้ทรงแย้มพระสรวลพร้อมตรัสว่า ‘ดีๆ’ ไม่หยุด
ตอนนี้เขาก็สามารถตั้งหน้าตั้งตารอคอยการมาของเจ้าซาลาเปาน้อยได้อย่างสบายใจแล้ว
ในฐานะที่เป็นสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามัน ทั้งยังเพิ่งจะเข้าใจแถลงไขในเรื่องระหว่างชายหญิง ซย่าโหวฉิงเทียนจึงแสดงออกถึงพละกำลังอันน่ามหัศจรรย์ในรูปแบบต่างๆที่เขาสู้อุตส่าห์หมั่นทบทวนศึกษาจนรู้แจ้งอย่างลึกซึ้งออกมาอย่างเต็มที่ !
คืนนั้น อวี้เฟยเยียนถึงกับหมดเรี่ยวแรงจนหลับไป ก่อนหน้าที่นางจะหมดสติไปนั้น ได้กัดบ่าของซย่าโหวฉิงเทียนสบถว่า
“เลอะเลือน!”
ความยับยั้งชั่งใจของท่านเล่า? หล่นหายไปแล้วหรืออย่างไรกัน ?
ข้าเป็นหมอนะ ไม่ใช่นักกรีฑา เข้าใจไหม!
ท่าทางที่ยากถึงเพียงนั้น นางรบไม่ไหวจริงๆ!
แน่นอนว่าอวี้เฟยเยียนทำได้เพียงบ่นโดยที่ไม่มีเรี่ยวแรงใดๆจะไปต่อต้านเขาได้ ไม่มีแม้กระทั่งแรงที่จะขยับนิ้ว ทำได้เพียงหรี่ตามองดูร่างกายที่กำยำสวยงามของชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังโถมกายเข้าใส่นางครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งสายตาของนางพร่าเลือนในสมองพร่างพราวไปด้วยความสุข
“แมวน้อย แมวน้อย…”
เมื่อนางส่งเขาขึ้นถึงสวรรค์ เขาจึงครางชื่อนางออกมาเบาๆ จากนั้นก็เลื่อนขึ้นมาจุมพิตที่หน้าผากชื้นเหงื่อของนางแผ่วเบา
เห็นทีว่า จะต้องเพิ่งความแข็งแกร่งด้านร่างกายให้กับนางเสียแล้ว!
เพราะอะไรกันนะแมวน้อยก็สำเร็จถึงขั้นปรมาจารย์แล้ว แต่พละกำลังด้านร่างกายของนางถึงยังอ่อนแออยู่อย่างนี้?
หลังจากนี้ไป เขาจะต้องฝึกฝนนางให้มากเสียแล้ว
และก็ไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นใด เขาเพียงหวังว่าในขณะที่เขาสุขสมจนจวนเจียนจะขึ้นสวรรค์นั้น นางจะยังคงมีสติสมบูรณ์อยู่ ให้เขาได้สามารถมองเห็นดวงตาที่เชื่อมหวานพราวเสน่ห์คู่นั้นของนาง และให้นางขึ้นสวรรค์พร้อมกันกับเขา
หลังจากอุ้มอวี้เฟยเหยียนไปแช่ในถังอาบน้ำแล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนก็จัดแจงอาบน้ำชำระร่างกายให้กับนาง ขณะเดียวกันก็คอยนวดคลึงคลายความเมื่อยล้าให้กับนางไปด้วย
วันนี้ซย่าโหวฉิงเทียนไม่ได้ตามใจตนเองทั้งหมด
ร่างกายของแมวน้อยยังอ่อนแอยิ่งนัก หน้าที่สำคัญเร่งด่วนในตอนนี้ก็คือเพิ่มสมรรถภาพด้านร่างกายของแมวน้อยให้แข็งแกร่งขึ้น
เช้าวันรุ่งขึ้นอวี้เฟยเยียนตื่นแต่เช้าตรู่ ร่างกายของนางมิได้ปวดร้าวระบมมากมายดั่งเช่นครั้งแรก เห็นทีว่าเมื่อคืนนี้ซย่าโหวฉิงเทียนคงจะยั้งมือมากขึ้นเยอะทีเดียว
เมื่อวานไม่ได้เข้าวัง ดังนั้นวันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเข้าวังให้จงได้
แต่ทว่า อวี้เฟยเยียนยังไม่ทันก้าวเท้าลงจากเตียง ก็ถูกซย่าโหวฉิงเทียนคว้าเอวเอาไว้เสียแล้ว
“เจ้าลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่า เสด็จพี่บอกให้เราสองคนพักผ่อนอยู่ที่จวน ใกล้ถึงช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่ค่อยเข้าวังก็ยังไม่สาย!”
ยังเหลืออีกตั้งยี่สิบกว่าวันกว่าจะถึงเทศกาลปีใหม่ ฮ่องเต้จะทรงให้ท้ายนางและเขามากเกินไปแล้วกระมัง!
อวี้เฟยเยียนยังคิดที่จะยืนหยัด ทว่าซย่าโหวฉิงเทียนกลับพลิกขึ้นทาบทับร่างของนางเสียแล้ว!
“ในเมื่อกำลังของเจ้ากลับคืนมาแล้ว พี่ชักอยากกินอาหารเช้าแล้วละสิ!”
“แมวน้อย กายของเจ้าหอมหวลเหลือเกิน!”
ซย่าโหวฉิงเทียนขยับเข้าใกล้อวี้เฟยเหยียนแล้วดอมดมกลิ่นกายของนาง เป็นกลิ่นหอมของดอกไอริส!
อวี้เฟยเยียนเองก็ค้นพบความเปลี่ยนแปลงของตนเองตั้งแต่เมื่อวาน ตี้อู่เฮ่ออี้เคยบอกเอาไว้ว่า หญิงชาวเผ่าตันหลังจากมีคืนแรกแล้ว ก็จะมีกลิ่นหอมของดอกไม้เฉพาะตัวติดกาย
เมื่อคืนนางได้กลิ่นหอมนั่นแล้ว แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรก็ถูกซย่าโหวฉิงเทียนจู่โจมเข้าให้เสียก่อน
ตอนนี้ซย่าโหวฉิงเทียนมาเอ่ยขึ้น ทำให้อวี้เฟยเยียนคิดขึ้นมาได้พิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่งจนแน่ใจว่าเป็นกลิ่นหอมของดอกไอริสจริงๆ
กลิ่นหอมของดอกไม้นั้นบางเบา มีเพียงคนใกล้ชิดที่มาอิงแอบแนบชิดเท่านั้นจึงจะสามารถแยกแยะได้
“พี่ชอบ!’
ซย่าโหวฉิงเทียนตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก ลายปักดอกไอริสบนเสื้อผ้าของเขาเป็นลายดอกไม้ที่เขาชื่นชอบมากที่สุด
นึกไม่ถึงเลยว่า กลิ่นหอมของดอกไม้บนเรือนร่างของอวี้เฟยเยียนจะเป็นกลิ่นดอกไอริสเช่นกัน ถูกใจเขาที่สุด ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นการพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่า นางถูกกำหนดมาเพื่อให้เป็นของเขา!
“เจ้าเป็นของพี่!”
ซย่าโหวฉิงเทียนโน้มศีรษะลงมา บดริมฝีปากของตนเข้ากับริมฝีปากของอวี้เฟยเยียน
เช้าตรู่ ไฟสวาทเริ่มคุกกรุ่นขึ้นอีกครั้ง
อวี้เฟยเยียนใบหน้าแดงก่ำ นางกัดริมฝีปากแน่น อย่างไรก็ไม่ยอมเปล่งเสียงออกมา
กลางวันแสกๆ อะไรจะร่าร้อนปานนี้?