จำนนรักชายาตัวร้าย - ตอนที่ 128-3 สกุลหนานกง พวกเรามาแล้ว!!
จำนนรักชายาตัวร้าย – ตอนที่ 128-3 สกุลหนานกง พวกเรามาแล้ว!!
“เช่นนั้นข้าจะตอบตกลงเขาไป”
เพราะว่าอวี้เฟยเยียนได้เริ่มปรุงยาขึ้นแล้ว ดังนั้นจึงเป็นเสิ่นถูเลี่ยที่ออกไปตอบรับหนานกงอ๋าวพร้อมกับกล่าวว่าพรุ่งนี้จะไปเยี่ยมเยือนถึงหน้าประตูจวนด้วยตนเอง
นั่นเองถึงได้ทำให้หนานกงอ๋าวกลับไปด้วยความเปรมปรีดิ์ เมื่อกลับถึงจวนเขาจึงเรียกหนานกงเช่อเข้ามา จุดประสงค์ก็เพื่อให้หนานกงอ๋าวใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักสนิทสนมกับกับเสิ่นถูเลี่ยเอาไว้ให้ได้
“ลูกทราบแล้ว” สีหน้าของหนานกงเช่อไม่น่าดูสักเท่าไหร่นัก
เขาไม่ได้ให้ความสนใจเสิ่นถูเลี่ยเท่าไหร่นัก ในตอนนี้เรื่องที่เขาสนใจมากที่สุดมีอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกก็คือเหตุใดเจ้าปีศาจน้อยถึงไม่กลับมา เรื่องที่สองก็คือในงามชุมนุมตระกูลทั้งแปดที่หุบเขาจื่อจิงตันซ้ายจะมาปรากฏตัวหรือไม่
เพราะเขาได้แอบสืบมาแล้วอย่างลับๆว่า ตันซ้ายมีวิชาแพทย์ที่สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นขึ้นมาได้จริงๆ
เขาจึงต้องการตามหาตัวชาวตันซ้ายเพื่อมาชุบชีวิตให้กับหนานกงจื่อหลิงอีกครั้ง!
“หลิงเอ๋อ์ ต่อไปพี่จะไม่โกรธเจ้าอีกแล้ว”
หนานกงเช่อมองดูร่างของหนานกงจื่อหลิงที่นอนนิ่งโดยไม่มีท่าทีโกรธเคืองเลยแม้แต่น้อยนั้น ก็ทำให้หนานกงเช่อเสียใจยิ่งนัก
‘หากว่าเขาเข้าไปเร็วกว่านี้อีกสักก้าว น้องสาวก็คงไม่ต้องตาย
‘เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเจ้าปีศาจน้อยเป็นต้นเหตุ!
รอให้เขาสังหารเจ้าปีศาจน้อยได้สำเร็จเสียก่อน เขาจะเดินทางไปหาเผ่าตันซ้ายด้วยตัวเอง
ขณะเดียวกัน ในเวลานั้น อวี้เฟยเยียนกำลังปรุงยาอย่างขมักเขม้น
การปรุงยาคราวนี้แตกต่างจากที่ผ่านมา เพรานางได้ใส่เจ้าไฟบรรลัยกัลป์เข้าไปด้วย นี่เป็นความร่วมมือครั้งแรกของเจ้าไฟบรรลัยกัลป์และอวี้เฟยเยียน
“เจ้านาย จวินจวินจะเริ่มแล้วนะ!”
เจ้าโลลิต้าน้อยในชุดสีเขียวทำปากตุ่ยๆ เป่าพรวดเข้าไปที่ติ่งหกขาที่มีลูกไฟสีน้ำเงินกำลังลุกโชนอยู่อย่างแข็งขัน
“ฟู่——”
ไม่นาน ติ่งหกแฉกนั้นก็แตกร้าวจนแยกออกจากกัน ทำให้ยาที่อยู่ด้านในหกกระเด็นออกมาที่พื้น เจ้าโลลิตาน้อยขมวดคิ้วข้องใจ นิ้วมือน้อยๆจิ้มที่ข้างริมฝีปากท่าทางกำลังครุ่นคิด ดวงตาทั้งสองข้างแสดงอาการไม่พอใจเล็กน้อย
“เจ้านาย ไม่ใช่ความผิดของจวินจวินนะ เจ้าติ่งนี่ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ!”
เจ้าไฟบรรลัยกัลป์คือเทพอัคคี ดังนั้นความร้อนของมันติ่งธรรมดาไหนเลยจะสามารถทนรับได้
ซึ่งจุดนี้อวี้เฟยเยียนก็เคยคิดถึง เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าพลังของเจ้าไฟบรรลัยกัลป์จะรุนแรงถึงปานนี้
เมื่อมีเทพอัคคีแล้วแต่กลับไม่มีติ่งมีสามารถรองรับได้ นั่นทำให้อวี้เฟยเยียนต้องคิดหนักขึ้นมาอีกครั้ง เห็นทีว่าคราวนี้นางจะยังไม่ควรใช้เจ้าไฟบรรลัยกัลป์ปรุงยา รอให้หาติ่งที่เหมาะสมหรือไม่ก็ตามหาวัสดุที่เหมาะสมแล้วหลอมติ่งขึ้นมาเองได้สำเร็จก่อน ถึงตอนนั้นจะได้สามารถใช้เจ้าไฟบรรลัยกัลป์นี้ได้อย่างอย่างเต็มที่
“ลำบากเจ้าแล้ว จวินจวิน!” อวี้เฟยเยียนจุมพิตที่หน้าผากของเจ้าโลลิต้าน้อยแผ่วเบา ทันใดนั้นก็เกิดควันที่เขียวฟุ้งกระจายออกมาจากแก้มทั้งสองข้างของเจ้าโลลิต้าน้อย
“ไม่ลำบากสักนิดเลยเจ้านาย!”
เจ้าโลลิต้าน้อยมองหน้าอวี้เฟยเยียนด้วยความดีใจ
“รอให้จวินจวินหลอมศาสตราวุธให้กับเจ้านายได้เสียสำเร็จก่อน ถึงตอนนั้นเจ้านายอยากที่จะปรุงอะไรก็ย่อมได้!”
ศาสตราวุธ…
เพียงแค่ได้ฟังก็รู้สึกถึงความพิเศษแล้ว
เมื่อเอ่ยถึงศาตราวุธ เจ้าโลลิต้าน้อยก็ระริกระรี้ขึ้นมาในทันที
“ศาสตราวุธเล่มเล็กๆจะไปสนุกอะไรเล่า! เจ้านาย ท่านยังจำได้หรือไม่? พวกเราเคยร่วมมือกันหลอมศาสตราวุธที่ยอดเยี่ยมที่สุดขึ้นมา! เจ้านาย ท่านในตอนนั้นเก่งกาจยิ่งนัก! และงดงามสุดๆไปเลยด้วย!”
เมื่อกล่าวถึงช่วงสำคัญ เจ้าโลลิต้าน้อยก็ถึงกับ ‘ฟู่’ กลายร่างเป็นลูกไฟเต้นรำไปรอบกายของอวี้เฟยเยียนเลยทีเดียว
“จวินจวินนับถือเจ้านายที่สุดเลย!”
สิ่งที่เจ้าโลลิต้าน้อยพูดมา อวี้เฟยเยียนพอจะเข้าใจได้ แต่ ‘เจ้านาย’ ที่มันเอ่ยออกมาว่าร่วมกันหลอมศาสตราวุธที่ยอดเยี่ยมกับมันนั้น คงจะไม่ใช่นางกระมัง!
ด้วยเพราะเจ้าโลลิตาน้อยอาศัยอยู่ในร่างกายและจิตวิญญาณของอวี้เฟยเยียน ดังนั้นสิ่งที่นางคิดเจ้าโลลิต้าน้อยจึงสามารถรู้ได้ทันที
“เจ้านาย ท่านจำไม่ได้แล้วหรือ?” เจ้าไฟบรรลัยกัลป์กลายร่างเป็นโลลิต้าน้อยอีกครั้ง แล้วจ้องมองอวี้เฟยเยียนด้วยสายตาเป็นกังวล
“จริงๆแล้วข้าน้อยก็เพิ่งจะมาเริ่มคิดออกเอาในช่วงก่อนหน้านี้เท่านั้นเอง แต่ว่า ท่านคือเจ้านายของข้า ไม่ผิดแน่! เจ้านาย ท่านจำอะไรไม่ได้เลยจริงหรือ? เช่นนั้นท่านยังจำจวินจวินได้หรือไม่?”
ประโยคสุดท้ายที่เอ่ยทำเอาเจ้าโลลิต้าน้อยแทบจะร้องไห้ออกมาทีเดียว
“เจ้านาย ท่านจะไม่ต้องการจวินจวินไม่ได้นะ! จวินจวินรอท่านมาตั้งหลายปี นานเหลือเกิน! ท่านอย่าทอดทิ้งจวินจวินนะ!”
หากว่ากันตามอายุละก็ เจ้าไฟบรรลัยกัลป์ก็เป็นเพียงเด็กน้อยที่เพิ่งจะอายุไม่กี่ขวบปีเท่านั้น
คราวนี้เห็นเด็กน้อยกำลังร่ำไห้ด้วยความเสียใจ อวี้เฟยเยียนจึงต้องรีบเร่งปลุกปลอบทันที
“จวินจวิน ที่เจ้าพูดมาข้าไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก แต่ข้าขอรับรองกับเจ้าว่า ข้าจะอยู่กับเจ้าตลอดไป!”
“จริงหรือ?”
เจ้าโลลิต้าน้อยในชุดสีเขียวเงยหน้าขึ้น ที่ปลายหางตายังเคลือบเอาไว้ด้วยหยาดน้ำตาใสๆ
“จริงสิ!”
อวี้เฟยเยียนดึงมือเจ้าโลลิต้าน้อยออกมาเกี่ยวก้อยเป็นสัญญา
“ท่านคือเจ้านายของข้า!”
เพียงแค่ได้ยินนางเอ่ยว่า ‘เกี่ยวก้อยเป็นสัญญา ร้อยปีไม่เปลี่ยนแปลง’ เข้า เจ้าโลลิต้าน้อยก็เริ่มเคลิบเคลิ้ม
“เมื่อก่อนเจ้านายก็มักจะเล่นกับจวินจวินอย่างนี้เสมอ! จวินจวินเข้าใจแล้ว เจ้านายความจำเสื่อม! แต่ขอให้เจ้านายวางใจ จวินจวินจะปกป้องเจ้านายเอง จะไม่ยอมให้ใครมารังแกเจ้านายได้เด็ดขาด!”
เจ้าโลลิต้าน้อยเอ่ยขึ้น พร้อมกับกำหมัดน้อยๆเอาไว้แน่น สีหน้าแน่วแน่
“ได้! ข้าเองก็จะปกป้องเจ้าเช่นกัน”! อวี้เฟยเยีนหอมแก้มเจ้าโลลิต้าน้อยอีกครั้ง
“ฟอด——” แก้มของเจ้าโลลิต้าน้อยยิ่งเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มมากขึ้น จนสุดท้ายร่างของมันก็กลายเป็นดวงไฟพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
“จวินจวินดีใจที่สุด!”
เจ้าไฟบรรลัยกัลป์เมื่อดีใจขึ้นมาราวกับเด็กน้อยก็ไม่ปาน บินวนไปมาบนแผ่นฟ้าเมืองเฮ่อไม่หยุด สูงบ้างต่ำบ้าง เดี๋ยวก็พุ่งขึ้นบนท้องฟ้า เดี๋ยวก็พุ่งลงมาบนดิน บินวนจนทั่วทั้งเมืองเฮ่อสุดท้ายจึงค่อยกลับเข้าสู่ร่างของอวี้เฟยเยียน
ประกอบกับในเวลานั้นเป็นตอนกลางคืน ซึ่งจู่ๆบนท้องฟ้าก็เกิดลำแสงสีเขียวผุดขึ้นมาทำให้ผู้คนมากมายต่างพากันให้ความสนใจ
รวมทั้งตี้อู่หยวนที่พำนักอยู่ในจวนสกุลหนานกง ที่เมื่อเห็นปรากฎการณ์เช่นนั้น แววตาของเขาก็สว่างวาบ
นั่นดูราวกับ…คือกลุ่มลูกไฟ?
“ไม่ถูกสิ คือเทพอัคคี!”
ตี้อู่หยวนแทบจะร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
ปรุงยา ต้องใช้ไฟ แต่สำหรับหมอแล้วไฟที่มีให้ใช้เห็นจะมีแต่ไฟจากถ่านหรือจากแท่งฟืนเท่านั้นเอง
ตามบันทึกตำราแพทย์โบราณ ไฟที่ใช้ในการปรุงยาหรือหลอมอาวุธ ต้องเป็นไฟจากเทพอัคคีที่กายของท่านหลอมรวมสิ่งวิเศษนานับประการเอาไว้ แต่แน่นอนว่าเทพอัคคีเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเรียกร้องได้
ณ เมืองอู๋โยวที่เลื่อมใสศรัทธาเพียงแค่ผู้ที่มีวรยุทธ์สูงส่งแห่งนี้ สิ่งเทพอัคคีนั่นเองที่ทำให้เผ่าตันสามารถเป็นหนึ่งในตระกูลทั้งแปดได้ เพราะในอดีตบรรพบุรุษของเผ่าตัน ตี้อู่เฉินอี้ได้ครอบครองเทพอัคคีโดยบังเอิญ
สำหรับรูปร่างหน้าตาของเทพอัคคีว่าเป็นอย่างไร ตี้อู่เฉินอี้ได้ใช้ประโยชน์จากเทพอัคคีนำพาเผ่าตันให้รุ่งเรืองได้ด้วยวิธีไหนและหลังจากที่ตี้อู่เฉินอี้จากโลกนี้ไปแล้ว เทพอัคคีไปอยู่เสียที่ไหนกัน มีเพียงหัวหน้าเผ่าแต่ละรุ่นเท่านั้นที่รู้
แต่สิ่งหนึ่งที่สามารถแน่ใจได้นั่นก็คือ ความรุ่งเรืองของเผ่าตัน มาจากเทพอัคคีนั่นเอง!
ขอเพียงมีไฟจากเทพอัคคี อย่าว่าแต่ยาวิเศษระดับทองแดง ยาวิเศษระดับเงินขาว ยาวิเศษระดับทองคำหรือแม้กระทั่งเป็นยาวิเศษระดับราชา ก็สามารถปรุงออกมาได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงศาสตราวุธ
ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีศาสตราวุธโบราณเล่มไหนบ้าง ที่ไม่ได้หลอมมาจากไฟแห่งเทพอัคคี
ในความคิดของตี้อู่หยวนแล้ว ตี้อู่เฉินอี้ได้ครอบครองเทพอัคคี นับเป็นสิ่งล้ำค่าอย่างที่สุด แต่น่าเสียดายที่ในตอนนั้นกลับมิได้ใช้ประโยชน์จากเทพอัคคีให้ทรงประสิทธิภาพสูงสุด
หากว่าตี้อู่หยวนได้ครอบครองเทพอัคคีละก็
หึๆ…
ตี้อู่หยวนยิ้มร้าย
หากมีเทพอัคคีอยู่ในมือละก็ ตระกูลทั้งแปดก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดำรงอยู่อีกต่อไป
เมืองอู๋โยวจะมีเพียงเขา ตี้อู่หยวนเพียงผู้เดียว!
ส่วนตระกูลอื่นๆจะต้องกำจัดทิ้งให้สิ้นซาก เขาจะเป็นนายเหนือหัวหนึ่งเดียวแห่งเมืองอู๋โยว!