จำนนรักชายาตัวร้าย - ตอนที่ 123-3 ก้าวย่างสู่การเดินทางครั้งใหม่
จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 123-3 ก้าวย่างสู่การเดินทางครั้งใหม่
ซย่าโหวจวินอวี่อาลัยอาวรณ์พวกเขาไม่อยากให้ไป แน่นอนว่าพวกเขาเองก็ไม่ได้อยากที่จะไปจากฮ่องเต้ผู้ทรงพระทัยดีและเปี่ยมด้วยพระเมตตาเช่นเดียวกัน
“เสด็จพี่ บรรดาลูกชายของท่านก็ตั้งมากมาย เซี่ยนอ๋องก็ไม่เลว!”
ซย่าโหวฉิงเทียนปฏิเสธตำแหน่งฮ่องเต้ในที่สุด
‘ให้พวกเขาดีอย่างไร พวกเขาก็ไม่ใช่เจ้า!’
ซย่าโหวจวินอวี่ทอดถอนใจออกมา
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ที่นี่ก็ยังเป็นบ้านของพวกเจ้าเสมอ! จำไว้ว่าให้หมั่นกลับมาเยี่ยมบ้าน! ถึงแม้จะส่งจดหมายกลับมาเพียงฉบับเดียวก็ยังดี!”
“ได้!” ซย่าโหวฉิงเทียนรับปาก
“ฝ่าบาท งานเฉลิมฉลองขึ้นปีใหม่จะเริ่มแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” เซี่ยงจิ้นที่อยู่ด้านข้างกระซิบเตือน
“ข้ารู้แล้ว!”
เมื่อซย่าโหวจวินอวี่ปรากฏตัวที่ท้องพระโลง โดยที่มีซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนติดตามหลัง หัวใจของคนทั้งห้องฉับพลันก็ ‘ตึกตัก’ ด้วยความสนใจและเริ่มที่จะคาเดาพระทัยของฝ่าบาทในทันที ตอนนี้พระโอรสที่บรรลุนิติภาวะแล้วมีเพียง เซี่ยนอ๋องซย่าโหวติ่ง ฮั่นอ๋องซย่าโหวฉุนและหนิงอ๋องซย่าโหวฉีเท่านั้น
หลังจากที่องค์รัชทายาทถูกปลด คณะขุนนางได้เข้าเฝ้าเพื่อเรียกร้องให้มีการแต่งตั้งรัชทายาทองค์ใหม่
ซึ่งฮ่องเต้ก็ทรงตอบรับอย่างรวดเร็วด้วยการแต่งตั้งพระโอรสทั้งสามให้เป็นอ๋อง แล้วส่งไปประจำยังเขตแดนต่างๆ
การกระทำของพระองค์ทำให้เหล่าขุนนางคาดเดาไม่ถูก
บวกกับที่ในช่วงเวลาหลายปีมานี้ฝ่าบาททรงยกยอให้ท้ายหลินเจียงอ๋องซย่าโหวฉิงเทียนเสียเหลือเกิน ทั้งยังโปรดปรานเขามากกว่าใคร ทำให้มีคนบางกลุ่มอดคิดไม่ได้ว่า หรือว่าฝ่าบาททรงอยากที่จะมอบราชบัลลังก์ให้กลับหลินเจียงอ๋อง!
ว่ากันตามธรรมเนียม เหตุการณ์ลักษณะนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อฮ่องเต้ไม่มีพระโอรสหรือพระนัดดาสืบสันติวงศ์นี่นา
แต่ตอนนี้ฝ่าบาทก็ทรงมีพระโอรสอยู่แล้ว!
แต่หาก ฝ่าบาททรงดื้อดึงจะทำเช่นนี้ ใครเล่าจะขัดขวางได้?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนแข็งแกร่งเพียงไหนเลย แล้วใครเล่าจะกล้าเอ่ยคำว่า ‘ไม่’ ออกมา?
สีหน้าของผู้คนแสดงอาการสับสนอลหม่าน โดยเฉพาะพระชายาแห่งฮั่นอ๋องซย่าโหวฉุนถึงกับกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น สีหน้าไม่สู้ดี
ซึ่งเหตุการณ์ทุกอย่างล้วนอยู่ในสายตาของซย่าโหวจวินอวี่ทั้งสิ้น
รอจนกระทั่งซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนนั่งลงยังที่นั่ง ซย่าโหวจวินอวี่กล่าวเปิดงาน งานเลี้ยงปีใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นทันที
ในคืนนั้น ซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนอยู่เฝ้าข้ามคืนกับฮ่องเต้ และสามสี่วันให้หลังคนทั้งสองก็พำนักอยู่ในวังหลวงโดยตลอด นอกเสียจากไปสวัสดีปีใหม่ที่จวนพระยาภักดีเท่านั้น
การฮ่องเต้ทรงให้ท่านอ๋องผู้เป็นพระอนุชาและพระชายาพำนักอยู่ในวังหลวง นับเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
และเมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปก็ทำให้เกิดดการถกเถียงชนิดร้อนระอุขึ้นตามมาทันที
ทุกคนล้วนแต่คาดเดาว่าตำแหน่งรัชทายาทจะต้อตกเป็นของซย่าโหวฉิงเทียนอย่างแน่นอน
เมื่อได้รับรู้ข่าวนี้ ฮั่นอ๋องและพระชายาก็เริ่มใจเย็นต่อไปไม่ไหวจึงค่อยเริ่มเคลื่อนไหวอะไรบางอย่าง แม้แต่หนิงอ๋องก็จิตใจไม่สงบสุข เริ่มคิดการณ์วางแผนด้วยตนเอง
เทียบกับอ๋องทั้งสองแล้ว เซี่ยนอ๋องและพระชายากลับปฏิบัติตนเป็นปกติอย่างที่เคยกระทำมาไม่เปลี่ยนแปลง
หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์ต่างๆตั้งแต่แต่งตั้งรัชทายาทองค์ก่อนและปลดรัชทายาทองค์ก่อนลง ซย่าโหวติ่งก็คิดตกได้ว่าตำแหน่งรัชทายาทได้ครองอำนาจอยู่เหนือคนอื่นก็จริง มองภายนอกอาจดูว่าน่ายินดีมีความสุข ทว่าเมื่อได้มันมาแล้วก็ไม่แน่ว่าจะครอบครองได้อย่างสงบสุข
ซึ่งพระชายาของเขาก็สนับสนุนความคิดของผู้เป็นสามียิ่งนัก
บัดนี้พวกเขามีลูกชายหญิงครบสมบูรณ์ และพำนักอยู่ที่เขตปกครองแห่งนี้ก็สุขสบายดี
ไม่ข้องแวะกับการวางแผนแก่งแย่งชิงดีกันต่างๆนานาเฉกเช่นเมื่อก่อน ความรักใคร่ฉันท์สามีภรรยาก็เพิ่มมากขึ้น ราวกับได้ย้อนกลับไปช่วงเวลาที่ความรักกำลังสุกงอมหอมหวานนั้นอีกครั้ง
พระชายาแห่งเซี่ยนอ๋องไม่เคยคาดหวังเลยว่าคนในครอบครัวจะต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงอันตรายเพื่อเข้าร่วมการแย่งชิงตำแหน่งพวกนั้น จนวันๆต้องอยู่อย่างอกสั่นขวัญแขวน แม้กระทั่งนอนหลังยังไม่สามารถหลับตาได้สนิท
นางเพียงแต่หวังว่าจะได้อยู่เคียงข้างผู้เป็นสามี เคียงข้างลูกๆ ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขตลอดชีวิต
สถานการณ์ที่ด้านนอกเป็นเช่นไร ฉู่ยินได้รายงานให้กับซย่าโหวจวินอวี่ได้ฟังตามความจริง
“ข้ารู้แล้ว!”
รอจนกระทั่งยินกลับออกไป ซย่าโหวจิวอนวี่ก็ยิ้มให้กับซย่าโหวฉิงเทียนเอ่ยว่า
“เจ้าสายตาแหลมคมจริงๆ เซี่ยนอ๋องไม่เลวทีเดียว!”
เดือนอ้ายวันที่สิบห้า ตรงกับเทศกาลโคมไฟ ซย่าโหวจวินอวี่มีราชโองการแต่งตั้งเซี่ยนอ๋องเป็นรัชทายาท พระชายาแห่งเซี่ยนอ๋องเป็นพระชายาแห่งองค์รัชทายาท
เมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ทำเอาชีวิตสามีภรรยาที่แสนสงบสุขของเซี่ยนอ๋องและพระชายากลับตาลปัตร
พวกเขารึอุตส่าห์ไม่สนใจไม่แก่งแย่ง แต่โชคดีก็ยังมาหาพวกเขาถึงที่
ซย่าโหวฉิงเทียนเองก็มาแสดงความยินดีถึงที่จวนเซี่ยนอ๋อง ทั้งยังแจ้งข่าวว่าตนเองจะไปจากต้าโจว เดินทางไปที่อู๋โยว ต่อไปฮ่องเต้และต้าโจวก็มอบให้เป็นหน้าที่ของเซี่ยนอ๋องแล้ว
คราวนี้ ในที่สุดซย่าโหวติ่งก็เข้าใจได้เสียที
ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง!
ซย่าโหวฉิงเทียนไม่เคยมีใจคิดที่จะแย่งชิงตำแหน่งฮ่องเต้เลยสักนิด
ทุกคนเข้าใจผิดไปกันหมด!
“ท่านลุงสิบสี่ ขอท่านได้โปรดวางใจ ข้าจะกตัญญูต่อเสด็จพ่อให้มาก!” ซย่าโหวติ่งให้คำมั่นสัญญา
ถึงแม้จะมีคำสัญญาจากซย่าโหวติ่ง แต่อวี้เฟยเยียนก็ยังไม่ประมาท
กองกำลังสกุลอวี้ในตอนนี้ล้วนสำเร็จถึงขั้นอ๋องทั้งสิ้น พละกำลังความสามารถถึงขนาดกวาดล้างเขตปกครองสักเขตได้เลยทีเดียว
และการที่อวี้เฟยเยียนสั่งการให้กองกำลังสกุลอวี้ทั้งหมดอยู่ที่นี่ ด้านหนึ่งก็เพื่อคุ้มครองสกุลอวี้ อีกด้านหนึ่งก็เพื่อคุ้มครองฮ่องเต้ คุ้มครองต้าโจว
ถึงแม้ซย่าโหวฉิงเทียนจะไม่ใช่พระโอรสที่แท้จริงของฮ่องเต้ แต่ซย่าโหวจวินอวี่ก็เป็นพ่อที่ดีคนหนึ่ง
ซย่าโหวฉิงเทียนรักซย่าโหวจวินอวี่อย่างไร ซย่าโหวจวินอวี่ก็ให้ความรักตอบกลับเขาเป็นสองเท่า กระทั่งให้เขามากกว่านั้นด้วยซ้ำ ซึ่งจุดนี้ อวี้เฟยเยียนรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งซย่าโหวจวินอวี่เป็นอย่างมาก
เกิดเป็นคนมิควรหลงลืมบุญคุณ!
มีกองกำลังสกุลอวี้อยู่ นางและซย่าโหวฉิงเทียนก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของฮ่องเต้อีกต่อไป
วันที่สองเดือนสองตรงกับวันมังกรเชิดหัว ซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนจึงออกเดินทาง โดยมีตี้อู่เฮ่ออี้และเชียนเย่เสวี่ยร่วมทางไปด้วย
บุคคลที่มาส่งพวกเขามีมากมาย ไม่เพียงแต่ฮ่องเต้และสกุลอวี้เท่านั้น ยังมีหมอเทวดาฮั่ว เซวียเฉียง เซวียจื่ออี๋และเหล่าหมอแห่งหอคืนชีพ ล้วนแต่มากันครบ
“รักษาตัวด้วย! รักเมียเจ้าให้มาก! เมื่อเผชิญกับอันตราย เจ้าจะต้องปกป้องนาง! อย่าให้ผู้หญิงเป็นแนวหน้าละ!”
ซย่าโหวจวินอวี่มิวายกำชับ
“ข้ารู้”
ซย่าโหวฉิงเทียนกางแขทั้งสองข้างออก โอบกอดซย่าโหวจวิวอวี่เอาไว้แน่น
“เสด็จพ่อ ท่านเองก็รักษาพระวรกายให้ดี! อายุยืนยาวร้อยๆปีนะ!”
“ได้! ข้าจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ข้ายังต้องอยู่รออุ้มหลาน! กลับมาคราวหน้าพวกเจ้าจะกลับมามือเปล่าไม่ได้นะ จะต้องพาเจ้าซาลาเปาน้อยกลับมาด้วย!”
ซย่าโหวจวินอวี่รู้ดีว่า จากกันคราวนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้พบกันอีก
เมืองอู่โยวไม่เหมือนที่นี่ ผู้คนที่นั่นรักการต่อสู้ ยกย่องผู้มีวรยุทธ์สูงส่งและอันตราย
ซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนคิดจะคงอยู่ที่นั่นอย่างให้ได้ จึงจะต้องพบกับความยากลำบากอีกมาก และคงจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเป็นนาน!
“ข้าจะพยายาม!”
ซย่าโหวฉิงเทียนคลายอ้อมกอดพร้อมกับรอยยิ้ม
ทางด้านอวี้เฟยเยียนก็กำลังบอกลาอวี้จิงเหลย อวี้เชียนเสวี่ย และมู่เหนียนซีเช่นกัน
ซึ่งตอนนี้หน้าท้องของมู่เหนียนขยายออกมากกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด
“หากมิใช่มีเจ้าตัวน้อยนี่อยู่ในท้องละก็ ข้าคงจะไปบุกป่าฝ่าดงที่เมืองอู่โยวกับพวกเจ้าแล้ว!” มู่เหนียนซีมองอวี้เฟยเยียนด้วยความอิจฉา
“ท่านป้าสาม เมื่อถึงเวลาที่ท่านให้กำเนิดหลานชายข้าคงไม่ได้อยู่ด้วย แต่มีท่านหมอเทวดาฮั่วอยู่ ท่านไม่ต้องกลัวนะ!”
“ข้าไม่กลัวหรอก! ข้าเพียงแต่เสียดายเท่านั้นเอง!”
ถึงแม้ปากจะกล่าวเช่นนี้ แต่มู่เหนียนซีก็รู้ดีว่าต่อให้นางมิได้ตั้งครรภ์ นางและอวี้เชียนเสวี่ยก็จะยังต้องอยู่เป็นเพื่อนอวี้จิงเหลยที่จวนสกุลอวี้อยู่ดี
พี่ใหญ่กับซ้อใหญ่จากโลกนี้ไปแล้ว พี่รองกับซ้อรองก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย นางและสามีในฐานะที่เป็นลูกชายและลูกสะใภ้ที่เหลืออยู่ แน่นอนว่าย่อมต้องอยู่เป็นเพื่อนคนแก่เพื่อแสดงความกตัญญูอยู่แล้ว
“ดูแลตัวเองให้ดีนะ!”
อวี้จิงเหลยมองดูหลานสาวเต็มตาอีกครั้ง
“หากได้เจอพ่อและของเจ้า บอกให้พวกเขากลับมา บอกพวกเขาด้วยว่าข้าคิดถึงพวกเขามาก!”
“ท่านปู่ วางใจเถอะค่ะ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนเอ่ยลาทุกคนแล้วก้าวขึ้นรถม้าพร้อมกับตี้อู่เฮ่ออี้และเชียนเย่เสวี่ย
ในตอนนั้นเอง รถม้าคันหนึ่งก็วิ่งตรงเข้ามา รอจนกระทั่งฝีเท้าม้าหยุดลง เหลียนจิ่นนั่นเองที่เลิกผ้าม่านออก
“ขอโทษด้วยข้ามาสายไปหน่อย! ได้ยินว่าเมืองอู่โยวเป็นที่ๆไม่เลว ข้าจึงตั้งใจที่จะไปเดินทางไปเที่ยวด้วยสักหน่อย!”
คณะของซย่าโหวฉิงเทียนก็มีเหลียนจิ่นและโม่ซางเพิ่มเข้ามา คนทั้งหมดหกคนเดินทางไปจากแผ่นดินหลัวอวี่อย่างองอาจผ่าเผย ด้วยประการละฉะนี้
“ต้องกลับมาอย่างปลอดภัยนะ!”
ซย่าโหวจวินอวี่ตะโกนไล่หลังขณะที่มองตามหลังของพวกเขาไป